How we read each other's minds | Rebecca Saxe

561,739 views ・ 2009-09-11

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Pathumjit Atikomkamalasai Reviewer: Vippawanee Vidthayanon
00:12
Today I'm going to talk to you about the problem of other minds.
0
12160
3000
วันนี้ ฉันจะมาพูดเรื่องปัญหาเรื่องการรู้ถึงจิตใจคนอื่นค่ะ
00:15
And the problem I'm going to talk about
1
15160
2000
และปัญหาที่ฉันจะมาพูดในวันนี้
00:17
is not the familiar one from philosophy,
2
17160
3000
ไม่ใช่ปัญหาที่พวกเราคุ้นเคยกันดีจากหลักปรัชญา
00:20
which is, "How can we know
3
20160
2000
ที่บอกว่า "เราจะรับรู้ได้อย่างไร
00:22
whether other people have minds?"
4
22160
2000
ว่าคนอื่นมีหรือไม่มีจิตใจ"
00:24
That is, maybe you have a mind,
5
24160
2000
แปลว่า บางทีคุณน่ะอาจจะมีจิตใจ
00:26
and everyone else is just a really convincing robot.
6
26160
3000
แต่คนอื่นๆนั้นเป็นแค่เครื่องจักรกล ที่เลียนแบบได้เหมือนเอามากๆ
00:29
So that's a problem in philosophy,
7
29160
2000
อันนั้นคือปัญหาเชิงปรัชญา
00:31
but for today's purposes I'm going to assume
8
31160
2000
แต่สำหรับเรื่องในวันนี้ ฉันจะขออนุมานเอาแล้วกัน
00:33
that many people in this audience have a mind,
9
33160
2000
ว่าทุกคนในห้องนี้มีจิตใจ
00:35
and that I don't have to worry about this.
10
35160
2000
ฉันจะได้ไม่ต้องกังวลกับมันค่ะ
00:37
There is a second problem that is maybe even more familiar to us
11
37160
3000
มีอีกคำถามหนึ่งที่พวกเราคุ้นเคยกันดียิ่งกว่าคำถามแรกอีก
00:40
as parents and teachers and spouses
12
40160
3000
ทั้งในฐานะพ่อแม่ ฐานะครู คู่สมรส
00:43
and novelists,
13
43160
2000
หรือนักเขียนทั้งหลาย
00:45
which is, "Why is it so hard
14
45160
2000
นั่นคือ "ทำไมมันถึงยากนัก
00:47
to know what somebody else wants or believes?"
15
47160
2000
ที่จะรู้ว่าคนอื่นๆต้องการหรือเชื่อมั่นในอะไร"
00:49
Or perhaps, more relevantly,
16
49160
2000
หรือ ถ้าจะให้ตีวงแคบลงไป
00:51
"Why is it so hard to change what somebody else wants or believes?"
17
51160
3000
"ทำไมมันถึงยากนักที่จะเปลี่ยนสิ่งที่คนอื่นต้องการหรือเชื่อมั่น"
00:54
I think novelists put this best.
18
54160
2000
ฉันคิดว่าพวกนักเขียนสื่อออกมาได้ดีที่สุด
00:56
Like Philip Roth, who said,
19
56160
2000
อย่างที่ฟิลิป รอธ เคยว่าไว้
00:58
"And yet, what are we to do about this terribly significant business
20
58160
3000
"ถึงกระนั้น เราทั้งหลายจะทำอันใดได้กับเรื่องกิจธุระอันสำคัญยิ่ง
01:01
of other people?
21
61160
2000
ของผู้อื่น
01:03
So ill equipped are we all,
22
63160
2000
ในเมื่อทุกคนต่างขาดด้อย
01:05
to envision one another's interior workings
23
65160
2000
ไม่อาจเข้าถึงแลเข้าใจโครงสร้างภายในจิตใจ
01:07
and invisible aims."
24
67160
2000
และแรงปรารถนาลึกๆของผู้อื่น"
01:09
So as a teacher and as a spouse,
25
69160
3000
เพราะงั้นในฐานะที่ฉันเป็นคุณครูและภรรยานะคะ
01:12
this is, of course, a problem I confront every day.
26
72160
2000
แน่นอนว่านี่คือปัญหาที่ฉันต้องเผชิญทุกวัน
01:14
But as a scientist, I'm interested in a different problem of other minds,
27
74160
3000
แต่ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ ฉันสนใจเรื่องปัญหาความแตกต่างระหว่างจิตใจ
01:17
and that is the one I'm going to introduce to you today.
28
77160
3000
และนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากแนะนำให้คุณรู้จักในวันนี้
01:20
And that problem is, "How is it so easy
29
80160
2000
ปัญหาที่ว่าคือ "ทำไมการที่รู้ถึงจิตใจ
01:22
to know other minds?"
30
82160
2000
ของผู้อื่นนั้นมันง่ายจัง"
01:24
So to start with an illustration,
31
84160
2000
ขอเริ่มต้นด้วยภาพนะคะ
01:26
you need almost no information,
32
86160
2000
ไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลเพิ่มเลย
01:28
one snapshot of a stranger,
33
88160
2000
แค่ภาพถ่ายคนแปลกหน้าแชะเดียว
01:30
to guess what this woman is thinking,
34
90160
2000
ก็เดาได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
01:32
or what this man is.
35
92160
3000
หรือชายคนนี้คิดอะไร
01:35
And put another way, the crux of the problem is
36
95160
2000
พูดอีกอย่างคือ ประเด็นสำคัญของปัญหานี้
01:37
the machine that we use for thinking about other minds,
37
97160
3000
เกี่ยวกับกลไกที่เราใช้เพื่อคิดเรื่องจิตใจของผู้อื่น
01:40
our brain, is made up of pieces, brain cells,
38
100160
3000
สมองของเราประกอบไปด้วยเซลส์สมอง
01:43
that we share with all other animals, with monkeys
39
103160
2000
ที่สัตว์ชนิดอื่นๆก็มีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นลิง
01:45
and mice and even sea slugs.
40
105160
3000
หนู หรือแม้แต่ทากทะเลก็ตาม
01:48
And yet, you put them together in a particular network,
41
108160
3000
แต่ถึงอย่างนั้น เซลส์สมองเราเชื่อมต่อกันในรูปแบบจำเพาะ
01:51
and what you get is the capacity to write Romeo and Juliet.
42
111160
3000
และสิ่งที่ได้ออกมากคือ ความสามารถในการเขียนโรมิโอและจูเลียต
01:54
Or to say, as Alan Greenspan did,
43
114160
2000
หรือ อย่างที่อลัน กรีนสแปนเคยพูดไว้
01:56
"I know you think you understand what you thought I said,
44
116160
3000
"ผมรู้ว่าคุณคิดว่าคุณเข้าใจนะว่าคุณคิดว่าผมพูดอะไรออกไป
01:59
but I'm not sure you realize that what you heard
45
119160
2000
แต่ผมไม่แน่ใจน่ะสิว่าคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่คุณได้ยิน
02:01
is not what I meant."
46
121160
2000
ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ"
02:03
(Laughter)
47
123160
3000
(เสียงหัวเราะ)
02:06
So, the job of my field of cognitive neuroscience
48
126160
2000
เพราะฉะนั้น งานของฉันในสาขาประสาทวิทยาศาสตร์
02:08
is to stand with these ideas,
49
128160
2000
ก็คือ การใช้แนวคิดเหล่านี้เป็นรากฐาน
02:10
one in each hand.
50
130160
2000
เป็นหลักในการคำนึงถึง
02:12
And to try to understand how you can put together
51
132160
3000
และพยายามทำความเข้าใจว่าเราสามารถ
02:15
simple units, simple messages over space and time, in a network,
52
135160
4000
นำเซลส์สมองพวกนี้ เมื่อรวมกับข้อความง่ายๆที่ส่งผ่านตลอดช่วงระยะเวลา
02:19
and get this amazing human capacity to think about minds.
53
139160
4000
เราถึงได้ออกมาเป็นความสามารถอันน่าทึ่งในการเข้าถึงเรื่องจิตใจ
02:23
So I'm going to tell you three things about this today.
54
143160
3000
ฉันจะมาบอกคุณ 3 อย่างนะคะวันนี้
02:26
Obviously the whole project here is huge.
55
146160
3000
เห็นได้ชัดว่าโปรเจ็คทั้งหมดเนี่ยมันใหญ่มาก
02:29
And I'm going to tell you just our first few steps
56
149160
3000
และฉันจะขอเล่าถึงเพียงแค่ 2-3 ก้าวแรกๆ
02:32
about the discovery of a special brain region
57
152160
2000
ในเรื่องการค้นพบส่วนหนึ่งของสมองที่พิเศษเอามากๆ
02:34
for thinking about other people's thoughts.
58
154160
2000
ใช้ในการคิดเรื่องความคิดของผู้อื่น
02:36
Some observations on the slow development of this system
59
156160
2000
ผลของการสำรวจพัฒนาการอย่างช้าๆของระบบนี้
02:38
as we learn how to do this difficult job.
60
158160
4000
เช่น ตอนที่เราเรียนรู้การทำงานซับซ้อนงานนี้
02:42
And then finally, to show that some of the differences
61
162160
2000
และสุดท้าย เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างบางอย่าง
02:44
between people, in how we judge others,
62
164160
3000
ระหว่างผู้คน เช่น การที่แต่ละคนตัดสินผู้อื่น
02:47
can be explained by differences in this brain system.
63
167160
4000
เราสามารถอธิบายทั้งหมดนั้น ด้วยความแตกต่างในระบบสมองส่วนนี้
02:51
So first, the first thing I want to tell you is that
64
171160
2000
อย่างแรกที่ฉันจะบอกกับพวกคุณก็คือ
02:53
there is a brain region in the human brain, in your brains,
65
173160
3000
มันมีพื้นที่ส่วนหนึ่งในสมองมนุษย์ สมองพวกคุณ
02:56
whose job it is to think about other people's thoughts.
66
176160
3000
ที่มีหน้าที่ในการคอยคิดเกี่ยวกับจิตใจของผู้อื่น
02:59
This is a picture of it.
67
179160
2000
นี่คือรูปของมัน
03:01
It's called the Right Temporo-Parietal Junction.
68
181160
2000
มันมีชื่อว่าเทมโปโร่-พารีทัล จังชัน ส่วนขวา (the Right Temporo-Parietal Junction.)
03:03
It's above and behind your right ear.
69
183160
2000
มันอยู่เหนือและเยื้องไปทางข้างหลังของหูด้านขวา
03:05
And this is the brain region you used when you saw the pictures I showed you,
70
185160
2000
และเป็นส่วนของสมองที่คุณใช้ เวลาเห็นรูปที่ฉันเพิ่งให้ดูไป
03:07
or when you read Romeo and Juliet
71
187160
2000
หรือตอนอ่านโรมิโอกับจูเลียต
03:09
or when you tried to understand Alan Greenspan.
72
189160
3000
หรือตอนที่พยายามเข้าใจอลัน กรีนสแปน
03:12
And you don't use it for solving any other kinds of logical problems.
73
192160
4000
และคุณจะไม่ใช้มันแก้ปัญหาเชิงตรรกะเลย
03:16
So this brain region is called the Right TPJ.
74
196160
3000
สมองส่วนนี้เรียกว่า ทีพีเจ ส่วนขวา (the Right TPJ)
03:19
And this picture shows the average activation
75
199160
2000
และรูปนี้แสดงการทำงานโดยเฉลี่ย
03:21
in a group of what we call typical human adults.
76
201160
2000
ดังที่ปรากฏในกลุ่มคนที่เราเรียกว่า มนุษย์ผู้ใหญ่ทั่วไป
03:23
They're MIT undergraduates.
77
203160
2000
พวกเขาเป็นนักศึกษาปริญญาตรีมหา'ลัยเอ็มไอทีค่ะ
03:25
(Laughter)
78
205160
4000
(เสียงหัวเราะ)
03:29
The second thing I want to say about this brain system
79
209160
2000
อย่างที่สองที่ฉันอยากพูดเกี่ยวกับระบบสมองนี้คือ
03:31
is that although we human adults
80
211160
2000
ถึงแม้ว่า พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว
03:33
are really good at understanding other minds,
81
213160
2000
จะเก่งมากเรื่องเข้าใจความคิดของคนอื่น
03:35
we weren't always that way.
82
215160
2000
แต่เราไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิดนะคะ
03:37
It takes children a long time to break into the system.
83
217160
3000
ต้องใช้เวลามากทีเดียวกว่าเด็กจะเข้าถึงระบบนี้
03:40
I'm going to show you a little bit of that long, extended process.
84
220160
4000
เดี๋ยวฉันจะให้คุณดูกระบวนการทำงานที่ยาวนาน
03:44
The first thing I'm going to show you is a change between age three and five,
85
224160
3000
อย่างแรกที่จะให้ดูหรือความแตกต่างระหว่างวัย 3 ขวบ และ 5 ขวบ
03:47
as kids learn to understand
86
227160
2000
ในขณะที่เด็กๆเริ่มเรียนรู้ว่า
03:49
that somebody else can have beliefs that are different from their own.
87
229160
3000
คนอื่นก็สามารถมีความเชื่อที่แตกต่างไปจากพวกเขาเหมือนกัน
03:52
So I'm going to show you a five-year-old
88
232160
2000
ฉันจะให้คุณดูเด็ก 5 ขวบก่อนนะคะ
03:54
who is getting a standard kind of puzzle
89
234160
2000
ซึ่งถูกถามคำถามปัญหาทั่วไป
03:56
that we call the false belief task.
90
236160
3000
ที่เราเรียกว่าภารกิจความเชื่อผิดๆ
03:59
Rebecca Saxe (Video): This is the first pirate. His name is Ivan.
91
239160
3000
รีเบ็คก้า แซ็กส์: นี่คือโจรสลัดคนแรก เขาชื่อว่าไอวาน
04:02
And you know what pirates really like?
92
242160
2000
หนูรู้ไหมว่าจริงๆแล้วพวกโจรสลัดเขาชอบอะไรกัน
04:04
Child: What? RS: Pirates really like cheese sandwiches.
93
244160
3000
เด็ก: อะไรฮะ รีเบ็คก้า: พวกโจรสลัดชอบกินแซนด์วิชชีสจ้ะ
04:07
Child: Cheese? I love cheese!
94
247160
3000
ชีสหรือฮะ ผมชอบชีส!
04:10
RS: Yeah. So Ivan has this cheese sandwich,
95
250160
2000
หรือจ๊ะ คืองี้ ไอวานมีแซนด์วิชชีส
04:12
and he says, "Yum yum yum yum yum!
96
252160
2000
และเขาพูดว่า " หย่อย หย่อย หย่อย หย่อย!
04:14
I really love cheese sandwiches."
97
254160
2000
ฉันชอบแซนด์วิชชีสมากๆเลย"
04:16
And Ivan puts his sandwich over here, on top of the pirate chest.
98
256160
4000
และไอวานวางแซนด์วิชของเขาไว้ตรงนี้ บนหีบโจรสลัด
04:20
And Ivan says, "You know what? I need a drink with my lunch."
99
260160
4000
และไอวานบอกว่า "รู้อะไรไหม ฉันต้องมีเครื่องดื่มคู่กับอาหารกลางวัน"
04:24
And so Ivan goes to get a drink.
100
264160
3000
ไอวานก็เลยไปเอาเครื่องดื่ม
04:27
And while Ivan is away
101
267160
2000
และในระหว่างนั้นที่ไอวานไม่อยู่
04:29
the wind comes,
102
269160
3000
ก็เกิดลมขึ้น
04:32
and it blows the sandwich down onto the grass.
103
272160
2000
มันพัดแซนด์วิชตกลงไปอยู่บนพื้นหญ้า
04:34
And now, here comes the other pirate.
104
274160
4000
และทีนี้ โจรสลัดอีกคนก็เดินมา
04:38
This pirate is called Joshua.
105
278160
3000
โจรสลัดคนนี้ชื่อว่า โจชัว
04:41
And Joshua also really loves cheese sandwiches.
106
281160
2000
โจชัวเองก็ชอบแซนด์วิชชีสเอามากๆเหมือนกัน
04:43
So Joshua has a cheese sandwich and he says,
107
283160
2000
โจชัวมีแซนด์วิชชีสของเขา แล้วเขาก็บอกว่า
04:45
"Yum yum yum yum yum! I love cheese sandwiches."
108
285160
4000
" หย่อย หย่อย หย่อย หย่อย! ฉันชอบแซนด์วิชชีสมากๆเลย"
04:49
And he puts his cheese sandwich over here on top of the pirate chest.
109
289160
3000
และเขาก็วางแซนด์วิชชีสของเขาไว้บนหีบโจรสลัด
04:52
Child: So, that one is his.
110
292160
2000
งั้น อันนี้ก็เป็นของเขาสิฮะ
04:54
RS: That one is Joshua's. That's right.
111
294160
2000
อันนั้นเป็นของโจชัว ใช่จ้ะ
04:56
Child: And then his went on the ground.
112
296160
2000
แล้วของเขาก็ตกลงบนพื้น
04:58
RS: That's exactly right.
113
298160
2000
ถูกต้องเลยจ้ะ
05:00
Child: So he won't know which one is his.
114
300160
2000
เพราะงั้นเขาก็จะไม่รู้ว่าชิ้นไหนของเขา
05:02
RS: Oh. So now Joshua goes off to get a drink.
115
302160
3000
โอ้ ทีนี้โจชัวก็ไปหาอะไรดื่มเหมือนกัน
05:05
Ivan comes back and he says, "I want my cheese sandwich."
116
305160
4000
ไอวานเดินกลับมาแล้วบอกว่า "ฉันอยากได้แซนด์วิชชีสของฉัน"
05:09
So which one do you think Ivan is going to take?
117
309160
3000
หนูคิดว่าไอวานจะหยิบอันไหนจ๊ะ
05:12
Child: I think he is going to take that one.
118
312160
2000
ผมว่าเขาจะหยิบอันนั้นฮะ
05:14
RS: Yeah, you think he's going to take that one? All right. Let's see.
119
314160
2000
หรือจ๊ะ หนูคิดว่าเขาจะหยิบอันนั้น โอเคนะ เราลองมาดูกัน
05:16
Oh yeah, you were right. He took that one.
120
316160
3000
ใช่จ้ะ หนูคิดถูก เขาหยิบชิ้นนั้น
05:19
So that's a five-year-old who clearly understands
121
319160
2000
เห็นได้ว่าเด็กอายุ 5 ขบ เข้าใจชัดเจนว่า
05:21
that other people can have false beliefs
122
321160
2000
คนอื่นก็เข้าใจอะไรผิดได้เหมือนกัน
05:23
and what the consequences are for their actions.
123
323160
2000
และผลลัพธ์ที่ตามมาของความเข้าใจผิดคืออะไร
05:25
Now I'm going to show you a three-year-old
124
325160
3000
ทีนี้ ฉันจะให้คุณดูเด็ก 3 ขวบ
05:28
who got the same puzzle.
125
328160
2000
ที่ได้คำถามเหมือนกันบ้าง
05:30
RS: And Ivan says, "I want my cheese sandwich."
126
330160
2000
แล้วไอวานก็พูดว่า "ฉันอยากได้แซนด์วิชชีสของฉัน"
05:32
Which sandwich is he going to take?
127
332160
3000
เขาจะหยิบแซนด์วิชอันไหนจ๊ะ
05:35
Do you think he's going to take that one? Let's see what happens.
128
335160
2000
หนูคิดว่าเขาจะหยิบอันนั้นหรือ มาดูกันนะว่าจะเป็นยังไง
05:37
Let's see what he does. Here comes Ivan.
129
337160
2000
มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไอวานมาแล้วจ้า
05:39
And he says, "I want my cheese sandwich."
130
339160
3000
แล้วเขาพูดว่า "ฉันอยากได้แซนด์วิชชีสของฉัน"
05:42
And he takes this one.
131
342160
2000
แล้วเขาหยิบชิ้นนี้
05:44
Uh-oh. Why did he take that one?
132
344160
3000
แย่แล้ว ทำไมเขาหยิบชิ้นนั้นละ
05:47
Child: His was on the grass.
133
347160
4000
เด็ก 3 ขวบ: ของเขาอยู่บนหญ้านี่ฮะ
05:51
So the three-year-old does two things differently.
134
351160
3000
จะเห็นว่าเด็ก 3 ขวบจะทำ 2 อย่างที่ต่างออกไป
05:54
First, he predicts Ivan will take the sandwich
135
354160
3000
อย่างแรก เขาจะคิดว่า ไอวานจะหยิบแซนด์วิช
05:57
that's really his.
136
357160
2000
อันที่เป็นของเขาจริงๆ
05:59
And second, when he sees Ivan taking the sandwich where he left his,
137
359160
4000
และอย่างที่สอง เมื่อเขาเห็นว่าไอวานหยิบแซนด์วิช ที่วางอยู่ตรงที่เขาทิ้งของตัวเองไว้
06:03
where we would say he's taking that one because he thinks it's his,
138
363160
3000
ในขณะที่พวกเราจะบอกว่าไอวาน เอาไปเพราะคิดว่าเป็นของเขา
06:06
the three-year-old comes up with another explanation:
139
366160
3000
เด็ก 3 ขวบจะเข้าใจไปอีกทางหนึ่ง
06:09
He's not taking his own sandwich because he doesn't want it,
140
369160
2000
เขาไม่ได้หยิบแซนด์วิชของตัวเองไป เพราะเขาไม่อยากได้อันนั้น
06:11
because now it's dirty, on the ground.
141
371160
2000
เพราะว่า ตอนนี้มันตกพื้น สกปรก
06:13
So that's why he's taking the other sandwich.
142
373160
2000
เขาก็เลยเลือกหยิบแซนด์วิชอีกอันไป
06:15
Now of course, development doesn't end at five.
143
375160
4000
แน่นอนว่า พัฒนาการไม่ได้หยุดลงตอนเราอายุ 5 ขวบ
06:19
And we can see the continuation of this process
144
379160
2000
และเราเห็นพัฒนาการต่อเนื่องของกระบวนการ
06:21
of learning to think about other people's thoughts
145
381160
2000
เรียนรู้ที่จะคิดและเข้าใจจิตใจคนอื่น
06:23
by upping the ante
146
383160
2000
โดยการเพิ่มตัวแปร
06:25
and asking children now, not for an action prediction,
147
385160
3000
และถามเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องของการทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้น
06:28
but for a moral judgment.
148
388160
2000
แต่เป็นการตัดสินว่าถูกหรือผิดมโนธรรมแทน
06:30
So first I'm going to show you the three-year-old again.
149
390160
2000
อย่างแรก ฉันจะให้พวกคุณดู เด็ก 3 ขวบอีกครั้งหนึ่ง
06:32
RS.: So is Ivan being mean and naughty for taking Joshua's sandwich?
150
392160
3000
แสดงว่าไอวานใจร้ายและซนมากเลยใช่ไหมจ๊ะ ที่หยิบแซนด์วิชของไอวาน
06:35
Child: Yeah.
151
395160
1000
เด็ก: ช่าย
06:36
RS: Should Ivan get in trouble for taking Joshua's sandwich?
152
396160
3000
ไอวานควรถูกลงโทษไหมที่หยิบแซนด์วิชของไอวาน
06:39
Child: Yeah.
153
399160
2000
เด็ก: ช่าย
06:41
So it's maybe not surprising he thinks it was mean of Ivan
154
401160
2000
บางที มันอาจจะไม่เห็นแปลกตรงไหน ที่เขาคิดว่าไอวานนิสัยไม่ดี
06:43
to take Joshua's sandwich,
155
403160
2000
ที่หยิบแซนด์วิชของโจชัว
06:45
since he thinks Ivan only took Joshua's sandwich
156
405160
2000
ในเมื่อเขาคิดว่าที่ไอวานหยิบของโจชัวไป
06:47
to avoid having to eat his own dirty sandwich.
157
407160
3000
เพราะไม่อยากกินแซนด์วิชที่สกปรกแล้วของตัวเอง
06:50
But now I'm going to show you the five-year-old.
158
410160
2000
แต่เดี๋ยวฉันจะให้คุณดูเด็ก 5 ขวบค่ะ
06:52
Remember the five-year-old completely understood
159
412160
2000
จำได้ไหมว่า เด็ก 5 ขวบ เข้าใจชัดเจน
06:54
why Ivan took Joshua's sandwich.
160
414160
2000
ทำไมไอวานถึงหยิบแซนด์วิชของโจชัวไป
06:56
RS: Was Ivan being mean and naughty
161
416160
2000
ไอวานใจร้ายและซนมากเลยใช่ไหมจ๊ะ
06:58
for taking Joshua's sandwich?
162
418160
2000
ที่หยิบแซนด์วิชของโจชัว
07:00
Child: Um, yeah.
163
420160
2000
เด็ก: อืม...ช่ายฮะ
07:02
And so, it is not until age seven
164
422160
2000
เราต้องอายุ 7 ขวบโน่นแน่ะ
07:04
that we get what looks more like an adult response.
165
424160
3000
กว่าเราจะได้คำตอบที่ฟังดูเหมือนของผู้ใหญ่
07:07
RS: Should Ivan get in trouble for taking Joshua's sandwich?
166
427160
3000
ไอวานควรถูกลงโทษไหมที่หยิบแซนด์วิชของโจชัว
07:10
Child: No, because the wind should get in trouble.
167
430160
2000
ไม่ฮะ เพราะว่าลมต่างหากที่ควรโดนลงโทษ
07:12
He says the wind should get in trouble
168
432160
3000
เขาบอกว่า เราควรลงโทษลม
07:15
for switching the sandwiches.
169
435160
2000
ที่สลับที่แซนด์วิช
07:17
(Laughter)
170
437160
2000
(เสียงหัวเราะ)
07:19
And now what we've started to do in my lab
171
439160
2000
สิ่งที่พวกเราทำกันในแลปของฉันก็คือ
07:21
is to put children into the brain scanner
172
441160
2000
ให้เด็กๆเข้าเครื่องสแกนสมอง
07:23
and ask what's going on in their brain
173
443160
3000
และดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในสมองพวกเขา
07:26
as they develop this ability to think about other people's thoughts.
174
446160
3000
ขณะที่เริ่มมีพัฒนาการความสามารถในการเข้าถึงจิตใจผู้อื่น
07:29
So the first thing is that in children we see this same brain region, the Right TPJ,
175
449160
4000
อย่างแรกเลย พวกเราเห็นว่า บริเวณของสมอง บริเวณเดียวกันนี้ ทีพีเจ ส่วนขวาน่ะ
07:33
being used while children are thinking about other people.
176
453160
3000
ถูกใช้ เมื่อเด็กคิดถึงคนอื่นๆ
07:36
But it's not quite like the adult brain.
177
456160
2000
แต่มันยังไม่เหมือนสมองของผู้ใหญ่
07:38
So whereas in the adults, as I told you,
178
458160
2000
เพราะว่าในผู้ใหญ่ อย่างที่ฉันได้พูดไว้ค่ะ
07:40
this brain region is almost completely specialized --
179
460160
3000
สมองส่วนนี้โดนปรับให้มีความพิเศษ...
07:43
it does almost nothing else except for thinking about other people's thoughts --
180
463160
3000
มันแทบจะไม่ทำอย่างอื่นเลย นอกจากคิดเรื่องจิตใจของคนอื่นเท่านั้น..
07:46
in children it's much less so,
181
466160
2000
แต่ในเด็ก มันยังไม่โดนปรับไปถึงขั้นนั้น
07:48
when they are age five to eight,
182
468160
2000
ในช่วงอายุ 5 ถึง 8 ปี
07:50
the age range of the children I just showed you.
183
470160
2000
ช่วงอายุเด็กตามที่ฉันเพิ่งให้คุณดูไป
07:52
And actually if we even look at eight to 11-year-olds,
184
472160
3000
เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าไปดูในเด็กอายุ 8 ถึง 11 ปี
07:55
getting into early adolescence,
185
475160
2000
ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น
07:57
they still don't have quite an adult-like brain region.
186
477160
3000
ส่วนสมองนี้ของพวกเขายังไม่เหมือน ผู้ใหญ่เท่าไหร่เสียด้วยซ้ำ
08:00
And so, what we can see is that over the course of childhood
187
480160
3000
ดังนั้น จะเห็นว่า ตลอดช่วงวัยเด็ก
08:03
and even into adolescence,
188
483160
2000
หรือแม้เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
08:05
both the cognitive system,
189
485160
2000
ระบบการรับรู้ทั้งสองอย่างนี้
08:07
our mind's ability to think about other minds,
190
487160
2000
ทั้ง ความสามารถในการเข้าใจจิตใจผู้อื่นของจิตใจเรา
08:09
and the brain system that supports it
191
489160
2000
และระบบสมองที่มีส่วนช่วยมัน
08:11
are continuing, slowly, to develop.
192
491160
3000
ก็เริ่มพัฒนาอย่างช้าๆ
08:14
But of course, as you're probably aware,
193
494160
2000
แต่แน่นอน อย่างที่คุณอาจจะสังเกต
08:16
even in adulthood,
194
496160
2000
ถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม
08:18
people differ from one another in how good they are
195
498160
2000
ความสามารถของผู้อื่นก็แตกต่างกัน
08:20
at thinking of other minds, how often they do it
196
500160
2000
ในเรื่องการคิดถึงคนอื่น คิดบ่อยแค่ไหน
08:22
and how accurately.
197
502160
2000
และคิดถูกแค่ไหน
08:24
And so what we wanted to know was, could differences among adults
198
504160
3000
และสิ่งที่เราอยากจะรู้ก็คือ ความแตกต่างเหล่าเนี้ยในผู้ใหญ่
08:27
in how they think about other people's thoughts
199
507160
2000
เรื่องการคิดถึงแและเข้าถึงจิตใจผู้อื่น
08:29
be explained in terms of differences in this brain region?
200
509160
3000
จะเป็นเพราะความแตกต่างในสมองส่วนนี้ได้หรือเปล่า
08:32
So, the first thing that we did is we gave adults a version
201
512160
3000
อย่างแรกที่ทำคือ เราลองถามผู้ใหญ่
08:35
of the pirate problem that we gave to the kids.
202
515160
2000
ปัญหาเรื่องโจรสลัด เรื่องเดียวกับที่เราถามเด็กๆ
08:37
And I'm going to give that to you now.
203
517160
2000
แล้วฉันจะให้คุณดูผลเดี๋ยวนี้แหละค่ะ
08:39
So Grace and her friend are on a tour of a chemical factory,
204
519160
3000
เกรซกับเพื่อนของเธอไปเข้าชมโรงงานสารเคมี
08:42
and they take a break for coffee.
205
522160
2000
พวกเขาพักกินกาแฟกัน
08:44
And Grace's friend asks for some sugar in her coffee.
206
524160
3000
เพื่อนของเกรซขอให้ใส่น้ำตาลในกาแฟเธอหน่อย
08:47
Grace goes to make the coffee
207
527160
3000
เกรซเข้าไปทำกาแฟ
08:50
and finds by the coffee a pot
208
530160
2000
และพบว่าข้างๆกา
08:52
containing a white powder, which is sugar.
209
532160
3000
มีผงสีขาว ซึ่งก็คือน้ำตาล
08:55
But the powder is labeled "Deadly Poison,"
210
535160
3000
แต่ผงนั้นมีฉลากแปะไว้ว่า "ยาพิษร้ายแรง"
08:58
so Grace thinks that the powder is a deadly poison.
211
538160
3000
เกรซเลยคิดว่า ผงขาวนั่นคือ ยาพิษร้ายแรง
09:01
And she puts it in her friend's coffee.
212
541160
2000
เธอเลยใส่มันลงในกาแฟของเพื่อน
09:03
And her friend drinks the coffee, and is fine.
213
543160
3000
เพื่อนเธอดื่มกาแฟไป แต่ก็สบายดี
09:06
How many people think it was morally permissible
214
546160
2000
มีคนมากแค่ไหนที่คิดว่า ในด้านมโนธรรมแล้วยอมรับได้
09:08
for Grace to put the powder in the coffee?
215
548160
4000
ที่เกรซใส่ผงนั้นลงในกาแฟเพื่อน
09:12
Okay. Good. (Laughter)
216
552160
3000
โอเคค่ะ ดี (เสียงหัวเราะ)
09:15
So we ask people, how much should Grace be blamed
217
555160
3000
เราเลยถามหลายๆคน ว่าเกรซน่ะผิดมากแค่ไหน
09:18
in this case, which we call a failed attempt to harm?
218
558160
2000
ในกรณีนี้ ที่เราเรียกว่า พยายามทำร้ายแต่ไม่สำเร็จ
09:20
And we can compare that to another case,
219
560160
2000
แล้วเราก็ลองเปรียบเทียบกับกรณีหนึ่ง
09:22
where everything in the real world is the same.
220
562160
2000
ที่ทุกอย่างตามความเป็นจริงยังเหมือนเดิมเลย
09:24
The powder is still sugar, but what's different is what Grace thinks.
221
564160
3000
ผงขาวก็ยังคงเป็นผงขาว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ ความคิดของเกรซ
09:27
Now she thinks the powder is sugar.
222
567160
3000
ตอนนี้เธอคิดว่าผงขาวคือน้ำตาลแล้ว
09:30
And perhaps unsurprisingly, if Grace thinks the powder is sugar
223
570160
3000
และ บางทีพวกคุณอาจจะไม่แปลกใจนะคะ แต่ถ้าเกรซคิดว่าผงขาวคือน้ำตาล
09:33
and puts it in her friend's coffee,
224
573160
2000
และใส่มันลงในแก้วกาแฟของเพื่อน
09:35
people say she deserves no blame at all.
225
575160
2000
ผู้คนบอกว่า เธอไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
09:37
Whereas if she thinks the powder was poison, even though it's really sugar,
226
577160
4000
ในขณะที่ถ้าเธอคิดว่าผงขาวคือ ยาพิษ ถึงแม้ตามจริงจะเป็นน้ำตาลก็ตาม
09:41
now people say she deserves a lot of blame,
227
581160
3000
ผู้คนกลับบอกว่าเธอผิด
09:44
even though what happened in the real world was exactly the same.
228
584160
3000
ถึงแม้ ตามสภาพความเป็นจริง ผลลัพธ์จะออกมาเหมือนกันก็ตาม
09:47
And in fact, they say she deserves more blame
229
587160
2000
อันที่จริง เขาบอกว่า เธอน่ะผิดมากกว่าด้วยซ้ำ
09:49
in this case, the failed attempt to harm,
230
589160
2000
ในกรณีที่พยายามทำร้ายแต่ไม่สำเร็จ
09:51
than in another case,
231
591160
2000
มากกว่าในอีกกรณีหนึ่ง
09:53
which we call an accident.
232
593160
2000
ที่เราเรียกว่า อุบัติเหตุ
09:55
Where Grace thought the powder was sugar,
233
595160
2000
ที่เกรซคิดว่า ผงขาวนั้นคือน้ำตาลจริงๆ
09:57
because it was labeled "sugar" and by the coffee machine,
234
597160
2000
เพราะว่ามีป้ายแปะว่า "น้ำตาล" แถมวางอยู่ข้างๆเครื่องทำกาแฟด้วย
09:59
but actually the powder was poison.
235
599160
2000
แต่จริงๆแล้วผงขาวนั้นคือ ยาพิษ
10:01
So even though when the powder was poison,
236
601160
3000
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ความจริง ผงขาวจะเป็นยาพิษ
10:04
the friend drank the coffee and died,
237
604160
3000
ที่ชงให้เพื่อนกินแล้วเพื่อนตาย
10:07
people say Grace deserves less blame in that case,
238
607160
3000
คนธรรมดาก็บอกว่า เกรซผิดน้อยกว่าในเมื่อ
10:10
when she innocently thought it was sugar,
239
610160
2000
เธอคิดจริงๆว่ามันเป็นน้ำตาล
10:12
than in the other case, where she thought it was poison
240
612160
2000
ไม่เหมือนในอีกกรณี ที่เธอคิดว่ามันเป็นยาพิษ
10:14
and no harm occurred.
241
614160
3000
แต่ไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น
10:17
People, though, disagree a little bit
242
617160
2000
ผู้คนเองก็คิดขัดกันเล็กน้อย
10:19
about exactly how much blame Grace should get
243
619160
2000
เรื่องว่าเกรซผิดมากน้อยแค่ไหน
10:21
in the accident case.
244
621160
2000
ในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุ
10:23
Some people think she should deserve more blame,
245
623160
2000
บางคนบอกว่าเธอผิดมากกว่า
10:25
and other people less.
246
625160
2000
บางคนบอกว่าน้อยกว่า
10:27
And what I'm going to show you is what happened when we look inside
247
627160
2000
ฉันจะให้คุณดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราดูภายใน
10:29
the brains of people while they're making that judgment.
248
629160
2000
ของสมองเมื่อพวกเขาตัดสินใจแบบนี้กัน
10:31
So what I'm showing you, from left to right,
249
631160
2000
ก็ตามที่แสดงนะคะ จากด้านซ้ายไปขวา
10:33
is how much activity there was in this brain region,
250
633160
3000
คือกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในสมองส่วนนั้น
10:36
and from top to bottom, how much blame
251
636160
2000
จากบนลงล่าง คือระดับความผิด
10:38
people said that Grace deserved.
252
638160
2000
ที่ผู้คนบอกว่าเกรซเป็น
10:40
And what you can see is, on the left
253
640160
2000
จะเห็นได้ว่า จากด้านซ้าย
10:42
when there was very little activity in this brain region,
254
642160
2000
มีกิจกรรมเกิดขึ้นเล็กน้อยมากในสมองส่วนนี้
10:44
people paid little attention to her innocent belief
255
644160
3000
ผู้คนแทบจะไม่สนใจเลยเรื่องความเชื่อของเธอ
10:47
and said she deserved a lot of blame for the accident.
256
647160
3000
และบอกว่า เธอสมควรผิดมากกว่าในกรณีอุบัติเหตุ
10:50
Whereas on the right, where there was a lot of activity,
257
650160
2000
ในขณะที่ด้านขวา ที่มีกิจกรรมเกิดขึ้นเยอะมาก
10:52
people paid a lot more attention to her innocent belief,
258
652160
3000
ผู้คนทุ่มความสนใจเรื่องความเชื่อของเธอ
10:55
and said she deserved a lot less blame
259
655160
2000
และบอกว่าเธอสมควรผิดน้อยกว่า
10:57
for causing the accident.
260
657160
2000
เรื่องอุบัติเหตุ
10:59
So that's good, but of course
261
659160
2000
ผลดีมากค่ะ แต่แน่นอน
11:01
what we'd rather is have a way to interfere
262
661160
2000
เราอยากได้วิธีการมารบกวน
11:03
with function in this brain region,
263
663160
2000
การทำงานของสมองในส่วนนี้มากกว่า
11:05
and see if we could change people's moral judgment.
264
665160
3000
เราอยากรู้ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงมโนธรรมของคนได้ไหม
11:08
And we do have such a tool.
265
668160
2000
และเรามีเครื่องมือที่ว่านั้นจริงๆค่ะ
11:10
It's called Trans-Cranial Magnetic Stimulation,
266
670160
2000
มันมีชื่อว่า เครื่องกระตุ้นสนามแม่เหล็กผ่านกระโหลก (Trans-Cranial Magnetic Stimulation)
11:12
or TMS.
267
672160
2000
หรือ ทีเอ็มเอส (TMS)
11:14
This is a tool that lets us pass a magnetic pulse
268
674160
2000
มันเป็นเครื่องมือที่ให้เราส่งคลื่นแม่เหล็ก
11:16
through somebody's skull, into a small region of their brain,
269
676160
4000
ผ่านทางกระโหลก สู่ส่วนเล็กๆภายในสมอง
11:20
and temporarily disorganize the function of the neurons in that region.
270
680160
4000
และรบกวนการทำงานของ นิวตรอนในบริเวณนั้นชั่วระยะหนึ่ง
11:24
So I'm going to show you a demo of this.
271
684160
2000
ฉันจะให้คุณดูตัวอย่างนะคะ
11:26
First, I'm going to show you that this is a magnetic pulse.
272
686160
3000
ก่อนอื่น จะให้คุณดูคลื่นแม่เหล็ก
11:29
I'm going to show you what happens when you put a quarter on the machine.
273
689160
3000
จะให้คุณดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อใส่เหรียญ 25 เซ็นต์เข้าเครื่อง
11:32
When you hear clicks, we're turning the machine on.
274
692160
4000
ตอนที่ได้ยินเสียงกริ๊ก คือ เปิดเครื่องแล้วนะคะ
11:42
So now I'm going to apply that same pulse to my brain,
275
702160
3000
แล้วฉันก็จะส่งคลื่นแม่เหล็กเดียวกันนี้เข้าสมองฉัน
11:45
to the part of my brain that controls my hand.
276
705160
2000
ไปยังส่วนของสมองที่ใช้ควบคุมการทำงานมือ
11:47
So there is no physical force, just a magnetic pulse.
277
707160
3000
ไม่มีแรงทางกายเลยนะคะ เป็นแค่คลื่นแม่เหล็ก
11:54
Woman (Video): Ready, Rebecca? RS: Yes.
278
714160
2000
ผู้หญิง: พร้อมไหม รีเบ็คก้า: พร้อมค่ะ
11:57
Okay, so it causes a small involuntary contraction in my hand
279
717160
3000
โอเค มันทำให้เกิดการขยับของ กล้ามเนื้อมือโดยที่ฉันไม่ได้สั่ง
12:00
by putting a magnetic pulse in my brain.
280
720160
3000
โดยการส่งคลื่นแม่เหล็กเข้าสู่สมองฉัน
12:03
And we can use that same pulse,
281
723160
2000
แล้วเราจะใช้คลื่นแบบเดียวกันนี้
12:05
now applied to the RTPJ,
282
725160
2000
ส่งเข้าสู่สมองส่วนทีพีเจ ขวา
12:07
to ask if we can change people's moral judgments.
283
727160
3000
และดูสิว่าเราจะเปลี่ยนมโนธรรมของคนได้ไหม
12:10
So these are the judgments I showed you before, people's normal moral judgments.
284
730160
2000
อันนี้คือการตัดสินที่ฉันให้คุณดูนะคะ มโนธรรมระดับปกติของคนทั่วไป
12:12
And then we can apply TMS to the RTPJ
285
732160
3000
และเมื่อเราใช้เครื่อง ทีเอ็มเอส กับสมองทีพีเจ ส่วนขวา
12:15
and ask how people's judgments change.
286
735160
2000
และดูสิว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหม
12:17
And the first thing is, people can still do this task overall.
287
737160
4000
อย่างแรกคือ คนทั่วไปยังตัดสินใจได้เหมือนปกติค่ะ
12:21
So their judgments of the case when everything was fine
288
741160
2000
เพราะฉะนั้น ความคิดในกรณีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
12:23
remain the same. They say she deserves no blame.
289
743160
3000
ยังคงเหมือนเดิม เขาบอกว่าเธอไม่ผิด
12:26
But in the case of a failed attempt to harm,
290
746160
4000
แต่ในกรณีของ ความพยายามทำร้ายแต่ไม่สำเร็จ
12:30
where Grace thought that it was poison, although it was really sugar,
291
750160
3000
ที่เกรซคิดว่า มันเป็นยาพิษ ทั้งๆที่เป็นน้ำตาล
12:33
people now say it was more okay, she deserves less blame
292
753160
3000
คนทั่วไปบอกว่า มันไม่เป็นไรมากขึ้น บอกว่า เธอผิดน้อยลงกว่าเดิม
12:36
for putting the powder in the coffee.
293
756160
3000
ที่ใส่ผงขาวลงในถ้วยกาแฟ
12:39
And in the case of the accident, where she thought that it was sugar,
294
759160
2000
ส่วนในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุ ที่เธอคิดว่ามันเป็นน้ำตาล
12:41
but it was really poison and so she caused a death,
295
761160
3000
แต่จริงๆแล้วเป็นยาพิษ และทำให้เพื่อนเธอเสียชีวิต
12:44
people say that it was less okay, she deserves more blame.
296
764160
6000
คนทั่วไปบอกว่า มันเป็นจริง และเธอผิดมากขึ้น
12:50
So what I've told you today is that
297
770160
2000
เพราะฉะนั้น วันนี้ฉันมาบอกพวกคุณว่า
12:52
people come, actually, especially well equipped
298
772160
4000
อันที่จริง พวกเรามีเครื่องมือพร้อมเลยนะคะ
12:56
to think about other people's thoughts.
299
776160
2000
ในการเข้าใจความคิดคนอื่นเนี่ย
12:58
We have a special brain system
300
778160
2000
เรามีระบบสมองส่วนพิเศษ
13:00
that lets us think about what other people are thinking.
301
780160
3000
ที่ช่วยพวกเราคิดเกี่ยวกับจิตใจของคนอื่น
13:03
This system takes a long time to develop,
302
783160
2000
ระบบนี้ใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนา
13:05
slowly throughout the course of childhood and into early adolescence.
303
785160
3000
ตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจนถึงเข้าวัยรุ่น
13:08
And even in adulthood, differences in this brain region
304
788160
3000
และทอดยาวถึงวัยผู้ใหญ่ ความแตกต่างในสมองส่วนนี้
13:11
can explain differences among adults
305
791160
2000
ใช้อธิบายความแตกต่างหลายๆเรื่องในตัวพวกเรา
13:13
in how we think about and judge other people.
306
793160
3000
เช่น วิธีการเข้าใจและวิธีการตัดสินผู้อื่น
13:16
But I want to give the last word back to the novelists,
307
796160
3000
และฉันอยากจะยกให้พวกนักเขียนได้พูดปิดน่ะค่ะ
13:19
and to Philip Roth, who ended by saying,
308
799160
3000
และให้กับฟิลิฟ รอธ ที่ลงเอยด้วยการพูดว่า
13:22
"The fact remains that getting people right
309
802160
2000
"ความจริงก็ยังเป็นว่า การทำให้ผู้คนเข้าใจถูกน่ะ
13:24
is not what living is all about anyway.
310
804160
2000
ไม่ใช่ ข้อสำคัญของการใช้ชีวิตนี่นา
13:26
It's getting them wrong that is living.
311
806160
2000
แต่เป็น การทำให้พวกเขาเข้าใจผิดต่างหาก
13:28
Getting them wrong and wrong and wrong,
312
808160
3000
ทำให้พวกเขาเข้าใจผิด ผิด แล้วก็ผิด
13:31
and then on careful reconsideration,
313
811160
2000
และจากนั้นด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด
13:33
getting them wrong again."
314
813160
2000
ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดอีกครั้ง"
13:35
Thank you.
315
815160
2000
ขอบคุณค่ะ
13:37
(Applause)
316
817160
10000
(เสียงปรบมือ)
13:47
Chris Anderson: So, I have a question. When you start talking about using
317
827160
2000
Christ Anderson: ผมมีคำถามครับ ตอนที่คุณเริ่มพูดเรื่อง
13:49
magnetic pulses to change people's moral judgments,
318
829160
3000
การใช้คลื่นแม่เหล็กเปลี่ยนมโนธรรมของคน
13:52
that sounds alarming.
319
832160
3000
นั่นฟังดูน่ากลัวนะครับ
13:55
(Laughter)
320
835160
1000
(เสียงหัวเราะ)
13:56
Please tell me that you're not taking phone calls from the Pentagon, say.
321
836160
4000
ได้โปรดบอกทีว่า แบบ ตอนนี้คุณไม่ได้รับคำสั่งจากเพนตากอนอยู่
14:00
RS: I'm not.
322
840160
2000
RS: เปล่าค่ะ
14:02
I mean, they're calling, but I'm not taking the call.
323
842160
3000
คือว่า พวกเขาก็โทรมานะ แต่ฉันไม่ได้รับ
14:05
(Laughter)
324
845160
1000
(เสียงหัวเราะ)
14:06
CA: They really are calling?
325
846160
2000
CA: โทรมาจริงๆหรือครับ
14:08
So then seriously,
326
848160
3000
แล้วก็ อันนี้ถามจริงนะครับ
14:11
you must lie awake at night sometimes
327
851160
3000
คุณคงนอนไม่หลับบ้างตอนกลางคืน
14:14
wondering where this work leads.
328
854160
2000
ครุ่นคิดว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด
14:16
I mean, you're clearly an incredible human being,
329
856160
2000
เห็นได้ชัดว่า คุณเป็นคนที่วิเศษมาก
14:18
but someone could take this knowledge
330
858160
3000
แต่อาจจะมีคนที่นำความคิดนี้
14:21
and in some future
331
861160
2000
และในอนาคต
14:23
not-torture chamber,
332
863160
2000
เป็นห้องสืบสวนแบบใหม่
14:25
do acts that people here might be worried about.
333
865160
3000
ทำสิ่งที่คนในห้องนี้อาจจะต้องเป็นกังวลกับมัน
14:28
RS: Yeah, we worry about this.
334
868160
2000
RS: ใช่ค่ะ เราก็กังวลเหมือนกัน
14:30
So, there's a couple of things to say about TMS.
335
870160
3000
ก็ มีเรื่องอยากบอกเกี่ยวกับเครื่องทีเอ็มเอสนะคะ
14:33
One is that you can't be TMSed without knowing it.
336
873160
2000
อย่างแรกเลย ไม่มีทางที่จะใช้เครื่องนี้โดยกับคนที่ไม่รู้ตัว
14:35
So it's not a surreptitious technology.
337
875160
3000
เพราะฉะนั้นเอาไปใช้แบบเครื่องมือลับกับคนอื่นไม่ได้ค่ะ
14:38
It's quite hard, actually, to get those very small changes.
338
878160
3000
อันที่จริง มันยากมากด้วยที่จะได้ผลเปลี่ยนแปลงเล็กๆ
14:41
The changes I showed you are impressive to me
339
881160
3000
ผลเปลี่ยนแปลงที่ฉันให้คุณดู มันน่าทึ่งกับฉันมาก
14:44
because of what they tell us about the function of the brain,
340
884160
2000
เพราะมันบอกเรื่องการทำงานในสมองเรา
14:46
but they're small on the scale
341
886160
2000
แต่ถ้าเทียบตารางแล้ว มันน้อยมาก
14:48
of the moral judgments that we actually make.
342
888160
2000
เทียบกับความคิดมโนธรรมที่เราคิดจริงๆ
14:50
And what we changed was not people's
343
890160
2000
และสิ่งที่เราเปลี่ยนได้ ไม่ใช่
14:52
moral judgments when they're deciding what to do,
344
892160
3000
มโนธรรมของคนเวลาเขาจะทำอะไร
14:55
when they're making action choices.
345
895160
2000
เวลาเขาตัดสินเลือกทำอะไรน่ะค่ะ
14:57
We changed their ability to judge other people's actions.
346
897160
3000
เราแค่เปลี่ยนความคิดของพวกเขา เวลาตัดสินการกระทำของคนอื่น
15:00
And so, I think of what I'm doing not so much as
347
900160
2000
ฉันก็เลยคิดว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ไม่เหมือนกับ
15:02
studying the defendant in a criminal trial,
348
902160
2000
การศึกษาตัวจำเลยในศาลอาญาเท่าไหร่
15:04
but studying the jury.
349
904160
2000
แต่เป็นตัวลูกขุนมากกว่า
15:06
CA: Is your work going to lead to any recommendations
350
906160
3000
CA: งานของคุณจะทำให้เกิดข้อเสนอแนะ
15:09
in education, to perhaps bring up
351
909160
3000
ในเรื่องการศึกษา อาจจะทำให้เกิด
15:12
a generation of kids able to make fairer moral judgments?
352
912160
5000
เด็กรุ่นใหม่ที่จะมีแนวคิดมโนธรรมที่เที่ยงตรงขึ้นหรือเปล่าครับ
15:17
RS: That's one of the idealistic hopes.
353
917160
3000
RS: ก็เป็นอีกหนึ่งความหวังค่ะ
15:20
The whole research program here of studying
354
920160
4000
งานวิจัยทั้งหมดนี้เพื่อศึกษา
15:24
the distinctive parts of the human brain is brand new.
355
924160
4000
ส่วนต่างๆในสมองมนุษย์เป็นเรื่องใหม่มากๆค่ะ
15:28
Until recently, what we knew about the brain
356
928160
2000
เพราะกระทั่งไม่นานมานี้อีก สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับสมอง
15:30
were the things that any other animal's brain could do too,
357
930160
3000
คือสิ่งที่สมองของสัตว์อื่นๆก็ทำได้เหมือนกัน
15:33
so we could study it in animal models.
358
933160
2000
เราจะได้ศึกษาในตัวสัตว์ทดลองได้
15:35
We knew how brains see, and how they control the body
359
935160
2000
เรารู้ว่าสมองเห็นภาพได้ยังไง ควบคุมร่างกายได้ยังไง
15:37
and how they hear and sense.
360
937160
2000
ได้ยินและรู้สึกยังไง
15:39
And the whole project of understanding
361
939160
3000
แต่ไอ้การเข้าใจว่า
15:42
how brains do the uniquely human things --
362
942160
2000
สมองจะทำสิ่งที่มีแต่มนุษย์ทำได้...
15:44
learn language and abstract concepts,
363
944160
3000
เรียนรู้ภาษา เข้าใจแนวคิดนามธรรม
15:47
and thinking about other people's thoughts -- that's brand new.
364
947160
2000
และคิดเรื่องเข้าใจความคิดคนอื่น นั่นเป็นเรื่องใหม่ทั้งนั้น
15:49
And we don't know yet what the implications will be
365
949160
2000
และเราก็ยังไม่รู้ว่า เรื่องนี้จะนำไปสู่อะไร
15:51
of understanding it.
366
951160
2000
การเข้าใจมันน่ะค่ะ
15:53
CA: So I've got one last question. There is this thing called
367
953160
2000
CA: ผมมีคำถามสุดท้าย มีสิ่งที่เรียกว่า
15:55
the hard problem of consciousness,
368
955160
2000
ปัญหายากของการรับรู้อารมณ์
15:57
that puzzles a lot of people.
369
957160
2000
ที่ทำให้หลายๆคนสงสัย
15:59
The notion that you can understand
370
959160
3000
ความคิดที่ว่าเราสามารถเข้าใจ
16:02
why a brain works, perhaps.
371
962160
2000
ว่าสมองทำงานยังไงน่ะ พอได้
16:04
But why does anyone have to feel anything?
372
964160
3000
แต่ทำไมคนเราต้องรู้สึกทุกอย่างละ
16:07
Why does it seem to require these beings who sense things
373
967160
3000
ทำไมดูเหมือนเราจะถูกบังคับให้ต้องเข้าใจทุกอย่าง
16:10
for us to operate?
374
970160
2000
ถึงจะทำงานได้
16:12
You're a brilliant young neuroscientist.
375
972160
3000
คุณเป็นนักประสาทวิทยาที่เก่งและยังเด็ก
16:15
I mean, what chances do you think there are
376
975160
2000
ผมหมายถึง มีโอกาสมากแค่ไหนที่
16:17
that at some time in your career,
377
977160
2000
ในช่วงข้างหน้าของอาชีพคุณ
16:19
someone, you or someone else,
378
979160
2000
ที่บางคน คุณหรือคนอื่น
16:21
is going to come up with some paradigm shift
379
981160
2000
จะคิดแผนภาพ ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์
16:23
in understanding what seems an impossible problem?
380
983160
4000
ในเรื่องการเข้าใจสิ่งที่ดูเป็นปัญหาที่ไม่อาจเข้าใจได้
16:27
RS: I hope they do. And I think they probably won't.
381
987160
4000
RS: ฉันหวังให้ทำได้ค่ะ แต่ฉันคิดว่าไม่หรอก
16:31
CA: Why?
382
991160
3000
CA: ทำไมหรือครับ
16:34
RS: It's not called the hard problem of consciousness for nothing.
383
994160
3000
RS: แหม มันก็ไม่ได้เรียกว่า ปัญหายากของการรับรู้อารมณ์ ขำๆนะคะ
16:37
(Laughter)
384
997160
2000
(เสียงหัวเราะ)
16:39
CA: That's a great answer. Rebecca Saxe, thank you very much. That was fantastic.
385
999160
3000
CA: ตอบได้เยี่ยมมากครับ รีเบ็คก้า แซ็กส์ ขอบคุณมากครับ นำเสนอเยี่ยมมาก
16:42
(Applause)
386
1002160
4000
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7