Why do we, like, hesitate when we, um, speak? - Lorenzo García-Amaya

2,255,690 views ・ 2021-02-18

TED-Ed


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Chawanrat Sukhuwit Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant
00:06
For as long as we’ve had language, some people have tried to control it.
0
6579
4417
มีคนจำนวนหนึ่งพยายามควบคุมภาษา มานานตั้งแต่ที่เราเริ่มใช้มัน
00:10
And some of the most frequent targets of this communication regulation
1
10996
4042
และหนึ่งในสิ่งที่ตกเป็นเป้าหมายของ การกำหนดกฎเกณฑ์การสื่อสารบ่อยที่สุด
00:15
are the ums, ers, and likes that pepper our conversations.
2
15038
4750
ก็คือการใช้คำว่า อืม เอ่อ แบบว่า มาแทรกในระหว่างการสนทนา
00:19
Ancient Greek and Latin texts warned against speaking with hesitation,
3
19788
4708
ตำรากรีกและละตินโบราณ สอนให้เราเลี่ยงการพูดที่สื่อความลังเล
00:24
modern schools have tried to ban the offending terms,
4
24496
3417
โรงเรียนยุคใหม่พยายาม ห้ามไม่ให้ใช้คำพวกนี้
00:27
and renowned linguist Noam Chomsky dismissed these expressions as “errors”
5
27913
5083
หรือแม้แต่นักภาษาศาสตร์เลื่องชื่ออย่าง โนม ชอมสกี ก็บอกว่าคำพวกนี้เป็น “คำผิด”
00:32
irrelevant to language.
6
32996
1666
ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาษาเลย
00:34
Historically, these speech components had been lumped
7
34662
3167
ในทางประวัติศาสตร์ องค์ประกอบ ของภาษาพูดเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม
00:37
into the broader bucket of “disfluencies”—
8
37829
3208
ของสิ่งที่เรียกว่า “ความติดขัดทางภาษา” ---
00:41
linguistic fillers which distract from useful speech.
9
41037
4042
เป็นคำสร้อยที่คอยขัดจังหวะคำพูดดี ๆ
00:45
However, none of this controversy has made these so-called disfluencies less common.
10
45079
5500
แต่ไม่ว่าจะมีการต่อต้านมากแค่ไหน คำเหล่านี้ก็ยังถูกใช้อย่างแพร่หลายอยู่ดี
00:50
They continue to occur roughly 2 to 3 times per minute in natural speech.
11
50579
5083
พวกมันปรากฏอยู่ในการพูดของเรา ประมาณสองถึงสามครั้งในหนึ่งนาที
00:55
And different versions of them can be found in almost every language,
12
55662
3834
และเรายังพบคำเหล่านี้ได้ใน รูปแบบที่แตกต่างกันในเกือบทุกภาษา
00:59
including sign language.
13
59496
1958
รวมไปถึงภาษามือด้วย
01:01
So are ums and uhs just a habit we can’t break?
14
61454
4167
แล้วสรุปว่า อืม กับ เอ่อ เป็นแค่ ความเคยชินที่แก้ไม่ได้หรือเปล่า?
01:05
Or is there more to them than meets the ear?
15
65621
2750
หรือว่ามันมีเบื้องหลังอะไร มากกว่าสิ่งที่เราได้ยินกันนะ?
01:10
To answer this question, it helps to compare these speech components
16
70121
3792
ถ้าจะตอบคำถามนี้ เราอาจต้อง นำคำพวกนี้ไปเปรียบเทียบกับ
01:13
to other words we use in everyday life.
17
73913
2916
คำอื่น ๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
01:16
While a written word might have multiple definitions,
18
76829
2875
คำ ๆ หนึ่งในภาษาเขียน อาจมีได้หลายความหมาย
01:19
we can usually determine its intended meaning through context.
19
79704
4167
ซึ่งโดยปกติเราสามารถดูจากบริบท เพื่อเลือกความหมายที่เหมาะสม
01:23
In speech however, a word can take on additional layers of meaning.
20
83871
4958
แต่ในภาษาพูด คำ ๆ หนึ่ง อาจมีความหมายเพิ่มเติมได้
01:28
Tone of voice, the relationship between speakers,
21
88829
3167
ด้วยน้ำเสียง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สนทนา
01:31
and expectations of where a conversation will go
22
91996
3333
และความคาดหวังจากบนสนทนา
01:35
can imbue even words that seem like filler with vital information.
23
95329
5417
ทำให้แม้แต่คำที่ดูเหมือนเป็นแค่คำสร้อย ก็มีความหมายอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
01:40
This is where “um” and “uh” come in.
24
100746
3042
ตรงนี้แหละที่คำว่า “อืม” และ “เอ่อ” เข้ามามีบทบาท
01:43
Or “eh” and “ehm,” “tutoa” and “öö,” “eto” and “ano.”
25
103788
5708
หรือคำว่า “eh” กับ “ehm” “tutoa” กับ “öö” “eto” กับ “ano”
01:49
Linguists call these filled pauses, which are a kind of hesitation phenomenon.
26
109496
6500
นักภาษาศาสตร์เรียกคำพวกนี้ว่าเป็นตัวคั่น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แสดงถึงความลังเล
01:55
And these seemingly insignificant interruptions
27
115996
3083
และคำคั่นที่ดูเหมือนจะ ไม่มีความสำคัญอะไรเลยพวกนี้
01:59
are actually quite meaningful in spoken communication.
28
119079
4167
จริง ๆ แล้วนั้นมีความหมาย ในการสื่อสารด้วยภาษาพูดมากทีเดียว
02:03
For example, while a silent pause might be interpreted
29
123246
3500
ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดเราเงียบไป ระหว่างการสนทนา คู่สนทนาอาจคิดว่า
02:06
as a sign for others to start speaking,
30
126746
2500
เขาต้องพูดอะไรออกมาสักอย่าง
02:09
a filled pause can signal that you’re not finished yet.
31
129246
3667
คำที่มาคั่นระหว่างนั้น จึงเหมือนเป็น สัญญาณบอกว่าคุณยังพูดไม่จบ
02:13
Hesitation phenomena can buy time for your speech to catch up with your thoughts,
32
133496
5333
ปรากฏการณ์ความลังเลนี้สามารถยื้อเวลา ให้คุณเว้นช่วงคิดว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
02:18
or to fish out the right word for a situation.
33
138829
3959
หรือใช้เป็นจังหวะเพื่อสรรหาคำ ที่เหมาะกับสถานการณ์ตรงหน้า
02:23
And they don’t just benefit the speaker—
34
143621
2458
แล้วมันก็ไม่ได้แค่ดีต่อกับผู้พูดเท่านั้น--
02:26
a filled pause lets your listeners know an important word is on the way.
35
146079
5000
คำคั่นเหล่านี้ยังช่วยเตือนผู้ฟังด้วยว่า คุณกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่สำคัญออกมา
02:31
Linguists have even found that people are more likely
36
151079
3667
นักภาษาศาสตร์ยังพบอีกว่า ผู้คนมักจะ
02:34
to remember a word if it comes after a hesitation.
37
154746
4417
จำคำที่ตามหลังความลังเลออกมาได้มากกว่า
02:40
Hesitation phenomena aren’t the only parts of speech
38
160371
3083
ปรากฏการณ์ความลังเลนั้น ไม่ใช่แค่องค์ประกอบเดียวของภาษาพูด
02:43
that take on new meaning during dialogue.
39
163454
2542
ที่มีความหมายเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ในบทสนทนา
02:45
Words and phrases such as “like,” “well” or “you know”
40
165996
3750
คำและวลีอย่างเช่น “แบบว่า” “ก็” หรือ “นั่นแหละ”
02:49
function as discourse markers,
41
169746
2500
ก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำเชื่อม
02:52
ignoring their literal meaning to convey something about the sentence
42
172246
4417
ที่สื่อความหมายบางอย่างในประโยค โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหมายของตัวมันเอง
02:56
in which they appear.
43
176663
1500
ตอนที่อยู่เป็นคำโดด ๆ
02:58
Discourse markers direct the flow of conversation,
44
178163
3041
คำเชื่อมเหล่านี้มีบทบาทในการ กำหนดทิศทางของบทสนทนา
03:01
and some studies suggest that conscientious speakers
45
181204
3625
และมีบางรายงานพบว่า ผู้ที่ระมัดระวังในการใช้คำพูด
03:04
use more of these phrases to ensure everyone is being heard and understood.
46
184829
5209
มีปริมาณการใช้คำเหล่านี้สูงกว่า เพื่อย้ำการได้ยินและความเข้าใจของผู้ฟัง
03:10
For example, starting a sentence with “Look...”
47
190038
3250
ตัวอย่างเช่น การเริ่มต้นประโยค ด้วยคำว่า “ลองมาดู...”
03:13
can indicate your attitude and help you gauge the listener’s agreement.
48
193288
4708
สามารถใช้บ่งชี้ทัศนคติของคุณ และวัดระดับความเห็นด้วยของผู้ฟัง
03:17
“I mean” can signal that you’re about to elaborate on something.
49
197996
3667
“ฉันหมายถึงว่า” อาจเป็นสัญญาณบอกว่า คุณกำลังจะอธิบายรายละเอียดบางอย่าง
03:21
And the dreaded “like” can perform many functions,
50
201663
3541
และกระทั่งคำที่ดูผิดมหันต์อย่าง “แบบว่า” ก็อาจทำได้หลายหน้าที่เลยทีเดียว
03:25
such as establishing a loose connection between thoughts,
51
205204
3417
อย่างเช่น สร้างความเชื่อมโยง กว้าง ๆ ระหว่างแต่ละความคิด
03:28
or introducing someone else's words or actions.
52
208621
3917
หรือใช้เวลาจะแทรกคำพูด หรือตัวอย่างการกระทำของบุคคล
03:32
These markers give people a real-time view into your thought process
53
212538
4958
คำเหล่านี้ช่วยให้ผู้ฟังมองเห็นกระบวนการ ทางความคิดของคุณได้อย่างทันที
03:37
and help listeners follow, interpret, and predict what you’re trying to say.
54
217496
4875
และสามารถคิดตาม ตีความ รวมถึงคาดเดา ถึงสิ่งที่คุณกำลังพยายามจะสื่อออกไป
03:42
Discourse markers and hesitation phenomena
55
222371
2583
คำเชื่อมและปรากฏการณ์ความลังเลเหล่านี้
03:44
aren’t just useful for understanding language—
56
224954
2792
ไม่ได้แค่ช่วยในการเข้าใจภาษาเท่านั้น--
03:47
they help us learn it too.
57
227746
2125
แต่ยังเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ภาษาอีกด้วย
03:49
In 2011, a study showed toddlers common and uncommon objects
58
229871
5500
ในปี 2011 มีงานวิจัยในเด็กเล็กที่นำสิ่งของ ที่เด็กคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยมาวางไว้
03:55
alongside a recording referring to one of the items.
59
235371
3750
พร้อมกับเปิดเทปเสียงที่คอยบอกชื่อ หนึ่งในของสองสิ่งนั้นไปด้วย
03:59
When a later recording asked them to identify the uncommon object,
60
239121
4708
เทปเสียงถัดมาจะบอกให้เด็ก พูดชื่อของสิ่งของชิ้นที่ไม่คุ้นเคย
04:03
toddlers performed better if that instruction contained a filled pause.
61
243829
5875
ซึ่งปรากฏว่าเด็กๆ ตอบได้ถูกต้องมากกว่า เมื่อคำสั่งในเทปมีการใช้คำคั่นระหว่างพูด
04:09
This may mean that filled pauses cue toddlers to expect novel words,
62
249704
6125
นั่นแปลว่าคำคั่นเหล่านี้ช่วย บอกเด็กๆ เป็นนัยว่าคำใหม่จะตามมา
04:15
and help them connect new words to new objects.
63
255829
4334
ทำให้พวกเขาเชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่นั้น เข้ากับสิ่งของชิ้นที่ไม่คุ้นเคย
04:20
For adolescents and adults learning a second language,
64
260163
3541
สำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ที่กำลังเรียนภาษาที่สอง
04:23
filled pauses smooth out awkward early conversations.
65
263704
4334
คำคั่นจะช่วยทำให้บทสนทนาที่น่าอึดอัด เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น
04:28
And once they’re more confident,
66
268038
1833
และพอพวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น
04:29
the second-language learner can signal their newfound fluency
67
269871
4167
ก็จะเริ่มส่งสัญญาณความคล่องทางภาษาใหม่
04:34
by using the appropriate hesitation phenomenon.
68
274038
3458
ผ่านรูปแบบการเลือกใช้คำแสดงความลังเล ที่เหมาะสมมากขึ้น
04:37
Because, contrary to popular belief,
69
277496
2375
นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า
04:39
the use of filled pauses doesn't decrease with mastery of a language.
70
279871
5750
การใช้คำคั่นเหล่านี้ไม่ได้บั่นทอน ความสามารถทางภาษาของเราเลย
04:45
Just because hesitation phenomena and discourse markers
71
285621
3542
แต่ถึงแม้ว่าปรากฏการณ์ความลังเล และการใช้คำเชื่อม
04:49
are a natural part of communication doesn’t mean they’re always appropriate.
72
289163
4583
จะเป็นธรรมชาติของการสื่อสาร ก็ไม่ได้แปลว่ามันเหมาะสมในทุกสถานการณ์
04:53
Outside of writing dialogue, they serve no purpose in most formal writing.
73
293746
4917
นอกเหนือจากการเขียนบทสนทนาแล้ว มันก็ไม่มี ประโยชน์อะไรเลยในการเขียนที่เป็นทางการ
04:58
And in some contexts, the stigma these social cues carry
74
298663
4125
และในบางบริบทก็อาจทำให้เกิด ความด่างพร้อยที่สังคมไม่ยอมรับ
05:02
can work against the speaker.
75
302788
2041
ซึ่งอาจกระทบตัวผู้พูดเองได้
05:04
But in most conversations, these seemingly senseless sounds
76
304829
4292
แต่ในบทสนทนาทั่ว ๆ ไปแล้ว คำที่ดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไรพวกนี้
05:09
can convey a world of meaning.
77
309121
2333
อาจมีความหมายอะไรมากกว่าที่เราคิด
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7