The benefits of daydreaming - Elizabeth Cox

Translator: Teep Vanachayangkul Reviewer: Jimmy Tangjaitrong

On a daily basis, you spend between a third and half

ในวันหนึ่งวัน คุณใช้เวลาหนึ่งในสาม ถึงครึ่งวัน

your waking hours daydreaming.

ของเวลาตื่นนอน ไปกับการฝันกลางวัน

That may sound like a huge waste of time,

นั่นอาจฟังเหมือน การใช้เวลาที่เปล่าประโยชน์

but scientists think it must have some purpose,

แต่นักวิทยาศาสตร์กลับคิดว่า

มันต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง

or humans wouldn’t have evolved to do so much of it.

ไม่งั้นมนุษย์คงไม่มีวิวัฒนาการ ที่จะฝันกลางวันมากขนาดนี้

So to figure out what's going on here,

ดังนั้น เพื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้

let’s take a closer look at the mind-wanderer in chief:

มาดูเหล่านักฝันกลางวันชั้นยอดกัน

the bored teenager.

หรือพวกวัยรุ่นขี้เบื่อนั่นเอง

Wouldn’t it be cool to discover something, anything.

คงจะเจ๋งมาก ๆ หากได้ค้นพบบางอย่าง อะไรก็ได้

Like even this plant.

แม้กระทั่งกับเจ้าต้นไม้นี้

Just to be one of those explorers who sails around drawing stuff

จะได้เป็นหนึ่งในนักสำรวจ เดินทางไปทั่ว วาดรูปนู่นนี่

for years on end and everyone thinks they’re a genius.

ทั้งปีทั้งชาติ แล้วทุกคนก็คิดว่า พวกเขาเป็นอัจฉริยะ

But does anyone even do that anymore?

แต่ยังมีใครทำอย่างนั้นอยู่มั้ยเนี่ย

Is there anything left to discover?

มีอะไรเหลือให้ค้นพบอีกไหมนะ

And would I be tough enough to deal with the dysentery or scurvy

และฉันจะแกร่งพอในการรับมือ กับโรคบิด หรือเลือดออกตามไรฟัน

or piranhas or whatever?

หรือปลาปิรันย่า หรือใด ๆ ไหมนะ

I barely have the endurance to make it through track practice...

ฉันแทบไม่มีเรี่ยวแรง ในการซ้อมวิ่ง...

but I will.

แต่ฉันจะซ้อม

Any day now, I’ll have the discipline to show up before sunrise

วันใดวันหนึ่งจากนี้ ฉันจะมีวินัย ตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น

and practice.

และก็จะซ้อม ๆ ๆ

I’ll win all my races.

ฉันจะชนะทุกการแข่งขันให้ได้

Winning will become so easy, I’ll pick up other events just for fun.

การชนะจะเป็นเรื่องหมู ๆ ฉันจะลงแข่งเพื่อความสนุก

And once I'm in the Olympics,

และเมื่อฉันได้ไปโอลิมปิก

they’ll have no choice but to crown me team captain,

เขาจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมอบให้ฉันเป็นกัปตันทีม

which I will graciously accept.

ซึ่งฉันจะรับตำแหน่งด้วยความยินดี

And will I be nasty to the teammate who yelled at me?

แล้วฉันจะทำตัวไม่ดี กับเพื่อนร่วมทีมที่ตะโกนใส่ฉันไหม

No.

ไม่

I’ll just calmly say, “hope you’re in a better mood.”

ฉันจะตอบไปอย่างนิ่ง ๆ ว่า “ขอให้เธออารมณ์ดีขึ้นนะ”

Okay. Yours and other people's daydreams might sound or feel something like that.

โอเค ฝันกลางวันของคุณ และของคนอื่น ๆ มักจะเป็นประมาณนั้นแหละ

Let's see what was going on.

มาดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

To see what parts of the brain are active

การที่จะดูว่าสมองส่วนไหนที่ทำงาน

when you’re doing a task, or thinking, or daydreaming,

ไม่ว่าจะเป็นตอนทำงาน ตอนคิด หรือตอนฝันหวาน

scientists use brain imaging techniques that show

นักวิทยาศาสตร์ใช้เทคนิคการถ่ายภาพสมอง

increased blood flow and energy expenditure in those areas.

ที่โชว์การไหลเวียนของเลือด และการใช้พลังงานในส่วนนั้น ๆ

These brain areas are active,

พื้นที่สมองเหล่านี้ถูกใช้งาน

working together and communicating with each other.

ทำงานร่วมกันและสื่อสารกัน

Taken together, they're called the executive network.

เรียกทั้งหมดรวมกันนี้ว่า เครือข่ายบริหาร

When your mind starts to wander,

เมื่อจิตใจของคุณเริ่มเหม่อลอย

a different set of brain areas becomes active.

พื้นที่ของสมองอีกชุดหนึ่งจะเริ่มทำงาน

These areas make up the default mode network.

พื้นที่เหล่านี้ประกอบขึ้น เป็นเครือข่ายเริ่มต้น

The name default mode makes it sound like nothing is going on.

เจ้าโหมดเริ่มต้นนี้ แค่ชื่อ อาจจะฟังเหมือนไม่มีอะไร

And in fact, for many years,

ในความเป็นจริง หลายปีที่ผ่านมา

scientists associated this pattern of activity with rest.

นักวิทยาศาสตร์เชื่อมโยง กิจกรรมนี้กับการพักผ่อน

But a closer look reveals that these are the brain areas involved

แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ จะพบว่า นี้เป็นพื้นที่ของสมองที่เกี่ยวข้องกับ

when we revisit a memory, when we think about our plans and hopes,

ตอนที่เราทบทวนความทรงจำ เมื่อเราคิดถึงแผนการและความหวัง

and yes, when our minds are wandering off on a wild daydream.

และแน่นอน เมื่อใจของเราล่องลอย ไปกับการฝันกลางวันแบบสุด ๆ

The mind can wander to unproductive or distressing places

ใจสามารถฟุ้งซ่าน ไปในที่ที่ไม่เกิดประโยชน์หรือเป็นทุกข์

and brood over negative past events, like an argument.

และคิดซ้ำ ๆ ถึงอดีตที่ไม่ดี เช่น การโต้เถียง

It can also wander to neutral, everyday matters,

มันยังสามารถล่องลอยไปสู่ เรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน

like planning out the rest of one's afternoon.

เช่น การวางแผนชีวิตช่วงบ่าย

But where mind-wandering really gets interesting

แต่สิ่งที่ทำให้การฝันกลางวัน น่าสนใจขึ้นมาจริง ๆ นั้น

is when it crosses into the realm of free-moving associative thought

คือเมื่อมันข้ามไปสู่ขอบเขตของ ความคิดเชื่อมโยงที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ

that you aren’t consciously directing.

ซึ่งคุณไม่ได้กำกับโดยใช้สติ

This kind of mind-wandering is associated with increases in both ideas

การใจลอยชนิดนี้ สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของไอเดีย

and positive emotions,

และอารมณ์เชิงบวก

and the evidence suggests that daydreaming can help people envision ways

และหลักฐานบ่งชี้ว่าการฝันกลางวัน สามารถช่วยให้ผู้คนมองเห็นหนทาง

to reach their goals and navigate relationships and social situations.

ให้ไปถึงเป้าหมาย และช่วยนำทางความสัมพันธ์ และการเข้าสังคมต่าง ๆ

Scientists think there may be two essential parts to this process:

นักวิทยาศาสตร์คิดว่า อาจมีส่วนสำคัญสองส่วนในกระบวนการนี้:

a generative phase of free-flowing ideas and spontaneous thoughts,

ส่วนของการกำเนิด การไหลเวียนอย่างอิสระและเกิดความคิดขึ้น

courtesy of the default mode network,

ต้องขอบคุณเครือข่ายโหมดเริ่มต้น

followed by a process of selecting, developing, and pursuing

ตามมาด้วยส่วนที่สอง การเลือก การพัฒนา การตามหา

the best ideas from that generative burst,

สุดยอดไอเดียที่มาจากกระบวนการแรก

driven by logical thinking thanks to the executive network.

ขับเคลื่อนด้วยการคิดเชิงตรรกะ ต้องขอบคุณสมองส่วนบริหาร

ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับภาพ บอกว่า การทำงานร่วมกันของทั้งสองเครือข่ายนี้

A host of imaging studies suggest that these two networks working in sync

is a crucial condition for creative thinking.

เป็นเงื่อนไขสำคัญ สำหรับการคิดเชิงสร้างสรรค์

Taken together, the evidence clearly suggests

หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า

the logical realm of the executive network

ส่วนที่เป็นความคิดเชิงตรรกะ ในระบบบริหาร

and the imaginative realm of the default mode network

และส่วนที่เป็นจินตนาการ ในระบบเริ่มต้น

are closely related.

เกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยสำคัญ

And as you can see, the executive network is still playing a role

ในวีดีโอที่คุณเห็น ระบบบริหารยังคงทำงาน

when the default mode network is doing its thing during daydreaming.

ในขณะที่ระบบโหมดเริ่มต้น ทำงานของมันอยู่ระหว่างการฝันกลางวัน

In teenagers,

ในวัยรุ่น

the prefrontal cortex and other areas involved in executive function

สมองส่วนหน้า และส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหาร

are still developing,

ยังคงอยู่ในช่วงเติบโต

but teens are perfectly capable of thinking through their problems and goals,

แต่วัยรุ่นก็สามารถคิดวิเคราะห์ปัญหา และเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์

especially when given space to do so on their own.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับโอกาส ให้ลองทำด้วยตัวเอง