Rob Harmon: How the market can keep streams flowing

Translator: Paninya Masrangsan Reviewer: yamela areesamarn

This is a river.

นี่คือแม่น้ำ

นี่คือลำธาร

This is a stream.

This is a river.

นี่คือแม่น้ำ

เหตุการณ์แบบนี้กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ

This is happening all over the country.

There are tens of thousands of miles of dewatered streams in the United States.

มีแม่น้ำแห้งๆยาวหลายพันไมล์

ลำธารที่ไม่มีนํ้าในอเมริกา

On this map, the colored areas represent water conflicts.

บนแผนที่นี้

บริเวณที่มีสี คือเขตที่มีข้อขัดแย้งเรื่องน้ำ

Similar problems are emerging in the East as well.

ปัญหาเดียวกันนี้เกิดขึ้นในฝั่งตะวันออกด้วย

เหตุผลต่างกันในแต่ละรัฐ

The reasons vary state to state, but mostly in the details.

แต่ก็แค่ตรงรายละเอียด

เรามีลำธารที่แห้งยาว4,000ไมล์

There are 4,000 miles of dewatered streams in Montana alone.

แค่ในรัฐมอนทาน่าเพียงรัฐเดียว

They would ordinarily support fish and other wildlife.

ซึ่งปกติแล้วเป็นปัจจัยสำคัญของปลาและสัตว์ป่าอื่นๆ

They're the veins of the ecosystem,

เป็นเหมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบนิเวศ

แต่มักจะเป็นเส้นเลือดที่ว่างเปล่า

and they're often empty veins.

ผมอยากจะเล่าเรื่องให้คุณฟัง

I want to tell you the story of just one of these streams,

เกี่ยวกับลำธารสายหนึง

because it's an archetype for the larger story.

เพราะมันเป็นตัวอย่างหนี่งที่สำคัญของเรื่องนี้

This is Prickly Pear Creek.

นี่คือห้วยพริคลี่ แพร์

It runs through a populated area from East Helena to Lake Helena.

ซึ่งไหลผ่านบริเวณชุมชน

จากอีสเฮเลน่า ถึงเลคเฮเลน่า

มันเป็นที่อยู่ของปลา

It supports wild fish including cutthroat, brown and rainbow trout.

รวมทั้ง การแข่งกันล่าปลาเทร้าท์สีน้ำตาล

และปลาเทร้าท์สายรุ้ง

Nearly every year for more than a hundred years ...

เกือบทุกปี

เป็นเวลามากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว

มันกลายเป็นแบบนี้ในฤดูร้อน

it looked like this in the summer.

How did we get here?

ทำไมถึงเป็นอย่างนี้

มันเริ่มมาจากเมื่อปลายศตวรรษที่ 19

Well, it started back in the late 1800s

สมัยที่คนเพิ่งเริ่มตั้งรกรากกันในที่อย่างรัฐมอนทาน่า

when people started settling in places like Montana.

In short, there was a lot of water and there weren't very many people.

สรุปสั้นๆว่า ตอนนั้นมีน้ำเยอะ

แต่มีคนน้อย

But as more people showed up wanting water,

แต่เมื่อคนย้ายเข้ามาอยู่และต้องการน้ำมากขึ้น

the folks who were there first got a little concerned,

พวกคนที่มาอยู่ก่อนก็เริ่มกังวล

and in 1865, Montana passed its first water law.

ในปี1865 รัฐมอนทาน่าออกกฏหมายเกี่ยวกับน้ำฉบับแรก

ซึ่งประกาศว่า ทุกคนที่อยู่ใกล้ลำธาร

It basically said, everybody near the stream can share in the stream.

มีสิทธิ์ที่จะใช้น้ำจากที่นั่น

Oddly, a lot of people showed up wanting to share the stream,

คนจำนวนมากที่ย้ายเข้ามาใหม่ก็อยากจะมีสิทธิ์ใช้น้ำ

and the folks who were there first

และพวกคนที่อยู่มาก่อน

got concerned enough to bring out their lawyers.

รู้สึกกังวลจนถึงกับจ้างทนายความ

There were precedent-setting suits in 1870 and 1872,

มีคดีตัวอย่างที่เคยมีมาก่อน

ในปี1870และ1872

both involving Prickly Pear Creek.

เกี่ยวกับห้วยพริคลี่ แพร์ ทั้งคู่

และในปี1921

And in 1921,

the Montana Supreme Court ruled in a case involving Prickly Pear

ศาลฎีกามอนทาน่า

ให้คำตัดสินเกี่ยวกับคดีพริคลี่ แพร์

that the folks who were there first had the first, or "senior water rights."

ว่าผู้คนที่มาอยู่ก่อน

มีสิทธิ์การใช้น้ำลำดับแรกหรือสิทธิอาวุโส

These senior water rights are key.

สิทธิ์การใช้น้ำอาวุโสนี่คือปัจจัยสำคัญ

ปัญหาก็คือทั่วฝั่งตะวันตกปัจจุบัน

The problem is that all over the West now it looks like this.

เป็นแบบนี้

Some of these creeks have claims

ลำธารเล่านี้บางแห่ง

for 50 to 100 times more water than is actually in the stream.

มีผู้อ้างสิทธิ์การใช้น้ำ

มากกว่านํ้าที่มีอยู่ในลำธาร 50-100 เท่า

And the senior water rights holders, if they don't use their water right,

ผู้ถือสิทธิ์การใช้น้ำอาวุโส

หากไม่ได้ใช้สิทธิ์นั้นๆ

they risk losing their water right --

เขาก็อาจสูญเสียสิทธิ์

พร้อมกับมูลค่าทางเศรษฐกิจของมันด้วย

along with the economic value that goes with it.

พวกเขาจึงไม่มีแรงจูงใจที่จะประหยัดน้ำ

So they have no incentive to conserve.

So it's not just about the number of people;

ซึ่งหมายความว่า ปัญหาไม่ได้เกิดจากจำนวนคนเท่านั้น

the system itself creates a disincentive to conserve

แต่ตัวระบบเองไม่ได้สร้างแรงจูงใจที่จะอนุรักษ์น้ำไว้

เพราะคุณอาจจะเสียสิทธิ์การใช้น้ำ ถ้าคุณไม่ใช้มัน

because you can lose your water right if you don't use it.

So after decades of lawsuits and 140 years, now, of experience,

หลังจากหลายทศวรรษของการขึ้นศาล

และ140ปีของประสบการณ์นี้

we still have this.

เราก็ยังมีนี่อยู่

มันเป็นระบบที่ล้มเหลว

It's a broken system.

There's a disincentive to conserve,

ไม่มีแรงจูงใจที่จะประหยัดน้ำ

because if you don't use your water right, you can lose your water right.

เพราะถ้าคุณไม่ใช้สิทธิ์ของคุณ

คุณอาจจะสูญเสียมันได้

And I'm sure you all know, this has created significant conflicts

ผมเชื่อว่าคุณคงเข้าใจ ว่ามันได้สร้างความขัดแย้งขึ้น

between the agricultural and environmental communities.

ระหว่างชุมชนการเกษตรและสิ่งแวดล้อม

OK, now I'm going to change gears here.

โอเค คราวนี้ผมอยากเปลี่ยนเรื่อง

พวกคุณส่วนใหญ่คงจะดีใจที่รู้ว่า

Most of you will be happy to know that the rest of the presentation's free ...

การบรรยายที่เหลือนั้นฟรี

(Laughter)

และบางคนคงจะดีใจ ที่ทราบว่ามันเกี่ยวกับเบียร์

and some of you'll be happy to know that it involves beer.

(Laughter)

(หัวเราะ)

There's another thing happening around the country,

มีอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ

ซึ่งก็คือ การที่บริษัทต่างๆเริ่มกังวล

which is that companies are starting to get concerned

เกี่ยวกับปริมาณการใช้น้ำของตน

about their water footprint.

They're concerned about securing an adequate supply of water,

พวกเขากังวลเกี่ยวกับประกันแหล่งน้ำอย่างเพียงพอ

they're trying to be really efficient with their water use,

พวกเขาพยายามที่จะใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

and they're concerned about how their water use

และพวกเขากังวลว่าการใช้น้ำของบริษัท

affects the image of their brand.

มีผลต่อภาพพจน์ยี่ห้อการค้าของเขา

Well, it's a national problem,

ครับ นี่เป็นปัญหาระดับประเทศ

but I'm going to tell you another story from Montana ...

แต่ผมจะเล่าอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับรัฐมอนทาน่า

and it involves beer.

และเรื่องนี้เกี่ยวกับเบียร์

I bet you didn't know, it takes about 5 pints of water

ผมพนันว่าคุณไม่รู้ ว่าต้องใช้น้ำ5ไพท์

to make a pint of beer.

ในการผลิตเบียร์หนึ่งไพท์

If you include all the drain,

ถ้ารวมน้ำทิ้งด้วย

it takes more than a hundred pints of water to make a pint of beer.

เราต้องใช้น้ำมากกว่า100ไพท์ เพื่อผลิตเบียร์1ไพท์

คราวนี้ ผู้ผลิตเบียร์ในรัฐมอนทาน่า

Now the brewers in Montana

have already done a lot to reduce their water consumption,

ได้ทำหลายอย่างแล้ว

เพื่อที่จะลดปริมาณการใช้น้ำ

but they still use millions of gallons of water.

แต่พวกเขาก็ยังใช้น้ำเป็นล้านๆแกลอน

I mean, there's water in beer.

ผมหมายถึง มีน้ำอยู่ในเบียร์

So what can they do about this remaining water footprint

ดังนั้น พวกเขาจะทำอย่างไร

กับปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิต

that can have serious effects on the ecosystem?

ที่อาจจะมีผลกระทบร้ายแรง

ต่อระบบนิเวศ

These ecosystems are really important

ระบบนิเวศนี้สำคัญมาก

to the Montana brewers and their customers.

ต่อผู้ผลิตเบียร์ในมอนทาน่าและพวกลูกค้า

After all, there's a strong correlation between water and fishing,

เพราะจริงๆแล้ว มันมีความสัมพันธ์

ระหว่างน้ำกับการตกปลา

and for some, there's a strong correlation between fishing and beer.

และสำหรับบางคน มีความสัมพันธ์อย่างสูง

ระหว่างการตกปลาและเบียร์

(Laughter)

(หัวเราะ)

So the Montana brewers and their customers are concerned

ผู้ผลิตเบียร์ในรัฐมอนทาน่าและลูกค้าก็เลยเกิดความกังวล

and they're looking for some way to address the problem.

พวกเขาจึงพยายามหาทางแก้ไข

So how can they address this remaining water footprint?

พวกเขาจะแก้ปัญหาปริมาณการใช้น้ำในการผลิตได้อย่างไร

จำห้วยพริคลี่ แพร์ได้มั้ยครับ

Remember Prickly Pear.

Up until now, business water stewardship

จนกระทั่งตอนนี้

การจัดการนํ้าเพื่อธุรกิจ

has been limited to measuring and reducing,

จำกัดอยู่แค่การวัดปริมาณ และการลดการใช้

แล้วตอนนี้เราจึงอยากแนะนำขั้นต่อไป

and we're suggesting that the next step is to restore.

คือการฟื้นฟู

จำห้วยพริคลี่ แพร์ได้มั้ยครับ

Remember Prickly Pear.

It's a broken system.

นั่นคือระบบที่ล้มเหลว

You've got a disincentive to conserve,

คนไม่มีเหตุจูงใจที่จะประหยัดน้ำ

because if you don't use your water right, you risk losing your water right.

เพราะถ้าคุณไม่ใช้สิทธิ์การใช้น้ำ คุณอาจจะสูญเสียมันได้

Well, we decided to connect these two worlds --

ดังนั้น พวกเราเลยตัดสินใจเชื่อมโลกสองโลกนี้

โลกทางธุรกิจ

the world of the companies with their water footprints

กับปริมาณการใช้น้ำ

and the world of the farmers

และโลกของเกษตรกร

with their senior water rights on these creeks.

ที่มีสิทธิ์ใช้น้ำอาวุโสจากลำธาร

In some states,

ในบางรัฐ

senior water rights holders can leave their water in the stream

ผู้มีสิทธิ์การใช้น้ำอาวุโส

สามารถปล่อยให้น้ำอยู่ในลำธาร

while legally protecting it from others,

และปกป้องการใช้นํ้าจากผู้อื่นได้อย่างถูกกฎหมาย

และยังคงรักษาสิทธิ์การใช้น้ำของตนได้

and maintaining their water right.

ท้ายที่สุดแล้ว

After all, it is their water right,

มันเป็นสิทธิ์การใช้นํ้าของเขา

and if they want to use that water right to help the fish grow in the stream,

และถ้าพวกเขาอยากใช้สิทธิ์การใช้น้ำนั้น

เพื่อช่วยให้ปลาเติบโตได้ในลำธาร

it's their right to do so.

เขามีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น

But they have no incentive to do so.

แต่พวกเขาไม่มีเหตุจูงใจที่จะทำ

เราจึงร่วมงานกับกองทุนน้ำท้องถิ่น

So, working with local water trusts, we created an incentive to do so.

แล้วสร้างแรงจูงใจขึ้นมา

We pay them to leave their water in stream.

เราจ่ายเงินให้พวกเขาปล่อยน้ำให้อยู่ในลำธาร

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่

That's what's happening here.

This individual has made the choice and is closing this water diversion,

คนๆนี้ได้ตัดสินใจ

ที่จะปิดประตูน้ำ

leaving the water in the stream.

เพื่อที่จะปล่อยให้น้ำอยู่ในลำธาร

He doesn't lose the water right,

เขาจะไม่สูญเสียสิทธิ์การใช้น้ำ

he just chooses to apply that right, or some portion of it,

เขาแค่เลือกที่จะใช้สิทธิ์นั้น

หรือบางส่วนของสิทธิ์นั้น

to the stream, instead of to the land.

ให้อยู่ในลำธาร แทนการใช้บนที่ดิน

Because he's the senior water-rights holder,

เพราะว่าเขาเป็นผู้มีสิทธิ์การใช้น้ำอาวุโส

เขาสามารถที่จะปกป้องน้ำจากผู้ใช้คนอื่นได้

he can protect the water from other users in the stream.

โอเคมั้ยครับ

OK?

He gets paid to leave the water in the stream.

เขาได้รับเงินในการปล่อยให้น้ำอยู่ในลำธาร

คนนี้กำลังวัดระดับน้ำ

This guy's measuring the water that this leaves in the stream.

ที่ถูกปล่อยให้อยู่ในลำธาร

We then take the measured water,

เราเอาปริมาณน้ำที่วัดได้

we divide it into thousand-gallon increments.

มาแบ่งนํ้าที่เพิ่มขึ้นเป็นหน่วยละพันแกลลอน

Each increment gets a serial number and a certificate,

แต่ละหน่วยที่เพิ่มขึ้นมีหมายเลขกำกับและใบรับรอง

แล้วผู้ผลิตเบียร์และบริษัทอื่นๆ

and then the brewers and others buy those certificates

ก็ซื้อใบรับรองเหล่านั้น

as a way to return water to these degraded ecosystems.

เป็นวิธีการคืนน้ำ

สู่ระบบนิเวศที่ถูกทำลาย

The brewers pay to restore water to the stream.

ผู้ผลิตเบียร์จ่ายเงิน

เพื่อคืนน้ำสู่ลำธาร

It provides a simple, inexpensive and measurable way

นี่คือวิธีง่ายๆ ที่ไม่แพง

และเห็นผล

ที่จะคืนน้ำสู่ระบบนิเวศที่ถูกทำลาย

to return water to these degraded ecosystems,

while giving farmers an economic choice

พร้อมๆกับการให้ตัวเลือกทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกร

and giving businesses concerned about their water footprints

และให้ฝ่ายธุรกิจห่วงใยเรื่องการใช้นํ้าเพื่อธุรกิจของตน

an easy way to deal with them.

เป็นวิธีง่ายๆที่จะจัดการกับปัญหา

After 140 years of conflict and 100 years of dry streams,

หลังจาก140ปีของความขัดแย้ง

และ100ปีของลำธารที่แห้งขอด

a circumstance that litigation and regulation has not solved,

สภาพการณ์ที่การฟ้องร้องและกฎระเบียบ

แก้ปัญหาไม่ได้

พวกเราใช้โครงสร้างทางตลาด

we put together a market-based, willing buyer, willing seller solution --

ที่มีผู้ซื้อและผู้ขายที่สมัครใจ

เป็นคำตอบที่ไม่ต้องมีการฟ้องร้อง

a solution that does not require litigation.

It's about giving folks concerned about their water footprints

มันเป็นให้โอกาส

แก่ผู้ที่กังวลเรื่องปริมาณการใช้น้ำ

a real opportunity to put water where it's critically needed,

โอกาสที่แท้จริง

ให้น้ำแก่บริเวณที่ต้องการนํ้าอย่างมาก

อย่างในระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม

into these degraded ecosystems,

while at the same time providing farmers a meaningful economic choice

และในขณะเดียวกัน

ก็ให้โอกาสเกษตรกร

ได้มีทางเลือกทางเศรษฐกิจ

about how their water is used.

เกี่ยวกับการที่นํ้าของพวกเขาถูกใช้

These transactions create allies, not enemies.

การแลกเปลี่ยนอย่างนี้ สร้างมิตร ไม่ใช่ศัตรู

They connect people rather than dividing them.

มันเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้คน แทนการแบ่งแยก

And they provide needed economic support for rural communities.

และยังให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนชนบทด้วย

ที่สำคัญที่สุด มันใช้งานได้จริง

And most importantly, it's working.

We've returned more than four billion gallons of water to degraded ecosystems.

พวกเราได้คืนน้ำมากกว่า4พันล้านแกลลอน

สู่ระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม

พวกเราได้สร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือสิทธิ์การใช้น้ำอาวุโส

We've connected senior water-rights holders

กับผู้ผลิตเบียร์ในรัฐมอนทาน่า

with brewers in Montana,

with hotels and tea companies in Oregon,

กับโรงแรมและผู้ผลิตชาในรัฐโอเรกอน

and with high-tech companies that use a lot of water in the Southwest.

และบริษัทไฮเทคที่ใช้น้ำมากทางตะวันตกเฉียงใต้

And when we make these connections,

เมื่อเราสร้างเครือข่าย

we can and we do turn this ...

อย่างที่เราทำได้ และทำอยู่เสมอ

เปลี่ยนจากนี่ เป็นนี่

into this.

(Applause)

ขอบคุณมากครับ

Thank you very much.

(Applause)

(ปรบมือ)