Yann Arthus-Bertrand captures fragile Earth in wide-angle

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Yada Sattarujawong

I have a big impact on the planet

ผมสร้างผลกระทบต่อโลกนี้อย่างมาก

to travel here by plane.

ในการเดินทางมาที่นี่ด้วยเครื่องบิน

I emitted, in the atmosphere, nine tons of CO2;

ผมปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศเก้าตัน

that is the weight of two elephants.

นั่นหนักเท่ากับช้างสองตัวครับ

I came here to speak about ecology,

ผมมาที่นี่เพื่อจะบรรยายเรื่องนิเวศวิทยา

and I emitted as much CO2

และผมปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

as a Frenchman in one year.

มากพอๆกับคนฝรั่งเศสคนหนึ่งในหนึ่งปี

So what do I have to do?

แล้วผมต้องทำอย่างไร

I have to kill a Frenchman when I come back at home?

ผมต้องกำจัดคนฝรั่งเศสสักคนเมื่อผมกลับบ้านไปหรือเปล่า

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I have to do my carbon offset in another way,

ผมต้องหาทางหักลบกลบหนี้มันในทางอื่น

like I do every time.

เหมือนทุกๆครั้งที่ผมทำ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

In fact my work is to show

อันที่จริง หน้าที่ของผมคือ

our impact on our planet.

แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เรามีต่อโลก

I'm going to show you some examples

ผมกำลังจะแสดงให้คุณเห็นตัวอย่างบางส่วน

of the last pictures I've done

ของภาพที่ผมได้ถ่ายมา

in the last year.

ในปีที่แล้ว

Alberta sand oil, a lot of pollution.

เหมืองน้ำมันจากทรายที่่รัฐอัลเบอร์ตา มลภาวะมากมาย

You know the problem;

คุณก็รู้ถึงปัญหา

we don't want to believe what we know.

พวกเราไม่อยากที่จะเชื่อว่าเรารู้อะไร

In Alberta people work nonstop,

ในอัลเบอร์ตา คนทำงานกันไม่หยุดหย่อน

24 hours by seven

ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

to extract as much oil

เพื่อที่จะสกัดน้ำมัน

as they can.

ให้ได้มากที่สุด

We know about the end of oil.

พวกเรารู้จุดสิ้นสุดของน้ำมัน

Oil sand is not a long-term solution.

น้ำมันจากทรายมันไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว

But we use three times more oil

แต่พวกเราใช้น้ำมันมากเป็นสามเท่า

than we find every year.

ที่เราหาได้ทุกๆปี

We don't want to believe what we know.

เราไม่อยากที่จะเชื่อว่าเรารู้อะไร

Deny.

เราปฎิเสธความจริง

Coral reef in New Caledonia.

แนวปะการัง ในนิว คาลีโดเนีย (New Caledonia)

100 percent of the coral

100 เปอร์เซ็นต์ของปะการัง

may be wiped out before 2050

อาจจะ ถูกทำลายหมดไปก่อนปี 2050

because of global warming.

เพราะภาวะโลกร้อน

And you know how coral are very sensitive to temperature,

และพวกคุณคงทราบดีว่า ปะการังอ่อนไหวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง

and are very important for the biodiversity of the sea.

และมันก็สำคัญมากต่อ ความหลากหลายทางชีววิทยาในทะเล

North Pole. I've done this picture last summer.

ขั้วโลกเหนือ ผมได้ถ่ายทำภาพนี้เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว

It was impossible to do this picture 15 years ago.

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายภาพแบบนี้เมื่อ 15 ปีก่อน

Now there is a new way open between Atlantic and Pacific.

ตอนนี้ มันมีทางใหม่ที่เปิดเชื่อมระหว่างมหาสมุทร แอตแลนติก และแปซิฟิก

The thickness of the Arctic

ความหนาของน้ำแข็งในทวีปอาร์กติก

decreased more than 40 percent

ลดลงมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์

since 1960.

ตั้งแต่ปี 1960

There is a new face of Kilimanjaro without ice.

มันมีด้านใหม่ด้านหนึ่งของภูเขาคิริมันจาโร ที่ตอนนี้ไม่มีน้ำแข็ง

Sad picture.

มันภาพที่แสนเศร้า

It lost 80 percent of its ice.

มันสูญเสียน้ำแข็งไป 80 เปอร์เซ็นต์

According to scientists,

จากการกล่าวอ้างของนักวิทยาศาสตร์

in 100 years

ใน 100 ปี

all the mountain glacier will be gone.

ธารน้ำแข็งทั้งหมดจะหายไป

Glaciers are very important for the life on earth.

ธารน้ำแข็งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับชีวิตบนโลก

Like Al Gore told you,

เหมือนกับที่ อัล กอร์ บอกคุณ

two billion people live on the water

คนสองพันล้านมีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำ

from the glacier of Himalaya.

จากธารน้ำแข็งเทือกเขาหิมาลัย

Return of fish men.

ชาวประมงกลับบ้าน

One fifth of human kind

หนึ่งในห้าของประชากรมนุษย์

depend on fish to live.

ดำรงชีพได้ด้วยปลา

Today now 70 percent

วันนี้ ขณะนี้ 70 เปอร์เซ็นต์

of the fish stock are over-exploited.

ของปริมาณปลาถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม

According to FAO,

ตามการรายงานของ FAO

if we don't change our system of fishing

ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงระบบการจับปลาของเรา

the main sea resources will be gone in 2050.

ทะเลที่เป็นแหล่งจับปลาหลัก จะหมดไปภายในปี 2050

We don't want to believe what we know.

พวกเราไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เรารู้

The beautiful picture, by [unclear] in Africa.

นี่เป็นภาพที่สวยงามครับ [เสียงจากต้นฉบับไม่ชัดเจนสถานที่แห่งหนึ่ง] ในแอฟริกา

One human of six

คนหนึ่งในหกในโลกนี้

have not enough to eat in the world.

มีไม่พอที่จะกิน

One billion people have not enough to eat.

คนพันล้านคน มีอาหารไม่เพียงพอ

In Africa, corn is one of the main foods in many places.

ในแอฟริกา ข้างโพดเป็นหนึ่งในอาหารหลัก

Here in America,

ในอเมริกา

90 percent of the corn cultivated

90 เปอร์เซ็นต์ของข้าวโพดถูกเก็บเกี่ยว

is used to feed animals or to do oil.

เพื่อนำไปใช้ในการเลี้ยงสัตว์หรือทำน้ำมัน

Palm tree plantation in Borneo.

การปลูกต้นปาล์มในบอเนียว

Every year we lose 50 thousand square miles in deforestation.

ทุกปี เราสูญเสียพื้นที่ 20 พันตารางไมล์ในการถางป่า

Refugee camp in Darfur.

ค่ายอพยพใน ดาร์ฟู (Darfur)

Today we have 20 million refugees in the world.

วันนี้ พวกเรามีผู้อพยพ 20 ล้านคนในโลก

According to the U.N.,

จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ

we speak about 250 million refugees

พวกเรากำลังพูดถึงผู้อพยพประมาณ 250 ล้านคน

in 2050.

ในปี 2050

I always show my pictures in the street.

ผมมักจะจัดงานแสดงรูปภาพของผม ตามท้องถนน

We have done already 100 exhibitions in the cities.

พวกเราจัดการแสดงมาแล้ว 100 ครั้งในเมืองต่างๆ

But how to understand the world

แต่เราจะเข้าใจโลกของเราได้อย่างไร

without the voice of people?

เมื่อปราศจากเสียงของผู้คน

Landscape was not enough.

พื้นที่โล่งกว้างนั้นไม่เพียงพอ

It was obvious to me to do another work.

มันเป็นที่ประจักษ์ต่อผมว่าต้องทำงานอีกชิ้น

I launched a project named Six Billion Others.

ผมทำโครงการที่มีชื่อว่า Six Billion Others

I sent around the world six cameramen

ผมส่งตากล้องหกคนไปรอบโลก

asking the same question,

ถามคำถามเดียวกัน

the same crucial question,

ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญ

about life.

เกี่ยวกับชีวิต

We have done five thousand interviews.

พวกเราทำการสัมภาษณ์ ห้าพันครั้ง

I'm going to show you this.

ผมกำลังจะนำเสนอให้คุณดูครับ

Man: The most beautiful thing that has happened to me in life?

ผู้ชาย: สิ่งที่งดงามที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตผมหรอ

It's when my dad told me, "Here, I give you this girl as your fiance."

ก็เป็นตอนที่คุณพอบอกผมว่า "นี่ ฉันจะให้สาวคนนี้เป็นคู่หมั้นแกนะ"

Woman: Love? Love is nice if you can have it.

ผู้หญิง: รักหรอ รักเป็นสิ่งที่ดี ถ้าคุณจะมีมันได้

Second Man: Romeo and Juliet, Sassi and Panno, Dodi and Diana, Heer and Ranjha,

ชายคนที่สอง: โรมิโอกับจูเลียต ซัสซี่กับแพนโน่ โดดี่กับไดอาน่า เฮียและรันจาห์

this is love! Third Man: My greatest fear is ...

นั่นแหละรัก ชายคนที่สาม: ที่ผมกลัวมากที่สุดคือ....

Woman: You're asking me a hard question.

ผู้หญิง: คุณถามคำถามยากจัง

Fourth Man: I live happily because what else should I do?

ชายคนที่สี่: ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จะทำอะไรได้มากกว่านี้อีกล่ะ

Fifth Man: The first thing I remember ... (Sixth Man: That's how I learned, by my mother,)

ชายคนที่ห้า: สิ่งแรกที่ผมจำได้.... (ชายคนที่หก: นั่นเป็นสิ่งที่ผมเรียนมาจากแม่ของผม)

Fifth Man: ... from my childhood, (Sixth Man: that you should respect humans.)

ชายคนที่ห้า: ... ในวัยเด็ก (ชายคนที่หก: ว่าเราควรให้เกียรติมนุษย์ด้วยกัน)

Fifth Man: we were having fun, biking. (Sixth Man: I will never forget those words.)

ชายคนที่ห้า: พวกเรากำลังสนุก ขี่จักรยานกัน (ชายคนที่หก: ผมไม่อาจลืมคำเหล่านั้นได้เลย)

Seventh Man: We invented stories, we flew around the world, while remaining in our attic.

ชายคนที่เจ็ด: พวกเราสร้างเรื่องราว พวกเราบินไปรอบโลก ระหว่างที่พวกเราอยู่ในห้องใต้หลังคา

Eighth Man: I had a big laugh today.

ชายคนที่แปด: ผมขำแทบแย่ล่ะวันนี้

Ninth Man: You see, family is ... it's awful.

ชายคนที่เก้า: คุณรู้อะไรไหม ครอบครัวนี่มัน....แย่จริงๆ

10th Man: In the word life, you have the life.

ชายคนที่สิบ: ในคำว่าชีวิต คุณมี"ชีวิต"

11th Man: Who am I? Isn't that the biggest question?

ชายคนที่สิบเอ็ด: ผมเป็นใคร นั่นไม่ใช่คำถามใหญ่หรอกหรอ

12th Man: If I was to go back to Iraq

ชายคนที่สิบสอง: ถ้าผมได้กลับอิรัก

and speak to the people,

และพูดกับคน

I'd have to bow down and kiss their feet.

ผมคงต้องโค้งให้ต่ำและจูบเท้าของพวกเขา

Just as that woman tried to kiss my feet

เหมือนกับที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามที่จะจูบเท้าผม

when we were taking her sons.

เมื่อพวกเราพูดถึงลูกชายของเธอ

I feel ashamed.

ผมรู้สึกละอาย

And I feel humbled

และผมรู้สึกอ่อนน้อม

by their strength.

ต่อความเข้มแข็งของพวกเขา

And I will forever feel a need

และผมจะรู้สึกถึงความต้องการ

to make reparations to Iraq.

ในการชดเชยอิรักไปตลอดกาล

Second Woman: Dad, Mom, I grew up.

ผู้หญิงคนที่สอง: พ่อ แม่ ฉันโตแล้ว

You shouldn't worry about me. Dad doesn't need to go to work.

ไม่ต้องห่วงฉันนะ พ่อไม่ต้องไปทำงานแล้ว

My family ... What can I say?

ครอบครัวของฉัน... ฉันจะพูดยังไงดี

At the moment, my family is very poor,

ตอนนี้ ครอบครัวของฉันยากจนมาก

my life here in Shenzhen is just about showing myself that I can earn more

ชีวิตของฉันที่นี่ในเซินเจิ้น จะพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันสามารถหาเงินได้มากขึ้น

and to let my parents stay and have something to live on.

และฉันจะทำให้พ่อแม่ของฉันมีกินมีอยู่

I don't want them to spend their whole lives in poverty.

ฉันไม่อยากให้พวกเขาใช้ชีวิตทั้งหมดอยู่กับความอดอยาก

If someday I can achieve something, I would like to say thank you daddy and mommy.

ถ้าสักวันหนึ่งฉันประสบความสำเร็จ ฉันอยากจะบอกว่า ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ และคุณแม่

Thank you.

ขอบคุณ

Thank you for having fed me and raised me,

ขอบคุณสำหรับการเลี้ยงดูอุ้มชู

and for making my life of today. Thank you.

และสำหรับชีวิตที่ฉันมีในวันนี้ ขอบคุณ

13th Man: After seven years now of being in a wheelchair,

ชายคนที่ 13: หลังจากเจ็ดปีที่ผมนั่งรถเข็น

I've done more in life being in a chair

ผมได้ใช้ชีวิตในเก้าอี้

than out of a chair.

มากกว่านอกเก้าอี้

I still surf. I sail the world. I freedive.

ผมยังคงเล่นโต้คลื่น ผมยังคงล่องเรือไปรอบโลก ผมดำน้ำ

After many people said I couldn't do that.

หลังจากที่คนมากมายบอกว่า ผมทำไม่ได้

And I think that comes from connecting with nature,

และผมคิดว่า นั่นมาจากการเข้าถึงธรรมชาติ

connecting with the energy of life,

เข้าถึงพลังงานแห่งชีวิต

because we're all disabled in some way on the planet --

เพราะว่า เราทุกคนก็ทุพพลภาพ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บนโลกใบนี้

spiritually, mentally or physically.

ทางจิตวิญญาณ ทางจิตใจ ทางร่างกาย

I got the easy part.

วิถีของผมก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

14th Man: Let's say that you and me like each other.

ชายคนที่ 14: เอาเป็นว่าผมและคุณพอใจกันและกัน

You come from elsewhere.

คุณมาจากที่อื่น

You don't know me. I don't know you.

คุณไม่รู้จักผม ผมก็ไม่รู้จักคุณ

We talk without lying.

เราคุยกันแบบไม่โกหก

If I do like you, I give you one cow and many other things

ถ้าผมชอบคุณจริงๆ ผมให้วัวคุณตัวนึง และของอื่นๆด้วย

and we become friends.

และเราก็เป็นเพื่อนกัน

How can we make it all by ourselves?

เราจะทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยมือของเราได้อย่างไร

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

YAB: You can also go to the website,

ญานน์: คุณยังสามารถเข้าไปที่เวบไซต์

answer -- respond to the questions also.

แล้วไปตอบคำถามเหล่านั้นได้

Forty crucial questions.

คำถามสำคัญ 40 ข้อ

Now I am going to speak to you about my movie.

ทีนี้ ผมกำลังจะพูดให้คุณฟังเกี่ยวกับภาพยนตร์ของผม

For the last three years,

สามเดือนที่ผ่านมา

I was shooting the earth for the movie.

ผมถ่ายทำภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกของเรา

The name of the movie is "Home" --

ชื่อของภาพยนตร์นั้นคือ "บ้าน" (Home)

"Maison."

"บ้าน" (ภาษาฝรั่งเศส)

It is about the state of the planet.

มันเกี่ยวกับสถานภาพของโลก

It's a fantastic story of life on the earth.

มันเป็นเรื่องราวชีวิตบนโลกที่สุดแสนประทับใจ

I'm very proud to show you the teaser.

ผมรู้สึกภูมิใจมากที่จะนำเสนอหนังตัวอย่าง

Video: This Earth is four and a half billion years old.

วีดีโอ: โลกใบนี้มีอายุ 4.5 พันล้านปี

These plants, several hundred million years old.

พืชพันธุ์เหล่านี้ มีอายุประมาณ สองสามร้อยล้านปี

And we humans have been walking upright

และมนุษย์เราพึ่งจะเดินตัวตรง

for only 200 thousand years.

มาได้เพียง 2 แสนปี

We've managed to adapt,

พวกเราสามารถที่จะปรับตัว

and have conquered the whole planet.

และเอาชนะโลกทั้งใบ

For generations, we've been raising our children,

รุ่นแล้วรุ่นเล่า พวกเราได้เลี้ยงดูลูกหลาน

not unlike millions of other species living beside us.

ไม่เหมือนกับสายพันธุ์อื่นอีกเป็นล้านๆ ที่ใช้ชีวิตเคียงข้างเรา

For the past 30 years

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

I've been closely watching the earth and its dwellers

ผมได้จับตามองโลกและผู้อยู่อาศัยอย่างใกล้ชิด

from high up in the sky.

จากมุมสูง

Our life is tied to the well-being of our planet.

ชีวิตของเราถูกผูกเชื่อมไว้กับความอุดมสมบูรณ์ของโลก

We depend on water,

พวกเราพึ่งพาน้ำ

forests,

ป่าไม้

deserts,

ทะเลทราย

oceans.

มหาสมุทร

Fishing,

การประมง

breeding,

ปศุสัตว์

farming

กสิกรรม

are still the world's foremost human occupations.

ยังคงเป็นอาชีพที่สำคัญของมนุษย์

And what binds us together

และสิ่งที่เชื่อมเกี่ยวเราไว้ด้วยกันนั้น

is far greater than what divides us.

มันยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่แบ่งแยกเรา

We all share the same need for the earth's gifts --

พวกเรามีความต้องการร่วมกัน ในสิ่งที่เป็นของขวัญจากโลก

the same wish to rise above ourselves,

ความปรารถนาเดียวกัน ที่จะเป็นมากกว่าที่เราเป็น

and become better.

และพัฒนายิ่งๆขึ้นไป

And yet we carry on raising walls

แต่กระนั้น เรายังคงก่อกำแพงสูงขึ้นเรื่อยๆ

to keep us apart.

เพื่อที่จะแยกเราออกจากกัน

Today our greatest battle

วันนี้ มหาสงครามของเรา

is to protect the natural offerings of our planet.

คือการปกป้องธรรมชาติที่โลกเราหยิบยื่นให้

In less than 50 years

ภายในไม่ถึง 50 ปี

we've altered it more thoroughly

พวกเราเปลี่ยนแปลงมันอย่างสิ้นเชิง

than in the entire history of mankind.

มากกว่าช่วงอื่นๆในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

Half of the world's forests have vanished.

ป่าไม้ครึ่งหนึ่งของโลกหายไป

Water resources are running low.

แหล่งน้ำกำลังลดน้อยลง

Intensive farming is depleting soils.

การเกษตรที่หนักหน่วงกำลังทำดินเสื่อมคุณภาพ

Our energy sources are not sustainable.

แหล่งพลังงานของเราไม่ได้ยั่งยืน

The climate is changing.

สภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนไป

We are endangering ourselves.

พวกเรากำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย

We're only trying to improve our lives.

พวกเราเพียงแค่พยายามจะยกระดับชีวิต

But the wealth gaps are growing wider.

แต่ความเหลื่อมล้ำทางการเงินนั้นกลับเพิ่มมากขึ้น

We haven't yet understood

เรายังคงไม่เข้าใจ

that we're going at a much faster pace

ว่าเรากำลังก้าวไปอย่างรวดเร็ว

than the planet can sustain.

เกินกว่าที่โลกจะค้ำจุนมันไหว

We know that solutions are available today.

พวกเรารู้ว่าทางออกนั้นมีอยู่แล้ววันนี้

We all have the power to change this trend

พวกเราทุกคนมีอำนาจที่จะเปลี่ยนวิถีนี้

for the better.

ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

So what are we waiting for?

แล้วเราจะยังรั้งรออยู่ทำไมกัน

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

YAB: Luc Besson is the producer of the movie.

ญานน์: ลุค เบซอง เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์

But it is not a normal movie.

แต่นี่มันไม่ใช่ภาพยนตร์ธรรมดาๆ

The film is going to be distributed free.

หนังเรื่องนี้กำลังจะถูกเผยแพร่โดยไม่คิดเงิน

This film has no copyright.

หนังเรื่องนี้ไม่มีลิขสิทธิ์

On the five of June,

วันที่ 5 เดือนมิถุนายน

the environment day,

เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก

everybody can download the movie on Internet.

ทุกๆคนสามารถดาวโหลดภาพยนตร์เรื่องนี้จากอินเตอร์เนต

The film is given for free

หนังเรื่องนี้ให้ฟรี

to the distributor for TV and theater

กับโทรทัศน์และโรงหนัง

to show it the fifth of June.

เพื่อที่จะฉายในวันที่ 5 มิถุนายน

There is no business on this movie.

หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำเพื่อผลทางธุรกิจ

It is also available for school,

นอกจากนั้น มันยังมีไว้สำหรับโรงเรียน

cities, NGOs and you.

เมืองต่างๆ เอ็นจีโอ และคุณ

We have to believe what we know.

เราต้องเชื่อในสิ่งที่เรารู้กันอยู่

Let me tell you something.

ให้ผมได้บอกอะไรคุณสักอย่างนะครับ

It's too late to be pessimistic --

มันสายเกินไปแล้วที่จะมองโลกในแง่ร้าย

really too late.

สายไปแล้วจริงๆ

We have all a part of the solutions.

พวกเรามีหนทางที่จะแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งปวง

To finish,

เพื่อเป็นการสรุป

I would like to welcome

ผมอยากที่จะต้อนรับ

the 4,700th baby

ทารกคนที่ 4,700

born since the beginning of this talk.

ที่ได้ถือกำเนิดขึ้น ณ ช่วงแรกของการบรรยายนี้

Merci beaucoup. I love you.

(ภาษาฝรั่งเศส) ขอบคุณมากครับ ผมรักคุณ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)