What makes tattoos permanent? - Claudia Aguirre

อะไรทำให้รอยสักอยู่ถาวร - คลาวเดีย อเกียเร (Claudia Aguirre)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

Tattoos have often been presented

รอยสักถูกแสดงให้เห็นในสื่อกันอยู่บ่อยๆ

in popular media as either marks of the dangerous and deviant

ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอันตราย และนอกกรอบ

or trendy youth fads.

หรือเฟชั่นสุดแนววัยโจ๋

But while tattoo styles come and go,

แต่ในขณะที่ความนิยมของรอยสักมาและไป

and their meaning has differed greatly across cultures,

และความหมายของมันก็แตกต่างกันไป แล้วแต่วัฒนธรรม

the practice is as old as civilization itself.

การสักนั้นมีอายุยาวนานพอๆ กับอารยธรรมเอง

Decorative skin markings have been discovered in human remains

การทำลายบนผิวหนังเพื่อการตกแต่ง ได้ถูกค้นพบในคน

all over the world,

ที่อยู่กันทั่วโลก

with the oldest found on a Peruvian mummy dating back to 6,000 BCE.

ที่เก่าสุดที่พบคือบนมันมี่เปรู ย้อนกลับไปยุค 6000 ปีก่อนคริสตกาล

แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า รอยสักนั้นทำได้อย่างไร

But have you ever wondered how tattooing really works?

You may know that we shed our skin,

คุณอาจรู้ว่าผิวของเราลอก

losing about 30-40,000 skin cells per hour.

เราเสียเซลล์ผิวหนังไป 30-40,000 เซลล์/ชั่วโมง

That's about 1,000,000 per day.

นั่นประมาณ 1,000,000 ต่อวัน

So, how come the tattoo doesn't gradually flake off along with them?

แล้วรอยสักทำไมไม่ค่อยๆ หลุดออกไปพร้อมกัน

The simple answer is that tattooing involves

คำตอบง่ายๆ ก็คือ การสักนั้นเกี่ยวกับการฝัง เม็ดสีลึกเข้าไปในผิวหนัง

getting pigment deeper into the skin

than the outermost layer that gets shed.

มากกว่าจะเป็นชั้นผิวตอนบนที่หลุดลอกออกไป

Throughout history, different cultures

ตลอดประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมต่างๆ มีวิธีการที่หลากหลายในการสัก

have used various methods to accomplish this.

But the first modern tattooing machine

แต่เครื่องสักยุคใหม่

was modeled after Thomas Edison's engraving machine

ถูกออกแบบขึ้นมาจากเครื่องแกะสลักของ โทมัส เอดิสัน

and ran on electricity.

และทำงานด้วยไฟฟ้า

Tattooing machines used today

เครื่องสักที่ใช้กันทุกวันนี้

insert tiny needles, loaded with dye, into the skin

แทงเข็มเล็กๆ ที่บรรจุด้วยสี เข้าไป ในผิวหนัง

at a frequency of 50 to 3,000 times per minute.

ที่ความถี่ 50 ถึง 3,000 ครั้งต่อนาที

The needles punch through the epidermis,

เข็มแทงผ่านชั้นเอพิเดอร์มิส

allowing ink to seep deep into the dermis,

ทำให้หมึกซึมลงไปลึกถึงชั้นเดอร์มิส

which is composed of collagen fibers, nerves, glands, blood vessels and more.

ซี่งประกอบด้วยคอลาเจนไฟเบอร์ เส้นประสาท ต่อมหลอดเลือด และอื่นๆ

Every time a needle penetrates, it causes a wound

ทุกครั้งที่เข็มแทงลงไป มันทำให้เกิดแผล

that alerts the body to begin the inflammatory process,

ที่เตือนให้ร่างกายเริ่มกระบวนการอักเสบ

calling immune system cells to the wound site

เรียกเซลล์ภูมิคุ้มกันมายังแผล เพื่อที่จะเริ่มซ่อมแซมผิวหนัง

to begin repairing the skin.

And it is this very process that makes tattoos permanent.

และกระบวนการนี้เองที่ทำให้รอยสักอยู่ถาวร

First, specialized cells called macrophages

อย่างแรก เซลล์พิเศษที่เรียกว่า แม็คโครฟาร์จ (macrophages)

eat the invading material in an attempt to clean up the inflammatory mess.

กินสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา เพื่อที่จะ ทำความสะอาดบริเวณอักเสบแสนยุ่งเหยิง

As these cells travel through the lymphatic system,

ในขณะที่เซลล์เคลื่อนที่ผ่านระบบน้ำเหลือง

some of them are carried back with a belly full of dye into the lymph nodes

พวกมันบางส่วนที่ขนสีมาเต็มพุง ก็เข้ามายังต่อมน้ำเหลือง

while others remain in the dermis.

ในขณะที่อีกส่วนยังอยู่ในชั้นเดอร์มิส

With no way to dispose of the pigment,

ในเมื่อไม่มีทางที่จะทิ้งเม็ดสี

the dyes inside them remain visible through the skin.

สีในพวกมันยังคงมองเห็นได้ผ่านผิวหนัง

เม็ดสีบางส่วนยังลอยอยู่ในเมทริกที่ เหมือนเจลของเดอร์มิส

Some of the ink particles are also suspended

in the gel-like matrix of the dermis,

while others are engulfed by dermal cells called fibroblasts.

ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ถูกกินโดยเซลล์ผิวหนัง ที่เรียกว่า ไฟโบรบลาส (fibroblast)

Initially, ink is deposited into the epidermis as well,

เริ่มแรก หมึกถูกทิ้งอยู่ในชั้นเอพิเดอร์มิส เช่นกัน

but as the skin heals, the damaged epidermal cells are shed

แต่เมื่อผิวหนังฟื้นตัว เซลล์เอพิเดอร์มิส ก็หลุดลอก

and replaced by new, dye-free cells

และถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่ที่ไม่มีสี

with the topmost layer peeling off like a heeling sunburn.

โดยที่ผิวชั้นบนสุดก็หลุดลอกออกไป เหมือนผิวที่ฟื้นตัวจากการถูกแดดเผา

Blistering or crusting is not typically seen with professional tattoos

หนังที่พุพองหรือเป็นเกล็ดแข็งมักไม่พบ ถ้าสักแบบมืออาชีพ

and complete epidermal regeneration requires 2-4 weeks,

และการผลัดผิวจะเสร็จสมบูรณ์ใน 2-4 สัปดาห์

during which excess sun exposure and swimming

ระหว่างนั้นควรหลีกเลี่ยงการถูกแดดมากเกินไป และการว่ายน้ำ เพื่อป้องกันการจางของรอยสัก

should be avoided to prevent fading.

อย่างไรก็ดี เซลล์ผิวหนัง ยังคงอยู่ จนพวกมันตาย

Dermal cells, however, remain in place until they die.

When they do, they are taken up, ink and all, by younger cells nearby,

เมื่อพวกมันตายแล้ว ทั้งเซลล์ที่ตายและหมึก ก็ถูกถูกเซลล์ข้างๆ ที่เด็กกว่า นำเข้าไป

so the ink stays where it is.

ดังนั้น หมึกจึงคงอยู่ที่เดิม

But with time, tattoos do fade naturally

เมื่อเวลาผ่านไป รอยสักก็จางไปตามธรรมชาติ เมื่อร่างกายทำปฏิกิริยากับเม็ดสีประหลาด

as the body reacts to the alien pigment particles,

slowly breaking them down to be carried off

ค่อยๆ สลายมันเพื่อที่มันจะถูกนำออกไป โดยแม็คโครฟาร์จของระบบภูมิคุ้มกัน

by the immune system's macrophages.

รังสีอัลตราไวโอเลทยังสามารถ ทำให้เม็ดสีนี้สลายได้

Ultraviolet radiation can also contribute to this pigment breakdown,

though it can be mitigated by the use of sunblock.

แม้ว่ามันอาจถูกป้องกันได้โดยการใช้ยากันแดด

แต่เมื่อเซลล์ผิวหนังค่อนข้างจะเสถียร

But since the dermal cells are relatively stable,

much of the ink will remain deep in the skin for a person's whole life.

หมึ่งส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ลึกในชั้นผิว ของผู้นั้นไปตลอดชีวิต

แต่ถ้ารอยสักฝังอยู่ในผิวหนังของคุณ ไปตลอดชีวิต จะมีทางลบมันออกไปไหมนะ

But if tattoos are embedded in your skin for life, is there any way to erase them?

Technically, yes.

ทางเทคนิคแล้ว มี

Today, a laser is used to penetrate the epidermis

ปัจจุบันนี้ เลเซอร์ถูกใช้เพื่อเจาะลงไป ในชั้นเดอร์มิส

and blast apart underlying pigment colors of various wavelengths,

และทำให้เม็ดสีที่อยู่ในหลายช่วงคลื่นแตกออก

black being the easiest to target.

สีดำง่ายที่สุดที่จะเล็ง

The laser beam breaks the ink globules into smaller particles

ลำเลเซอร์ทำลายเม็ดหมึกให้เป็นอนุภาคเล็กๆ

that can then be cleared away by the macrophages.

ที่จากนั้น สามารถถูกกำจัดออกไป โดยแม็คโครฟาร์จ

แต่บางสีนั้นกำจัดออกไปได้ยากกว่า

But some color inks are harder to remove than others,

and there could be complications.

และนั่นเป็นอาจจะยุ่งยาก

For this reason, removing a tattoo is still more difficult than getting one,

ด้วยเหตุนี้ การลบรอยสัก ยังคงยากกว่าทำการสัก

but not impossible.

แต่ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

So a single tattoo may not truly last forever,

ดังนั้น รอยสักใดๆ อาจไม่ได้อยู่ไปตลอดกาล

but tattoos have been around longer than any existing culture.

แต่รอยสักก็ยังคงอยู่เป็นเวลานาน กว่าวัฒนธรรมใดๆ

And their continuing popularity means that the art of tattooing is here to stay.

และความนิยมของพวกมันที่ยังมีคงอยู่ เป็นการบอกว่าศิลปะของรอยสักจะยังอยู่สืบไป