What we don't teach kids about sex | Sue Jaye Johnson

Translator: Anusorn Mudla Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

I remember my aunt brushing my hair when I was a child.

ฉันจำได้ว่าตอนที่ป้าหวีผมให้ฉัน เมื่อฉันยังเป็นเด็ก

I felt this tingling in my stomach,

ฉันรู้สึกเสียวซ่านในท้อง

this swelling in my belly.

ความรู้สึกที่มวนอยู่ในท้องของฉัน

All her attention on me,

ความสนใจทั้งหมดของเธอในตัวฉัน

just me.

แค่ตัวฉันเท่านั้น

My beautiful Aunt Bea,

ป้าเบีย แสนสวยของฉัน

stroking my hair with a fine-bristled brush.

แปรงผมของฉันด้วยแปรงขนตั้งเส้นละเอียด

Do you have a memory like that that you can feel in your body right now?

คุณมีความทรงจำแบบนั้น ที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนี้ในตัวคุณไหม

Before language,

ก่อนที่เราจะใช้ภาษา

we're all sensation.

พวกเราล้วนใช้ประสาทสัมผัส

As children, that's how we learn

ตอนที่เราเป็นเด็ก นั่นคือวิธีการเรียนรู้ของเรา

to differentiate ourselves in the world -- through touch.

เพื่อแยกแยะตัวเราจากโลกภายนอก ผ่านการสัมผัส

Everything goes in the mouth, the hands, on the skin.

ทุกอย่างผ่านเข้าสู่ปาก มือ หรือบนผิวหนัง

Sensation --

ประสาทสัมผัส

it is the way that we first experience love.

มันคือวิธีการรับรู้ความรักเป็นครั้งแรกของเรา

It's the basis of human connection.

มันเป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

We want our children to grow up to have healthy intimate relationships.

เราอยากให้ลูก ๆ ของเราโตขึ้น กับความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ดี

So as parents,

ดังนั้น ในฐานะพ่อแม่

one of the things that we do is we teach our children about sex.

สิ่งหนึ่งที่เราทำก็คือ การสอนลูก ๆ ของเราเรื่องเพศสัมพันธ์

We have books to help us,

เรามีตำราเป็นตัวช่วย

we have sex ed at school for the basics.

เรามีวิชาเพศศึกษาที่โรงเรียนสอนเป็นพื้นฐาน

There's porn to fill in the gaps --

มันมีหนังโป๊ช่วยเต็มช่องว่าง

and it will fill in the gaps.

และมันก็จะเติมเต็มช่องว่างนั้น

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

We teach our children "the talk" about biology and mechanics,

เราสอนให้ลูก ๆ ของเราเรื่อง "การพูดคุย" เกี่ยวกับชีววิทยาและกลไก

about pregnancy and safe sex,

เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย

and that's what our kids grow up thinking that sex is pretty much all about.

และลูก ๆ ของเราก็โตขึ้นมากับความคิดที่ว่า นั้นคือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์

But we can do better than that.

แต่เราสามารถทำได้ดีกว่านั้น

We can teach our sons and daughters about pleasure and desire,

เราสามารถสอนลูกชายลูกสาวของเรา เกี่ยวกับความพึ่งพอใจและความต้องการทางเพศ

about consent and boundaries,

เกี่ยวกับการสมยอมและขอบเขต

about what it feels like to be present in their body

เกี่ยวกับความรู้สีกเมื่อเราอยู่ในคนอีกคน

and to know when they're not.

และเมื่อไม่ได้อยู่

And we do that in the ways that we model touch, play,

และเราทำสิ่งนั้นในแบบที่ เราจำลองการสัมผัส การยั่วเย้า

make eye contact --

การจ้องตา

all the ways that we engage their senses.

ทุกวิธีที่เราจะเชื่อมโย่งกับอารมณ์ของพวกเขา

We can teach our children not just about sex,

เราสามารถสอนลูก ๆ ของเราได้ ไม่ใช่แค่เรื่องเพศสัมพันธ์

but about sensuality.

แต่ยังมีเรื่องความอารมณ์ความรู้สึก

This is the kind of talk that I needed as a girl.

นี่คือรูปแบบของการพูดคุย ที่ฉันต้องการตอนเป็นเด็ก

I was extremely sensitive,

ฉันเป็นคนที่อ่อนไหวมาก ๆ

but by the time I was an adolescent,

แต่ตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น

I had numbed out.

ฉันรู้สึกด้านชาไปเอง

The shame of boys mocking my changing body

ความเขินอายจากการที่ถูกเพื่อนผู้ชาย ล้อเรื่องการโตเป็นสาว

and then girls exiling me for,

และหลังจากนั้น ก็เรื่องที่เพื่อนผู้หญิงก็ปลีกตัวห่าง

ironically, my interest in boys,

เนื่องจากฉันให้ความสนใจในตัวผู้ชายก็มากขึ้น

it was so much.

มันเป็นเรื่องใหญ่มากจริง ๆ

I didn't have any language for what I was experiencing;

ฉันไม่มีรูปแบบการสื่อสารที่จะสามารถ บอกเล่าสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ได้

I didn't know it was going to pass.

ฉันไม่รู้ว่ามันกำลังจะผ่านไป

So I did the best thing I could at the time

ดังนั้น ฉันจึงพยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ในเวลานั้น

and I checked out.

และฉันก็ลืม ๆ มันไป

And you can't isolate just the difficult feelings,

และคุณก็ไม่สามารถ ที่จะแยกแค่ความรู้สึกแย่ ๆ ออกไปได้

so I lost access to the joy, the pleasure, the play,

ฉะนั้น ฉันจึงสูญเสีย ความสุข ความพึ่งพอใจ ความสนุก

and I spent decades like that,

และฉันก็ใช้ชีวิตหลายสิบปีไปแบบนั้น

with this his low-grade depression,

กับความซึมเศร้าระดับต่ำ

thinking that this is what it meant to be a grown-up.

คิดไปเองว่านี่คือความรู้สึก ของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่

For the past year,

เมื่อปีที่ผ่านมา

I've been interviewing men and women about their relationship to sex

ฉันสัมภาษณ์ผู้ชายและผู้หญิง เกี่ยวกับเรื่องสัมพันธ์ทางเพศของพวกเขา

and I've heard my story again and again.

ฉันได้ยินเรื่องของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

Girls who were told they were too sensitive, too much.

เด็กผู้หญิงที่ถูกสอนว่าพวกเขาอ่อนไหวเกินไป

Boys who were taught to man up --

และเด็กผู้ชายที่ถูกสอนให้กล้าหาญ

"don't be so emotional."

"อย่าเป็นคนขี้แย"

I learned I was not alone in checking out.

ฉันได้เรียนรู้ว่าฉันไม่ใช่คนเดียว ที่พยายามจะลืม ๆ มันไป

It was my daughter who reminded me of how much I used to feel.

ลูกสาวของฉันเตือนสติฉันว่า ฉันเคยรู้สึกอย่างไร

We were at the beach.

พวกเราอยู่กันที่ชายหาด

It was this rare day.

มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

I turned off my cell phone,

ฉันปิดโทรศัพท์มือถือของฉัน

put in the calendar, "Day at the beach with the girls."

เขียนในปฏิทินว่า "ไปชายหาดกับลูกสาว"

I laid our towels down just out of reach of the surf

ฉันปูผ้าลงในระยะแค่พ้นจากขอบคลื่น

and fell asleep.

แล้วก็เผลอหลับไป

And when I woke up,

และพอฉันตื่นขึ้นมา

I saw my daughter drizzling sand on her arm like this,

ฉันเห็นลูกสาวกำลังโปรยทรายบนแขนของเธอแบบนี้

and I could feel that light tickle of sand on her skin

ฉันรู้สึกได้ถึงความจักจี้เบา ๆ จากทรายบนผิวของเธอ

and I remembered my aunt brushing my hair.

และฉันก็่จำตอนที่ป้าหวีผมของฉันได้

So I curled up next to her

ฉันจึงอ้อมตัวไปอยู่ใกล้เธอ

and I drizzled sand on her other arm and then her legs.

แล้วก็โปรยทรายบนแขนอีกข้างของเธอ แล้วก็ที่ขาของเธอ

And then I said, "Hey, you want me to bury you?"

และฉันก็ถามเธอว่า "หนูอยากให้แม่ฝังหนูในทรายไหม"

And her eyes got really big and she was like, "Yeah!"

และตาเธอก็เบิกกว้างและตอบกลับว่า "ค่ะ"

So we dug a hole

แล้วพวกเราก็ขุดหลุม

and I covered her in sand and shells

แล้วฉันก็กลบเธอด้วยทรายและเปลือกหอย

and drew this little mermaid tail.

และก็วาดหางนางเหงือกเล็กๆ

And then I took her home and lathered her up in the shower

จากนั้น ฉันก็พาเธอกลับบ้าน แล้วก็ฟอกสบู่เธอในห้องอาบน้ำ

and massaged her scalp

ฉันนวดหนังศีรษะของเธอ

and I dried her off in a towel.

แล้วก็เช็ดตัวเธอให้แห้งด้วยผ้าขนหนู

And I thought,

และฉันก็นึกว่า

"Ah. How many times had I done that --

"อืม ฉันทำอะไรแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว

bathed her and dried her off --

อาบน้ำให้เธอแล้วก็เช็ดตัวให้เธอ

but had I ever stopped and paid attention

แต่ฉันไม่เคยหยุดคิดและให้ความสนใจ

to the sensations that I was creating for her?"

กับประสาทสัมผัสที่ฉันได้สร้างให้เธอ"

I'd been treating her like she was on some assembly line

ฉันปฏิบัติกับเธออย่างกับเด็กน้อย บนสายพานการผลิตในโรงงาน

of children needing to be fed and put to bed.

ที่ต้องการให้ป้อนอาหารแล้วก็พาไปนอน

And I realized

และฉันก็ตระหนักว่า

that when I dry my daughter off in a towel tenderly the way a lover would,

เมื่อฉันเช็ดตัวลูกสาวอย่างนุ่มนวลด้วยผ้าขนหนู เหมือนกับที่คนรักเขาทำกัน

I'm teaching her to expect that kind of touch.

ฉันกำลังสอนให้เธอปรารถนาการสัมผัสแบบนั้น

I'm teaching her in that moment about intimacy.

ในขณะนั้น ฉันกำลังสอนเธอ เกี่ยวกับความสนิทชิดเชื้อ

About how to love her body and respect her body.

สอนว่าเธอควรจะรักร่างกายของเธอ และเอาใจใส่มันอย่างไร

I realized there are parts of the talk that can't be conveyed in words.

ฉันตระหนักว่ามีบางส่วนของการพูดคุยนี้ ที่ไม่สามารถแปลงมันเป็นคำพูดได้

In her book, "Girls and Sex,"

ในหนังสือเรื่อง "ผู้หญิงและเพศสัมพันธ์"

writer Peggy Orenstein finds

เพกกี ออเรนสตีน ผู้เป็นนักเขียนพบว่า

that young women are focusing on their partner's pleasure,

ผู้หญิงสาวจะให้ความสนใจกับความสุขของคู่รัก

not their own.

ไม่ใช่ความสุขของพวกเขาเอง

This is something I'm going to talk about with my girls when they're older,

นี่คือสิ่งที่ฉันจะพูดกับลูกสาวของฉัน ตอนที่พวกเขาโตขึ้น

but for now, I look for ways to help them identify what gives them pleasure

แต่ตอนนี้ ฉันกำลังหาวิธีช่วยพวกเขา ให้รู้ว่าวิธีการไหนทำให้พวกเขามีความสุข

and to practice articulating that.

และฝึกฝนให้เกิดความชัดเจน

"Rub my back," my daughter says when I tuck her in.

"หนวดหลังให้หนูหน่อย" ลูกสาวของฉันกล่าว ตอนที่ฉันกอดเธอ

And I say, "OK, how do you want me to rub your back?"

และฉันก็ถามว่า "โอเค จะให้แม่หนวดหลังหนูแบบไหน"

"I don't know," she says.

"ไม่รู้ค่ะ" เธอตอบ

So I pause, waiting for her directions.

ฉันหยุดและรอคำสั่งจากเธอ

Finally she says, "OK, up and to the right,

ในที่สุดเธอก็ตอบว่า "โอเค ขึ้นและก็ไปทางขวา

like you're tickling me."

เหมือนเวลาแม่กำลังจักจี้หนู"

I run my fingertips up her spine.

ฉันกดปลายนิ้วไปตามกระดูกสันหลังของเธอ

"What else?" I ask.

"จะเอาแบบไหนอีกดี" ฉันถาม

"Over to the left, a little harder now."

"ขยับไปทางซ้าย ทีนี้ กดแรง ๆ อีกนิดค่ะ"

We need to teach our children how to articulate their sensations

พวกเราต้องสอนลูก ๆ ของพวกเรา ว่าจะให้ความชัดเจนกับความรู้สึกอย่างไร

so they're familiar with them.

เพื่อที่พวกเขาจะได้คุ้นเคย

I look for ways to play games with my girls at home to do this.

เพื่อทำสิ่งเหล่านี้ ฉันหาวิธีที่จะเล่นเกมส์กับลูกสาวที่บ้าน

I scratch my fingernails on my daughter's arm and say,

ฉันขูดเล็บของฉันบนแขนของลูกสาวและถามเธอว่า

"Give me one word to describe this."

"ขอคำนึงมาอธิบายความรู้สึกนี้ซิ"

"Violent," she says.

"รุนแรง" เธอตอบ

I embrace her, hold her tight.

ฉันโอบเธอและกอดเธอไว้แน่น

"Protected," she tells me.

"ได้รับการปกป้อง" เธอบอกฉัน

I find opportunities to tell them how I'm feeling,

ฉันพบกับโอกาสที่จะบอกว่าฉันรูรู้สึกอย่างไร

what I'm experiencing,

ว่าฉันกำลังประสบกับอะไร

so we have common language.

เพื่อให้พวกเราใช้ภาษาเดียวกัน

Like right now,

เหมือนอย่างตอนนี้

this tingling in my scalp down my spine means I'm nervous and I'm excited.

ความรู้สึกจักจี้จากหนังศีรษะไล่ไปถึงกระดูกสันหลังนี้ หมายความว่าฉันประหม่าและตื่นเต้น

You are likely experiencing sensations in response to me.

คุณน่าจะสัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านั้นจากฉันได้

The language I'm using,

ภาษาที่ฉันกำลังใช้

the ideas I'm sharing.

ความคิดที่ฉันกำลังแบ่งปัน

And our tendency is to judge these reactions

และพวกเราก็มีแนวโน้ม ที่จะตัดสินการตอบสนองเหล่านี้

and sort them into a hierarchy:

และจัดแจงพวกมันตามลำดับความสำคัญ

better or worse,

ดีกว่าหรือแย่กว่า

and then seek or avoid them.

และจากนั้น จะแสวงหาหรือหลีกเลี่ยงพวกมัน

And that's because we live in this binary culture

นั่นก็เป็นเพราะว่า เราอยู่ในวัฒธรรมแบบสองขั้วนี้

and we're taught from a very young age to sort the world into good and bad.

และเราก็ถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก ให้จัดแจงทุกอย่างโลกใบนี้ว่าดีหรือไม่ดี

"Did you like that book?"

"คุณชอบหนังสือเล่มนั้นไหม"

"Did you have a good day?"

"วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณหรือเปล่า"

How about, "What did you notice about that story?"

แล้ว "คุณสังเกตเห็นอะไรบ้างจากเรื่องนั้น"

"Tell me a moment about your day.

"เล่าให้ฉันฟังหน่อยว่าวันนี้คุณเป็นอย่างไร"

What did you learn?"

"คุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง"

Let's teach our children to stay open and curious about their experiences,

มาสอนให้ลูก ๆ ของเราเป็นคนใจกว้าง และช่างสงสัยต่อประสบการณ์ของพวกเขา

like a traveler in a foreign land.

เฉกเช่นนักท่องเที่ยวในต่างแดน

And that way they can stay with sensation without checking out --

และด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะอยู่กับความรู้สึกได้ โดยไม่ปล่อยให้มันตายไป

even the heightened and challenging ones --

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่หนักหน่วงและท้าทาย

the way I did,

วิธีที่ฉันใช้

the way so many of us have.

วิธีที่ใครหลายคนในที่นี้มี

This sense education,

การศึกษาเกี่ยวกับความรู้สึกนี้

this is education I want for my daughters.

คือการศึกษาที่ฉันอยากมอบให้กับลูกสาวของฉัน

Sense education is what I needed as girl.

การศึกษาเกี่ยวกับความรู้สึก เป็นสิ่งที่ฉันต้องการตอนยังเป็นเด็ก

It's what I hope for all of our children.

นี่คือสิ่งที่ฉันหวัง ที่จะให้กับลูก ๆ ของพวกเราทุกคน

This awareness of sensation,

การตระหนักถึงความรู้สึก

it's where we began as children.

มันเป็นจุดเริ่มต้นเมื่อเราเป็นเด็ก

It's what we can learn from our children

มันเป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ จากลูก ๆ ของเราได้

and it's what we can in turn remind our children

และในทางกลับกัน เราก็สามารถ ทำให้ลูก ๆ ของพวกเราระลึกถึงมันได้

as they come of age.

เมื่อพวกเขามีอายุถึงวัยอันควร

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)