When is a pandemic over?

Translator: Natthaphan-on K Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Consider this unfortunately familiar scenario.

ลองนึกถึงสถานการณ์ น่าเศร้าที่คุ้นเคยนี้

Several months ago a highly infectious, sometimes deadly respiratory virus

หลายเดือนก่อน โรคติดเชื้อไวรัส ทางเดินหายใจที่อาจอันตรายถึงชีวิต

infected humans for the first time.

ได้แพร่ระบาดในมนุษย์เป็นครั้งแรก

It then proliferated faster than public health measures

จากนั้นก็แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่มาตรการทางสาธารณสุข

could contain it.

จะรับมือได้

Now the World Health Organization (WHO) has declared a pandemic,

ตอนนี้องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศภาวะโรคระบาด

meaning that it’s spreading worldwide.

ซึ่งหมายความว่าไวรัสได้กระจายตัวไปทั่วโลก

The death toll is starting to rise and everyone is asking the same question:

ยอดผู้เสียชีวิตเริ่มสูงขึ้น และทุกคนต่างถามคำถามเดียวกัน

when will the pandemic end?

เมื่อไรโรคระบาดจะจบสิ้น?

The WHO will likely declare the pandemic over

องค์การอนามัยโลกน่าจะประกาศสิ้นสุดการระบาด

once the infection is mostly contained

เมื่อสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เกือบหมด

and rates of transmission drop significantly throughout the world.

และเมื่ออัตราการติดเชื้อลดลง อย่างเห็นได้ชัดทั่วโลก

But exactly when that happens depends on what global governments choose to do next.

แต่มันจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่นั้น ขึ้นอยู่ กับว่ารัฐบาลทั่วโลกจะทำอย่างไรต่อไป

They have three main options:

พวกเขามีทางเลือกสามทาง

Race through it, Delay and Vaccinate, or Coordinate and Crush.

รีบดำเนินการ, ยื้อเวลาและสร้างวัคซีน, หรือร่วมมือกันสู้กับมัน

One is widely considered best, and it may not be the one you think.

ทางเลือกที่หนึ่งเหมือนจะดีที่สุด และอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่คุณคิด

In the first, governments and communities do nothing to halt the spread

ทางเลือกที่หนึ่ง รัฐบาลและสังคม ไม่ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด

and instead allow people to be exposed as quickly as possible.

และปล่อยให้เกิดการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว

Without time to study the virus,

เมื่อไม่มีเวลาที่จะศึกษาไวรัสนี้

doctors know little about how to save their patients,

แพทย์รู้วิธีรักษาคนไข้น้อยมาก

and hospitals reach peak capacity almost immediately.

และโรงพยาบาลมีจำนวนคนไข้ เต็มอัตราที่ัรับได้แทบจะทันที

Somewhere in the range of millions to hundreds of millions of people die,

มีผู้เสียชีวิตหลายล้านถึงร้อยล้านคน

either from the virus or the collapse of health care systems.

ทั้งที่เกิดจากการติดเชื้อ และความล้มเหลวของระบบสาธารณสุข

Soon the majority of people have been infected

ไม่นานผู้คนจำนวนมากจะติดเชื้อ

and either perished or survived by building up their immune responses.

และถ้าไม่เสียชีวิต ก็จะอยู่รอด โดยการสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง

Around this point herd immunity kicks in,

ณ จุดนี้ภูมิคุ้มกันระดับชุมชนจะเกิดขึ้น

where the virus can no longer find new hosts.

ซึ่งไวรัสจะไม่สามารถแพร่กระจายต่อไปได้

So the pandemic fizzles out a short time after it began.

และการระบาดก็จะหยุดลง ในเวลาอันสั้น

But there’s another way to create herd immunity

แต่มีอีกวิธีที่จะสร้าง ภูมิคุ้มกันระดับชุมชน

without such a high cost of life.

โดยปราศจากการเสียชีวิตจำนวนมาก

Let’s reset the clock to the moment the WHO declared the pandemic.

เรามาย้อนเวลากลับไปตอนที่ องค์การอนามัยโลกประกาศภาวะโรคระบาด

This time, governments and communities around the world

ครั้งนี้ รัฐบาลและชุมชนทั่วโลก

slow the spread of the virus to give research facilities time

ชะลอการแพร่ระบาดของไวรัส เพื่อให้หน่วยงานวิจัยได้มีเวลา

to produce a vaccine.

ในการสร้างวัคซีน

They buy this crucial time through tactics that may include widespread testing

พวกเขาซื้อเวลาอันมีค่านี้ด้วยกลยุทธ์ที่ มีตั้งแต่การตรวจอย่างแพร่หลาย

to identify carriers,

เพื่อหาคนที่เป็นพาหะ

quarantining the infected and people they’ve interacted with,

กักตัวผู้ที่ติดเชื้อ และผู้สัมผัสใกล้ชิด

and physical distancing.

และการเว้นระยะห่างระหว่างกัน

Even with these measures in place, the virus slowly spreads,

แม้จะมีมาตรการเหล่านี้ ไวรัสก็ยังคงค่อยๆแพร่ไปเรื่อยๆ

causing up to hundreds of thousands of deaths.

นำไปสู่การเสียชีวิตนับร้อยนับพันคน

Some cities get the outbreak under control and go back to business as usual,

เมืองบางแห่งควบคุมการระบาดได้ และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

only to have a resurgence

แต่ดันพบกับการระบาดซ้ำ

and return to physical distancing when a new case passes through.

และต้องกลับมาเว้นระยะห่าง เมื่อเจอกับผู้ป่วยใหม่

Within the next several years,

ในไม่กี่ปี

one or possibly several vaccines become widely, and hopefully freely, available

วัคซีนตัวหนึ่งหรือหลายตัว จะมีใช้อย่างกว้างขวางและอาจจะฟรี

thanks to a worldwide effort.

ด้วยความพยายามจากทั่วโลก

Once 40-90% of the population has received it—

เมื่อประชากรประมาณ 40-90% ได้รับวัคซีน

the precise amount varying based on the virus—

ซึ่งจำนวนประชากรที่แน่นอนขึ้นอยู่กับไวรัส

herd immunity kicks in, and the pandemic fizzles out.

ภูมิคุ้มกันระดับชุมชนจะเกิดขึ้น และการแพร่ระบาดก็จะจบลง

Let’s rewind the clock one more time, to consider the final strategy:

เรามาย้อนเวลากลับไปกันอีกครั้ง เพื่อดูกลยุทธ์สุดท้าย

Coordinate and Crush.

ร่วมมือกันสู้

The idea here is to simultaneously starve the virus, everywhere,

หลักการก็คือการหยุดเชื้อในทุกที่อย่างทันที

through a combination of quarantine, social distancing, and restricting travel.

ด้วยการกักตัว การเว้นระยะห่าง และการจำกัดการเดินทาง

The critical factor is to synchronize responses.

ปัจจัยสำคัญคือการตอบโต้ที่ประสานกัน

In a typical pandemic, when one country is peaking,

โดยปกติในภาวะแพร่ระบาด เมื่อประเทศนึงกำลังถึงจุดวิกฤต

another may be getting its first cases.

อีกประเทศอาจพึ่งเจอผู้ป่วยรายแรกก็ได้

Instead of every leader responding to what’s happening in their jurisdiction,

แทนที่ผู้นำทุกคนจะตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเขตอำนาจของตัวเอง

here everyone must treat the world as the giant interconnected system it is.

ทุกคนควรจะทำเหมือนโลกของเรา เป็นระบบขนาดยักษ์ที่เชื่อมต่อกัน

If coordinated properly, this could end a pandemic in just a few months,

ถ้าร่วมมือกันอย่างดีแล้ว การระบาดอาจจบลงในเวลาไม่กี่เดือน

with low loss of life.

ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตเพียงเล็กน้อย

But unless the virus is completely eradicated— which is highly unlikely—

แต่ยกเว้นว่าไวรัสจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ต่ำมาก

there will be risks of it escalating to pandemic levels once again.

ความเสี่ยงที่ไวรัสจะกลับมา แพร่ระบาดอีกก็ยังมีอยู่

And factors like animals carrying and transmitting the virus

และปัจจัยอย่างการที่สัตว์เป็นพาหะนำเชื้อ

might undermine our best efforts altogether.

อาจทำลายสิ่งที่เราพยายามทำมาทั้งหมด

So which strategy is best for this deadly, infectious respiratory virus?

แล้ววิธีไหนกันล่ะ ที่ดีที่สุดในการขจัด โรคติดต่อทางเดินหายใจที่อันตรายถึงตายนี้

Racing through it is a quick fix, but would be a global catastrophe,

การรีบดำเนินการเป็นการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว แต่นั่นอาจกลายเป็นหายนะทั่วโลก

and may not work at all if people can be reinfected.

และอาจไม่ได้ผลเลย ถ้าคนสามารถติดเชื้อซ้ำได้

Crushing the virus through Coordination alone is also enticing for its speed,

การกำจัดไวรัสโดยการประสานงานกันอย่างเดียว ก็ดูน่าสนใจจากความเร็วของมัน

but only reliable with true and nearly impossible global cooperation.

แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการร่วมมือกัน อย่างแท้จริงทั่วโลก ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้

That’s why vaccination, assisted by as much global coordination as possible,

และนั่นทำให้การฉีดวัคซีน ประกอบกับการ ร่วมมือกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

is generally considered to be the winner;

ถือเป็นผู้ชนะ

it’s the slow, steady, and proven option in the race.

มันเป็นทางเลือกที่ช้า มั่นคง และได้รับการพิสูจน์แล้วในการแข่งขันนี้

Even if the pandemic officially ends before a vaccine is ready,

แม้ว่าการระบาดจะสิ้นสุดลง อย่างเป็นทางการก่อนที่วัคซีนจะพร้อม

the virus may reappear seasonally, so vaccines will continue to protect people.

ไวรัสก็อาจจะกลับมาตามฤดูกาล ซึ่งวัคซีนก็จะคอยปกป้องผู้คนต่อไป

And although it may take years to create,

และถึงมันอาจจะใช้เวลาเป็นปีในการผลิต

disruptions to most people’s lives won’t necessarily last the full duration.

ชีวิตที่หยุดชะงักของผู้คนส่วนใหญ่ จะไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นไปตลอด

Breakthroughs in treatment and prevention of symptoms

ความก้าวหน้าในการรักษาและการป้องกันโรค

can make viruses much less dangerous,

สามารถทำให้ไวรัสอันตรายน้อยลงไปอย่างมาก

and therefore require less extreme containment measures.

และทำให้มีมาตรการยับยั้งที่เข้มงวดน้อยลง

Take heart: the pandemic will end.

จงแกร่งไว้ การแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลง

Its legacy will be long-lasting, but not all bad;

วีรกรรมของมันจะคงอยู่เป็นเวลานาน แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมด

the breakthroughs, social services, and systems we develop

ความก้าวหน้า บริการสังคม และระบบที่เราได้พัฒนาขึ้น

can be used to the betterment of everyone.

สามารถใช้พาทุกคนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

And if we take inspiration from the successes

และถ้าเรานำความสำเร็จมาเป็นแรงบันดาลใจ

and lessons from the failures,

และเรียนรู้จากข้อผิดพลาด

we can keep the next potential pandemic so contained

เราก็จะสามารถควบคุมโรคระบาด ที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อไปได้

that our children’s children won’t even know its name.

ขนาดที่ลูกหลานของเรา จะไม่รู้แม้แต่ชื่อของมัน