Why do your jeans wear out so quickly? - Madhavi Venkatesan

Translator: prim nabi Reviewer: Napakchanun P. Dutta

The first pairs of jeans were designed for durability.

กางเกงยีนส์ตัวแรก ถูกออกแบบมาเพื่อความทนทาน

Named for the French city of Nîmes,

ตั้งชื่อตามเมืองนีมส์ของฝรั่งเศส

denim was constructed as a sturdy cotton weave worn by sailors.

ผ้าเดนิมถูกทำขึ้นจากผ้าฝ้ายทอ ที่มีความทนทานเพื่อให้กะลาสีเรือสวมใส่

This rugged material got even stronger in the 19th century,

วัสดุนี้ทนทานขึ้นอีกในศตวรรษที่ 19

when Levi Strauss and Jacob Davis added metal rivets to reinforce stress points.

เมื่อ นายลีวาย สเตราส์ และ นายเจคอบ เดวิส เสริมหมุดโลหะเข้าไปตรงจุดสำคัญ

Their design introduced a new brand of durable trousers

การออกแบบของพวกเขา ทำให้เกิดแบรนด์กางเกงขายาวที่ทนทาน

for California miners that could withstand years of wear and tear.

สำหรับนักขุดแร่ในแคลิฟอร์เนียที่สามารถ ทนทานต่อการสวมใส่และใช้งานได้นานนับปี

Over the course of the 20th century,

ตลอดช่วงศตวรรษที่ 20

these working-class pants have transformed into fashion icons.

กางเกงคนงานเหล่านี้ได้กลายเป็น ไอคอนทางด้านแฟชั่น

But as the demand for jeans has gone up, their durability has gone down.

แม้ความต้องการกางเกงยีนส์เพิ่มมากขึ้น แต่ความทนทานของมันกลับลดน้อยลง

Today, most pairs last no longer than a year.

ทุกวันนี้ กางเกงยีนส์ส่วนมาก มีอายุไม่เกินหนึ่งปี

And each new pair you buy has a much higher cost than you might think.

ยีนส์ทุกตัวที่คุณซื้อ ก็มีราคาสูงมากกว่าที่คุณคิด

Every pair of jeans begins its life in a cotton field.

กางเกงยีนส์ทุกตัวเริ่มต้นจากไร่ฝ้าย

It takes about 0.7 kilograms of cotton to produce a single pair of pants.

ซึ่งต้องใช้ฝ้ายประมาณ 0.7 กิโลกรัม เพื่อผลิตกางเกงยีนส์เพียงหนึ่งตัว

Growing this much cotton requires roughly 10,000 liters of water,

การปลูกฝ้ายปริมาณเท่านี้ ต้องใช้น้ำราว ๆ 10,000 ลิตร

not to mention various herbicides and pesticides,

นี่ยังไม่รวมสารกำจัดวัชพืช และยาฆ่าแมลงต่าง ๆ

which can contaminate groundwater.

ที่อาจปนเปื้อนลงสู่น้ำบาดาลได้

The cotton is harvested by hand or industrial machines

ฝ้ายจะถูกเก็บเกี่ยวด้วยมือหรือเครื่องจักร

and transported to textile factories where it’s spun into yarn.

และขนส่งไปยังโรงงานทอผ้า เพื่อจะปั่นเป็นเส้นด้าย

At this point, it’s typically combined with plastic fibers like spandex

ในขั้นตอนนี้ มันจะถูกนำไปรวมกับ เส้นใยพลาสติกอย่างสแปนเด็กซ์

to increase the yarn’s elasticity.

เพื่อเพิ่มความยึดหยุ่นให้เส้นด้าย

These plastic threads make modern jeans more comfortable and flexible,

ด้ายพลาสติกเหล่านี้ทำให้ยีนส์สมัยใหม่ ใส่สบายและยืดได้มากขึ้น

but also much less durable.

แต่ก็ทนทานน้อยลงมาก

Next, the yarn is dyed jeans’ trademark blue.

หลังจากนั้น เส้นด้ายจะถูกย้อมเป็นสียีนส์

Historically, this color came from natural plant-derived indigo.

ตามประวัติศาสตร์ สีนี้มาจาก สีครามที่ได้จากพืชธรรมชาติ

But most modern manufacturers use a synthetic dye

แต่ผู้ผลิตสมัยนี้ใช้สีสังเคราะห์

made from petroleum byproducts and toxic chemicals.

ที่ผลิตจากผลพลอยได้ของปิโตรเลียม และสารเคมีที่เป็นพิษ

Once dyed, the cotton-plastic blend is woven into denim sheets,

เมื่อย้อมสีแล้ว ผ้าฝ้ายที่ผสมกับพลาสติก จะถูกทอเป็นแผ่นผ้ายีนส์

which are then cut and sewn into jeans.

แล้วนำมาตัดเย็บเป็นกางเกงยีนส์

After assembly, some jeans undergo additional procedures

หลังประกอบเสร็จ ยีนส์บางตัวต้องผ่านขั้นตอนเพิ่มเติม

to get a distressed look.

เพื่อจะทำให้มันดูขาด ๆ

This often includes chemical sprays and multiple cycles of acid-washing,

ซึ่งจะมีการฉีดพ่นสารเคมี และการล้างด้วยกรดหลาย ๆ รอบ

the toxic runoff can turn rivers indigo-blue.

สารพิษที่ปล่อยออกมา สามารถเปลี่ยนสีแม่น้ำเป็นฟ้าครามได้เลย

Finally, there are the zippers, buttons, and rivets

ท้ายสุดก็จะมี ซิป กระดุม และหมุด

made of copper and other metals,

ที่ทำจากทองแดงและโลหะอื่น ๆ

whose mining is yet another source of environmental degradation.

ซึ่งการขุดเหมืองโลหะพวกนี้ ก็มีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อม

All in all, the manufacturing process for a single pair of jeans

สรุปก็คือ การผลิตยีนส์หนึ่งตัว

emits over 33 kilograms of carbon—

ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่า 33 กิโลกรัม

the equivalent of driving over 110 kilometers.

เทียบเท่ากับการขับรถมากกว่า 110 กิโลเมตร

But this process doesn't just damage the environment.

ขั้นตอนการผลิตนี้ ไม่เพียงแต่จะทำลายสิ่งแวดล้อม

Much of the world’s cotton is grown in developing countries,

ฝ้ายส่วนใหญ่ปลูกในประเทศกำลังพัฒนา

with poor labor practices and few protections for workers.

ซึ่งแนวปฏิบัติและความคุ้มครอง ด้านแรงงานแย่มาก

Cotton here is often picked by children or forced labor,

ฝ้ายที่นี่มักถูกเก็บ โดยเด็กหรือแรงงานบังคับ

and most jean manufacturing plants frequently expose workers

และโรงงานผลิตยีนส์ส่วนมาก มักปล่อยให้แรงงานเหล่านี้สัมผัสกับ

to toxic chemicals throughout production.

สารเคมีที่มีพิษตลอดการผลิต

One particularly dangerous technique called sandblasting

เทคนิคอันตรายอย่างหนึ่ง เรียกว่า การพ่นทราย

involves spraying jeans with fine sand at high pressures

ซึ่งเป็นการพ่นกางเกงยีนส์ ด้วยทรายละเอียดแรงดันสูง

and has been linked with numerous cases of incurable and often fatal lung disease.

เชื่อมโยงไปยังการเกิดโรคปอดในหลาย ๆ กรณี ที่รักษาไม่หายและมักทำให้เสียชีวิต

Like many globally produced products,

เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทั่วโลก

jeans are made in poor countries and bought in rich ones.

ยีนส์ถูกผลิตในประเทศที่ยากจน และถูกซื้อในประเทศที่ร่ำรวย

All these pants will likely be washed dozens or even hundreds of times per year.

กางเกงพวกนี้จะต้องถูกซัก หลายสิบครั้งหรือหลายร้อยครั้งต่อปี

This energy intensive process breaks down the plastics woven into each pair,

ขั้นตอนที่ต้องใช้พลังงานสูงนี้ ทำลายพลาสติกที่ทอเข้ากับกางเกง

releasing microplastics into the water

และปล่อยไมโครพลาสติกลงน้ำ

and, perhaps most ironic of all, shortening the jean’s lifespan.

และทำให้อายุการใช้งานของยีนส์ลดลง

Like most waste, discarded jeans end up in landfills,

เหมือนขยะทั่วไป กางเกงยีนส์ที่ถูกทิ้ง จะไปที่หลุมฝังกลบขยะ

where their decomposition releases methane gas,

และการย่อยสลายจะปล่อยก๊าซมีเทน

while their dyes and plastics leach into the soil and groundwater.

ในขณะที่สีย้อมและพลาสติก ไหลลงดินและน้ำบาดาล

Some companies are working on solutions here,

บางบริษัทกำลังแก้ปัญหานี้อยู่

from using organic cotton to recycling and reusing denim.

ด้วยการใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิค ไปจนถึงการรีไซเคิลและนำผ้ายีนส์กลับมาใช้

You can also help reduce the environmental impact of your favorite pants

คุณก็สามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากกางเกงตัวโปรดของคุณได้

by buying used jeans and buying fewer pairs altogether.

ด้วยการซื้อกางเกงยีนส์มือสอง และซื้อให้น้อยลง

Denim manufacturers also recommend only washing your jeans once every 10 wears.

ผู้ผลิตยีนส์ยังแนะนำอีกว่า กางเกงยีนส์ควรซักหลังการใส่สิบครั้ง

And, when possible, air dry your pants to reduce energy consumption.

และหากเป็นไปได้ ให้ใช้การตากลม เพื่อลดการใช้พลังงาน

Life cycle and labor problems like these extend far beyond just jeans.

วงจรชีวิตและปัญหาแรงงานเช่นนี้ ไม่ได้มีแค่กางเกงยีนส์

Some governments are pursuing policies to make companies more responsible

รัฐบาลบางประเทศกำลังดำเนินนโยบาย เพื่อให้บริษัทมีความรับผิดชอบมากขึ้น

for worker pay and welfare,

ต่อค่าจ้างและสวัสดิการแรงงาน

but unsustainable practices still run rampant throughout the fashion industry.

แต่การปฏิบัติที่ไม่ยั่งยืน ยังคงมีอยู่ทั่ววงการอุตสาหกรรมแฟชั่น

So when the price tags on your clothes seem like a steal,

ดังนั้น เมื่อเห็นป้ายราคาเสื้อผ้า ที่ราคาถูกมาก ๆ เหมือนได้ฟรี

it’s important to consider who’s actually being robbed.

ลองคิดดูว่า ใครกันแน่ ที่กำลังปล้นเงินคุณไปใช้ฟรี ๆ