Jimmy Carter: Why I believe the mistreatment of women is the number one human rights abuse

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

As a matter of fact,

ที่จริงแล้ว

I was trying to think about my career since I left the White House,

ผมเคยพยายามนึกถึงอาชีพที่จะทำ หลังออกจากทำเนียบขาว

and the best example I have is a cartoon in The New Yorker a couple of years ago.

และตัวอย่างที่เยี่ยมที่สุดที่ผมเจอ คือ การ์ตูนในนิตยสารเดอะ นิวยอร์คเกอร์ 2-3 ปีก่อน

This little boy is looking up at his father,

มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ มองขึ้นไปที่พ่อ

and he says, "Daddy, when I grow up, I want to be a former president."

และพูดว่า "พ่อครับ โตขึ้นผมอยากเป็นอดีตประธานาธิบดี"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Well, I have had a great blessing as a former president,

ผมรู้สึกโชคดีมาก ในฐานะอดีตประธานาธิบดี

because I have had an access

เพราะผมได้มีโอกาสเข้าถึง

that very few other people in the world have ever had

สิ่งที่น้อยคนนักในโลกนี้ จะได้มีโอกาสเข้าถึง

to get to know so many people around this whole universe.

นั่นคือการได้รู้จักคนมากมาย ทั่วทั้งจักรวาลนี้

Not only am I familiar with the 50 states in the United States,

ผมไม่เพียงแต่คุ้นเคย กับ 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา

but also my wife and I have visited more than 145 countries in the world,

แต่ผมและภรรยายังได้ไปเยือนประเทศต่างๆ มากกว่า 145 ประเทศทั่วโลก

and the Carter Center has had full-time programs in 80 nations on Earth.

และศูนย์คาร์เตอร์ (Carter Center) ก็มีโครงการเต็มเวลาใน 80 ประเทศทั่วโลก

And a lot of times, when we go into a country,

และบ่อยครั้ง เมื่อเราไปยังประเทศสักประเทศ

we not only the meet the king or the president,

เราไม่เพียงแค่พบพระราชา หรือประธานาธิบดี

but we also meet the villagers who live in the most remote areas of Africa.

แต่เรายังได้พบชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลในแอฟริกา

So our overall commitment at the Carter Center

ดังนั้น ความมุ่งมั่นของเรา ที่ศูนย์คาร์เตอร์

is to promote human rights,

คือการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

and knowing the world as I do, I can tell you without any equivocation

และเท่าที่ผมรู้จักโลกมา ผมบอกคุณได้โดยไม่อ้อมค้อมเลยว่า

that the number one abuse of human rights on Earth

การละเมิดสิทธิมนุษยชนอันดับหนึ่งในโลกนี้

is, strangely, not addressed quite often, is the abuse of women and girls.

ซึ่งน่าแปลกที่มันไม่ค่อยได้รับการแก้ไข ก็คือ การกดขี่ข่มเหงเด็กและสตรี

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

There are a couple of reasons for this that I'll mention to begin with.

เรื่องนี้มีเหตุผลสองสามข้อ ที่ผมจะเริ่มพูดต่อไปนี้

First of all is the misinterpretation of religious scriptures, holy scriptures,

ข้อแรกเลยก็คือ การตีความผิดๆ จากคัมภีร์ทางศาสนา คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

in the Bible, Old Testament, New Testament, Quran and so forth,

ในไบเบิล พันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเก่า คัมภีร์กุรอ่าน และอื่นๆ

and these have been misinterpreted by men who are now in the ascendant positions

ซึ่งถูกตีความผิดๆ โดยผู้ชายที่อยู่ในตำแหน่งทรงอำนาจ

in the synagogues and the churches and in the mosques.

ในสุเหร่ายิว โบสถ์คริสต์ และสุเหร่ามุสลิม

And they interpret these rules to make sure that women

พวกเขาตีความกฎเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิง

are ordinarily relegated to a secondary position

ถูกลดคุณค่าลงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นรอง

compared to men in the eyes of God.

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายในสายตาพระเจ้า

This is a very serious problem. It's ordinarily not addressed.

นี่เป็นปัญหาที่สำคัญมาก แต่โดยทั่วไปแล้วมันไม่ถูกแก้ไขเลย

A number of years ago, in the year 2000,

หลายปีก่อน ในปี 2000

I had been a Baptist, a Southern Baptist for 70 years --

ผมเคยเป็นคริสต์นิกายแบ็บติสฝ่ายใต้ เป็นเวลา 70 ปี

I tell you, I still teach Sunday school every Sunday;

ผมยังสอนโรงเรียนศาสนาวันอาทิตย์ อยู่ทุกวันอาทิตย์เลย

I'll be teaching this Sunday as well --

วันอาทิตย์นี้ก็มีสอน

but the Southern Baptist Convention in the year 2000 decided

แต่การประชุมชาวแบ็บติสฝ่ายใต้ ในปี ค.ศ. 2000 มีการลงมติว่า

that women should play a secondary position,

ผู้หญิงควรรับบทบาทรอง

a subservient position to men.

อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าผู้ชาย

So they issued an edict, in effect,

แล้วเขาก็ออกคำสั่งมาบังคับใช้

that prevents women from being priests, pastors, deacons in the church,

ว่าห้ามผู้หญิงเป็นพระ บาทหลวง หรือผู้ช่วยพระในโบสถ์

or chaplains in the military,

หรืออนุศาสนาจารย์ในกองทัพ

and if a woman teaches a classroom

และถ้าผู้หญิงสอนในห้องเรียน

in a Southern Baptist seminary,

ในโรงเรียนสอนศาสนาแบ็บติสฝ่ายใต้

they cannot teach if a boy is in the room,

พวกเธอจะสอนไม่ได้ถ้ามีเด็กผู้ชายอยู่ในห้อง

because you can find verses in the Bible,

เพราะคุณสามารถหาข้อความในไบเบิล

there's over 30,000 verses in the Bible,

ก็ในไบเบิลมีข้อความตั้ง 30,000 ประโยค

that say that a woman shouldn't teach a man, and so forth.

ที่บอกว่าผู้หญิงไม่ควรสอนผู้ชาย อะไรทำนองนั้น

But the basic thing is the scriptures are misinterpreted

ประเด็นหลักเลยคือ คัมภีร์นั้นถูกบิดเบือน

to keep men in an ascendant position.

เพื่อปกป้องผู้ชายไว้ในตำแหน่งที่มีอำนาจ

That is an all-pervasive problem,

นั่นเป็นปัญหาที่แพร่หลายมาก

because men can exert that power

เพราะผู้ชายสามารถใช้อำนาจนั้นได้

and if an abusive husband or an employer, for instance, wants to cheat women,

และถ้าสามีหรือนายจ้าง อยากจะโกงหรือนอกใจผู้หญิง

they can say that if women are not equal in the eyes of God,

เขาก็สามารถบอกได้ว่า ถ้าผู้หญิงไม่เท่าเทียมกับผู้ชายในสายตาพระเจ้า

why should I treat them as equals myself?

ทำไมฉันจะต้องปฏิบัติกับผู้หญิง อย่างเท่าเทียมล่ะ

Why should I pay them equal pay for doing the same kind of work?

ทำไมฉันต้องจ่ายค่าจ้างผู้หญิงเท่าผู้ชาย ในหน้าที่การงานแบบเดียวกัน

The other very serious blight

ความเสื่อมโทรมอีกอย่าง

that causes this problem is the excessive resort to violence,

ที่เป็นสาเหตุของปัญหานี้ คือการพึ่งพาความรุนแรงกันมากเกินไป

and that is increasing tremendously around the world.

เรื่องนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทั่วโลก

In the United States of America, for instance, we have had

เช่น ในสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

an enormous increase in abuse of poor people,

เรามีการกดขี่ข่มเหงคนจนมากขึ้นมหาศาล

mostly black people and minorities, by putting them in prison.

ส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำและชนกลุ่มน้อย โดยการจับพวกเขาเข้าคุก

When I was in office as governor of Georgia,

ตอนผมเป็นผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย

one out of every 1,000 Americans were in prison.

คนอเมริกันหนึ่งใน 1,000 คน อยู่ในคุก

Nowadays, 7.3 people per 1,000 are in prison.

ปัจจุบันนี้ อัตราคนติดคุกคือ 7.3 คน ต่อประชากร 1,000 คน

That's a sevenfold increase.

นั่นคือเพิ่มขึ้นเจ็ดเท่า

And since I left the White House,

และตั้งแต่ผมออกจากทำเนียบขาว

there's been an 800 percent increase in the number of women

ก็มีจำนวนผู้หญิงผิวดำในคุก

who are black who are in prison.

เพิ่มขึ้น 800 เปอร์เซ็นต์

We also have [one of the only countries] on Earth

เรายังเป็นประเทศเดียวในโลก

that still has the death penalty that is a developed country.

ที่ยังมีโทษประหาร ทั้งที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว

And we rank right alongside the countries that are most abusive

และเราติดอันดับสูสี กับประเทศที่กดขี่มากที่สุด

in all elements of human rights in encouraging the death penalty.

ในทุกองค์ประกอบของสิทธิมนุษยชน จากการสนับสนุนโทษประหาร

We're in California now, and I figured out the other day

ตอนนี้เราอยู่ในแคลิฟอร์เนีย วันก่อนผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้

that California has spent four billion dollars

ว่าแคลิฟอร์เนียใช้จ่ายเงินไปแล้ว สี่พันล้านดอลลาร์

in convicting 13 people for the death penalty.

ในการลงโทษคน 13 คนด้วยโทษประหาร

If you add that up, that's 307 million dollars it costs California

ถ้าคุณลองคิดเลข นั่นคือแคลิฟอร์เนีย ต้องใช้เงิน 307 ล้านดอลลาร์

to send a person to be executed.

เพื่อส่งคนหนึ่งคนไปประหาร

Nebraska this week just passed a law abolishing the death penalty,

สัปดาห์นี้เอง ที่เนบราสกาเพิ่งผ่านกฎหมาย ยกเลิกโทษประหาร

because it costs so much. (Applause)

เพราะค่าใช้จ่ายมันแพงเกินไป (เสียงปรบมือ)

So the resort to violence and abuse of poor people and helpless people

ดังนั้น การใช้ความรุนแรงและการกดขี่ข่มเหง คนจนและคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

is another cause of the increase in abuse of women.

เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ การกดขี่ข่มเหงผู้หญิงเพิ่มขึ้น

Let me just go down a very few abuses of women that concern me most,

ผมขอพูดถึงการกดขี่ข่มเหงผู้หญิง 2-3 อย่าง ที่ผมรู้สึกกังวลใจมากที่สุด

and I'll be fairly brief, because I have a limited amount of time, as you know.

ผมจะพูดสั้นๆ เพราะมีเวลาจำกัด อย่างที่คุณรู้อยู่แล้วนะครับ

One is genital mutilation.

อย่างหนึ่งคือ การขลิบอวัยวะเพศ

Genital mutilation is horrible and not known by American women,

การขลิบอวัยวะเพศเป็นเรื่องสยองมาก ซึ่งผู้หญิงอเมริกันไม่รู้จักหรอกครับ

but in some countries, many countries,

แต่ในบางประเทศ หลายๆ ประเทศ

when a child is born that's a girl, very soon in her life,

เมื่อเด็กเกิดมาเป็นผู้หญิง ต่อมาไม่นานในชีวิตของเธอ

her genitals are completely cut away by a so-called cutter

อวัยวะเพศของเธอจะถูกตัดออกไป โดยคนที่เรียกกันว่า มือมีด

who has a razor blade and, in a non-sterilized way,

ที่มีใบมีดโกนอันหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ฆ่าเชื้ออะไรเลย

they remove the exterior parts of a woman's genitalia.

เขาจะตัดส่วนนอกของอวัยวะเพศหญิงออก

And sometimes, in more extreme cases but not very rare cases,

และบางที ในกรณีที่สุดโต่ง ซึ่งก็ไม่ได้หายากหรอก

they sew the orifice up so the girl can just urinate or menstruate.

เขาจะเย็บปิดให้เด็กผู้หญิง ได้แค่ถ่ายปัสสาวะและระบายเลือดประจำเดือน

And then later, when she gets married, the same cutter goes in

หลังจากนั้น เมื่อเธอแต่งงาน มือมีดคนเดิมก็กลับมา

and opens the orifice up so she can have sex.

ผ่าเปิดปากช่องคลอด เพื่อให้เธอมีเพศสัมพันธ์ได้

This is not a rare thing, although it's against the law in most countries.

นี่ไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยาก แม้มันจะขัดกับกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่

In Egypt, for instance,

เช่นที่อียิปต์

91 percent of all the females that live in Egypt today

91 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทั้งหมด ที่อยู่ในอียิปต์วันนี้

have been sexually mutilated in that way.

ได้ถูกขลิบอวัยวะเพศแบบนั้นมาแล้ว

In some countries, it's more than 98 percent

ในบางประเทศ มากกว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิง

of the women are cut that way before they reach maturity.

ถูกขลิบแบบนั้นก่อนจะโตเป็นสาว

This is a horrible affliction

นี่เป็นการกระทำที่เลวร้าย

on all women that live in those countries.

ที่กระทำต่อผู้หญิง ที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้น

Another very serious thing is honor killings,

อีกอย่างที่เป็นปัญหามาก คือการฆ่าเพื่อรักษาเกียรติ

where a family with misinterpretation, again, of a holy scripture --

เมื่อครอบครัวตีความคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ผิดเพี้ยนไป อีกแล้ว

there's nothing in the Quran that mandates this --

ไม่มีตรงเลยไหนในคัมภีร์กุรอ่าน ที่กำหนดว่า

will execute a girl in their family

ให้ฆ่าเด็กผู้หญิงในครอบครัวเสีย

if she is raped

ถ้าเธอถูกข่มขืน

or if she marries a man that her father does not approve,

หรือถ้าเธอแต่งงานกับผู้ชาย ที่พ่อของเธอไม่ยอมรับ

or sometimes even if she wears inappropriate clothing.

หรือบางที แค่เธอสวมเสื้อผ้าไม่เหมาะสม

And this is done by members of her own family,

และสิ่งนี้ทำโดยสมาชิกในครอบครัวของเธอเอง

so the family becomes murderers

ดังนั้น ครอบครัวจึงกลายเป็นฆาตกร

when the girl brings so-called disgrace to the family.

เมื่อเด็กผู้หญิง นำสิ่งที่เรียกว่า 'ความเสื่อมเสีย' มาสู่ครอบครัว

An analysis was done in Egypt not so long ago by the United Nations

มีการวิเคราะห์งานชิ้นหนึ่งที่ทำในอียิปต์ โดยสหประชาชาติเมื่อไม่นานมานี้

and it showed that 75 percent of these murders of a girl

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า 75% ของการฆาตกรรมเด็กหญิง

are perpetrated by the father, the uncle or the brother,

กระทำโดยพ่อ ลุง หรือพี่ชายน้องชาย

but 25 percent of the murders are conducted by women.

แต่อีก 25% ของการฆาตกรรม ทำโดยผู้หญิง

Another problem that we have in the world

อีกปัญหาที่เรามีในโลกนี้

that relates to women particularly is slavery,

ซึ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมากเป็นพิเศษ คือการบังคับเป็นทาส

or human trafficking it's called nowadays.

หรือที่ทุกวันนี้เรียกว่า การค้ามนุษย์

There were about 12.5 million people sold from Africa into slavery

มีคนจากแอฟริกา 12.5 ล้านคน ถูกขายมาเป็นทาส

in the New World back in the 19th century and the 18th century.

ใน 'โลกใหม่' [อเมริกาฯ] ย้อนไปในศตวรรษที่ 18 และ 19

There are 30 million people now living in slavery.

ขณะที่ปัจจุบันมีคนเป็นทาสอยู่ 30 ล้านคน

The United States Department of State now has a mandate from Congress

กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้รับคำสั่งจากรัฐสภา

to give a report every year,

ให้รายงานเรื่องนี้ทุกปี

and the State Department reports that 800,000 people are sold

กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า คน 800,000 คน

across international borders every year into slavery,

ถูกขายข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ เพื่อนำไปเป็นทาสทุกปี

and that 80 percent of those sold are women,

และ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนเหล่านั้น เป็นผู้หญิง

into sexual slavery.

ถูกขายเป็นทาสกามารมณ์

In the United States right this moment,

ในสหรัฐอเมริกา ณ ขณะนี้

60,000 people are living in human bondage, or slavery.

มีคน 60,000 คน มีชีวิตที่ตกเป็นทาส

Atlanta, Georgia, where the Carter Center is located

ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ที่ตั้งของศูนย์คาร์เตอร์

and where I teach at Emory University,

และเมืองที่ผมสอนหนังสืออยู่ ที่มหาวิทยาลัยอีมอรี่

they have between 200 and 300 women, people sold into slavery every month.

มีผู้หญิง 200 ถึง 300 คน ถูกขายเป็นทาสทุกเดือน

It's the number one place in the nation because of that.

มันเป็นเมืองที่มีปัญหาค้าทาส เป็นอันดับหนึ่งในประเทศก็เพราะเหตุนี้

Atlanta has the busiest airport in the world,

เมืองแอตแลนตามีสนามบิน ที่จอแจที่สุดในโลก

and they also have a lot of passengers that come from the Southern Hemisphere.

และมีผู้โดยสารจำนวนมาก มาจากซีกโลกใต้

If a brothel owner

ถ้าเจ้าของซ่อง

wants to buy a girl that has brown or black skin,

ต้องการซื้อเด็กสาวผิวสีน้ำตาลหรือดำ

they can do it for 1,000 dollars.

เขาก็ซื้อได้ด้วยราคา 1,000 ดอลลาร์

A white-skinned girl brings several times more than that,

เด็กสาวผิวขาวจะราคาสูงกว่านั้นหลายเท่า

and the average brothel owner in Atlanta and in the United States now

โดยเฉลี่ย เจ้าของซ่องในแอตแลนตา และในสหรัฐอเมริกา

can earn about $35,000 per slave.

สามารถทำเงินได้ประมาณ 35,000 ดอลลาร์ต่อทาสหนึ่งคน

The sex trade in Atlanta, Georgia, exceeds the total drug trade in Atlanta, Georgia.

การค้ากามในแอตแลนตา จอร์เจีย ทำเงินได้มากกว่าการค้ายาเสียอีก

So this is another very serious problem, and the basic problem is prostitution,

ดังนั้น นี่คือปัญหาที่ร้ายแรงมาก และปัญหาพื้นฐานเลยคือการค้าประเวณี

because there's not a whorehouse in America

เพราะว่า ไม่มีซ่องไหนในอเมริกา

that's not known by the local officials,

ที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่รู้จัก

the local policemen, or the chief of police or the mayor and so forth.

ทั้งตำรวจ ผู้กำกับการตำรวจ หรือนายกเทศมนตรี หรืออะไรก็ตาม

And this leads to one of the worst problems,

และนี่นำไปสู่ปัญหา ที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่ง

and that is that women are bought increasingly and put into sexual slavery

นั่นคือ มีผู้หญิงถูกซื้อมาเป็นทาส ในการค้ากามมากขึ้นเรื่อยๆ

in all countries in the world.

ในทุกประเทศทั่วโลก

Sweden has got a good approach to it.

สวีเดนมีแนวทางจัดการที่ดีสำหรับเรื่องนี้

About 15 to 20 years ago, Sweden decided to change the law,

สัก 15 ถึง 20 ปีที่แล้ว สวีเดนตัดสินใจเปลี่ยนกฎหมาย

and women are no longer prosecuted

โดยผู้หญิงไม่ถูกลงโทษ

if they are in sexual slavery,

จากการถูกบังคับค้ากาม

but the brothel owners and the pimps and the male customers are prosecuted,

แต่เจ้าของซ่องและคนคุมซ่อง และผู้ชายที่ไปเที่ยวจะถูกดำเนินคดี

and -- (Applause) -- prostitution has gone down.

(เสียงปรบมือ) และการค้าประเวณีก็ลดลง

In the United States, we take just the opposite position.

ในสหรัฐอเมริกา เราทำตรงกันข้ามเลย

For every male arrested for illegal sex trade,

ถ้ามีผู้ชายถูกจับหนึ่งคน ในข้อหาค้าประเวณีโดยผิดกฎหมาย

25 women are arrested in the United States of America.

จะมีผู้หญิงถูกจับ 25 คนด้วยข้อหานี้ ในสหรัฐอเมริกา

Canada, Ireland, I've already said Sweden,

ส่วนประเทศแคนาดา ไอร์แลนด์ และสวีเดนที่ผมพูดไปแล้ว

France, and other countries are moving now towards this so-called Swedish model.

รวมทั้งฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ กำลังเปลี่ยนสู่สิ่งที่เรียกว่าโมเดลสวีดิช

That's another thing that can be done.

นั่นคืออีกอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้

We have two great institutions in this country that all of us admire:

เรามีสถาบันที่ยิ่งใหญ่สองสถาบัน ในประเทศนี้ที่เราล้วนชื่นชม

our military and our great university system.

นั่นคือกองทัพ และระบบมหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยม

In the military, they are now analyzing how many sexual assaults take place.

ตอนนี้ในกองทัพกำลังวิเคราะห์กัน ว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นกี่ครั้ง

The last report I got, there were 26,000 sexual assaults

รายงานล่าสุดที่ผมได้รับ พบว่า มีการล่วงละเมิดทางเพศ 26,000 ครั้ง

that took place in the military --

ที่เกิดขึ้นในกองทัพ

26,000.

26,000

Only 3,000, not much more than 1 percent, are actually prosecuted,

มีแค่ 3,000 กรณี แค่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์นิดๆ ที่มีการดำเนินคดี

and the reason is that the commanding officer of any organization --

และเหตุผลก็คือ ผู้บังคับการของหน่วยไหนๆ

a ship like my submarine, or a battalion in the Army

ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเรือดำน้ำ หรือกองพันทหารบก

or a company in the Marines --

หรือกองร้อยนาวิกโยธิน

the commanding officer has the right under law to decide

ผู้บังคับการมีสิทธิภายใต้กฎหมาย ที่จะตัดสินใจว่า

whether to prosecute a rapist or not,

จะดำเนินคดีกับผู้ข่มขืนหรือไม่

and of course, the last thing they want is for anybody to know

และแน่นอน สิ่งสุดท้าย ที่เขาต้องการให้คนอื่นรู้

that under their command, sexual assaults are taking place,

ก็คือข้อมูลที่ว่า ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา มีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น

so they do not do it.

เขาก็เลยไม่ดำเนินคดี

That law needs to be changed.

กฎนั้นต้องเปลี่ยน

About one out of four girls who enter American universities

ประมาณหนึ่งในสี่ของเด็กผู้หญิง ที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา

will be sexually assaulted before she graduates,

จะถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนที่จะเรียนจบ

and this is now getting a lot of publicity,

และเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ สู่สาธารณะมากขึ้น

partially because of my book, but other things,

ส่วนหนึ่งเพราะหนังสือของผม นอกจากอย่างอื่นแล้ว

and so 89 universities in America are now condemned

ดังนั้น ตอนนี้มหาวิทยาลัย 89 แห่งในอเมริกาฯ จึงถูกประณามว่าทำผิด

by the Department of Education under Title IX

ข้อบังคับมาตราเก้าของกระทรวงศึกษาธิการ

because the officials of the universities are not taking care of the women

เพราะเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ไม่ได้ดูแลผู้หญิง

to protect them from sexual assault.

เพื่อปกป้องพวกเธอจากการล่วงละเมิดทางเพศ

The Department of Justice says that more than half of the rapes

กระทรวงยุติธรรมรายงานว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของการข่มขืน

on a college campus take place by serial rapists,

ภายในมหาวิทยาลัย เกิดจากผู้กระทำผิดคนเดิมซ้ำๆ

because outside of the university system,

เพราะนอกระบบมหาวิทยาลัย

if they rape somebody, they'll be prosecuted,

ถ้าเขาข่มขืนใคร เขาจะต้องถูกดำเนินคดี

but when they get on a university campus, they can rape with impunity.

แต่เมื่อเขาเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย เขาข่มขืนได้โดยไม่ถูกลงโทษ

They're not prosecuted.

เขาไม่ถูกดำเนินคดี

Those are the kinds of things that go on in our society.

เหล่านี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในสังคมของเรา

Another thing that's very serious about the abuse of women and girls

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่มาก ของการกดขี่ผู้หญิงและเด็ก

is the lack of equal pay for equal work,

คือการจ่ายค่าตอบแทนที่เท่าเทียม สำหรับงานที่เท่ากัน

as you know. (Applause)

อย่างที่คุณรู้อยู่แล้ว (เสียงปรบมือ)

And this is sometimes misinterpreted, but for full-time employment,

เรื่องนี้ บางทีก็ถูกตีความบิดเบือนไป แต่ในส่วนของงานประจำเต็มเวลา

a woman in the United States now gets 23 percent less than a man.

ตอนนี้ผู้หญิงในอเมริกาฯ ได้รับค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายอยู่ 23 เปอร์เซ็นต์

When I became president, the difference was 39 percent.

ตอนผมเป็นประธานาธิบดี ส่วนต่างนี้มากถึง 39 เปอร์เซ็นต์

So we've made some progress, partially because I was president

นั่นแสดงว่าเรามีความก้าวหน้าไปบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะผมเคยเป็นประธานาธิบดี

and so forth -- (Applause) (Laughter) --

และเหตุผลอื่นๆ (เสียงปรบมือ) (เสียงหัวเราะ)

but in the last 15 years, there's been no progress made,

แต่ใน 15 ปีหลังมานี้ ไม่มีความก้าวหน้าเลย

so it's been just about 23 or 24 percent difference

ส่วนต่างนี้อยู่ประมาณ 23 ถึง 24 เปอร์เซ็นต์

for the last 15 years.

มาตลอด 15 ปีหลังนี้

These are the kind of things that go on.

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น

If you take the Fortune 500 companies,

ถ้าคุณนับบริษัทชั้นนำในกลุ่ม ฟอร์จูน 500

23 of them have women CEOs,

มีแค่ 23 บริษัทที่มีผู้หญิงเป็น ซีอีโอ

out of 500,

จาก 500 บริษัท

and those CEOs, I need not tell you,

ซึ่งผมคงไม่ต้องบอกคุณก็รู้ ว่าซีอีโอหญิงเหล่านั้น

make less on an average

ได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย

than the other CEOs.

ของซีอีโออื่นๆ

Well, that's what goes on in our country.

นั่นล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา

Another problem with the United States

อีกปัญหาหนึ่งที่เกิดกับสหรัฐอเมริกา

is we are the most warlike nation on Earth.

คือ เราเป็นประเทศบ้าสงครามที่สุดในโลก

We have been to war with about 25 different countries

เราไปทำสงครามกับประเทศต่างๆ 25 ประเทศ

since the Second World War.

ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

Sometimes, we've had soldiers on the ground fighting.

บางครั้ง เราก็มีทหารไปรบบนบก

The other times, we've been flying overhead

บางครั้ง เราก็บินเหนือหัว

dropping bombs on people.

แล้วทิ้งระเบิดใส่ผู้คน

Other times, of course, now, we have drones that attack people and so forth.

บางครั้ง เดี๋ยวนี้เรามีอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน (drones) ที่โจมตีคน และอื่นๆ

We've been at war with 25 different countries

เราไปทำสงครามต่างๆ กับ 25 ประเทศ หรือมากกว่านั้น

or more since the Second World War.

ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

There was four years, I won't say which ones,

มีอยู่สี่ปี ซึ่งผมไม่บอกแล้วกัน ว่าช่วงไหน

where we didn't --

เป็นสี่ปีที่เราไม่ทำสงคราม

(Applause) -- we didn't drop a bomb, we didn't launch a missile,

(เสียงปรบมือ) เราไม่ได้ทิ้งระเบิด เราไม่ได้ยิงขีปนาวุธสักลูก

we didn't fire a bullet.

เราไม่ได้ยิงกระสุนออกไปสักนัด

But anyway, those kinds of things, the resort to violence

แต่นั่นแหละ สิ่งเหล่านี้ การพึ่งพาความรุนแรง

and the misinterpretation of the holy scriptures

และการบิดเบือนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

are what causes, are the basic causes, of abuse of women and girls.

คือสาเหตุ เป็นสาเหตุพื้นฐานเลย ของการกดขี่ข่มเหงผู้หญิงและเด็กหญิง

There's one more basic cause that I need not mention,

ยังมีสาเหตุพื้นฐานอีกอย่าง ที่ผมคงไม่ต้องสาธยาย

and that is that in general, men don't give a damn.

นั่นคือ โดยทั่วไปแล้ว พวกผู้ชายไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย

(Applause) That's true.

(เสียงปรบมือ) จริงๆ นะครับ

The average man that might say, I'm against the abuse of women and girls

ผู้ชายทั่วไปที่อาจพูดว่า ฉันต่อต้านการกดขี่ผู้หญิงและเด็กผู้หญิง

quietly accepts the privileged position that we occupy,

ยอมรับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่า ของตนอยู่เงียบๆ

and this is very similar to what I knew when I was a child,

เหมือนกับรูปแบบที่ผมเคยรู้จักสมัยเด็กๆ

when separate but equal had existed.

ที่มีแนวคิดแบ่งแยกแต่เท่าเทียม

Racial discrimination, legally, had existed for 100 years,

การแบ่งแยกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ อย่างถูกกฎหมายเคยมีอยู่เมื่อ 100 ปีที่แล้ว

from 1865 at the end of the War Between the States, the Civil War,

ตั้งแต่ ค.ศ. 1865 จนสงครามระหว่างรัฐ หรือสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง

all the way up to the 1960s,

จนถึงช่วงทศวรรษที่ 1960

when Lyndon Johnson got the bills passed

เมื่อลินดอน จอห์นสันเสนอกฎหมาย

for equal rights.

เพื่อสิทธิความเท่าเทียม

But during that time, there were many white people

แต่ระหว่างนั้น มีคนผิวขาวจำนวนมาก

that didn't think that racial discrimination was okay,

ที่ไม่ได้คิดว่าการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

but they stayed quiet,

แต่เขาก็สงบปากสงบคำ

because they enjoyed the privileges of better jobs,

เพราะเขาพึงพอใจกับสิทธิพิเศษ ที่ได้งานดีกว่า

unique access to jury duty,

สิทธิเฉพาะในการทำหน้าที่ลูกขุน

better schools, and everything else,

โรงเรียนที่ดีกว่า และทุกอย่างๆ ที่ดีกว่า

and that's the same thing that exists today,

นั่นคือสิ่งเดียวกันกับที่เกิดขึ้นในวันนี้

because the average man really doesn't care.

เพราะผู้ชายทั่วไปไม่ได้สนใจจริงจังหรอก

Even though they say, "I'm against discrimination against girls and women,"

แม้เขาจะพูดว่า "ฉันต่อต้าน การเลือกปฏิบัติกับผู้หญิงและเด็กหญิง"

they enjoy a privileged position.

แต่เขาได้ประโยชน์จากการ อยู่ในตำแหน่งที่มีสิทธิพิเศษ

And it's very difficult to get the majority of men

และมันยากมาก ที่จะโน้มน้าวผู้ชายส่วนใหญ่

who control the university system,

ที่ควบคุมมหาวิทยาลัย

the majority of men that control the military system,

ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ควบคุมระบบกองทัพ

the majority of men that control the governments of the world,

ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ควบคุมรัฐบาลในโลกนี้

and the majority of men that control the great religions.

และผู้ชายส่วนใหญ่ที่ควบคุมศาสนาหลักๆ

So what is the basic thing that we need to do today?

ดังนั้น อะไรคือเรื่องพื้นฐาน ที่เราต้องทำในวันนี้

I would say the best thing that we could do today

ผมอยากบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุด ที่เราทำได้ในวันนี้

is for the women in the powerful nations

คือขอให้ผู้หญิงในประเทศที่มีอำนาจ

like this one, and where you come from,

เช่นประเทศนี้ และประเทศบ้านเกิด ของพวกคุณเช่นทางยุโรป

Europe and so forth, who have influence and who have freedom to speak and to act,

ผู้หญิงที่มีอิทธิพล และมีเสรีภาพที่จะพูดและทำ

need to take the responsibility on yourselves

ต้องรับเรื่องนี้มาเป็น หน้าที่รับผิดชอบของเรา

to be more forceful in demanding

ต้องหนักแน่นในการเรียกร้อง

an end to racial discrimination against girls and women

การยุติการเลือกปฏิบัติต่อสตรีและเด็กหญิง

all over the world.

ทั่วทั้งโลก

The average woman in Egypt

ผู้หญิงทั่วๆ ไปในอียิปต์

doesn't have much to say about her daughters

พูดอะไรไม่ได้มากนัก เรื่องที่ลูกสาวของเธอ

getting genitally mutilated and so forth.

ถูกขลิบอวัยวะเพศ และเรื่องอื่นๆ

I didn't even go down to detail about that.

นี่ผมยังไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องนั้นเลยนะ

But I hope that out of this conference,

แต่ผมหวังว่าจากการประชุมนี้

that every woman here will get your husbands to realize

ผู้หญิงทุกคนที่นี่ จะไปบอกสามีของคุณให้เข้าใจ

that these abuses on the college campuses and the military and so forth

ถึงการกดขี่แและล่วงละเมิดเหล่านี้ ในมหาวิทยาลัย ในกองทัพ และที่อื่นๆ

and in the future job market,

และในตลาดแรงงานในอนาคต

need to protect your daughters and your granddaughters.

และต้องปกป้องลูกสาว และหลานสาวของคุณ

I have 12 grandchildren, four children, and 10 great-grandchildren,

ผมมีหลาน 12 คน ลูก 4 คน และเหลนอีก 10 คน

and I think often about them

ผมคิดถึงพวกเขาบ่อยๆ

and about the plight that they will face in America,

และคิดถึงสถานการณ์เลวร้าย ที่เขาต้องเจอในอเมริกา

not only if they lived in Egypt or a foreign country,

ไม่ใช่แค่ในอียิปต์หรือประเทศอื่นๆ

in having equal rights,

ในเรื่องสิทธิความเท่าเทียม

and I hope that all of you will join me

และผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะมาร่วมกับผม

in being a champion for women and girls around the world

ในการเป็นแรงสนับสนุนให้แก่ผู้หญิง และเด็กหญิงทั่วโลก

and protect their human rights.

และปกป้องสิทธิมนุษยชนของพวกเธอ

Thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)