How technology changes our sense of right and wrong | Juan Enriquez

Translator: Nuttaruk Iamsuwun Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

In an era of extreme polarization,

ในยุคที่คนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างสุดขั้ว

it's really dangerous to talk about right and wrong.

การพูดว่าอะไรถูกหรือผิดเป็นสิ่งอันตราย

You can be targeted, judged for something you said 10 years ago, 10 months ago,

คุณอาจโดนโจมตีหรือตัดสินจากสิ่งที่คุณพูด เมื่อสิบปีที่แล้ว สิบเดือนที่แล้ว

10 hours ago, 10 seconds ago.

สิบชั่วโมงที่แล้วหรือสิบวินาทีที่แล้ว

And that means that those who think you're wrong

คนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ

may burn you at the stake

อาจหันมาไล่ล่าคุณ

or those who are on your side

ส่วนคนที่อยู่ฝั่งเดียวกัน

that think you're not sufficiently orthodox

อาจมองว่าสิ่งที่คุณพูดยังไม่ดีพอ

may try and cancel you.

และพยายามกันคุณออก

As you're thinking about right and wrong, I want you to consider three ideas.

ก่อนจะตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด ลองคิดตามสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้

What if right and wrong is something that changes over time.

เป็นไปได้ไหมว่าความถูกผิด เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

What if right and wrong is something that can change because of technology.

เป็นไปได้ไหมว่าความถูกผิด เปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยี

What if technology is moving exponentially?

เป็นไปได้ไหมว่าเทคโนโลยี กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

So as you're thinking about this concept,

ทดแนวคิดพวกนี้ไว้ในใจ

remember human sacrifice used to be normal and natural.

จำได้ไหมว่าการบูชายัญมนุษย์ เคยเป็นเรื่องปกติและธรรมชาติ

It was a way of appeasing the gods.

เพื่อสรรเสริญเทพเจ้า

Otherwise the rain wouldn't come,

ไม่อย่างนั้นฝนจะไม่ตก

the sun wouldn't shine.

แดดจะไม่ออก

Public executions.

การประหารต่อหน้าสาธารณชน

They were common, normal, legal.

เคยเป็นสิ่งที่แพร่หลาย ปกติ และถูกกฎหมาย

You used to take your kids to watch beheadings in the streets of Paris.

คนปารีสสมัยก่อนพาลูกไปดูการตัดหัวด้วยซ้ำ

One of the greatest wrongs, slavery,

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างการค้าทาส

indentured servitude,

คนรับใช้แบบผูกมัด

that was something that was practiced for millennia.

เคยเป็นสิ่งที่กระทำกันอยู่เป็นพันปี

It was practiced across the Incas, the Mayas, the Chinese,

ในหลายวัฒนธรรมทั้งชาวอินคา ชาวมายา ชาวจีน

the Indians in North and South America.

ชาวพื้นเมืองในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

And as you're thinking about this,

เมื่อคุณนึกถึงเรื่องนี้

one question is why did something so wrong last for so long?

คำถามคือในเมื่อมันเลวร้ายขนาดนั้น ทำไมสังคมจึงถือปฏิบัติกันอย่างยาวนาน

And a second question is: why did it go away?

คำถามที่สองคือทำไมมันถึงหายไป

And why did it go away in a few short decades in legal terms?

ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ ในแง่มุมทางกฎหมาย

Certainly there was a work

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

by extraordinary abolitionists who risked their lives,

แลกมาด้วยชีวิตของสมาชิก ขบวนการเลิกทาสผู้กล้าหาญ

but there may be something else happening alongside these brave abolitionists.

แต่มีอย่างอื่นอีกที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันกับ ขบวนการเลิกทาสดังกล่าว

Consider energy and the industrial revolution.

อย่างการปฏิวัติด้านพลังงานและอุตสาหกรรม

A single barrel of oil contains the energy equivalent

น้ำมันหนึ่งบาร์เรลให้พลังงาน ในปริมาณที่เท่ากับ

of the work of five to 10 people.

การทำงานของคนห้าถึงสิบคน

Add that to machines,

เมื่อใช้กับเครื่องจักร

and suddenly you've got millions of people's equivalent labor

คุณจะได้ผลผลิตเท่ากับ การใช้แรงงานหลายล้านคน

at your disposal.

ในต้นทุนที่ต่ำมาก

You can quit oppressing people and have a doubling in lifespan

มนุษย์จึงไม่จำเป็นต้องกดขี่ผู้อื่นอีกต่อไป และมีชีวิตที่ยาวนานขึ้นเป็นสองเท่า

after a flattened lifespan for millennia.

หลังจากมีอายุขัยคงที่มาเป็นพันปี

The world economy, which had been flat for millennia,

เศรษฐกิจโลกที่ไร้การพัฒนามาเป็นพันปี

all of a sudden explodes.

พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

And you get enormous amounts of wealth and food and other things

ทำให้เกิดความมั่งคั่ง การผลิตอาหาร และสิ่งอื่นๆ ในปริมาณมหาศาล

produced by far fewer hands.

โดยใช้แรงงานน้อยลง

Technology changes the way we interact with each other in fundamental ways.

เทคโนโลยีทำให้ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ เปลี่ยนไปอย่างมาก

New technologies like the machine gun

เทคโนโลยีใหม่อย่างปืนกล

completely changed the nature of warfare in World War I.

เปลี่ยนวิธีการต่อสู้ ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยสิ้นเชิง

It drove people into trenches.

ปืนกลทำให้ทหารต้องขุดสนามเพลาะ

You were in the British trench, or you were in the German trench.

คุณต้องอยู่ในสนามเพลาะของอังกฤษ หรือไม่ก็ของเยอรมนี

Anything in between was no man's land.

พื้นที่ตรงกลางเรียกว่า เขตที่ไม่มีใครครอบครอง

You entered no man's land.

หากคุณล้ำเข้าไป

You were shot. You were killed.

คุณจะโดนยิงตาย

You tried to leave the trench in the other direction.

หากคุณหันหลังหนีไปอีกทาง

Then your own side would shoot you

คุณจะโดนพวกเดียวกันยิง

because you were a deserter.

เพราะถือว่าหนีทัพ

In a weird way, today's machine guns are narrowcast social media.

ในปัจจุบัน การใช้โซเชียลมีเดียเฉพาะกลุ่ม ก็เหมือนกับการใช้ปืนกล

We're shooting at each other.

เรายิงตอบโต้กัน

We're shooting at those we think are wrong

ทำร้ายคนที่เห็นต่าง

with posts, with tweets, with photographs, with accusations, with comments.

ผ่านทางข้อความ ทวิตเตอร์ รูปภาพ การกล่าวหา และการวิจารณ์

And what it's done is it's created these two trenches

ผลที่ตามมาคือตอนนี้มีสนามเพลาะอยู่สองฝั่ง

where you have to be either in this trench or that trench.

และคุณต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งไหน

And there's almost no middle ground to meet each other,

แทบจะไม่มีพื้นที่ตรงกลาง ให้คนจากสองฝ่ายได้เจอกัน

to try and find some sort of a discussion between right and wrong.

และพยายามพูดคุยกันว่าสิ่งใดถูกหรือผิด

As you drive around the United States, you see signs on lawns.

คนอเมริกันจะปักป้ายที่สนามหน้าบ้าน

Some say, "Black Lives Matter."

บางป้ายเขียนว่า “แบล็ก ไลฟ์ แมตเทอร์”

Others say, "We support the police."

บางป้ายเขียนว่า “เราสนับสนุนตำรวจ”

You very rarely see both signs on the same lawn.

แทบจะไม่มีบ้านไหนที่ปักป้ายทั้งสองอัน

And yet if you ask people,

แต่ถ้าเราลองไปถามใครก็ได้

most people would probably support Black Lives Matter

คนส่วนใหญ่จะตอบว่าพวกเขาสนับสนุน แบล็ก ไลฟ์ แมตเทอร์

and they would also support their police.

และสนับสนุนตำรวจด้วยเช่นกัน

So as you think of these polarized times,

ดังนั้น ในยุคสมัยแห่งการเลือกข้าง

as you think of right and wrong,

เมื่อพูดถึงความถูกผิด

you have to understand that right and wrong changes

คุณต้องเข้าใจว่าความถูกผิด เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

and is now changing in exponential ways.

และเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน

Take the issue of gay marriage.

อย่างเรื่องการสมรสเพศเดียวกัน

In 1996, two-thirds of the US population was against gay marriage.

ในปี 1996 ชาวอเมริกันสองในสาม ต่อต้านการสมรสเพศเดียวกัน

Today two-thirds is for.

ปัจจุบัน สองในสามของประชากรเห็นด้วย

It's almost 180-degree shift in the opinion.

เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านทัศนคติ จากหน้ามือเป็นหลังมือ

In part, this is because of protests,

ส่วนหนึ่งมาจากการประท้วง

because people came out of the closet,

ส่วนหนึ่งมาจากคนเปิดตัวว่าเป็นเกย์มากขึ้น

because of AIDS,

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเอดส์

but a great deal of it has to do with social media.

แต่ปัจจัยสำคัญคือโซเชียลมีเดีย

A great deal of it has to do with people out in our homes,

ปัจจัยสำคัญคือคนรอบตัวเราทั้งที่บ้าน

in our living rooms, through television, through film, through posts,

ในห้องนั่งเล่น ในโทรทัศน์ ในหนัง ในสื่อออนไลน์

through people being comfortable enough,

พวกเขาเหล่านี้กล้าพอ

our friends, our neighbors, our family,

อาจเป็นเพื่อน เพื่อนบ้าน หรือคนในครอบครัว

to say, "I'm gay."

ที่จะบอกว่า “ฉันเป็นเกย์”

And this has shifted opinion

การเปลี่ยนแปลงเชิงความคิดนี้

even in some of the most conservative of places.

พบได้แม้แต่ในฝั่งอนุรักษ์นิยม

Take the Pope.

ดูอย่างพระสันตะปาปา

As Cardinal in 2010,

สมัยทรงเป็นคาร์ดินัลเมื่อปี 2010

he was completely against gay marriage.

ทรงคัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน

He becomes Pope.

แต่เมื่อทรงเป็นพระสันตะปาปา

And three years after the last sentence

เพียงสามปีหลังจากพระดำรัสข้างต้น

he comes out with "Who am I to judge?"

ทรงตรัสว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจตัดสินได้”

And then today, he's in favor of civil unions.

ปัจจุบันพระองค์ทรงสนับสนุน การจดทะเบียนคู่ชีวิต

As you're thinking about technology changing ethics,

เมื่อคุณรู้แล้วว่าเทคโนโลยีทำให้ จริยธรรมของคนเปลี่ยนไป

you also have to consider that technology is now moving exponentially.

คุณต้องเข้าใจด้วยว่าเทคโนโลยี กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด

As right and wrong changes,

เมื่อความถูกผิดเปลี่ยนไป

if you take the position, "I know right.

ถ้าคุณยึดติดว่า “ฉันคิดถูก

And if you completely disagree with me, if you partially disagree with me,

ถ้าคุณเห็นต่างโดยสิ้นเชิงหรือเพียงบางส่วน

if you even quibble with me, then you're wrong,"

แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แสดงว่าคุณผิด”

then there's no discussion,

เมื่อนั้น จะไม่มีการพูดคุย

no tolerance, no evolution, and certainly no learning.

ไม่มีการอดกลั้น ไม่เกิดวิวัฒนาการ และแน่นอนว่าไม่มีการเรียนรู้

Most of us are not vegetarians yet.

คนส่วนใหญ่ยังไม่กินมังสวิรัติ

Then again, we haven't had

แต่ในทำนองเดียวกัน

a whole lot of faster, better, cheaper alternatives to meat.

ยังไม่มีสิ่งทดแทนเนื้อสัตว์ ที่สะดวกกว่า ดีกว่าและถูกกว่า

But now that we're getting synthetic meats,

แต่ทุกวันนี้เรามีเนื้อสัตว์สังเคราะห์

as the price drops from 380,000 dollars in 2013

ที่ราคาถูกลงจาก 380,000 ดอลลาร์ในปี 2013

to 9 dollars today,

เหลือเก้าดอลลาร์ในปัจจุบัน

a great big chunk of people

คนจำนวนมาก

are going to start becoming vegetarian or quasi-vegetarian.

จะเปลี่ยนไปกินมังสวิรัติแบบเต็มตัว หรือเลี่ยงสัตว์ใหญ่

And then in retrospect, these pictures

เมื่อมองย้อนกลับมา

of walking into the fanciest, most expensive restaurants in town

มุมมองของเราต่อ ภาพเนื้อสเต๊กดิบๆ เรียงกันบนชั้น

and walking past racks of bloody steaks

ในร้านอาหารหรูหราใจกลางเมือง

is going to look very different in 10 years, in 20 years and 30 years.

จะเปลี่ยนไปในอีกสิบปี 20 ปี หรือ 30 ปี

In these polarized times,

ในยุคแห่งการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

I'd like to revive two words you rarely hear today:

ผมอยากหยิบยกคำสองคำ ที่ไม่ค่อยมีใครใช้แล้ว

humility and forgiveness.

การถ่อมตนและการให้อภัย

When you judge the past, your ancestors, your forefathers,

หากจะตัดสินเหตุการณ์ในอดีต บรรพบุรุษหรือบุคคลในอดีต

do so with a little bit more humility,

เราควรทำผ่านมุมมองอันถ่อมตน

because perhaps if you'd been educated in that time,

เพราะหากคุณได้รับการศึกษาในยุคนั้น

if you'd lived in that time,

หากคุณมีชีวิตอยู่ในยุคนั้น

you would've done a lot of things wrong.

คุณก็จะทำอะไรผิดๆ มากมายเหมือนกัน

Not because they're right.

ไม่ใช่เพราะว่านั่นคือสิ่งที่ถูก

Not because we don't see they're wrong today,

ไม่ใช่เพราะมันถูกต้องในยุคนี้

but simply because our notions,

แต่เป็นเพราะทัศนคติ

our understanding of right and wrong change across time.

ความเข้าใจต่อความถูกผิด เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา

The second word, forgiveness.

คำที่สองคือการให้อภัย

Forgiveness is incredibly important these days.

การให้อภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมากในปัจจุบัน

You cannot cancel somebody for saying the wrong word,

คุณไม่ควรกีดกันใครออกไป เพียงเพราะเขาพูดจาไม่เข้าหู

for having done something 10 years ago,

เพราะสิ่งที่เขาทำเมื่อสิบปีที่แล้ว

for having triggered you and not being a hundred percent right.

เพราะเขาทำให้คุณโกรธ หรือเพราะเขาไม่ได้พูดถูกทั้งหมด

To build a community, you have to build it and talk to people

เราควรสร้างสังคมด้วยการพูดคุย

and learn from people

และเรียนรู้จากคน

who may have very different points of view from yours.

ที่อาจเห็นต่างจากคุณมาก

You have to allow them a space

คุณต้องมอบพื้นที่ปลอดภัยให้พวกเขา

instead of creating a no man's land.

ไม่ใช่สร้างเขตที่ไม่มีใครครอบครอง

A middle ground, a ??? and a space of empathy.

แสวงหาจุดร่วมและเอาใจเขามาใส่ใจเรา

This is a time to build community.

ตอนนี้เป็นเวลาที่เราต้องสามัคคี

This is not a time to continue ripping nations apart.

ไม่ใช่เวลาทำลายชาติบ้านเมือง

Thank you very much.

ขอบคุณครับ