Steven Pinker: What our language habits reveal

441,570 views ・ 2007-09-11

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Varoj Khamboot Reviewer: Sirapol Kwangtongpanich
นี่คือภาพของ โมรีส ดรูอง
เลขาธิการกิตติมศักดิ์แห่ง L'Academie francaise
หรือราชบัณฑิตยสถานประเทศฝรั่งเศส
เขาใส่ชุดเครื่องแบบหรูหรา มูลค่ากว่า 68,000 ดอลล่าร์
สมกับบทบาทของราชบัณฑิตยสถาน
00:26
This is a picture of Maurice Druon,
0
26000
2000
00:28
the Honorary Perpetual Secretary of L'Academie francaise,
1
28000
4000
ในฐานะที่ออกกฎเกณฑ์
การใช้ภาษาฝรั่งเศสอย่างถูกต้อง
00:32
the French Academy.
2
32000
2000
และคงภาษาไว้ไม่ให้สูญหาย
00:34
He is splendidly attired in his 68,000-dollar uniform,
3
34000
5000
ราชบัณฑิตยสถานฝรั่งเศส มีหน้าที่หลักอยู่สองประการ
ประการแรก คือการจัดทำพจนานุกรมฉบับทางการ
00:39
befitting the role of the French Academy
4
39000
3000
ซึ่งตอนนี้ พวกเขากำลังทำฉบับที่เก้า
00:42
as legislating the
5
42000
3000
โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 และถึงตัวอักษร P (เป) แล้ว
00:45
correct usage in French
6
45000
2000
00:47
and perpetuating the language.
7
47000
2000
พวกเขายังกำหนดกฎการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
00:49
The French Academy has two main tasks:
8
49000
3000
เช่น การใช้ศัพท์บัญญัติ แทนคำทับศัพท์คำว่า "email" (อีเมล)
00:52
it compiles a dictionary of official French.
9
52000
3000
00:55
They're now working on their ninth edition,
10
55000
3000
โดยใช้คำฝรั่งเศสว่า "courriel" (กูริแยล)
หรือ World Wide Web (เวิลด์ไวด์เว็บ)
00:58
which they began in 1930, and they've reached the letter P.
11
58000
3000
ควรจะใช้คำฝรั่งเศสว่า
La toile d'araignée mondiale แปลตรงตัวคือ เครือข่ายใยแมงมุม
01:02
They also legislate on correct usage,
12
62000
3000
01:05
such as the proper term for what the French call "email,"
13
65000
4000
ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ คนฝรั่งเศสยังไม่คิดจะใช้
01:09
which ought to be "courriel."
14
69000
2000
นี่แหละ คือหนึ่งในรูปแบบ ว่าภาษามีความเป็นมาอย่างไร
01:11
The World Wide Web, the French are told,
15
71000
2000
01:13
ought to be referred to as
16
73000
2000
ตัวอย่างเช่น มันถูกกำหนดโดยราชบัณฑิตฯ
01:15
"la toile d'araignee mondiale" -- the Global Spider Web --
17
75000
4000
แต่ถ้าใครก็ตามมามองดูแล้วล่ะก็ จะพบว่า
01:19
recommendations that the French gaily ignore.
18
79000
4000
มันออกจะดูเป็นความคิดที่โง่เง่าไปหน่อย
01:24
Now, this is one model of how language comes to be:
19
84000
4000
ที่ภาษา ซึ่งเกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ความนึกคิดของมนุษย์คนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง
และก็เห็นได้ชัดว่า ภาษาไม่เคยหยุดเปลี่ยนแปลง
01:28
namely, it's legislated by an academy.
20
88000
3000
01:31
But anyone who looks at language realizes
21
91000
3000
ความจริงที่ว่า เมื่อถึงเวลาที่ ราชบัณฑิตย์ทำพจนานุกรมเสร็จแล้ว
01:34
that this is a rather silly conceit,
22
94000
4000
มันก็ตกยุคไปแล้วเรียบร้อย
เราจะเห็นได้จาก
01:38
that language, rather, emerges from human minds interacting from one another.
23
98000
3000
การเกิดคำแสลงหรือ ศัพท์เฉพาะกลุ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ
01:41
And this is visible in the unstoppable change in language --
24
101000
4000
จากการเปลี่ยนแปลงภาษาในประวัติศาสตร์
จากความหลากหลายของภาษาถิ่นต่าง ๆ
01:45
the fact that by the time the Academy finishes their dictionary,
25
105000
3000
และจากการกำเนิดภาษาใหม่ ๆ
01:48
it will already be well out of date.
26
108000
2000
ดังนั้น ภาษาไม่ได้เป็นผู้สร้าง หรือกำหนดธรรมชาติมนุษย์
01:50
We see it in the
27
110000
2000
01:52
constant appearance of slang and jargon,
28
112000
4000
มากเท่ากับเป็นหน้าต่างสู่ธรรมชาติของมนุษย์
ในหนังสือที่ผมกำลังเขียนอยู่ตอนนี้
01:56
of the historical change in languages,
29
116000
2000
01:58
in divergence of dialects
30
118000
2000
ผมหวังที่จะใช้ภาษาในการอธิบาย
02:00
and the formation of new languages.
31
120000
3000
หลาย ๆ แง่มุมตามธรรมชาติของมนุษย์
02:03
So language is not so much a creator or shaper of human nature,
32
123000
3000
รวมถึงกลไกความคิด
ที่มนุษย์ใช้ในการรับรู้สิ่งรอบ ๆ ตัว
02:06
so much as a window onto human nature.
33
126000
3000
และความเชื่อมโยงต่าง ๆ ที่กำหนด การปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน
02:09
In a book that I'm currently working on,
34
129000
3000
ผมจะอธิบายแต่ละอย่างนิด ๆ หน่อย ๆ ให้ทุกท่านฟังในเช้านี้
02:12
I hope to use language to shed light on
35
132000
3000
ผมขอเริ่มต้นจากปัญหาเชิงทฤษฎีของภาษา
02:15
a number of aspects of human nature,
36
135000
2000
ที่ผมกังวลมาพักใหญ่แล้ว
02:17
including the cognitive machinery
37
137000
2000
และมันก็ทำให้ผมหมกมุ่น
02:19
with which humans conceptualize the world
38
139000
3000
02:22
and the relationship types that govern human interaction.
39
142000
3000
กับความหลงใหล ในเรื่องของคำกริยา และวิธีการใช้คำเหล่านี้
02:25
And I'm going to say a few words about each one this morning.
40
145000
3000
ปัญหาก็คือ คำกริยาใด เหมาะกับ หน่วยสร้างใดของภาษา
02:28
Let me start off with a technical problem in language
41
148000
2000
คำกริยาคือตัวขับเคลื่อนของประโยค
02:30
that I've worried about for quite some time --
42
150000
2000
มันเป็นโครงที่ให้ส่วนอื่น ๆ มายึดติดด้วย
02:32
and indulge me
43
152000
4000
เรามาลองทบทวนกันนิดนึง
02:36
in my passion for verbs and how they're used.
44
156000
3000
กับเรื่องที่ทุกท่านอาจจะลืมไปนานแล้ว
02:39
The problem is, which verbs go in which constructions?
45
159000
3000
อกรรมกริยา เช่นคำว่า "ทานมื้อค่ำ"
02:42
The verb is the chassis of the sentence.
46
162000
3000
ไม่ต้องมีกรรมตรงมารองรับ
คุณต้องพูด "แซมทานมื้อค่ำแล้ว"
02:45
It's the framework onto which the other parts are bolted.
47
165000
4000
ไม่ใช่ "แซมทานมื้อค่ำพิซซ่าแล้ว"
ส่วนสกรรมกริยานั้น ถูกกำหนดมาว่า
02:49
Let me give you a quick reminder
48
169000
2000
จะต้องมีกรรมมารองรับมัน
02:51
of something that you've long forgotten.
49
171000
2000
"แซมสวาปามพิซซ่า"
คุณไม่ได้พูดแค่ว่า "แซมสวาปาม"
02:53
An intransitive verb, such as "dine," for example,
50
173000
3000
มีคำกริยาเช่นนี้อีกมากมาย
02:56
can't take a direct object.
51
176000
2000
02:58
You have to say, "Sam dined," not, "Sam dined the pizza."
52
178000
3000
แต่ละตัวก็จะกำหนดประโยคของมัน
ดังนั้น ปัญหาในการอธิบาย วิธีการที่เด็กเรียนภาษา
03:01
A transitive verb mandates
53
181000
2000
03:03
that there has to be an object there:
54
183000
2000
ปัญหาในการสอนภาษาให้ผู้ใหญ่ เพื่อจะได้ไม่ใช้ภาษาผิดไวยากรณ์
03:05
"Sam devoured the pizza." You can't just say, "Sam devoured."
55
185000
3000
03:08
There are dozens or scores of verbs of this type,
56
188000
4000
และปัญหาในการเขียนโปรแกรม ให้คอมพิวเตอร์ใช้ภาษาได้
03:12
each of which shapes its sentence.
57
192000
2000
ก็คือ กริยาไหน ควรอยู่ในหน่วยสร้างใด
03:14
So, a problem in explaining how children learn language,
58
194000
4000
ตัวอย่างเช่น หน่วยของกรรมรองในภาษาอังกฤษ
คุณจะพูดว่า "Give a muffin to a mouse" ซึ่งใช้คำบุพบทก็ได้
03:18
a problem in teaching language to adults so that they don't make grammatical errors,
59
198000
5000
หรือ "Give a mouse a muffin" โดยวางกรรมตรง กรรมรองติดกันก็ได้
03:23
and a problem in programming computers to use language is
60
203000
3000
"Promise anything to her" หรือ "Promise her anything" และอีกมากมาย
03:26
which verbs go in which constructions.
61
206000
2000
คำกริยาหลายร้อยคำ สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ
03:29
For example, the dative construction in English.
62
209000
2000
ดังนั้น จึงเกิดเกณฑ์ทั่วไปสำหรับเด็ก
03:31
You can say, "Give a muffin to a mouse," the prepositional dative.
63
211000
3000
สำหรับผู้ใหญ่ สำหรับคอมพิวเตอร์
คือ คำกริยาใด ๆ ที่ปรากฏ ในหน่วยสร้างในรูปแบบ
03:34
Or, "Give a mouse a muffin," the double-object dative.
64
214000
3000
"ประธาน-กริยา-ของ-ให้-คนรับ"
03:37
"Promise anything to her," "Promise her anything," and so on.
65
217000
4000
สามารถเขียนในรูปแบบ "ประธาน-กริยา-ผู้รับ-ของ" ได้เช่นกัน
03:41
Hundreds of verbs can go both ways.
66
221000
2000
ที่เรามีอะไรที่ใช้ง่าย ๆ แบบนี้เกิดขึ้น
03:43
So a tempting generalization for a child,
67
223000
2000
เพราะว่า ภาษาไม่มีที่สิ้นสุด
03:45
for an adult, for a computer
68
225000
2000
และคุณไม่สามารถท่องจำ ประโยคที่คุณเพิ่งได้ยินได้
03:47
is that any verb that can appear in the construction,
69
227000
2000
ดังนั้นคุณต้องตกผลึกเกณฑ์ง่าย ๆ
03:49
"subject-verb-thing-to-a-recipient"
70
229000
3000
เพื่อให้คุณสร้างและเข้าใจประโยคใหม่ ๆ ได้
03:52
can also be expressed as "subject-verb-recipient-thing."
71
232000
3000
นี่แหละ คือตัวอย่างของกระบวนการข้างต้น
03:55
A handy thing to have,
72
235000
2000
โชคไม่ดี เพราะว่ามันก็มีข้อยกเว้นด้วย
03:57
because language is infinite,
73
237000
2000
คุณพูดว่า "บิฟขับรถไปชิคาโก"
03:59
and you can't just parrot back the sentences that you've heard.
74
239000
3000
แต่ไม่พูดว่า "บิฟขับชิคาโกรถ"
04:02
You've got to extract generalizations
75
242000
2000
04:04
so you can produce and understand new sentences.
76
244000
3000
คุณพูดว่า "แซลทำให้เจสันปวดหัว"
04:07
This would be an example of how to do that.
77
247000
2000
แต่พูดว่า "แซลให้ปวดหัวแก่เจสัน" ก็ดูแปลก
04:09
Unfortunately, there appear to be idiosyncratic exceptions.
78
249000
3000
ทางออกของปัญหาก็คือ ต้องรู้ว่า แม้หน่วยสร้างเหล่านี้ดูเหมือนกัน
04:12
You can say, "Biff drove the car to Chicago,"
79
252000
3000
แต่มันต่างกัน
04:15
but not, "Biff drove Chicago the car."
80
255000
3000
เพราะเมื่อมองลงไปถึงรายละเอียดของ
การรับรู้ของมนุษย์ คุณจะเห็นข้อแตกต่างย่อย ๆ
04:18
You can say, "Sal gave Jason a headache,"
81
258000
3000
ในความหมายของมัน
04:21
but it's a bit odd to say, "Sal gave a headache to Jason."
82
261000
2000
ดังนั้น "ให้ X แก่ Y"
หน่วยสร้างนี้ สัมพันธ์กับความคิดว่า "ทำให้เกิด X และไปยัง Y"
04:24
The solution is that these constructions, despite initial appearance,
83
264000
3000
04:27
are not synonymous,
84
267000
2000
ในขณะที่ "ให้ Y แก่ X"
04:29
that when you crank up the microscope
85
269000
2000
จะสัมพันธ์กับความคิดที่ว่า "ทำให้เกิด Y ที่ทำให้มี X"
04:31
on human cognition, you see that there's a subtle difference
86
271000
2000
04:33
in meaning between them.
87
273000
2000
เอาล่ะครับ หลาย ๆ เหตุการณ์ขึ้นอยู่กับ การตีความ
04:35
So, "give the X to the Y,"
88
275000
2000
04:37
that construction corresponds to the thought
89
277000
3000
คล้ายกับภาพลวงตาคลาสสิกที่คุ้นชินกัน
04:40
"cause X to go to Y." Whereas "give the Y the X"
90
280000
3000
ซึ่งเราจะมองไปที่
04:43
corresponds to the thought "cause Y to have X."
91
283000
4000
วัตถุนั้น ๆ
ซึ่งในกรณีนี้ พื้นที่รอบ ๆ วัตถุ จะถูกมองข้ามไป
04:47
Now, many events can be subject to either construal,
92
287000
4000
หรือคุณจะเห็นใบหน้าคนตรงพื้นที่ว่าง
04:51
kind of like the classic figure-ground reversal illusions,
93
291000
3000
ซึ่งกรณีนี้ วัตถุก็จะถูกมองข้ามไป
04:54
in which you can either pay attention
94
294000
3000
แล้วการตีความหมายแบบนี้ สะท้อนภาษาอย่างไร
04:57
to the particular object,
95
297000
2000
ครับ ทั้งสองกรณี สิ่งที่ถูกตีความ ว่าเป็นผู้รับผลนั้น
04:59
in which case the space around it recedes from attention,
96
299000
4000
จะถูกแสดงออกมาเป็นกรรมตรง
05:03
or you can see the faces in the empty space,
97
303000
2000
หรือคำนามที่ตามหลังคำกริยา
05:05
in which case the object recedes out of consciousness.
98
305000
4000
ดังนั้น เมื่อคุณนึกถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้ขนมมัฟฟินไปไหนสักที่
05:09
How are these construals reflected in language?
99
309000
2000
ที่ที่คุณกำลังทำบางสิ่งบางอย่างกับมัฟฟิน
05:11
Well, in both cases, the thing that is construed as being affected
100
311000
4000
คุณพูดว่า "Give the muffin to the mouse"
แต่เมื่อคุณตีความว่า "ทำให้หนูได้รับบางสิ่ง"
05:15
is expressed as the direct object,
101
315000
2000
คุณกำลังทำบางสิ่งกับหนู
05:17
the noun after the verb.
102
317000
2000
ดังนั้น คุณจะพูดว่า "Give the mouse the muffin"
05:19
So, when you think of the event as causing the muffin to go somewhere --
103
319000
4000
ดังนั้น คำกริยาไหนไปอยู่ในหน่วยสร้างใด
05:23
where you're doing something to the muffin --
104
323000
2000
ปัญหาที่ผมกำลังพูดถึงนี้
05:25
you say, "Give the muffin to the mouse."
105
325000
2000
จะขึ้นอยู่กับว่ากริยาระบุการเคลื่อนที่
05:27
When you construe it as "cause the mouse to have something,"
106
327000
3000
หรือระบุการเปลี่ยนมือในการครอบครอง
05:30
you're doing something to the mouse,
107
330000
2000
การให้บางสิ่ง เกี่ยวข้องกับทั้ง การทำให้บางสิ่งบางอย่างออกไป
05:32
and therefore you express it as, "Give the mouse the muffin."
108
332000
3000
และทำให้บางคนมีบางสิ่งด้วย
05:35
So which verbs go in which construction --
109
335000
2000
การขับรถ มีแค่ทำให้บางสิ่งออกไป
05:37
the problem with which I began --
110
337000
2000
05:39
depends on whether the verb specifies a kind of motion
111
339000
4000
เพราะชิคาโกไม่ใช่สิ่งที่จะไปครองอีกสิ่งได้
มีแค่มนุษย์ที่ครองสิ่งต่าง ๆ ได้
05:43
or a kind of possession change.
112
343000
2000
และการให้ความปวดหัวกับใคร คือการทำให้คนนั้นปวดหัว
05:45
To give something involves both causing something to go
113
345000
3000
แต่ไม่ได้บอกว่า เราเอาความปวดหัวออกจากหัวเรา
05:48
and causing someone to have.
114
348000
2000
แล้วทำให้มันไปยังอีกคน
05:50
To drive the car only causes something to go,
115
350000
3000
แล้วฝังตัวในคนนั้นแล้วงอกขึ้นมา
05:53
because Chicago's not the kind of thing that can possess something.
116
353000
2000
คุณอาจจะเสียงดังหรือทำตัวน่ารังเกียจเฉย ๆ
05:55
Only humans can possess things.
117
355000
3000
หรือทำอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาปวดหัว
ดังนั้น นั่นแหละ
05:58
And to give someone a headache causes them to have the headache,
118
358000
2000
06:00
but it's not as if you're taking the headache out of your head
119
360000
3000
คือตัวอย่างของสิ่งที่ผมทำในแต่ละวันของผม
06:03
and causing it to go to the other person,
120
363000
2000
แล้วทำไมคนถึงต้องสนใจล่ะ
06:05
and implanting it in them.
121
365000
2000
เพราะ ผมคิดว่ามันมีข้อสรุป บางประการที่น่าสนใจ
06:07
You may just be loud or obnoxious,
122
367000
2000
เกี่ยวกับเรื่องนี้และการวิเคราะห์อื่น ๆ
06:09
or some other way causing them to have the headache.
123
369000
2000
06:11
So, that's
124
371000
4000
ในคำกริยากว่าอีกหลายร้อยคำ
อย่างแรกคือ มีแผนผังมโนทัศน์อย่างละเอียด
06:15
an example of the kind of thing that I do in my day job.
125
375000
2000
06:17
So why should anyone care?
126
377000
2000
ที่เราประมวลผลโดยอัตโนมัติและไม่รู้ตัว
06:19
Well, there are a number of interesting conclusions, I think,
127
379000
3000
ทุกครั้งที่เราสร้างหรือเปล่งประโยคออกไป สิ่งนี้ ควบคุมการใช้ภาษาของเรา
06:22
from this and many similar kinds of analyses
128
382000
4000
คุณเรียกสิ่งนี้ได้ว่าเป็นภาษาของความคิด หรือ "mentalese"(เมนทาลีส)
06:26
of hundreds of English verbs.
129
386000
2000
06:28
First, there's a level of fine-grained conceptual structure,
130
388000
3000
ซึ่งน่าจะมีพื้นมาจากชุดความคิดที่ตายตัว
06:31
which we automatically and unconsciously compute
131
391000
3000
ที่ควบคุมหน่วยสร้างจำนวนมากและกริยานับพัน
06:34
every time we produce or utter a sentence, that governs our use of language.
132
394000
4000
ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ แต่ในทุก ๆ ภาษา
กรอบความคิดพื้นฐาน เช่น พื้นที่
06:38
You can think of this as the language of thought, or "mentalese."
133
398000
4000
เวลา สาเหตุ และเจตนาของมนุษย์
06:42
It seems to be based on a fixed set of concepts,
134
402000
3000
เช่น อะไรคือวิธีการ และอะไรคือผลลัพธ์
06:45
which govern dozens of constructions and thousands of verbs --
135
405000
3000
สิ่งเหล่านี้ เป็นตัวย้ำเตือนเราถึงหมวดหมู่
ที่อิมมานูเอล คานท์อภิปรายไว้
06:48
not only in English, but in all other languages --
136
408000
3000
นี่คือโครงสร้างพื้นฐานของความคิดมนุษย์
06:51
fundamental concepts such as space,
137
411000
2000
และมันน่าสนใจว่า จิตใต้สำนึก ของการใช้ภาษาของเรา
06:53
time, causation and human intention,
138
413000
3000
สะท้อนถึงหมวดหมู่แบบคานท์เหล่านี้
06:56
such as, what is the means and what is the ends?
139
416000
3000
ไม่ต้องสนใจคุณภาพที่รับรู้
06:59
These are reminiscent of the kinds of categories
140
419000
2000
เช่นสี เนื้องาน น้ำหนัก และความเร็ว
07:01
that Immanuel Kant argued
141
421000
2000
ซึ่งไม่เคยแบ่ง
07:03
are the basic framework for human thought,
142
423000
3000
การใช้งานคำกริยาในหน่วยสร้างอย่างแท้จริง
07:06
and it's interesting that our unconscious use of language
143
426000
3000
อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทุกหน่วยสร้างในภาษาอังกฤษ
07:09
seems to reflect these Kantian categories.
144
429000
3000
ไม่ได้ถูกใช้สื่อความ ตรงตามตัวอักษรเท่านั้น
07:12
Doesn't care about perceptual qualities,
145
432000
2000
แต่ยังถูกใช้ในแนวกึ่ง ๆ อุปมาด้วย
07:14
such as color, texture, weight and speed,
146
434000
2000
ตัวอย่างเช่น หน่วยสร้างนี้ กรรมรอง
07:16
which virtually never differentiate
147
436000
2000
ไม่ได้ใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายของเท่านั้น
07:18
the use of verbs in different constructions.
148
438000
2000
แต่ยังมีความคิดเคลื่อนย้ายเชิงอุปมาด้วย
07:21
An additional twist is that all of the constructions in English
149
441000
3000
เช่นที่เราพูด "เธอบอกเรื่องนี้กับฉัน"
07:24
are used not only literally,
150
444000
2000
หรือ "เธอบอกฉันเรื่องนี้"
07:26
but in a quasi-metaphorical way.
151
446000
3000
"แมกซ์สอนภาษาสเปนแก่นักเรียน" หรือ "สอนนักเรียน ภาษาสเปน"
07:29
For example, this construction, the dative,
152
449000
2000
มันคือหน่วยสร้างเดียวกันเป๊ะ
07:31
is used not only to transfer things,
153
451000
2000
แค่ไม่มีขนมมัฟฟิน ไม่มีหนู ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
07:33
but also for the metaphorical transfer of ideas,
154
453000
3000
มันทำให้นึกถึงอุปมาที่แฝงอยู่ในการสื่อสาร
07:36
as when we say, "She told a story to me"
155
456000
2000
07:38
or "told me a story,"
156
458000
2000
ซึ่งเรารับรู้ความคิดนี้เป็นเหมือนวัตถุ
07:40
"Max taught Spanish to the students" or "taught the students Spanish."
157
460000
3000
ประโยคเป็นเหมือนเครื่องบรรจุ
และการสื่อสารเป็นเหมือนการส่งบางสิ่ง
07:43
It's exactly the same construction,
158
463000
2000
เช่นเราพูดว่า "รวบรวม" ความคิดของเรา และ "ประกอบ" มัน "เป็น" คำ.
07:45
but no muffins, no mice, nothing moving at all.
159
465000
4000
และถ้าสารของเราไม่ "กลวง" ไม่ "ลวง"
07:49
It evokes the container metaphor of communication,
160
469000
3000
เราก็อาจพาความคิดเรา "ข้าม" ไปถึงคนฟัง
07:52
in which we conceive of ideas as objects,
161
472000
2000
ผู้สามารถ "เปิดรับ" ความของเราเพื่อ "ถอด" ออกมาเป็น "สาระ" ได้
07:54
sentences as containers,
162
474000
2000
และแน่นอนว่า การพูดน้ำท่วมทุ่ง ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่เป็นกฏ
07:56
and communication as a kind of sending.
163
476000
2000
07:58
As when we say we "gather" our ideas, to "put" them "into" words,
164
478000
3000
มันยากมากที่จะยกตัวอย่างภาษาที่เป็นนามธรรม
08:01
and if our words aren't "empty" or "hollow,"
165
481000
2000
ที่อยู่บนพื้นฐานการอุปมาที่เป็นรูปธรรม
08:03
we might get these ideas "across" to a listener,
166
483000
3000
ยกตัวอย่าง คุณสามารถพูดกริยาว่า "ไป"
08:06
who can "unpack" our words to "extract" their "content."
167
486000
3000
กับคำบุพบท "ยัง" และ "จาก"
08:09
And indeed, this kind of verbiage is not the exception, but the rule.
168
489000
3000
ในเชิงพื้นที่ตามความหมาย
"คนส่งของ ไปจากปารีส ไปยังอิสตันบูล"
08:12
It's very hard to find any example of abstract language
169
492000
3000
คุณยังพูดได้ว่า "บิฟ จากที่ป่วย ไปเป็นหายดี"
08:15
that is not based on some concrete metaphor.
170
495000
3000
เขาไม่ต้องไปไหน เขาจะอยู่ บนเตียงตลอดเวลาก็ยังได้
08:18
For example, you can use the verb "go"
171
498000
3000
แต่มันเหมือนกับว่าสุขภาพของเขา เป็นจุด ๆ หนี่งในห้วงเวลา
08:21
and the prepositions "to" and "from"
172
501000
2000
ซึ่งคุณมีกรอบความคิดว่ามันเคลื่อนที่
08:23
in a literal, spatial sense.
173
503000
2000
หรือ "ประชุม จากสามโมง ไปถึงสี่โมง"
08:25
"The messenger went from Paris to Istanbul."
174
505000
2000
ซึ่งเรารับรู้เวลาว่าเป็นเส้นตรงเส้นหนึ่ง
08:27
You can also say, "Biff went from sick to well."
175
507000
3000
ในทำนองเดียวกัน เราใช้คำว่า "บังคับ"
08:30
He needn't go anywhere. He could have been in bed the whole time,
176
510000
3000
ไม่ใช่แค่กับแรงทางกายภาพ
08:33
but it's as if his health is a point in state space
177
513000
2000
เช่น "โรสบังคับให้ประตูเปิด"
08:35
that you conceptualize as moving.
178
515000
2000
แต่ใช้กับแรงระหว่างคนด้วย
08:37
Or, "The meeting went from three to four,"
179
517000
2000
เช่น "โรสบังคับให้เซดี้ออกไป" ซึ่งมันไม่จำเป็นว่าต้องผลักไสออกไป
08:39
in which we conceive of time as stretched along a line.
180
519000
3000
อาจแค่พูดขู่เฉย ๆ ก็ได้
08:42
Likewise, we use "force" to indicate
181
522000
3000
หรือ "โรสบังคับตัวเองให้ออกไป"
08:45
not only physical force,
182
525000
2000
เรากับว่ามีสิ่งสองสิ่งในหัวเซดี้
08:47
as in, "Rose forced the door to open,"
183
527000
2000
กำลังชักเย่อกันไปมา
08:49
but also interpersonal force,
184
529000
2000
ข้อสรุปอันที่สอง คือความสามารถในการรับรู้
08:51
as in, "Rose forced Sadie to go," not necessarily by manhandling her,
185
531000
4000
ในเหตุการณ์หนึ่ง ๆ เป็นสองแบบที่ต่างกัน
08:55
but by issuing a threat.
186
535000
2000
เช่น "ทำให้บางสิ่ง ไปยังบางคน"
08:57
Or, "Rose forced herself to go,"
187
537000
2000
และ "ทำให้บางคน มีบางสิ่ง"
08:59
as if there were two entities inside Rose's head,
188
539000
2000
ผมคิดว่า มันเป็นลักษณะพื้นฐาน ของความคิดมนุษย์
09:02
engaged in a tug of a war.
189
542000
2000
09:04
Second conclusion is that the ability to conceive
190
544000
3000
และมันเป็นรากฐานของการให้เหตุผล ของมนุษย์อีกมากมาย
09:07
of a given event in two different ways,
191
547000
3000
ซึ่งคนไม่ได้เห็นต่างกันนักในข้อเท็จจริง
09:10
such as "cause something to go to someone"
192
550000
2000
ว่ามันควรถูกตีความอย่างไร
09:12
and "causing someone to have something,"
193
552000
2000
ผมขอลองยกตัวอย่างนะครับ
09:14
I think is a fundamental feature of human thought,
194
554000
4000
"ยุติภาวะตั้งครรภ์" กับ "ฆ่าเด็กในท้อง"
"ก้อนเซลล์" กับ "เด็กที่ยังไม่เกิด"
09:18
and it's the basis for much human argumentation,
195
558000
3000
"รุกรานอิรัก" กับ "ปลดปล่อยอิรัก"
09:21
in which people don't differ so much on the facts
196
561000
3000
"จัดสรรความมั่งคั่ง" กับ "ริบทรัพย์"
09:24
as on how they ought to be construed.
197
564000
2000
และผมคิดว่า ภาพใหญ่สุดนั้น
09:26
Just to give you a few examples:
198
566000
2000
จะอยู่บนพื้นฐานของความจริงมาก ๆ
09:28
"ending a pregnancy" versus "killing a fetus;"
199
568000
2000
09:30
"a ball of cells" versus "an unborn child;"
200
570000
3000
จนกระทั่งการพูดเวิ่นเว้อ ถึงเรื่องนามธรรมของเรา
09:33
"invading Iraq" versus "liberating Iraq;"
201
573000
2000
นั้นยืนพื้นจากการอุปมาเชิงรูปธรรม
09:35
"redistributing wealth" versus "confiscating earnings."
202
575000
4000
และมองเห็นว่าความฉลาดของมนุษย์นั้น
มีแนวคิดอยู่หลายอย่าง
09:39
And I think the biggest picture of all
203
579000
2000
เช่น วัตถุ พื้นที่ เวลา สาเหตุ และเจตนา
09:41
would take seriously the fact
204
581000
3000
ซึ่งมีประโยชน์ในสังคมของ เผ่าพันธุ์ที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้
09:44
that so much of our verbiage about abstract events
205
584000
3000
09:47
is based on a concrete metaphor
206
587000
2000
เผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการที่คุณรู้จักกันดี
09:49
and see human intelligence itself
207
589000
2000
และกระบวนการอุปมาเชิงนามธรรมนี้
09:51
as consisting of a repertoire of concepts --
208
591000
3000
ช่วยให้เราชำระแนวคิด
09:54
such as objects, space, time, causation and intention --
209
594000
3000
เรื่องกรอบเนื้อหาแรกเริ่มเหล่านี้
09:57
which are useful in a social, knowledge-intensive species,
210
597000
4000
พื้นที่ เวลา และการบังคับ
และประยุกต์มันเข้ากับขอบเขตนามธรรมใหม่ ๆ
10:01
whose evolution you can well imagine,
211
601000
2000
ทำให้เผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการ
10:03
and a process of metaphorical abstraction
212
603000
3000
เพื่อจัดการกับหิน เครื่องมือ และสัตว์
10:06
that allows us to bleach these concepts
213
606000
2000
ได้สร้างกรอบความคิดเรื่องคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ กฏหมาย
10:08
of their original conceptual content --
214
608000
3000
และขอบเขตนามธรรมอื่น ๆ
10:11
space, time and force --
215
611000
3000
ผมบอกไว้ว่าจะเล่าถึงหน้าต่างสองบาน ที่ส่องธรรมชาติของมนุษย์
10:14
and apply them to new abstract domains,
216
614000
2000
10:16
therefore allowing a species that evolved
217
616000
3000
กลไกความคิดที่เราใช้มองโลก
10:19
to deal with rocks and tools and animals,
218
619000
2000
ตอนนี้ผมจะเล่าสั้น ๆ เกี่ยวกับ รูปแบบความสัมพันธ์
10:21
to conceptualize mathematics, physics, law
219
621000
3000
ที่ควบคุมการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
ซึ่งสะท้อนอยู่ในภาษาเช่นกัน
10:24
and other abstract domains.
220
624000
3000
ผมขอเริ่มจากปริศนาของวัจนกรรมอ้อม
10:27
Well, I said I'd talk about two windows on human nature --
221
627000
3000
10:30
the cognitive machinery with which we conceptualize the world,
222
630000
3000
ผมเชื่อว่าทุกท่านส่วนใหญ่ เคยชมหนัง "Fargo"
และคงจำฉากนั้นได้
10:33
and now I'm going to say a few words about the relationship types
223
633000
2000
ที่โจรลักพาตัวถูกตำรวจลากเข้าข้างทาง
10:35
that govern human social interaction,
224
635000
2000
10:37
again, as reflected in language.
225
637000
2000
และให้แสดงใบขับขี่
และเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา
10:40
And I'll start out with a puzzle, the puzzle of indirect speech acts.
226
640000
4000
พร้อมแบงก์ 50 ดอลล่าร์ที่ยื่น
10:44
Now, I'm sure most of you have seen the movie "Fargo."
227
644000
2000
เป็นมุมเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า
10:46
And you might remember the scene in which
228
646000
2000
เขาพูดว่า "ฉันแค่กำลังคิดว่า
10:48
the kidnapper is pulled over by a police officer,
229
648000
3000
เราอาจจะตกลงกันได้ที่ฟาร์โกนี่นะ"
ซึ่งทุกคน รวมถึงคนดู
10:51
is asked to show his driver's license
230
651000
2000
10:53
and holds his wallet out
231
653000
2000
แปลได้ว่า มันคือใต้โต๊ะนั่นแหละ
10:55
with a 50-dollar bill extending
232
655000
3000
สารทางอ้อมแบบนี้ลุกลามอยู่ในภาษา
10:58
at a slight angle out of the wallet.
233
658000
2000
11:00
And he says, "I was just thinking
234
660000
2000
ยกตัวอย่างเช่น การขอร้องแบบสุภาพ
11:02
that maybe we could take care of it here in Fargo,"
235
662000
2000
เมื่อมีคนพูดว่า "ถ้าคุณช่วยหยิบกัวคาโมเล
11:04
which everyone, including the audience,
236
664000
3000
มาให้ได้ มันคงจะเยี่ยมเลย"
เราเข้าใจความหมายแน่นอน ว่าเขาจะสื่ออะไร
11:07
interprets as a veiled bribe.
237
667000
3000
แม้ว่ามันจะดู
11:10
This kind of indirect speech is rampant in language.
238
670000
4000
เป็นอะไรที่ค่อนข้างประหลาดก็ตาม
(เสียงหัวเราะ)
11:14
For example, in polite requests,
239
674000
2000
"สนใจมาดูภาพสะสมที่บ้านฉันไหม"
11:16
if someone says, "If you could pass the guacamole,
240
676000
2000
ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่
11:18
that would be awesome,"
241
678000
2000
เข้าใจถึงจุดประสงค์เบื้องหลังแน่ ๆ
11:20
we know exactly what he means,
242
680000
2000
11:22
even though that's a rather bizarre
243
682000
2000
และทำนองเดียวกัน ถ้ามีใครพูดว่า
11:24
concept being expressed.
244
684000
2000
"ร้านของนายนี่ดีนะ ถ้ามันเป็นอะไรไปคงแย่"
11:26
(Laughter)
245
686000
3000
(เสียงหัวเราะ)
เราเข้าใจว่ามันคือคำขู่แบบอ้อม ๆ
11:29
"Would you like to come up and see my etchings?"
246
689000
2000
มากกว่าเป็นการไตร่ตรองความน่าจะเป็น
11:31
I think most people
247
691000
2000
11:33
understand the intent behind that.
248
693000
3000
ดังนั้น ปริศนาก็คือ ทำไมการติดสินบน
11:36
And likewise, if someone says,
249
696000
2000
การขอร้องแบบสุภาพ การเชิญชวน และการขู่ บ่อยครั้งไม่ได้ออกมาตรง ๆ
11:38
"Nice store you've got there. It would be a real shame if something happened to it" --
250
698000
3000
ไม่มีใครไม่ฉลาดพอ
11:41
(Laughter) --
251
701000
1000
ทั้งสองฝ่ายรู้ตรงกันว่าผู้พูดจะสื่ออะไร
11:42
we understand that as a veiled threat,
252
702000
2000
11:44
rather than a musing of hypothetical possibilities.
253
704000
3000
และผู้พูดก็รู้ว่าผู้ฟังรู้เช่นกันว่า
ผู้พูดรู้ว่าผู้ฟังรู้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
11:47
So the puzzle is, why are bribes,
254
707000
3000
เกิดอะไรขึ้น
11:50
polite requests, solicitations and threats so often veiled?
255
710000
3000
ผมคิดว่า ความคิดสำคัญก็คือภาษา
11:53
No one's fooled.
256
713000
2000
คือรูปแบบในการเจรจาความสัมพันธ์
11:55
Both parties know exactly what the speaker means,
257
715000
3000
และความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็มีหลายรูปแบบ
11:58
and the speaker knows the listener knows
258
718000
2000
มีการจัดกลุ่มโดยนักมานุษยวิทยา อลัน ฟิสค์
12:00
that the speaker knows that the listener knows, etc., etc.
259
720000
3000
ซึ่งความสัมพันธ์ถูกแบ่งกลุ่มอย่างเหมาะสม
12:03
So what's going on?
260
723000
2000
12:05
I think the key idea is that language
261
725000
2000
เป็นความร่วมกัน ที่อยู่บนหลักการที่ว่า
12:07
is a way of negotiating relationships,
262
727000
2000
"ของเราคือของท่าน ของท่านคือของเรา"
12:09
and human relationships fall into a number of types.
263
729000
3000
ความเชื่อแบบนี้มีอยู่ใน เช่น ครอบครัว
12:12
There's an influential taxonomy by the anthropologist Alan Fiske,
264
732000
4000
แบบปกครอง ก็จะใช้หลักการ ว่า "อย่ามายุ่งกับฉัน"
12:16
in which relationships can be categorized, more or less,
265
736000
3000
แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย บอกว่า "เธอเกาหลังฉัน ฉันเกาหลังเธอ"
12:19
into communality, which works on the principle
266
739000
2000
12:21
"what's mine is thine, what's thine is mine,"
267
741000
3000
และแบบเรื่องเพศ คำพูดอมตะของโคล พอร์ตเตอร์ ที่บอกไว้ว่า "มาทำกันเถอะ"
12:24
the kind of mindset that operates within a family, for example;
268
744000
4000
เอาล่ะ รูปแบบความสัมพันธ์นั้นต่อรองได้
12:28
dominance, whose principle is "don't mess with me;"
269
748000
3000
แม้ว่าจะมีสถานการณ์ทั่วไป
12:31
reciprocity, "you scratch my back, I'll scratch yours;"
270
751000
4000
ที่ความเชื่อเหล่านี้ใช้ได้
มันก็สามารถยืดหยุ่นได้
12:35
and sexuality, in the immortal words of Cole Porter, "Let's do it."
271
755000
5000
ตัวอย่างเช่น ความร่วมกัน ที่อยู่เป็นธรรมชาติใน
12:40
Now, relationship types can be negotiated.
272
760000
3000
ครอบครัวและเพื่อน
แต่มันก็สามารถใช้เพื่อพยามยามส่งต่อ
12:43
Even though there are default situations
273
763000
3000
จิตแห่งการแบ่งปัน
12:46
in which one of these mindsets can be applied,
274
766000
2000
ไปยังกลุ่มที่ปกติไม่มีแนวโน้มที่จะทำ
12:48
they can be stretched and extended.
275
768000
3000
เช่น ในพวกพ้อง ในสมาคม
12:51
For example, communality applies most naturally
276
771000
3000
12:54
within family or friends,
277
774000
2000
ในสโมสรสตรี สำนวนเช่น "the family of man" (ครอบครัวมนุษย์)
12:56
but it can be used to try to transfer
278
776000
2000
คุณพยายามที่จะดึงผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง
12:58
the mentality of sharing
279
778000
2000
แล้วนำนิยามความสัมพันธ์ที่ปกติแล้ว
13:00
to groups that ordinarily would not be disposed to exercise it.
280
780000
4000
เราจะใช้มันกับญาติพี่น้องที่สนิท มาใช้
13:04
For example, in brotherhoods, fraternal organizations,
281
784000
4000
มันไม่เหมาะสมนัก เมื่อคนหนึ่ง ทึกทักว่าเป็นความสัมพันธ์แบบหนึ่ง
13:08
sororities, locutions like "the family of man,"
282
788000
3000
ขณะที่อีกคนคิดว่าเป็นอีกแบบ ซึ่งมันคงแปลก
13:11
you try to get people who are not related
283
791000
2000
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแวะไปเยี่ยมบ้านหัวหน้า
13:13
to use the relationship type that would ordinarily
284
793000
4000
แล้วหยิบกุ้งจากจานของหัวหน้ามากิน
มันคงแปลก ๆ
13:17
be appropriate to close kin.
285
797000
2000
หรือถ้าแขกที่เชิญมาทานมื้อค่ำ หลังทานเสร็จ
13:19
Now, mismatches -- when one person assumes one relationship type,
286
799000
3000
เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา บอกว่าจะเลี้ยงคุณ
13:22
and another assumes a different one -- can be awkward.
287
802000
3000
นั้นก็คงแปลก ๆ เหมือนกัน
ในกรณีที่ไม่ค่อยโจ่งแจ้ง
13:25
If you went over and you helped yourself
288
805000
2000
13:27
to a shrimp off your boss' plate,
289
807000
2000
บ่อยครั้งก็มีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้น
13:29
for example, that would be an awkward situation.
290
809000
2000
อย่างเช่น ในที่ทำงาน
13:31
Or if a dinner guest after the meal
291
811000
2000
ก็มีความเครียดอยู่บ่อยครั้ง
13:33
pulled out his wallet and offered to pay you for the meal,
292
813000
3000
ว่าพนักงานผูกมิตรกับเจ้านายได้หรือไม่
13:36
that would be rather awkward as well.
293
816000
2000
หรือ เรียกชื่อเจ้านาย
13:38
In less blatant cases,
294
818000
3000
โดยไม่ต้องเรียกด้วยนามสกุลได้
ถ้าเพื่อนสองคน มีธุรกรรม
13:41
there's still a kind of negotiation that often goes on.
295
821000
3000
ที่มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เช่น การขายรถ
13:44
In the workplace, for example,
296
824000
2000
เรารู้ดีว่า นี่แหละอาจเป็นจุดเริ่มต้น
13:46
there's often a tension over whether an employee
297
826000
2000
ของความเครียด หรือความประหม่าได้
13:48
can socialize with the boss,
298
828000
2000
ในการเดท การเปลี่ยนขั้น
13:50
or refer to him or her
299
830000
2000
จากความเป็นเพื่อน ไปเป็นเซ็กส์
13:52
on a first-name basis.
300
832000
2000
อาจนำไปสู่ความอึกอักฉาวโฉ่ในหลายแบบ
13:54
If two friends have a
301
834000
2000
พอ ๆ กับการมีเซ็กส์ในที่ทำงาน
13:56
reciprocal transaction, like selling a car,
302
836000
2000
ซึ่งเราเรียกความขัดแย้งระหว่าง ผู้มีอำนาจ
13:58
it's well known that this can be a source
303
838000
2000
14:00
of tension or awkwardness.
304
840000
2000
กับเรื่องสัมพันธ์สวาทว่า "การคุมคามทางเพศ"
14:02
In dating, the transition
305
842000
2000
แล้ว เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกับภาษาอย่างไร
14:04
from friendship to sex
306
844000
2000
ภาษา ในฐานะการปฏิสัมพันธ์ในสังคม
14:06
can lead to, notoriously, various forms of awkwardness,
307
846000
3000
จะต้องตอบโจทย์ในสองเงื่อนไขนี้
14:09
and as can sex in the workplace,
308
849000
2000
คุณต้องสื่อเนื้อหาที่แท้จริง
14:11
in which we call the conflict between a
309
851000
2000
เรากลับมากันที่เรื่องอุปลักษณ์พื้นที่บรรจุ
14:13
dominant and a sexual relationship "sexual harassment."
310
853000
4000
คุณต้องการสื่อถึงการติดสินบน การสั่ง สัญญา
14:17
Well, what does this have to do with language?
311
857000
2000
การเชิญชวน หรืออื่น ๆ
14:19
Well, language, as a social interaction,
312
859000
2000
แต่เช่นกัน คุณต้องเจรจา
14:21
has to satisfy two conditions.
313
861000
2000
และคงไว้ซึ่งรูปแบบความสัมพันธ์
14:23
You have to convey the actual content --
314
863000
3000
ที่คุณมีกับคนอื่น ๆ
ผมคิดว่า ทางออกก็คือ เราใช้ภาษาในสองระดับ
14:26
here we get back to the container metaphor.
315
866000
2000
14:28
You want to express the bribe, the command, the promise,
316
868000
3000
แบบตรง ๆ ตามตัวอักษร
ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ปลอดภัยสุดกับผู้ฟัง
14:31
the solicitation and so on,
317
871000
2000
14:33
but you also have to negotiate
318
873000
2000
ขณะที่สารที่เข้ามาเกี่ยวพัน
14:35
and maintain the kind of relationship
319
875000
2000
การตีความแต่ละบรรทัด ที่เราหวังให้ผู้ฟังทำ
14:37
you have with the other person.
320
877000
2000
ช่วยให้ผู้ฟังได้รับความหมาย
14:39
The solution, I think, is that we use language at two levels:
321
879000
3000
ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อความมากที่สุด
14:42
the literal form signals
322
882000
2000
ซึ่งอาจเริ่มเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้
14:44
the safest relationship with the listener,
323
884000
2000
ตัวอย่างที่ง่ายสุด ก็คือการร้องขอแบบสุภาพ
14:46
whereas the implicated content --
324
886000
2000
14:49
the reading between the lines that we count on the listener to perform --
325
889000
2000
ถ้าคุณแสดงการขอร้องในลักษณะเงื่อนไข
14:52
allows the listener to derive the interpretation
326
892000
2000
"ถ้าช่วยเปิดหน้าต่างได้ มันคงจะดีมาก"
14:54
which is most relevant in context,
327
894000
2000
แม้ว่าเนื้อหาจริง ๆ มันคือคำสั่งก็ตาม
14:56
which possibly initiates a changed relationship.
328
896000
3000
ความจริงที่ว่า คุณไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่สั่ง
14:59
The simplest example of this is in the polite request.
329
899000
4000
แปลว่าคุณไม่ได้กำลังทำตัวว่ามีอำนาจเหนือ
15:03
If you express your request as a conditional --
330
903000
3000
ซึ่งทำให้คุณรู้ได้ว่าคนอื่นจะปฏิบัติตาม
15:06
"if you could open the window, that would be great" --
331
906000
3000
ในอีกมุมหนึ่ง คุณต้องการกัวคาโมเลอะไรนั่น
15:09
even though the content is an imperative,
332
909000
2000
โดยแสดงออกในรูปแบบข้อความ ถ้า-แล้ว
15:11
the fact that you're not using the imperative voice
333
911000
2000
คุณก็สามารถส่งสารไปถึง
15:14
means that you're not acting as if you're in a relationship of dominance,
334
914000
3000
โดยไม่ต้องทำตัวเป็นเจ้านายสั่งคนรอบ ๆ ตัวได้
15:18
where you could presuppose the compliance of the other person.
335
918000
3000
และผมคิดว่า ในแบบที่สื่อนัย ๆ นี่แหละ ได้ผล
สำหรับทุกวัจนกรรมที่ไม่เผยจุดประสงค์ตรง ๆ
15:21
On the other hand, you want the damn guacamole.
336
921000
2000
รวมถึงการปฏิเสธความไร้เหตุผล:
15:23
By expressing it as an if-then statement,
337
923000
3000
การใต้โต๊ะ การขู่ การเสนอ
15:26
you can get the message across
338
926000
2000
การเชิญชวน และอื่น ๆ
15:28
without appearing to boss another person around.
339
928000
4000
วิธีคิดแบบหนึ่งก็คือ ลองจินตนาการ
ว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าภาษา
15:32
And in a more subtle way, I think, this works
340
932000
2000
ใช้แบบตรงตัวเท่านั้น และคุณ คิดในนิยามของ
15:34
for all of the veiled speech acts
341
934000
2000
เมตริกผลตอบแทนตามทฤษฎีเกมส์
15:36
involving plausible deniability:
342
936000
2000
15:38
the bribes, threats, propositions,
343
938000
2000
ลองเอาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่ง
15:40
solicitations and so on.
344
940000
2000
ของโจรลักพาตัวที่ต้องการใต้โต๊ะกับตำรวจ
15:42
One way of thinking about it is to imagine what it would be like
345
942000
2000
มันมีการเดิมพันที่สูง
15:44
if language -- where it could only be used literally.
346
944000
3000
บนความเป็นไปได้สองอย่าง
15:47
And you can think of it in terms of a
347
947000
2000
คือเจอตำรวจไม่สุจริต หรือเจอที่สุจริต
15:49
game-theoretic payoff matrix.
348
949000
3000
ถ้าคุณไม่ติดสินบนตำรวจ
15:52
Put yourself in the position of the
349
952000
2000
15:54
kidnapper wanting to bribe the officer.
350
954000
3000
คุณก็จะโดนใบสั่ง
หรือ ในกรณีของ "ฟาร์โก" แย่กว่านั้น
15:57
There's a high stakes
351
957000
2000
ตำรวจที่สุจริตนั้น
15:59
in the two possibilities
352
959000
3000
ซื่อสัตย์หรือไม่ก็ตาม
16:02
of having a dishonest officer or an honest officer.
353
962000
3000
ถ้าไม่ลองเสี่ยง ก็ไม่ได้อะไรกลับมา
ซึ่งกรณีนั้น ผลลัพธ์ค่อนข้างแย่เอาการ
16:05
If you don't bribe the officer,
354
965000
3000
ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าคุณยื่นสินบน
16:08
then you will get a traffic ticket --
355
968000
2000
ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์
16:10
or, as is the case of "Fargo," worse --
356
970000
2000
คุณก็ได้รับผลตอบแทนก้อนโต คุณเป็นอิสระ
16:12
whether the honest officer
357
972000
2000
16:14
is honest or dishonest.
358
974000
2000
ถ้าเจ้าหน้าที่ซื่อสัตย์ คุณเจอโทษหนัก
16:16
Nothing ventured, nothing gained.
359
976000
2000
ด้วยข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่
16:18
In that case, the consequences are rather severe.
360
978000
3000
ดังนั้น มันค่อนข้างเป็นสถานการณ์ ที่เต็มไปด้วยปัญหา
16:21
On the other hand, if you extend the bribe,
361
981000
2000
ในอีกมุมหนึ่ง ด้วยภาษาอ้อม ๆ
16:23
if the officer is dishonest,
362
983000
2000
ถ้าคุณติดสินบนแบบอ้อม ๆ
16:25
you get a huge payoff of going free.
363
985000
3000
เจ้าหน้าที่ที่ทุจริต
สามารถเข้าใจได้ว่ามันคือใต้โต๊ะ
16:28
If the officer is honest, you get a huge penalty
364
988000
3000
กรณีนี้ คุณได้ผลตอบแทน ได้เป็นอิสระ
16:31
of being arrested for bribery.
365
991000
2000
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่สุจริตจะไม่สามารถรั้งคุณไว้
16:33
So this is a rather fraught situation.
366
993000
2000
16:35
On the other hand, with indirect language,
367
995000
2000
ด้วยข้อหาติดสินบน และคุณได้รับใบสั่งน่ารำคาญมาใบนึง
16:37
if you issue a veiled bribe,
368
997000
2000
ซึ่งคุณได้สิ่งที่ดีสุดในทั้งสองกรณี
16:39
then the dishonest officer
369
999000
2000
16:41
could interpret it as a bribe,
370
1001000
2000
และผมคิดว่า การวิเคราะห์คล้าย ๆ กันนี้
16:43
in which case you get the payoff of going free.
371
1003000
3000
สามารถใช้ได้กับความประหม่าที่น่าจะเกิดใน
การเชื้อเชิญที่แฝงสัมพันธ์สวาทได้ด้วย
16:46
The honest officer can't hold you to it as being a bribe,
372
1006000
3000
และกรณีอื่นที่การปฏิเสธความไร้เหตุผลมีค่า
16:49
and therefore, you get the nuisance of the traffic ticket.
373
1009000
3000
ผมคิดว่า นี่เป็นสิ่งยืนยัน
16:52
So you get the best of both worlds.
374
1012000
3000
ที่สิ่งที่นักการทูตรู้จักกันมายาวนาน
มันคือ ความคลุมเครือของภาษา
16:55
And a similar analysis, I think,
375
1015000
2000
มากกว่าที่จะเป็นข้อผิดพลาดหรือบกพร่อง
16:57
can apply to the potential awkwardness
376
1017000
2000
16:59
of a sexual solicitation,
377
1019000
2000
จริง ๆ มันอาจเป็นลักษณะของภาษาเอง
17:01
and other cases where plausible deniability is an asset.
378
1021000
3000
เราใช้มันเพื่อเป็นข้อได้เปรียบ ในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
17:04
I think this affirms
379
1024000
2000
สรุปก็คือ ภาษาเป็นกลุ่มก้อน ที่มนุษย์สร้างขึ้น
17:06
something that's long been known by diplomats --
380
1026000
2000
17:08
namely, that the vagueness of language,
381
1028000
2000
และสะท้อนถึงธรรมชาติของมนุษย์
17:10
far from being a bug or an imperfection,
382
1030000
3000
วิถีที่เรามองความเป็นจริง
วิถีที่เราผูกสัมพันธ์กับผู้อื่น
17:13
actually might be a feature of language,
383
1033000
3000
และจากนั้น เมื่อวิเคราะห์ถึงสำนวน และความซับซ้อนของภาษาแล้ว
17:16
one that we use to our advantage in social interactions.
384
1036000
3000
ผมคิดว่า เราจะเข้าใจกรอบ ของสิ่งที่มากระตุ้นเรา
17:19
So to sum up: language is a collective human creation,
385
1039000
3000
ขอบคุณมากครับ
17:22
reflecting human nature,
386
1042000
2000
(เสียงปรบมือ)
17:24
how we conceptualize reality,
387
1044000
2000
17:26
how we relate to one another.
388
1046000
2000
17:28
And then by analyzing the various quirks and complexities of language,
389
1048000
4000
17:32
I think we can get a window onto what makes us tick.
390
1052000
3000
17:35
Thank you very much.
391
1055000
1000
17:36
(Applause)
392
1056000
1000
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7