Catherine Crump: The small and surprisingly dangerous detail the police track about you

Translator: Nirachon Kerdkidsadanon Reviewer: Pakawat Wongwaiyut

The shocking police crackdown on protestors in Ferguson, Missouri,

เหตุความรุนแรงสุดช็อคของการสลายผู้ชุมนุม โดยตำรวจที่เมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี

in the wake of the police shooting of Michael Brown,

ซึ่งเป็นผลจากการที่ตำรวจ ยิงนาย ไมเคิล บราวน์ (Michael Brown)

underscored the extent to which advanced military weapons and equipment,

ชี้ให้เห็นว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ ทางการทหารที่ล้ำสมัย

designed for the battlefield,

ออกแบบเพื่อใช้ในสนามรบ

are making their way

to small-town police departments across the United States.

เริ่มมีการนำไปใช้

ตามสถานีตำรวจในเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา

Although much tougher to observe,

แม้ว่ามันยากที่จะสังเกตเห็น

this same thing is happening with surveillance equipment.

สิ่งเดียวกันก็กำลังเกิดขึ้นกับกล้องวงจรปิด

NSA-style mass surveillance is enabling

กล้องวงจรปิดสำหรับฝูงชน แบบที่สำนักความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) ใช้

local police departments to gather vast quantities

ช่วยให้สถานีตำรวจท้องถิ่นได้ข้อมูลมหาศาล

of sensitive information about each and every one of us

เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเราทุกคน

in a way that was never previously possible.

ในแบบที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน

Location information can be very sensitive.

ข้อมูลตำแหน่ง ก็อาจเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก

If you drive your car around the United States,

เช่นถ้าคุณขับรถไปตามที่ต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา

it can reveal if you go to a therapist,

มันสามารถเผยว่าคุณไปหาจิตแพทย์

attend an Alcoholics Anonymous meeting,

ไปเข้ากลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม

if you go to church or if you don't go to church.

คุณไปโบสถ์ หรือว่าคุณไม่ได้ไปโบสถ์

And when that information about you

และเมื่อใดที่ข้อมูลของคุณ

is combined with the same information about everyone else,

ถูกนำมารวมเข้ากับ ข้อมูลของคนอื่นๆ

the government can gain a detailed portrait

รัฐบาลจะสามารถเห็นภาพที่มีรายละเอียด

of how private citizens interact.

ว่าประชาชนมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร

This information used to be private.

ข้อมูลเหล่านี้เคยเป็นข้อมูลส่วนตัว

Thanks to modern technology,

แต่ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยใหม่

the government knows far too much about what happens behind closed doors.

รัฐบาลจึงรู้เรื่องมากเกินไป ในสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ลับตา

And local police departments make decisions about who they think you are

ตำรวจจะตัดสินว่า คุณเป็นคนแบบไหน

based on this information.

จากข้อมูลเหล่านี้

One of the key technologies driving mass location tracking

หนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญ ซึ่งผลักดันให้เกิดการสอดแนมมวลชน

is the innocuous-sounding Automatic License Plate Reader.

คือระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติ ซึ่งดูเหมือนไร้พิษภัย

If you haven't seen one,

ถ้าคุณยังไม่เคยเห็น

it's probably because you didn't know what to look for --

อาจจะเป็นเพราะว่า คุณไม่รู้ว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร

they're everywhere.

มันมีอยู่ทุกที่

Mounted on roads or on police cars,

ติดตั้งอยู่ตามถนน หรือบนรถตำรวจ

Automatic License Plate Readers capture images of every passing car

เครื่องอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ถ่ายภาพของรถทุกคันที่วิ่งผ่าน

and convert the license plate into machine-readable text

และเปลี่ยนรูปของป้ายทะเบียน เป็นตัวหนังสือที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์

so that they can be checked against hot lists

เพื่อจะตรวจสอบเทียบกับ รายการรถที่กำลังตามหา

of cars potentially wanted for wrongdoing.

ซึ่งอาจเป็นรถที่นำไปใช้ก่ออาชญากรรม

But more than that, increasingly,

แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น

local police departments are keeping records

สถานีตำรวจท้องถิ่นต่างๆ กำลังรวบรวมข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ

not just of people wanted for wrongdoing,

ไม่ได้แค่เก็บข้อมูลของบุคคลต้องสงสัย

but of every plate that passes them by,

แต่ป้ายทะเบียนของรถทุกคนที่วิ่งผ่าน

resulting in the collection of mass quantities of data

ผลก็คือการเก็บข้อมูลของพลเรือน ที่มีขนาดใหญ่มหึมา

about where Americans have gone.

ว่าชาวอเมริกันเดินทางไปไหน

Did you know this was happening?

คุณทราบไหม ว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น

When Mike Katz-Lacabe asked his local police department

เมื่อ ไมค์ คาซท์ ละคาเบ ขอให้สถานีตำรวจท้องถิ่น

for information about the plate reader data they had on him,

ให้ข้อมูลการอ่านป้ายทะเบียนรถของเขา

this is what they got:

นี่คือข้อมูลที่พวกเขามี

in addition to the date, time and location,

ยิ่งไปกว่าวันที่ เวลา และสถานที่

the police department had photographs that captured

สถานีตำรวจได้ถ่ายรูป ซึ่งชี้ว่า

where he was going and often who he was with.

เขากำลังเดินทางไปไหน และมักไปกับใคร

The second photo from the top is a picture of Mike and his two daughters

รูปที่สองจากข้างบน เป็นรูปของไมค์ และลูกสาวของเขาสองคน

getting out of their car in their own driveway.

กำลังลงจากรถ บนถนนหน้าบ้านตัวเอง

The government has hundreds of photos like this

รัฐบาลมีรูปภาพเช่นนี้เป็นร้อยๆ ภาพ

about Mike going about his daily life.

ภาพของไมค์ในขณะที่เขาทำกิจวัตรประจำวัน

And if you drive a car in the United States,

และถ้าคุณขับรถในสหรัฐอเมริกา

I would bet money that they have photographs

ฉันพนันได้เลยว่า เขามีรูปถ่ายของคุณ

like this of you going about your daily life.

แบบเดียวกันนี้ เกี่ยวกับสิ่งคุณกำลังทำในชีวิตประจำวัน

Mike hasn't done anything wrong.

ไมค์ไม่ได้ทำอะไรผิด

Why is it okay that the government is keeping all of this information?

แล้วทำไมรัฐบาลจึงต้อง คอยเก็บข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้

The reason it's happening is because,

เหตุผลที่สิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น ก็คือ

as the cost of storing this data has plummeted,

ค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูลนั้นน้อยนิด

the police departments simply hang on to it,

สถานีตำรวจจึงไม่ลบข้อมูลทิ้ง

just in case it could be useful someday.

เพียงแค่เผื่อไว้ในกรณี ที่อาจจะเป็นประโยชน์สักวันหนึ่ง

The issue is not just that one police department

แต่ประเด็นไม่ใช่แค่ว่า สถานีตำรวจหนึ่งแห่ง

is gathering this information in isolation

กำลังรวบรวมข้อมูลเหล่านี้แยกกัน

or even that multiple police departments are doing it.

หรือ หลายสถานีตำรวจร่วมกันทำ

At the same time, the federal government

ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลกลาง

is collecting all of these individual pots of data,

ก็กำลังเก็บข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เหล่านี้

and pooling them together into one vast database

และรวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่

with hundreds of millions of hits,

ที่ทำให้พบข้อมูลที่ค้นหา จำนวนมหาศาล

showing where Americans have traveled.

ที่แสดงว่าชาวอเมริกาเดินทางไปที่ไหนบ้าง

This document from the Federal Drug Enforcement Administration,

เอกสารนี้ออกโดย สำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ

which is one of the agencies primarily interested in this,

ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายหน่วยงาน ที่สนใจต่อเรื่องนี้

is one of several that reveal the existence of this database.

เป็นหนึ่งในหลายที่ที่เปิดเผย ถึงการมีตัวตนของฐานข้อมูลนี้

Meanwhile, in New York City,

ในขณะเดียวกัน ที่นครนิวยอร์ค

the NYPD has driven police cars equipped with license plate readers

ตำรวจขับรถที่ติดตั้ง เครื่องอ่านป้ายทะเบียน

past mosques in order to figure out who is attending.

ผ่านมัสยิตเพื่อที่จะ ทราบว่าใครไปที่นั่นบ้าง

The uses and abuses of this technology aren't limited to the United States.

การใช้เทคโนโลยีในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้จำกัดอยู่ที่สหรัฐฯ เท่านั้น

In the U.K., the police department

ในอังกฤษ กรมตำรวจ

put 80-year-old John Kat on a plate reader watch list

ได้ใส่ชื่อจอน แคทวัย 80 ปี ในรายชื่อทะเบียนรถบุคคลต้องสงสัย

after he had attended dozens of lawful political demonstrations

เพราะเขาอยู่ในการประท้วงทางการเมือง ที่ถูกต้องตามกฎหมายหลายครั้ง

where he liked to sit on a bench and sketch the attendees.

ทั้งๆ ที่ เขาชอบไปนั่งอยู่ตามม้านั่ง และวาดภาพผู้ไปชุมนุม

License plate readers aren't the only mass location tracking technology

การอ่านป้ายทะเบียนไม่ได้เป็น เทคโนลียีการสอดแนมมวลชนแค่หนึ่งเดียว

available to law enforcement agents today.

ที่มีการนำไปใช้โดยผู้บังคับใช้กฎหมาย

Through a technique known as a cell tower dump,

เทคนิคเก็บข้อมูล จากเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

law enforcement agents can uncover who was using

ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ว่า ใครกำลังใช้

one or more cell towers at a particular time,

จากเสาส่งหนึ่งแห่งหรือมากกว่านั้น ณ เวลาขณะนั้น

a technique which has been known to reveal

เทคนิคนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าจะเปิดเผย

the location of tens of thousands and even hundreds of thousands of people.

ตำแหน่งของคนเป็นหมื่นๆ และเป็นแสนๆ คน

Also, using a device known as a StingRay,

และด้วยการใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า สติงเรย์ (StingRay)

law enforcement agents can send tracking signals

ผู้บังคับใช้กฎหมายสามารถส่งสัญญาณติดตาม

inside people's houses to identify the cell phones located there.

เข้าไปในบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อ หาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในนั้น

And if they don't know which house to target,

และถ้าเขาไม่ทราบว่าบ้านหลังไหน เป็นหลังเป้าหมาย

they've been known to drive this technology

เขาก็จะใช้เทคโนโลยีนี้

around through whole neighborhoods.

ค้นหาไปทั่วพื้นที่รอบๆ

Just as the police in Ferguson possess high-tech military weapons and equipment,

เหมือนกับที่ตำรวจที่เฟอร์กูสันมี อาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย

so too do police departments across the United States

สถานีตำรวจทั่วสหรัฐฯ ก็มีใช้เช่นเดียวกัน

possess high-tech surveillance gear.

อุปกรณ์สอดแนมล้ำยุค

Just because you don't see it,

แค่คุณไม่เห็นมัน

doesn't mean it's not there.

ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่

The question is, what should we do about this?

คำถามคือ เราจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง

I think this poses a serious civil liberties threat.

ฉันคิดว่านี่เป็นการการคุกคาม เสรีภาพของพลเรือนอย่างร้ายแรง

History has shown that once the police have massive quantities of data,

ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อใดที่ตำรวจมีข้อมูลขนาดใหญ่

tracking the movements of innocent people,

ที่ใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้บริสุทธิ์

it gets abused, maybe for blackmail, maybe for political advantage,

อาจมีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เพื่อแบล็กเมล์ หรือผลประโยชน์ทางการเมือง

or maybe for simple voyeurism.

หรืออาจเพียงเพื่อความสุขจากการแอบมอง

Fortunately, there are steps we can take.

โชคดีที่มีมาตรการที่เราทำได้

Local police departments can be governed by the city councils,

สถานีตำรวจท้องถิ่น สามารถถูกกำกับดูแลโดยสภาเทศบาล

which can pass laws requiring the police

ซึ่งจะผ่านกฎหมายที่เรียกร้องให้ตำรวจ

to dispose of the data about innocent people

ลบข้อมูลของประชาชนผู้บริสุทธิ์ทิ้งไป

while allowing the legitimate uses of the technology to go forward.

โดยยอมให้การใช้เทคโนโลยี ที่ถูกกฎหมายยังคงดำเนินการต่อไปได้

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause).

(เสียงปรบมือ)