Peter Singer: The why and how of effective altruism

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Chatthip Chaichakan Reviewer: Bank Light

There's something that I'd like you to see.

มีบางอย่างที่ผมอยากจะให้คุณดูครับ

(Video) Reporter: It's a story that's deeply unsettled

(วีดีโอ) ผู้สื่อข่าว: นี่เป็นเรื่องราวที่เขย่าขวัญ

millions in China:

ผู้คนนับล้านในประเทศจีน

footage of a two-year-old girl

ภาพวีดีโอของเด็กหญิงอายุสองขวบ

hit by a van and left bleeding in the street by passersby,

ที่ถูกรถตู้ชนแล้วถูกทิ้งให้เลือดนองอยู่บนถนนโดยผู้คนที่ผ่านไปมา

footage too graphic to be shown.

วีดีโอนั้นจะแจ้งเกินกว่าจะเปิดให้ดูได้

The entire accident is caught on camera.

อุบัติเหตุทั้งหมดถูกบันทึกไว้ด้วยกล้อง

The driver pauses after hitting the child,

คนขับหยุดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่ชนเด็กน้อย

his back wheels seen resting on her for over a second.

ล้อหลังของเขาหยุดอยู่บนตัวเธอนานกว่าหนึ่งวินาที

Within two minutes, three people pass two-year-old Wang Yue by.

ภายในสองนาที มีคนสามคนเดินผ่านหนูน้อย หวาง ยู่ (Wang Yue) ซึ่งอายุ 2 ขวบ

The first walks around the badly injured toddler completely.

คนแรกเดินผ่านเด็กทารกที่เจ็บสาหัสไปเลย

Others look at her before moving off.

คนอื่นมองเธอแล้วก็จากไป

Peter Singer: There were other people

ปีเตอร์ ซิงเกอร์: มีคนอื่นๆ

who walked past Wang Yue,

เดินผ่าน หวาง ยู่ อีก

and a second van ran over her legs

และรถตู้คนที่สองก็วิ่งทับขาของเธอ

before a street cleaner raised the alarm.

ก่อนที่คนทำความสะอาดถนนจะส่งเสียงร้องเตือน

She was rushed to hospital, but it was too late. She died.

เธอถูกรุดส่งโรงพยาบาล แต่มันสายเกินไป เธอได้เสียชีวิตก่อน

I wonder how many of you, looking at that,

ผมสงสัยว่ามีสักกี่คนในพวกคุณ ดูแล้ว

said to yourselves just now, "I would not have done that.

บอกกับตัวเองเดี๋ยวนี้เลยว่า "ฉันไม่มีทางทำแบบนั้น

I would have stopped to help."

ฉันจะหยุดเพื่อช่วย"

Raise your hands if that thought occurred to you.

ยกมือครับถ้าความคิดนั้นเกิดขึ้นกับคุณ

As I thought, that's most of you.

อย่างที่ผมคิด นั่นเป็นส่วนใหญ่ของพวกคุณเลย

And I believe you. I'm sure you're right.

และผมเชื่อพวกคุณ ผมแน่ใจว่าพวกคุณถูก

But before you give yourself too much credit,

แต่ก่อนที่จะให้พวกคุณเครดิตตัวเองมากไปกว่านี้

look at this.

ดูนี่ครับ

UNICEF reports that in 2011,

องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) รายงานว่า เมื่อปี 2011

6.9 million children under five

เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ จำนวน 6.9 ล้านคน

died from preventable, poverty-related diseases.

ตายจากโรคที่เกิดจากความยากจนและป้องกันได้

UNICEF thinks that that's good news

ยูนิเซฟคิดว่า นั่นเป็นข่าวดี

because the figure has been steadily coming down

เพราะตัวเลขได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

from 12 million in 1990. That is good.

จาก 12 ล้าน ในปี 1990 นั่นเป็นเรื่องดี

But still, 6.9 million

ยังไงก็แล้วแต่ 6.9 ล้าน

is 19,000 children dying every day.

หมายความว่าเด็ก 19,000 คนตายลงไปในแต่ละวัน

Does it really matter

มันใช่ประเด็นที่ว่า

that we're not walking past them in the street?

เราไม่ได้เดินผ่านพวกเขาในถนนหรือไม่?

Does it really matter that they're far away?

มันใช่ประเด็นที่ว่า พวกเขาอยู่ไกลออกไปหรือไม่?

I don't think it does make a morally relevant difference.

ผมไม่คิดว่า มันสร้างความแตกต่างทางจริยธรรมที่เกี่ยวข้องเท่าไหร่นัก

The fact that they're not right in front of us,

ความจริงก็คือว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ตรงหน้าเรา

the fact, of course, that they're of a different nationality

ความจริงก็คือว่า แน่นอน พวกเขามาจากหลายเชื้อชาติ

or race, none of that seems morally relevant to me.

หรือชาติพันธุ์ ไม่มีอะไรในนั้นที่ดูเกี่ยวข้องด้านจริยธรรมสำหรับผม

What is really important is,

สิ่งที่สำคัญจริงๆก็คือว่า

can we reduce that death toll? Can we save

เราจะลดจำนวนการตายลงได้ไหม?

some of those 19,000 children dying every day?

เราจะป้องกันบางส่วนของเด็ก 19,000 คน ที่กำลังตายในแต่ละวัน เหล่านั้น ได้หรือไม่?

And the answer is, yes we can.

และคำตอบคือว่า ได้ เราทำได้

Each of us spends money

เราแต่ละคนใช้จ่ายเงินไปกับ

on things that we do not really need.

สิ่งของที่พวกเราไม่ได้ต้องการมันจริงๆ

You can think what your own habit is,

คุณสามารถคิดถึงนิสัยของคุณ

whether it's a new car, a vacation

ไม่ว่าจะเป็นรถคันใหม่ ทริปวันหยุด

or just something like buying bottled water

หรือบางอย่างที่แค่ซื้อน้ำบรรจุขวด

when the water that comes out of the tap

ทั้งๆที่น้ำที่ออกมาจากก๊อก

is perfectly safe to drink.

ปลอดภัย 100% สำหรับดื่ม

You could take the money you're spending

คุณสามารถเอาเงินที่ใช้ไปกับ

on those unnecessary things

สิ่งของไม่จำเป็นเหล่านั้น

and give it to this organization,

ไปให้กับหน่วยงานนี้ได้

the Against Malaria Foundation,

มูลนิธิต้านโรคมาลาเรีย (Against Malaria Foundation)

which would take the money you had given

ซึ่งจะนำเงินของคุณ

and use it to buy nets like this one

ไปซื้อมุ้งอย่างอันนี้

to protect children like this one,

เพื่อปกป้องเด็กๆอย่างนี้

and we know reliably that if we provide nets,

และเรารู้แน่ว่า ถ้าเรามีมุ้งให้

they're used, and they reduce the number of children

มันถูกใช้ และมันจะลดจำนวนของเด็ก

dying from malaria,

ที่ตายจากมาลาเรีย

just one of the many preventable diseases

หนึ่งในโรคจำนวนมากที่ป้องกันได้

that are responsible for some of those 19,000 children

ที่เป็นสาเหตุการตายของเด็กบางคนจาก 19,000 คน

dying every day.

ที่ตายไปในแต่ละวัน

Fortunately, more and more people

โชคดีครับ คนจำนวนมากขึ้นๆ

are understanding this idea,

เข้าใจความคิดนี้

and the result is a growing movement:

และผลลัพธ์ก็คือ การเคลื่อนไหวที่กำลังขยายวงกว้างขึ้น

effective altruism.

ซึ่งถูกเรียกว่า "การคำนึงถึงผู้อื่นที่มีประสิทธิผล" (อัญญนิยม)

It's important because it combines both the heart and the head.

มันสำคัญเพราะมันเชื่อมโยงทั้งหัวใจและสมอง

The heart, of course, you felt.

หัวใจ แน่นอนว่า คุณรู้สึก

You felt the empathy for that child.

คุณรู้สึกได้ถึงความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อเด็กคนนั้น

But it's really important to use the head as well

แต่มันสำคัญมากที่จะต้องใช้สมองด้วย

to make sure that what you do is effective and well-directed,

เพื่อจะแน่ใจว่าสิ่งที่คุณทำมีประสิทธิภาพและไปในทิศทางที่ถูกต้อง

and not only that, but also I think reason helps us

และไม่ใช่แค่นั้น มันยังรวมไปถึง การมีเหตุผลช่วยเรา

to understand that other people, wherever they are,

ให้เข้าใจได้ว่า คนอื่นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน

are like us, that they can suffer as we can,

ก็เหมือนเรา พวกเขาเจ็บปวดทรมานเป็นเหมือนเรา

that parents grieve for the deaths of their children,

พ่อแม่ก็เศร้าโศกต่อการตายของลูกของพวกเขา

as we do,

เช่นเดียวหากเราเป็นเขา

and that just as our lives and our well-being matter to us,

และเช่นเดียวกันกับที่ชีวิตและความกินดีอยู่ดีของเรามีความสำคัญต่อเรา

it matters just as much to all of these people.

มันก็สำคัญพอๆกับพวกเขาเหล่านี้เช่นกัน

So I think reason is not just some neutral tool

ดังนั้นผมคิดว่า เหตุผลไม่ใช่แค่เครืองมือที่เป็นกลางบางอย่าง

to help you get whatever you want.

ที่จะช่วยให้คุณได้มาซึ่งอะไรก็ตามที่คุณอยากได้

It does help us to put perspective on our situation.

มันช่วยเราให้มีมุมมองต่อสถานการณ์ของเรา

And I think that's why

และผมคิดว่านั้นเป็นเหตุผลที่ว่า

many of the most significant people in effective altruism

คนสำคัญๆหลายคนที่เกี่ยวข้องกับ การคำนึงถึงผู้อื่นที่มีประสิทธิผล

have been people who have had backgrounds

ได้มีภูมิหลัง

in philosophy or economics or math.

มาจากด้านปรัชญาหรือเศรษฐศาสตร์หรือคณิตศาสตร์

And that might seem surprising,

และนั้นอาจจะดูน่าประหลาดใจ

because a lot of people think,

เพราะคนจำนวนมากคิดว่า

"Philosophy is remote from the real world;

"ปรัชญานั้นห่างจากโลกแห่งความจริง

economics, we're told, just makes us more selfish,

เราถูกบอกว่า เศรษฐศาสตร์มีแต่จะทำให้เราเห็นแก่ตัว

and we know that math is for nerds."

และเรารู้ว่า คณิตศาสตร์นั้นสำหรับพวกคงแก่เรียน"

But in fact it does make a difference,

แต่จริงๆแล้ว มันทำให้เกิดความแตกต่าง

and in fact there's one particular nerd

และมีพวกคงแก่เรียนคนหนึ่ง

who has been a particularly effective altruist

ที่เป็นนักเสียสละเพื่อผู้อื่นอย่างมีประสิทธิผลอย่างชัดเจน

because he got this.

เพราะเขาเข้าใจสิ่งนี้

This is the website of the Bill & Melinda Gates Foundation,

นี่คือเว็บไซต์ของมูลนิธิบิลล์และเมลินดา เกตส์

and if you look at the words on the top right-hand side,

และถ้าคุณดูที่คำที่อยู่ตรงด้านขวาบน

it says, "All lives have equal value."

มันบอกว่า "ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน"

That's the understanding,

นั่นคือความเข้าใจ

the rational understanding of our situation in the world

ความเข้าใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล เกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมของพวกเราในโลกนี้

that has led to these people

ที่ได้นำไปสู่คนเหล่านี้

being the most effective altruists in history,

ที่เป็นนักเอื้ัอเฟื้ออย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์

Bill and Melinda Gates and Warren Buffett.

ก็คือ บิลล์และเมลินดา เกตส์ และวอร์เรน บัฟเฟต์

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

No one, not Andrew Carnegie, not John D. Rockefeller,

ไม่เคยมีเศรษฐีหน้าไหนมาก่อนเลย

ไม่ว่าจะเป็นแอนดรู คาร์เนกี้ (Andrew Carnegie) หรือ จอห์น รอคกี้เฟลเลอร์ (John D. Rockefeller)

has ever given as much to charity

ที่จะบริจาคมากเท่า ใครคนใดคนหนึ่งในสามคนดังกล่าวนี้

as each one of these three,

and they have used their intelligence

และพวกเขาได้ใช้ความสามารถทางปัญญาของพวกเขา

to make sure that it is highly effective.

ในการทำให้แน่ใจว่ามันจะมีประสิทธิผลอย่างสูง

According to one estimate, the Gates Foundation

จากงานประเมินชิ้นหนึ่ง มูลนิธิเกตส์

has already saved 5.8 million lives

ได้ช่วยชีวิตคน 5.8 ล้านคนไว้แล้ว

and many millions more, people, getting diseases

และอีกหลายล้านคนที่เป็นโรค

that would have made them very sick,

ที่จะทำให้พวกเขาป่วยหนักมาก

even if eventually they survived.

สุดท้ายแล้วพวกเขาก็รอดชีวิต

Over the coming years, undoubtably the Gates Foundation

ในอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามูลนิธิเกตส์

is going to give a lot more,

คงจะให้มากกว่านี้อีกเยอะ

is going to save a lot more lives.

และช่วยชีวิตได้อีกมาก

Well, you might say, that's fine if you're a billionaire,

คุณอาจจะบอกว่า นั่นมันก็โอเคสิ ถ้าคุณเป็นมหาเศรษฐี

you can have that kind of impact.

คุณสามารถทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกขนาดนั้นได้

But if I'm not, what can I do?

แต่ถ้าฉันไม่ใช่ ฉันจะทำอะไรได้

So I'm going to look at four questions that people ask

ดังนั้น ผมจะดูที่ 4 คำถามที่ผู้คนกังขา

that maybe stand in the way of them giving.

ที่อาจทำให้พวกเขาลังเลในการให้

They worry how much of a difference they can make.

พวกเขากังวลว่า ความแตกต่างขนาดไหนที่พวกเขาจะทำให้มันเกิดขึ้นได้

But you don't have to be a billionaire.

แต่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเศรษฐีพันล้าน

This is Toby Ord. He's a research fellow in philosophy

นี่คือ โทบี้ ออร์ด (Toby Ord) เขาเป็นนักวิจัยด้านปรัชญา

at the University of Oxford.

ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

He became an effective altruist when he calculated

เขากลายมาเป็นนักให้เห็นใจผู้อื่นที่ทรงประสิทธิผล เมื่อเขาคำนวณว่า

that with the money that he was likely to earn

ด้วยเงินเท่าที่เขาน่าจะหาได้

throughout his career, an academic career,

ตลอดช่วงชีวิตการทำงานของเขา ชีวิตนักวิชาการของเขา

he could give enough to cure 80,000 people of blindness

เขาสามารถให้ได้มากพอที่จะรักษาคนตาบอดได้ 80,000 คน

in developing countries

ในประเทศกำลังพัฒนา

and still have enough left

และยังมีเงินเหลือพอสำหรับ

for a perfectly adequate standard of living.

มาตรฐานชีวิตที่เพียงพออย่างสมฐานะ

So Toby founded an organization

ดังนั้น โทบี้ได้ตั้งองค์กรหนึ่งขึ้น

called Giving What We Can to spread this information,

ชื่อว่า "ให้เท่าที่เราทำได้ (Giving What We Can)" เพื่อที่จะกระจายข้อมูลนี้

to unite people who want to share some of their income,

เพื่อรวบรวมผู้คนที่ต้องการจะแบ่งปันบางส่วนของรายได้ของพวกเขา

and to ask people to pledge to give 10 percent

และขอให้พวกเขาสัญญาว่าจะให้ 10 เปอร์เซ็นต์

of what they earn over their lifetime

ของเงินที่พวกเขาหามาได้ในช่วงชีวิตของพวกเขา

to fighting global poverty.

ในการต่อสู้กับความยากจนระดับโลก

Toby himself does better than that.

โทบี้เองทำได้ดีกว่านั้น

He's pledged to live on 18,000 pounds a year --

เขาสัญญาว่าจะใช้ชีวิตด้วยเงิน 18,000 ปอนด์ต่อปี

that's less than 30,000 dollars --

นั่นน้อยกว่า 30,000 ดอลลาร์

and to give the rest to those organizations.

และจะให้ส่วนที่เหลือแก่องค์กรเหล่านั้น

And yes, Toby is married and he does have a mortgage.

และใช่ครับ โทบี้แต่งงานแล้วและเขาก็มีบ้านต้องผ่อนด้วย

This is a couple at a later stage of life,

นี่เป็นคู่รักที่อยู่ในช่วงท้ายของชีวิต

Charlie Bresler and Diana Schott,

ชาร์ลี เบรสเลอร์ (Charlie Bresler) และไดอาน่า สคอท (Diana Schott)

who, when they were young, when they met,

ผู้ซึ่ง เมื่อตอนที่พวกเขาอายุยังน้อย เมื่อตอนที่พวกเขาเจอกัน

were activists against the Vietnam War,

เป็นนักต่อต้านสงครามเวียดนาม

fought for social justice,

ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางสังคม

and then moved into careers, as most people do,

และแล้วก็เข้าสู่เส้นทางการทำงาน อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกัน

didn't really do anything very active about those values,

พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ดูกระตือรือร้นเกี่ยวกับค่านิยมพวกนั้นอีก

although they didn't abandon them.

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เพิกเฉยมันก็เถอะ

And then, as they got to the age at which many people

และแล้ว ในตอนที่พวกเขาเข้าสู่ช่วงอายุที่หลายคน

start to think of retirement, they returned to them,

เริ่มที่จะคิดถึงการเกษียณ พวกเขาย้อนกลับมาหาค่านิยมเหล่านั้น

and they've decided to cut back on their spending,

และพวกเขาได้ตัดสินใจลดทอนการใช้จ่ายของพวกเขา

to live modestly, and to give both money and time

เพื่อใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และให้ทั้งเวลาและเงิน

to helping to fight global poverty.

ในการช่วยต่อสู้ความยากจนระดับโลก

Now, mentioning time might lead you to think,

ตอนนี้ พอพูดถึงเวลา อาจะทำให้คุณคิดไปถึงว่า

"Well, should I abandon my career and put all of my time

"อืม หรือว่าฉันควรละทิ้งงานของฉันและให้เวลาทั้งหมดของฉัน

into saving some of these 19,000 lives

ในการช่วยเหลือชีวิต 19,000 ชีวิตนั้น

that are lost every day?"

ที่สูญเสียไปในทุกๆวัน"

One person who's thought quite a bit about this issue

คนๆหนึ่งที่เฝ้าคิดถึงเรื่องนี้

of how you can have a career that will have

เกี่ยวกับว่าคุณจะมีอาชีพที่จะ

the biggest impact for good in the world is Will Crouch.

มีผลกระทบในทางดีต่อโลกได้ยังไงคือ วิล เคราช์ (Will Crouch)

He's a graduate student in philosophy,

เขาเป็นนักศึกษา ป.โท ด้านปรัชญา

and he's set up a website called 80,000 Hours,

และเขาได้สร้างเว็บไซต์ที่ชื่อว่า 80,000 Hours (80,000 ชั่วโมง)

the number of hours he estimates

จำนวนชั่วโมงที่เขาประมาณเอาไว้ว่า

most people spend on their career,

คนส่วนใหญ่ใช้่ไปในการประกอบอาชีพของพวกเขา

to advise people on how to have the best,

เพื่อให้คำแนะกับผู้คนเกี่ยวกับการที่จะมี

most effective career.

อาชีพที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดได้อย่างไร

But you might be surprised to know

แต่คุณอาจจะประหลาดใจที่จะได้รู้ว่า

that one of the careers that he encourages people to consider,

หนึ่งในอาชีพที่เขาสนับสนุนให้ผู้คนทั้งหลายพิจารณาดู

if they have the right abilities and character,

ถ้าหากว่าพวกเขามีความสามารถและบุคลิกที่เข้ากัน

is to go into banking or finance.

ก็คือ เข้าสู่แวดวงธนาคารหรือการเงิน

Why? Because if you earn a lot of money,

ทำไมน่ะหรอครับ เพราะถ้าคุณหาเงินได้มาก

you can give away a lot of money,

คุณก็สามารถให้ได้มาก

and if you're successful in that career,

และถ้าคุณประสบความสำเร็จในสายอาชีพนั้น

you could give enough to an aid organization

คุณก็จะให้แก่องค์กรให้ความช่วยเหลือได้มากพอ

so that it could employ, let's say, five aid workers

เพื่อที่ว่าองค์กรนั้นจะสามารถจ้าง เอาคร่าวๆนะครับนักช่วยเหลือได้ห้าคน

in developing countries, and each one of them

ในประเทศกำลังพัฒนา และแต่ละคนในกลุ่มนั้น

would probably do about as much good

อาจจะสามารถทำดีได้มาก

as you would have done.

พอๆกับที่คุณน่าจะได้ทำ

So you can quintuple the impact

ดังนั้น คุณสามารถสร้างผลกระทบได้ห้าเท่า

by leading that kind of career.

ด้วยการประกอบอาชีพนั้น

Here's one young man who's taken this advice.

นี่คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทำตามคำแนะนำนั้น

His name is Matt Weiger.

ชื่อของเขาคือ แมท ไวเกอร์ (Matt Weiger)

He was a student at Princeton in philosophy and math,

เขาเป็นนักศึกษาที่ปรินซ์ตัน (Princeton) ด้านปรัชญาและคณิตศาสตร์

actually won the prize for the best undergraduate philosophy thesis

ซึ่งจริงๆแล้วได้รางวัลวิทยานิพนธ์ดีเลิศระดับปริญญาตรี

last year when he graduated.

เมื่อปีที่แล้วตอนที่เขาเรียนจบ

But he's gone into finance in New York.

แต่เขาเข้าทำงานด้านการเงินที่นิวยอร์ก

He's already earning enough

เขาได้หาเงินมากพอ

so that he's giving a six-figure sum to effective charities

ที่เขาจะให้เงินหกหลักแก่ องค์กรการกุศลที่มีประสิทธิภาพทั้งหลาย

and still leaving himself with enough to live on.

และยังคงมีเงินเหลือพอสำหรับเขาที่จะใช้ชีวิต

Matt has also helped me to set up an organization

แมทยังช่วยผมในการจัดตั้งองค์กร

that I'm working with that has the name taken

ที่ผมกำลังทำอยู่ ซึ่งมีชื่อตาม

from the title of a book I wrote,

ชื่อหนังสือที่ผมเขียน

"The Life You Can Save,"

"ชีวิตที่คุณช่วยได้ (The Life You Can Save)"

which is trying to change our culture

ซึ่งพยายามที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมของพวกเรา

so that more people think that

เพื่อที่คนจำนวนมากขึ้นจะคิดว่า

if we're going to live an ethical life,

ถ้าหากเรากำลังจะมีชีวิืตที่เปี่ยมจริยธรรม

it's not enough just to follow the thou-shalt-nots

มันไม่พอหรอกที่จะแค่ทำตามคำสอนต่างๆ

and not cheat, steal, maim, kill,

แล้วก็ไม่โกง ไม่ขโมย ไม่ทำร้าย ไม่ฆ่า

but that if we have enough, we have to share some of that

แต่ถ้าพวกเรามีเพียงพอ เราต้องแบ่งปันบางส่วน

with people who have so little.

ให้กับผู้คนที่มีน้อยมาก

And the organization draws together people

และองค์กรที่นำเอาผู้คนจาก

of different generations,

หลายๆรุ่นเข้าด้วยกัน

like Holly Morgan, who's an undergraduate,

อย่างโฮลี่ มอร์แกน (Holly Morgan) ผู้ซึ่งเป็นนักศึกษา ป.ตรี

who's pledged to give 10 percent

ที่สัญญาว่าจะให้ 10 เปอร์เซ็นต์

of the little amount that she has,

ของเงินน้อยนิดที่เธอมี

and on the right, Ada Wan,

และทางขวานั่น อดา วัน (Ada Wan)

who has worked directly for the poor, but has now

ผู้ซึ่งทำงานโดยตรงกับคนยากจน แต่ตอนนี้

gone to Yale to do an MBA to have more to give.

ได้ไปเรียน MBA ที่เยล (Yale University) เพื่อที่จะมีมากขึ้นสำหรับที่จะให้

Many people will think, though,

แต่ หลายคนคงจะคิดว่า

that charities aren't really all that effective.

องค์กรการกุศลไม่ได้มีประสิทธิภาพซะทั้งหมดนี่ ใช่ไหม

So let's talk about effectiveness.

ดังนั้น เรามาคุยเรื่องประสิทธิภาพกันครับ

Toby Ord is very concerned about this,

โทบี้ ออร์ด เป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก

and he's calculated that some charities

และเขาได้คำนวณว่า องค์กรการกุศลบางแห่ง

are hundreds or even thousands of times

มีประสิทธิภาพมากกว่าหลายๆแห่ง

more effective than others,

เป็นร้อย เป็นพันเท่า

so it's very important to find the effective ones.

ดังนั้น มันสำคัญมากในการที่จะหา องค์กรที่มีประสิทธิภาพนั้น

Take, for example, providing a guide dog for a blind person.

ยกตัวอย่างเช่น สุนัขนำทางสำหรับคนตาบอด

That's a good thing to do, right?

นั่นเป็นเรื่องดีที่ควรทำ ใช่มั้ยครับ

Well, right, it is a good thing to do,

เอาล่ะ มันเป็นสิ่งดีที่ควรทำ

but you have to think what else you could do with the resources.

แต่คุณต้องคิดว่า แล้วอะไรอย่างอื่น ที่คุณทำได้บ้างกับทรัพยากรเหล่านี้

It costs about 40,000 dollars to train a guide dog

มันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 40,000 ดอลลาร์ ในการฝึกสุนัขนำทาง

and train the recipient so that the guide dog

และผู้ถูกนำทาง เพื่อที่ว่าสุนัขนำทาง

can be an effective help to a blind person.

จะได้ช่วยเหลือคนตาบอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

It costs somewhere between 20 and 50 dollars

มันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20 ถึง 50 ดอลลาร์

to cure a blind person in a developing country

ในการรักษาคนตาบอดในประเทศกำลังพัฒนา

if they have trachoma.

ถ้าหากพวกเขามีโรคริดสีดวงตา (trachoma)

So you do the sums, and you get something like that.

ดังนั้น เมื่อรวมเข้าด้วยกัน คุณจะได้อะไรประมาณนี้

You could provide one guide dog

คุณสามารถจัดหาสุนัขนำทางหนึ่งตัว

for one blind American,

ให้กับคนอเมริกันตาบอดหนึ่งคน

or you could cure between 400

หรือคุณจะสามารถรักษาคนตาบอดได้

and 2,000 people of blindness.

ประมาณ 400 ถึง 2,000 คน

I think it's clear what's the better thing to do.

ผมคิดว่ามันชัดเจนว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่ควรทำ

But if you want to look for effective charities,

แต่ถ้าคุณต้องการมองหาองค์กรการกุศลที่ทรงประสิทธิผล

this is a good website to go to.

นี่เป็นเว็บไซต์ที่ดีที่ควรเข้าไปดู

GiveWell exists to really assess the impact of charities,

GiveWell มีขึ้นเพื่อประเมินผลการทำงานขององค์กรการกุศล

not just whether they're well-run,

ไม่ใช่แค่ว่า พวกเขาถูกบริหารได้ดีหรือไม่

and it's screened hundreds of charities

และมันยังกรององค์กรการกุศลเป็นร้อยๆ

and currently is recommending only three,

และตอนนี้แนะนำเพียงแค่สามแห่ง

of which the Against Malaria Foundation is number one.

ซึ่งมีมูลนิธิต่อต้านมาลาเรีย (Against Malaria Foundation) เป็นองค์กรอันดับหนึ่ง

So it's very tough. If you want to look for other recommendations,

ดังนั้น มันยากมากถ้าหากคุณอยากมองหาคำแนะนำอื่นๆ

thelifeyoucansave.com and Giving What We Can

thelifeyoucansave.com และ Giving What We Can

both have a somewhat broader list,

ทั้งสองมีรายชื่อที่ค่อนข้างยาวกว่า

but you can find effective organizations,

แต่คุณสามารถหาองค์กรที่ทรงประสิทธิผล

and not just in the area of saving lives from the poor.

และไม่ได้เพียงแค่ทำเกี่ยวกับเรื่อง การรักษาชีวิตของคนยากจนเท่านั้น

I'm pleased to say that there is now also a website

ผมยินดีที่จะบอกว่า ตอนนี้มีเว็บไซต์

looking at effective animal organizations.

ที่ดูเรื่ององค์กรช่วยเหลือสัตว์ที่มีประสิทธิผล

That's another cause that I've been concerned about

นั่นเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ผมกังวลมาตลอด

all my life, the immense amount of suffering

ในช่วงชีวิตของผม ความทุกข์ทรมานจำนวนมาก

that humans inflict

ที่มนุษย์ได้ก่อให้เกิด

on literally tens of billions of animals every year.

ต่อสัตว์เป็นสิบๆพันล้านตัวทุกๆปี

So if you want to look for effective organizations

ดังนั้น ถ้าคุณอยากหาองค์กรที่มีประสิทธิผล

to reduce that suffering,

ที่ลดความทุกข์ทรมานเหล่านั้น

you can go to Effective Animal Activism.

คุณไปที่ Effective Animal Activism ได้

And some effective altruists think it's very important

และนักให้อย่างมีประสิทธิผลบางคนคิดว่ามันสำคัญมากๆ

to make sure that our species survives at all.

ที่จะทำให้แน่ใจว่า เผ่าพันธุ์ของพวกเราจะอยู่รอดได้จริงๆ

So they're looking at ways to reduce the risk of extinction.

ดังนั้น พวกเขามองหาวิธีที่จะลดความเสี่ยงในการสูญพันธุ์

Here's one risk of extinction that we all became aware of

นี่เป็นความเสียงในการสูญพันธุ์อันหนึ่ง ที่พวกเราทั้งหมดได้ตระหนัก

recently, when an asteroid passed close to our planet.

เมื่อเร็วๆนี้ ตอนที่ดาวเคราะห์น้อยโคจรเฉียดมายังโลกของเรา

Possibly research could help us not only to predict

บางที งานวิจัยไม่ได้เพียงช่วยเราทำนาย

the path of asteroids that might collide with us,

เส้นทางของดาวเคราะห์น้อยต่างๆที่อาจปะทะกับเราเข้า

but actually to deflect them.

แต่ยังช่วยเบี่ยงทิศทางของพวกมันด้วย

So some people think that would be a good thing to give to.

ดังนั้น บางคนคิดว่านั่นเป็นสิ่งดีๆที่ควรจะบริจาคให้

There's many possibilities.

มันมีความเป็นไปได้มากมาย

My final question is,

คำถามสุดท้ายของผมคือ

some people will think it's a burden to give.

บางคนอาจคิดว่า การให้เป็นภาระ

I don't really believe it is.

ผมไม่เชื่ออย่างนั้น

I've enjoyed giving all of my life

ผมมีความสุขกับการให้มาทั้งชีวิต

since I was a graduate student.

ตั้งแต่ผมยังเป็นนักศึกษา

It's been something fulfilling to me.

มันเป็นบางอย่างที่เติมเต็มผม

Charlie Bresler said to me that he's not an altruist.

ชาร์ลี เบรสเลอร์ (Charlie Bresler) พูดกับผมว่า เขาไม่ใช่นักการกุศล

He thinks that the life he's saving is his own.

เขาคิดว่าชีวิตที่เขากำลังรักษาคือชีวิตของเขา

And Holly Morgan told me that she used to battle depression

และโฮลี่ มอร์แกน บอกผมว่า เธอเคยต่อสู้กับโรคซึมเศร้า

until she got involved with effective altruism,

จนเมื่อเธอได้มีส่วนในการให้อย่างมีประสิทธิผล

and now is one of the happiest people she knows.

และตอนนี้ เธอเองเป็นหนึ่งในคนที่มีความสุขที่สุดทั้งหลายที่เธอรู้จัก

I think one of the reasons for this

ผมคิดว่าหนึ่งในเหตุผลสำหรับเรื่องนี้

is that being an effective altruist helps to overcome

ก็คือ การเป็นนักให้อย่างมีประสิทธิผลช่วยให้เราเอาชนะ

what I call the Sisyphus problem.

สิ่งที่ผมเรียกว่า ปัญหาซิสซิฟัส (Sisyphus)

Here's Sisyphus as portrayed by Titian,

นี่คือ ซิสซิฟัส วาดโดยทิเทียน (Titian)

condemned by the gods to push a huge boulder

ถูกลงโทษโดยทวยเทพให้ผลักหินกลมใหญ่

up to the top of the hill.

ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของภูเขา

Just as he gets there, the effort becomes too much,

แล้วทันทีที่เขาไปถึงที่นั่น ความพยายามที่มากไป

the boulder escapes, rolls all the way down the hill,

ลูกหินนั้นหนีไป แล้วกลิ้งลงไปตามเนินเขา

he has to trudge back down to push it up again,

เขาต้องเดินอย่างอิดโรยลงไปเพื่อผลักมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

and the same thing happens again and again

และสิ่งเดิมๆก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

for all eternity.

ชั่วกาลนาน

Does that remind you of a consumer lifestyle,

นี่ทำให้คุณนึกถึงวิถีชีวิตแบบผู้บริโภคบ้างมั้ยครับ

where you work hard to get money,

ชีวิตที่คุณทำงานเพื่อหาเงิน

you spend that money on consumer goods

คุณใช้เงินเหล่านั้นไปกับสินค้าทั้งหลาย

which you hope you'll enjoy using?

ซึ่งคุณก็หวังว่าคุณจะมีความสุขกับการใช้มัน

But then the money's gone, you have to work hard

แต่แล้วเมื่อเงินหมดไป คุณต้องทำงานหนัก

to get more, spend more, and to maintain

เพื่อหาให้มากขึ้น ใช้ให้มากขึ้น และเพื่อรักษา

the same level of happiness, it's kind of a hedonic treadmill.

ระดับเดิมของความสุข มันเป็นเหมือนกันลู่วิ่งแห่งความสุข

You never get off, and you never really feel satisfied.

คุณไม่มีทางหลุดพ้น และคุณไม่มีทางพอใจได้อย่างแท้จริง

Becoming an effective altruist gives you

การเป็นนักให้ผู้ทรงประสิทธิผลมอบ

that meaning and fulfillment.

ความหมายและการเติมเต็มให้กับคุณ

It enables you to have a solid basis for self-esteem

มันทำให้คุณมีรากฐานที่มั่นคงแห่งความภูมิใจในตัวเอง

on which you can feel your life was really worth living.

ที่ซึ่งคุณรู้สึกได้ว่าชีวิตของคุณมีค่าควรแก่การดำรงอยู่

I'm going to conclude by telling you

ผมกำลังจะสรุปโดยเล่าให้คุณฟัง

about an email that I received

ถึงอีเมล์ที่ผมได้รับ

while I was writing this talk just a month or so ago.

ตอนที่ผมกำลังเขียนบทพูดนี้อยู่เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว

It's from a man named Chris Croy, who I'd never heard of.

มันมาจากผู้ชายคนหนึ่งชื่อ คริส ครอย (Chris Croy) ผู้ซึ่งผมไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

This is a picture of him showing him recovering from surgery.

นี่เป็นรูปของเขาตอนที่เขากำลังพักฟื้นจากการผ่าตัด

Why was he recovering from surgery?

ทำไมเขากำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดน่ะเหรอ

The email began, "Last Tuesday,

อีเมล์เริ่มว่า "วันอังคารที่แล้ว

I anonymously donated my right kidney to a stranger.

ผมได้บริจาคไตข้างขวาของผมให้กับคนแปลกหน้า โดยไม่ประสงค์จะออกนาม

That started a kidney chain

นั่นเป็นจุดเริ่มของห่วงโซ่แห่งไต

which enabled four people to receive kidneys."

ที่ทำให้คนสี่คนได้รับไต"

There's about 100 people each year in the U.S.

มีคนประมาณ 100 คนทั่วสหรัฐฯ ในแต่ละปี

and more in other countries who do that.

และมากกว่านั้นในประเทศอื่นๆ ที่ทำแบบนั้น

I was pleased to read it. Chris went on to say

ผมดีใจที่ได้อ่านมัน คริสเขียนต่อไปว่า

that he'd been influenced by my writings in what he did.

การกระทำของเขาได้รับอิทธิพลจากงานเขียนของผม

Well, I have to admit, I'm also somewhat embarrassed by that,

เอาล่ะ ผมต้องยอมรับว่า ผมค่อนข้างจะละอายทีเดียวที่ได้ยินแบบนั้น

because I still have two kidneys.

เพราะผมยังมีไตสองข้าง

But Chris went on to say that he didn't think

แต่คริสยังเขียนต่อไปว่า เขาไม่ได้คิดว่า

that what he'd done was all that amazing,

สิ่งที่เขาที่เขาทำมันน่าทึ่งซะทั้งหมด

because he calculated that the number of life-years

เพราะเขาได้คำนวณว่า จำนวนปี

that he had added to people, the extension of life,

ที่เขาได้ให้กับคน การขยายช่วงชีวิตของพวกเขา

was about the same that you could achieve

มันพอๆกันกับ

if you gave 5,000 dollars to the Against Malaria Foundation.

ที่คุณให้เงิน 5,000 ดอลลาร์แก่มูลนิธิต่อต้านมาลาเรีย

And that did make me feel a little bit better,

และนั่นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

because I have given more than 5,000 dollars

เพราะผมได้ให้มากกว่า 5,000 ดอลลาร์

to the Against Malaria Foundation

กับมูลนิธิต่อต้านมาลาเรีย

and to various other effective charities.

และองค์กรอื่นๆแล้ว

So if you're feeling bad

ดังนั้น ถ้าคุณกำลังรู้สึกแย่

because you still have two kidneys as well,

เพราะคุณยังมีไตสองข้างอยู่ล่ะก็

there's a way for you to get off the hook.

ยังมีหนทางอื่นที่คุณจะทำได้อีกนะครับ

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)