Sergey Brin and Larry Page: The genesis of Google

Translator: Trinsit Wasinudomrod Reviewer: Nae Tanpradit

Sergey Brin: I want to discuss a question

เซอร์เก บริน: ผมอยากพูดถึงคำถามหนึ่ง

I know that's been pressing on many of your minds.

ผมรู้ว่าคำถามนั้นรบกวนจิตใจพวกคุณหลายคน

We spoke to you last several years ago.

เราได้คุยเรื่องนี้กับคุณเมื่อหลายปีก่อน

And before I get started today,

และก่อนที่ผมจะเริ่มพูดวันนี้

since many of you are wondering,

เพราะว่าคุณหลายคนกำลังสงสัย

I just wanted to get it out of the way.

ผมแค่อยากตอบให้มันจบไป

The answer is boxers.

คำตอบคือ กางเกงใน

Now I hope all of you feel better.

ตอนนี้ผมหวังว่าคุณคงรู้สึกดีขึ้นแล้ว

Do you know what this might be? Does anyone know what that is?

พวกคุณรู้ไหมว่านี่มันน่าจะเป็นอะไร? มีใครรู้บ้างว่านี่คืออะไร?

Audience: Yes.

ผู้ฟัง: รู้

SB: What is it?

เซอร์เก บริน: มันคืออะไรหละ?

Audience: It's people logging on to Google around the world.

ผู้ฟัง: ผู้คนกำลังใช้งานกูเกิลจากทั่วโลก

SB: Wow, OK. I didn't really realize what it was when I first saw it.

เซอร์เก บริน: ว้าว ครั้งแรกที่เห็นมัน ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

But this is what helped me see it.

แต่นี่ช่วยให้ผมมองเห็น

This is what we run at the office, that actually runs real time.

นี่คือโปรแกรมเราเปิดไว้ที่ออฟฟิศ แสดงผลตามเวลาจริง

Here it's slightly logged.

ตรงนี้มีคนเข้าใช้งานนิดหน่อย

But here you can see around the world

แต่ที่นี่คุณสามารถเห็นทั้งโลก

how people are using Google.

ผู้คนใช้งานกูเกิลกันยังไง

And every one of those rising dots

และแต่ละจุดแสง

represents probably about 20, 30 searches,

เป็นสัญลักษณ์แทนการค้นหา 20-30 ครั้ง

or something like that.

ราวๆนั้น

And they're labeled by color right now, by language.

และจุดแสงแสดงสีสันแยกตามภาษา

So you can see: here we are in the U.S.,

ดังนั้นคุณจะเห็นว่าพวกเราอยู่ที่นี่ในสหรัฐ

and they're all coming up red.

จุดแสงแสดงเป็นสีแดงทั้งหมด

There we are in Monterey -- hopefully I can get it right.

เราอยู่ที่มอนเทอเรย์ หวังว่าผมชี้ถูกนะ

You can see that Japan is busy at night,

คุณจะเห็นว่าญี่ปุ่นกำลังคึกคักช่วงกลางคืน

right there.

ตรงโน้น

We have Tokyo coming in in Japanese.

ที่โตเกียวใช้ภาษาญี่ปุ่นในการค้นหา

There's a lot of activity in China.

มีความเคลื่อนไหวมากมายในจีน

There's a lot of activity in India.

มีความเคลื่อนไหวมากมายในอินเดีย

There's some in the Middle East, the little pockets.

มีบ้างมาจากตะวันออกกลาง ตรงแถบเล็กๆนี่

And Europe, which is right now in the middle of the day,

และยุโรป ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน

is going really strong with a whole wide variety of languages.

กำลังคึกคักมากด้วยสารพัดภาษา

Now you can also see, if I turn this around here --

ตอนนี้คุณจะได้เห็นด้วยว่า ถ้าผมหมุนมันตรงนี้

hopefully I won't shake the world too much.

หวังว่าผมไม่ได้เขย่าโลกแรงไปนะ

But you can also see, there are places where there's not so much.

แต่คุณจะได้เห็นด้วยว่า มีหลายๆแห่งที่ไม่มีอะไรมากนัก

Australia, because there just aren't very many people there.

ออสเตรเลีย เพราะไม่มีคนอยู่ที่นั่นมากนัก

And this is something that we should really work on,

และนี่เป็นที่ๆเราน่าจะลงไปทำงานด้วยจริงๆ

which is Africa, which is just a few trickles,

คือทวีปแอฟริกานี่ ซึ่งมีอยู่แค่สองสามจุดแสง

basically in South Africa and a few other urban cities.

หลักๆแล้วอยู่ในแอฟริกาใต้ และเมืองใหญ่สองสามแห่ง

But basically, what we've noticed is these queries,

แต่หลักๆแล้ว เราสังเกตว่าคำค้นเหล่านี้

which come in at thousands per second,

ซึ่งส่งเข้ามาหลายพันครั้งต่อวินาที

are available everywhere there is power.

มาจากทุกๆแห่งที่มีไฟฟ้า

And pretty much everywhere there is power, there is the Internet.

และแทบทุกแห่งที่มีไฟฟ้า ก็จะมีอินเทอร์เน็ตที่นั่น

And even in Antarctica -- well, at least this time of year --

และแม้แต่ในทวีปแอนตาร์กติกา อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ของปี

we from time to time will see a query rising up.

ที่เราจะมีโอกาสได้เห็นคำค้นส่งเข้ามาบ้าง

And if we had it plotted correctly,

และถ้าเราวาดผังลูกโลกได้ถูกต้อง

I think the International Space Station would have it, too.

ผมคิดว่าสถานีอวกาศนานาชาติ ก็จะอยู่ในนี้ด้วย

So this is

และนี่คือ

some of the challenge that we have here,

ความท้าทายบางส่วนที่เราเจอที่นี่

is you can see that it's actually kind of hard to get the --

คือคุณคงเห็นได้ว่ามันค่อนข้างยากที่จะทำให้

there we go.

ไปละ

This is how we have to move the bits around

นี่คือวิธีที่เราใช้

to actually get the people the answers to their questions.

เพื่อให้ผู้คนได้คำตอบสำหรับคำถามของพวกเขา

You can see that there's a lot of data running around.

คุณเห็นได้ว่ามีข้อมูลจำนวนมากกำลังวิ่งไปมา

It has to go all over the world: through fibers,

มันวิ่งไปทั่วโลกผ่านใยแก้วนำแสง

through satellites, through all kinds of connections.

ผ่านดาวเทียม ผ่านการเชื่อมต่อสารพัดชนิด

And it's pretty tricky for us to maintain the latencies

และมันค่อนข้างยุ่งยากสำหรับเรา ที่จะดูแลเวลาตอบสนอง

as low as we try to. Hopefully your experience is good.

ให้ได้เร็วอย่างที่เราพยายามอยู่ หวังว่าคุณคงมีประสบการณ์ใช้งานที่ดีนะ

But you can see also, once again -- so some places are much more wired

และคุณคงเห็นว่า บางแห่งมีการเชื่อมโยง

than others, and you can see all the bandwidth across the U.S.,

มากกว่าอีกหลายแห่ง และคุณคงได้เห็นแบนด์วิธทั้งหมดที่ผ่านสหรัฐ

going up over to Asia, Europe in the other direction, and so forth.

ไปทั่วเอเชีย และยุโรปในอีกทิศทางหนึ่ง และอื่นๆอีก

Now what I would like to do is just to show you

ตอนนี้ผมอยากจะให้คุณเห็นภาพ

what one second of this activity would look like.

หนึ่งวินาทีของกิจกรรมนี้

And if we can switch to slides --

เราจะย้ายไปที่อีกจอหนึ่ง

all right, here we go.

เอาหละ ไปกัน

So this is slowed down.

อันนี้ผมจะหน่วงเวลาช้าให้ลง

This is what one second looks like.

นี่คือภาพหนึ่งวินาทีที่เกิดขึ้น

And this is what we spend a lot of our time doing,

และนี่คือสิ่งที่เราทุ่มเทเวลามหาศาลของเรา

is just making sure that we can keep up

เพียงเพื่อให้แน่ใจว่า เราสามารถรองรับ

with this kind of traffic load.

ข้อมูลจำนวนมากนี้ได้

Now, each one of those queries

แต่ละคำค้นที่ส่งเข้ามา

has an interesting life and tale of its own.

มีเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นของมันเอง

I mean, it could be somebody's health,

ผมหมายถึง มันอาจจะเป็นสุขภาพของใครสักคน

it could be somebody's career, something important to them.

มันอาจจะเป็นความก้าวหน้าในอาชีพ บางสิ่งที่สำคัญกับพวกเขา

And it could potentially be something

และมันอาจเป็นบางสิ่ง

as important as tomato sauce,

ที่สำคัญอย่างซอสมะเขือเทศ

or in this case, ketchup.

หรือในกรณีนี้ เค็ตชัพ

So this is a query that we had --

ดังนั้นนี่คือหนึ่งคำค้นที่เราได้รับ

I guess it's a popular band that was more popular in some parts of the world than others.

เดาว่ามันคงเป็นวงดนตรีดัง ซึ่งนิยมในบางส่วนของโลกมากกว่าที่อื่นๆ

You can see that it got started right here.

คุณเห็นได้ว่ามันเริ่มขึ้นจากตรงนี้

In the U.S. and Spain, it was popular at the same time.

ในสหรัฐและสเปน มันโด่งดังขึ้นมาพร้อมๆกัน

But it didn't have quite the same pickup in the U.S.

แต่มันก็ไม่ได้โด่งดังมากนักในสหรัฐ

as it did in Spain.

เมื่อเทียบกับในสเปน

And then from Spain, it went to Italy,

และจากสเปน มันลามไปอิตาลี

and then Germany got excited, and maybe right now the U.K. is enjoying it.

และเยอรมนีก็ตื่นเต้นขึ้นมา และตอนนี้สหราชอาณาจักรอาจจะกำลังสนุกกับมัน

And so I guess the U.S. finally,

และตอนนี้ผมเดาว่าในที่สุดสหรัฐ

finally started to like it, too.

ก็เริ่มที่จะชอบมันด้วย

And I just wanted to play it for you.

และผมอยากจะเล่นเพลงนี้ให้คุณฟัง

(เพลงอะเซเรเฮ)

ยังไงก็ตาม คุณสามารถเพลิดเพลินกับมันได้เอง

Anyway, you can all enjoy it for yourselves --

hopefully that search will work.

หวังว่าคำค้นนั้นคงทำงานได้นะ

As a part of --

ในฐานะส่วนหนึ่งของ...

you know, part of what we want to do to grow our company

สิ่งที่เราอยากทำเพื่อให้บริษัทของเราเติบโต

is to have more searches.

คือได้รับคำค้นมากครั้งขึ้น

And what that means is we want to have

และนั่นหมายความว่าเราต้องการมี

more people who are healthy and educated.

ผู้คนจำนวนมากขึ้น ซึ่งเป็นคนที่สุขภาพดีและมีการศึกษา

More animals, if they start doing searches as well.

และสัตว์จำนวนมากขึ้น ถ้าพวกมันเริ่มจะค้นข้อมูลเป็นนะ

But partly, we want to make the world a better place,

แต่ส่วนหนึ่งคือ เราอยากจะทำให้โลกดีขึ้น

and so one thing that we're embarking upon is the Google Foundation,

ดังนั้นสิ่งหนึ่่งที่เราเริ่มดำเนินการ คือมูลนิธิกูเกิล

and we're in the process of setting that up.

และเราอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ

We also have a program already called Google Grants

และเรายังมีโครงการที่เรียกว่า กองทุนกูเกิล

that now serves over 150 different charities around the world,

ซึ่งสนับสนุนองค์กรการกุศล กว่า 150 แห่งทั่วโลก

and these are some of the charities that are on there.

และนี่คือส่วนหนึ่งขององค์กรการกุศลดังกล่าว

And it's something I'm very excited to be a part of.

และเป็นสิ่งผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วม

In fact, many of the organizations that are here --

ที่จริงแล้ว องค์กรจำนวนมากที่อยู่ที่นี่

the Acumen Fund, I think ApproTEC we have running, I'm not sure if that one's up yet --

กองทุนอะคิวเมน และผมคิดว่าเรามีแอพโพรเท็ก แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันพร้อมใช้หรือยัง

and many of the people who have presented here are running through Google Grants.

และผู้คนจำนวนมากที่ปรากฏที่นี่ ก็ดำเนินงานผ่านกองทุนกูเกิล

They run Google ads, and we just give them the ad credit

พวกเขาประชาสัมพันธ์ผ่านกูเกิล ด้วยเครดิตโฆษณาฟรีที่เรามอบให้

so they can let organizations know.

เพื่อให้องค์กรข้างนอกรับรู้

One of the earlier results that we got --

หนึ่งในผลลัพธ์แรกๆที่เราทำได้คือ

we have a Singaporean businessman who is now sponsoring a village

เรามีนักธุรกิจสิงคโปร์ท่านหนึ่ง ซึ่งสนับสนุนหมู่บ้านหนึ่ง

of 25 Vietnamese girls for their education,

ให้เด็กหญิงชาวเวียดนาม 25 คนได้รับการศึกษา

and that was one of the earliest results. And as I said, now there have been

และนั่นเป็นหนึ่งในผลลัพธ์แรกๆ และตามที่ผมได้พูดไว้ ตอนนี้เรามี

many, many stories that have come in,

เรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามา

because we do have hundreds of charities in there,

เพราะว่าเรามีองค์กรการกุศลนับร้อยในนั้น

and the Google Foundation will be an even broader endeavor.

และมูลนิธิกูเกิลจะเป็นความพยายาม ที่กว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีก

Now does anybody know who this is?

เอาหละ ใครรู้บ้างว่าเขาคนนี้คือใคร?

A-ha!

เอ้า

Audience: Orkut.

ผู้ฟัง: ออกัต

SB: Yes! Somebody got it.

เซอร์เก บริน: ใช่ มีคนทายถูกแล้ว

This is Orkut. Is anybody here on Orkut?

นี่คือออกัต มีใครที่นี่บ้างใช้ออกัตอยู่?

Do we have any?

มีบ้างมั้ย?

Okay, not very many people know about it.

ไม่ค่อยมีใครรู้จักมัน

I'll explain it in a second.

อีกสักครู่ผมจะอธิบายให้ฟัง

This is one of our engineers.

เขาคือหนึ่งในวิศวกรของเรา

We find that they work better when they're submerged and covered with leaves.

เราพบว่าพวกเขาทำงานได้ดีขึ้น ถ้าแช่พวกเขาในน้ำและคลุมด้วยใบไม้

That's how we churn those products out.

นั่นคือเคล็ดลับที่เราสร้าง ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาได้มากมาย

Orkut had a vision to create a social network.

ออกัตมีวิสัยทัศน์ว่าจะสร้างเครือข่ายสังคม

I know all of you are thinking, "Yet another social network."

ทุกคนคงคิดว่า "เครือข่ายสังคมอีกแล้วหรือ"

But it was a dream of his, and we, basically,

แต่มันเป็นความฝันของเขา และของเราด้วย

when people really want to do something, well, we generally let them.

เมื่อผู้คนต้องการทำบางสิ่งจริงๆ โดยปกติแล้วเราก็ให้พวกเขาทำไป

So this is what he built.

ดังนั้นนี่คือสิ่งที่เขาสร้างขึ้น

We just released it in a test phase last month,

เราเพิ่งเปิดใช้งานมันในช่วงทดสอบ เมื่อเดือนที่แล้ว

and it's been taking off.

และมันเริ่มติดลมบน

This is our VP of Engineering.

นี่คือรองประธานด้านวิศวกรรมของเรา

You can see the red hair, and I don't know if you can see the nose ring there.

คุณคงเห็นผมสีแดง แต่ผมไม่รู้ว่าคุณเห็นห่วงที่จมูกนั่นไหม

And these are all of his friends.

และคนเหล่านี้คือเพื่อนทั้งหมดของเขา

So this is how -- we just deployed it --

และนี่คือผลลัพธ์หลังจากเราเปิดใช้งาน

we just decided that people would send each other invitations to get into the service,

เราเพิ่งตัดสินใจให้ผู้คนสามารถ ส่งคำเชิญเพื่อนเข้าไปใช้บริการ

and so we just had the people in our company initially send them out.

และเราเพิ่งให้ผู้คนในบริษัทของเรา ส่งคำเชิญช่วงต้นออกไป

And now we've grown to over 100,000 members.

และตอนนี้เราเติบโต จนมีสมาชิกกว่า 100,000 คน

And they spread, actually, very quickly, even outside the U.S.

และพวกเขากระจายออกไป อย่างรวดเร็วมากจริงๆ แม้แต่นอกสหรัฐ

You can see, even though the U.S. is still the majority here --

คุณคงเห็นว่า ถึงแม้สหรัฐ จะยังเป็นคนหมู่มากที่นี่

though, by the way, search-wise, it's only about 30 percent of our traffic --

ถึงแม้ว่าในแง่ของการค้นหาแล้ว มันเป็นแค่ 30% ของการจราจรทั้งหมด

but it's already going to Japan, and the U.K., and Europe,

แต่มันกำลังไปถึงญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และยุโรปแล้ว

and all the rest of the countries.

และไปยังประเทศที่เหลืออยู่ทั้งหมด

So it's a fun little project.

ดังนั้นมันเป็นโครงการเล็กที่สนุก

There are a variety of demographics. I won't bore you with these.

มีสถิติประชากรที่หลากหลาย แต่ผมคงไม่เอามาพูดให้คุณเบื่อ

But it's just the kind of thing that we just try out for fun

แต่มันเป็นแค่สิ่งที่เราลองทำเพื่อความสนุก

and see where it goes.

และดูว่ามันไปได้ถึงไหน

And --

และ

well, I'll leave you in suspense.

เอาหละ ผมจะปล่อยให้คุณคาใจอย่างนี้

Larry, you can explain this one.

ลาร์รี คุณสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้

Larry Page: Thank you, Sergey.

ลาร์รี เพจ: ขอบใจ เซอร์เก

So one of the things -- both Sergey and I

หนึ่งในหลายเรื่อง ทั้งเซอร์เกและผม

went to a Montessori school,

ได้เข้าโรงเรียนหลักสูตรมอนเตสซอรี

and I think, for some reason,

และผมคิดว่า ด้วยเหตุผลบางข้อ

this has been incorporated in Google.

สิ่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิล

And Sergey mentioned Orkut, which is something that,

และเซอร์เกได้พูดถึงออกัต ซึ่งเป็นบางสิ่งที่

you know, Orkut wanted to do in his time,

ออกัตอยากทำในเวลาของเขา

and we call this -- at Google, we've embodied this as "the 20 percent time,"

และที่กูเกิล เราเรียกสิ่งนี้ว่า "เวลา 20%"

and the idea is, for 20 percent of your time,

และแนวคิดคือ สำหรับ 20% ของเวลาของคุณ

if you're working at Google, you can do what you think is the best thing to do.

ถ้าคุณทำงานที่กูเกิล คุณสามารถทำงานที่คุณคิดว่าเป็นสิ่งดีที่สุด

And many, many things at Google have come out of that,

และหลายๆสิ่งที่กูเกิลก็เกิดจากแนวคิดนี้

such as Orkut and also Google News.

อย่างเช่น ออกัต และกูเกิลนิวส์ด้วย

And I think many other things in the world also have come out of this.

และผมคิดว่ามีอีกหลายๆสิ่งในโลก ที่เกิดจากแนวคิดนี้

Mendel, who was supposed to be teaching high-school students,

เมนเดล ซึ่งถูกคาดหวังให้ สอนนักเรียนมัธยมปลาย

actually, you know, discovered the laws of genetics --

จริงๆแล้วได้ค้นพบกฏของพันธุศาสตร์

as a hobby, basically.

ในช่วงเวลาของงานอดิเรก

So many, many useful things come out of this.

ดังนั้นสิ่งที่มีประโยชน์มากมาย เกิดจากแนวคิดนี้

And News, which I just mentioned,

และกูเกิลนิวส์ที่ผมเพิ่งพูดถึง

was started by a researcher.

เริ่มต้นโดยนักวิจัยคนหนึ่ง

And he just -- he -- after 9/11, he got really interested in the news.

หลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาสนใจติดตามข่าวสารมากจริงๆ

And he said, "Why don't I look at the news better?"

และเขาพูดว่า "ทำไมผมไม่อ่านข่าวด้วยวิธีที่ดีกว่านี้?"

And so he started clustering it by category,

และดังนั้นเขาก็เริ่ม จัดกลุ่มข่าวสารแยกประเภท

and then he started using it, and then his friends started using it.

และเขาก็เริ่มใช้งานมัน และเพื่อนๆของเขาก็เริ่มใช้งานมัน

And then, besides just looking cute on a baby's bottom,

ดังนั้น นอกจากจะดูน่ารักบนกางเกงทารกแล้ว

we made it a Googlette,

เราทำให้มันเป็นกูเกล็ต

which is basically a small project at Google.

ซึ่งหมายถึงโครงการขนาดเล็กที่กูเกิล

So it'd be like three people, or something like that,

ดังนั้นมันอาจจะมีกันแค่สามคน หรือราวๆนั้น

and they would try to make a product.

และพวกเขาก็พยายามจะสร้างผลิตภัณฑ์

And we wouldn't really be sure if it's going to work or not.

และเราก็ไม่มั่นใจหรอกว่า มันจะได้ผลไหม

And in News' case, you know, they had a couple of people

ในกรณีของกูเกิลนิวส์ ตอนแรกพวกเขามีกันแค่สองคน

working on it for a while, and then more and more people

ทำงานกันสักระยะ แล้วก็มีผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ

started using it, and then we put it out on the Internet,

เริ่มใช้งานมัน แล้วเราก็เปิดใช้งานบนเน็ต

and more and more people started using it.

และก็มีผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆเริ่มใช้งานมัน

And now it's a real, full-blown project with more people on it.

และตอนนี้มันกลายเป็นโครงการเต็มรูปแบบ ซึ่งมีคนทำงานมากขึ้น

And this is how we keep our innovation running.

และนี่คือวิธีที่เราสร้าง นวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง

I think usually, as companies get bigger,

ผมคิดว่า โดยปกติแล้ว เมื่อบริษัทเติบโตขึ้น

they find it really hard to have small, innovative projects.

พวกเขาพบว่ามันยากมากจริงๆ ที่จะมีโครงการนวัตกรรมขนาดเล็ก

And we had this problem, too, for a while, and we said,

และเราก็เคยมีปัญหานี้อยู่ระยะหนึ่งเช่นกัน และเราก็พูดว่า

"Oh, we really need a new concept."

"โอ เราจำเป็นต้องมีแนวคิดใหม่แล้วหละ"

You know, the Googlettes -- that's a small project that we're not quite sure if it's going to work or not,

กูเกล็ต นั่นคือโครงการขนาดเล็ก ซึ่งเราก็ไม่มั่นใจว่ามันจะได้ผลไหม

but we hope it will, and if we do enough of them,

แต่เราก็หวังว่ามันจะได้ผลนะ และถ้าเราทำพวกมันมากพอ

some of them will really work and turn out, such as News.

โครงการจำนวนหนึ่งอาจจะได้ผล และออกมาดีมากๆอย่างกูเกิลนิวส์ก็ได้

But then we had a problem because then we had over 100 projects.

แต่เราก็มีปัญหา เพราะตอนนั้น เรามีมากกว่า 100 โครงการ

And I don't know about all of you,

และผมก็ไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นยังไง

but I have trouble keeping 100 things in my head at once.

แต่ผมค่อนข้างลำบากที่จะเก็บ 100 เรื่อง ให้ได้พร้อมกันในหัวของผม

And we found that if we just wrote all of them down

และเราก็พบว่าเราแค่เขียนพวกมันลงไปให้หมด

and ordered them -- and these are kind of made up.

และจัดลำดับพวกมัน แต่พวกนี้เป็นตัวอย่างสมมตินะ

Don't really pay attention to them.

อย่าไปใส่ใจมันนะ

For example, the "Buy Iceland" was from a media article.

อย่างเช่น "ซื้อไอซ์แลนด์" มาจากบทความหนึ่งในสื่อ

We would never do such a crazy thing, but --

เราคงไม่ทำอะไรบ้าบออย่างนั้นแน่ แต่...

in any case, we found if we just basically wrote them all down and ordered them,

อย่างไรก็ตาม เราพบว่าถ้าเราเพียงแค่ เขียนพวกมันลงไป และจัดลำดับพวกมัน

that most people would actually agree what the ordering should be.

คนส่วนใหญ่จะเห็นตรงกัน ว่าควรจัดอันดับอย่างไร

And this was kind of a surprise to me, but

และนี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับผม แต่

we found that as long as you keep the 100 things in your head,

เราพบว่าตราบเท่าที่ คุณเก็บ 100 เรื่องในหัวของคุณ

which you did by writing them down,

ซึ่งคุณทำได้โดยการเขียนพวกมันลงไป

that you could do a pretty good job deciding what to do

คุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างดีว่าควรทำอะไร

and where to put your resources.

และจะจัดสรรทรัพยากรไปที่ไหน

And so that's basically what we've done

และนั่นก็คือสิ่งที่เราได้ทำไป

since we instituted that a few years ago, and I think it has really allowed us to be innovative

ตั้งแต่จัดตั้งระบบงานนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมคิดว่ามันช่วยให้เรามีนวัตกรรมต่อเนื่อง

and still stay reasonably well-organized.

และขณะเดียวกันยังสามารถ บริหารจัดการได้ดีพอสมควร

The other thing we discovered is that people like to work on things that are important,

อีกสิ่งหนึ่งที่เราค้นพบคือ ผู้คนชอบทำงานที่สำคัญ

and so naturally,

และตามธรรมชาติแล้ว

people sort of migrate to the things that are high priorities.

ผู้คนก็จะขยับไปทำงาน ที่มีลำดับความสำคัญสูงกว่า

I just wanted to highlight a couple of things

ผมเพียงอยากจะเน้น 2-3 เรื่อง

that are new, or you might not know about.

ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ หรือ คุณอาจจะยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

And the top thing, actually, is the Deskbar.

และเรื่องแรกเลยก็คือ เดสก์บาร์

So this is a new -- how many of you use the Google Toolbar?

นี่เป็นสิ่งใหม่ มีคุณกี่คนที่ใช้กูเกิลทูลบาร์?

Raise your hands.

ช่วยยกมือหน่อย

How many of you use the Deskbar?

มีคุณกี่คนที่ใช้เดสก์บาร์?

All right, see? You guys should try it out.

เอาหละ เห็นไหม? พวกคุณน่าจะลองใช้มันดูนะ

But if you go to our site and search

แต่ถ้าคุณไปที่เว็บไซต์ของเราและค้นว่า

for "Deskbar," you'll get this.

"เดสก์บาร์" คุณจะได้แบบนี้

And the idea is, instead of a toolbar, it's just present all the time

แนวคิดคือ ใช้แทนทูลบาร์ มันจะปรากฏตลอดเวลา

on your screen on the bottom,

ที่ด้านล่างหน้าจอของคุณ

and you can do searches really easily.

และคุณสามารถส่งคำค้นได้ง่ายมากๆ

And it's sort of like a better version of the toolbar.

และมันเป็นเหมือนทูลบาร์ในแบบที่ดีกว่า

Thank you, Sergey.

ขอบใจ เซอร์เก

This is another example of a project that somebody at Google

นี่คืออีกโครงการที่ใครบางคนในกูเกิล

was really passionate about, and they just, they got going,

รู้สึกกระตือรือร้นอย่างมาก และทำให้มันเกิดขึ้น

and it's really, really a great product, and really taking off.

และมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ และติดลมบนไปแล้ว

Google Answers is something we started, which is really cool,

กูเกิลอานเซอร์เป็นสิ่งที่เราเริ่มไว้ และมันเจ๋งจริงๆ

which lets you -- for five to 100 dollars,

ด้วยเงิน 5-100 เหรียญ

you can type a question in,

คุณสามารถพิมพ์คำถามหนึ่งลงไป

and then there's a pool of researchers

แล้วจะมีกลุ่มนักวิจัย

that go out and research it for you, and it's guaranteed and all that,

ซึ่งออกไปค้นและวิจัยให้คุณ และรับประกันผลงานให้ด้วย

and you can get actually very good answers to things

และคุณจะได้คำตอบที่ดีมากจริงๆในเรื่องต่างๆ

without spending all that time yourself.

โดยไม่ต้องใช้เวลาทั้งหมดนั้นด้วยตัวเอง

Froogle lets you search shopping information,

ฟรุกเกิลช่วยคุณหาข้อมูลสินค้า

and Blogger lets you publish things.

และบล็อกเกอร์ช่วยคุณเผยแพร่เรื่องราวต่างๆ

But all of these -- well, these were all sort of innovative things that we did that --

แต่ทั้งหมดนี้ คือนวัตกรรมที่เราทำไว้

you know, we try many, many different things

คุณรู้ไหมว่า เราได้ลองทำสิ่งที่แตกต่างกัน มากมายเหลือเกิน

in our company.

ในบริษัทของเรา

We also like to innovate in our physical space,

เรายังชอบสร้างนวัตกรรมในออฟฟิศของเราด้วย

and we noticed in meetings, you know, you have to wait a long time

เราสังเกตว่าในการประชุม คุณต้องรอเป็นเวลานาน

for projectors to turn on and off,

เพื่อเปิดและปิดเครื่องโปรเจคเตอร์

and they're noisy, so people shut them off.

มันส่งเสียงรบกวน ผู้คนมักจะปิดเครื่องทันที

And we didn't like that, so we actually,

และเราไม่ชอบอย่างนั้น ดังนั้นเราจึง

in maybe a couple of weeks, we built these little enclosures

อาจจะแค่ในราวๆ 2-3 สัปดาห์ เราได้สร้างกล่องปิดเล็กๆ

that enclosed the projectors, and so we can leave them on all the time

เก็บโปรเจคเตอร์ เราสามารถเปิดเครื่องไว้ตลอด

and they're completely silent.

และพวกมันก็เงียบสนิท

And as a result, we were able to build some software

ผลที่ตามมาคือ เราสามารถสร้างซอฟต์แวร์

that also lets us manage a meeting,

ซึ่งช่วยให้เราจัดการประชุม

so when you walk into a meeting room now,

ดังนั้นเมื่อคุณเดินเข้าห้องประชุมตอนนี้

it lists all the meetings that are happening,

มันแสดงรายการประชุมทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น

you can very easily take notes, and they just get emailed automatically

คุณสามารถจดรายงานประชุมได้ง่าย

to all the people that were present in the meeting.

และรายงานถูกส่งอีเมล์อัตโนมัติ ไปยังผู้คนที่อยู่ในการประชุม

And as we become more of a global company,

และขณะที่เรากลายเป็น บริษัทที่ครอบคลุมทั่วโลก

we find these things really affect us --

เราพบว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบเรา

you know, can we work effectively with people who aren't in the room?

เราจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กับผู้คนที่ไม่ได้อยู่ในห้องได้ไหม?

And things like that. And simple things like this can really make a big difference.

และสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้สร้างความแตกต่างได้

We also have a lot of engineers in those meetings,

เรายังมีวิศวกรจำนวนมากในการประชุมเหล่านั้น

and they don't always do their laundry as much as they should.

และพวกเขาก็ไม่ได้ซักเสื้อผ้าบ่อยเท่าที่ควร

And so we found it was pretty helpful

และเราก็พบว่ามันช่วยได้มาก

to have laundry machines, for our younger employees especially, and ...

ที่จะมีเครื่องซักผ้า สำหรับพนักงานหนุ่มๆของพวกเราโดยเฉพาะ

we also allow dogs and things like that,

เรายังอนุญาตให้มีสุนัข และอีกหลายๆสิ่งในบริษัท

and we've had, I think, a really fun culture at our company,

และผมคิดว่าเราได้มีวัฒนธรรม ที่สนุกในบริษัทของเรา

which helps people work and enjoy what they're doing.

ซึ่งช่วยให้คนทำงานและ มีความสุขกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำ

This is actually our "cult picture."

จริงๆแล้วนี่คือ "รูปลัทธิ" ของเรา

I just wanted to show quickly.

ผมแค่อยากให้คุณดูแบบเร็วๆ

We had this on our website for a while,

เรามีรูปนี้บนเว็บไซต์ของเราช่วงหนึ่ง

but we found that after we put it on our website,

แต่เราพบว่าหลังจากที่ เราวางมันบนเว็บไซต์ของเรา

we didn't get any job applications anymore.

เราไม่มีใบสมัครงานใหม่เข้ามาอีกต่อไป

But anyway, every year we've taken

แต่ยังไงก็ตาม ทุกๆปีเราจะพา

the whole company on a ski trip.

ทั้งบริษัทเดินทางไปเล่นสกี

A lot of work happens in companies from people knowing each other, and informally.

เนื้องานเกิดขึ้นมากมายในบริษัท จากผู้คนที่สนิทสนมกัน

And I think we've done a good job encouraging that.

และผมคิดว่าเราได้ส่งเสริมเรื่องนั้นอย่างดี

It makes it a really fun place to work.

ทำให้ที่นี่ทำงานได้อย่างสนุก

Along with our logos, too, which I think really embody

เช่นเดียวกับโลโก้ของเรา ซึ่งผมคิดว่ามันแสดง

our culture when we change things.

วัฒนธรรมของเรา ที่เราเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ

In the early days, we were actually advised

ในช่วงแรก

we should never change our logo because

เราได้รับคำแนะนำว่า เราไม่ควรเปลี่ยนโลโก้ของเราเด็ดขาด

we should establish our brand, you know,

เราควรตั้งมั่นแบรนด์ของเรา

because, you know, you'd never want to change your logo.

คุณไม่ควรเปลี่ยนโลโก้ของคุณเด็ดขาด

You want it to be consistent.

คุณต้องการให้มันคงเส้นคงวา

And we said, "Well, that doesn't sound so much fun.

และเราพูดว่า "อืม ฟังดูไม่น่าสนุกเท่าไรนะ"

Why don't we try changing it every day?"

ทำไมเราไม่เปลี่ยนมันทุกวันเลยหละ?"

One of the things that really excites me about what we're doing now

หนึ่งในหลายเรื่องที่เรากำลังทำ และทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ

is we have this thing called AdSense,

คือเรามีสิ่งนี้ที่เรียกว่า แอดเซนส์

and this is a little bit foreshadowing --

และมันมีส่วนของการทำนายล่วงหน้า

this is from before Dean dropped out.

และมันมีมาก่อนที่ ดีน กิลเบิร์ต ออกไป

But the idea is, like, on a newspaper, for example,

แต่แนวคิดก็คล้ายๆกับบนหนังสือพิมพ์

we show you relevant ads.

เราแสดงโฆษณาที่ตรงประเด็น นี่อ่านยากหน่อย

And this is hard to read, but this says "Battle for New Hampshire:

แต่มันเขียนว่า "ศึกชิงนิวแฮมป์เชียร์:

Howard Dean for President" -- articles on Howard Dean.

ฮาวเวิร์ด ดีน จะเป็นประธานาธิบดี" เป็นบทความเกี่ยวกับฮาวเวิร์ด ดีน

And these ads are generated automatically --

และโฆษณาพวกนี้ถูกเลือกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

like in this case, on the Washington Post --

เช่นในตัวอย่างนี้

from the content on the site.

บนวอชิงตันโพสต์ จากเนื้อหาบนเว็บไซต์นั้น

And so we use our over 150,000 advertisers

และเรามีผู้โฆษณามากกว่า 150,000 ราย

and millions of advertisements, so we pick the one

และจากโฆษณานับล้านชิ้น เราเลือกแค่หนึ่งชิ้น

that's most relevant to what you're actually looking at,

ที่ตรงประเด็นที่สุด กับสิ่งที่คุณอ่านอยู่

much as we do on search.

ก็เหมือนกับที่เราค้นข้อมูลให้คุณ

So the idea is we can make advertising useful,

ดังนั้นแนวคิดคือเราสามารถ ทำให้โฆษณามีประโยชน์ได้

not just annoying, right?

ไม่ใช่แค่น่ารำคาญ ถูกไหม?

And the nice thing about this,

และเรื่องดีเกี่ยวกับสิ่งนี้

we have a self-serve program,

เรามีโปรแกรมบริการตนเอง

and many thousands of websites have signed up,

และมีเว็บไซต์หลายพันแห่งสมัครเข้ามา

and this let's them really make money. And I --

และนี่ช่วยให้พวกเขาทำเงินได้ และผม...

you know, there's a number of people I met --

ผมได้พบผู้คนจำนวนหนึ่ง

I met this guy who runs a conservation site at a party,

ที่งานปาร์ตี้ ผมพบหนุ่มคนนี้ ที่ดูแลเว็บไซต์เกี่ยวกับการอนุรักษ์

and he said, "You know, I wasn't making any money.

และเขาพูดว่า "ตอนนั้นผมทำเงินไม่ได้เลย

I just put this thing on my site and I'm making 10,000 dollars a month.

ผมแค่ติดตั้งอันนี้บนเว็บไซต์ของผม และผมก็ทำเงินได้เดือนละ 10,000 ดอลลาร์

And, you know, thank you.

และขอบคุณนะ

I don't have to do my other job now."

ตอนนี้ผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว"

And I think this is really important for us, because it makes the Internet work better.

สิ่งนี้สำคัญกับเราจริงๆ เพราะมันทำให้อินเทอร์เน็ตทำงานดีขึ้น

It makes content get better, it makes searching work better,

มันทำให้เนื้อหาดีขึ้น มันทำให้การค้นหาทำงานดีขึ้น

when people can really make their livelihood

เมื่อผู้คนสามารถเลี้ยงชีพได้

from producing great content.

ด้วยการผลิตเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม

So this session is supposed to be about the future,

หัวข้อวันนี้ถูกคาดหมายว่า จะเกี่ยวข้องกับอนาคต

so I'd thought I'd talk at least briefly about it.

ผมคิดว่าอย่างน้อยผมจะพูดถึงมันสั้นๆ

And the idea behind this is to do the perfect job doing search,

และแนวคิดเบื้องหลังสิ่งนี้คือ การค้นหาข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

you really have to be smart.

คุณต้องเฉลียวฉลาดมากจริงๆ

Because you can type, you know, any kind of thing into Google,

เพราะคุณสามารถพิมพ์อะไรก็ได้ลงในกูเกิล

and you expect an answer back, right?

และคุณก็คาดหวังคำตอบกลับมา ใช่ไหม?

But finding things is tricky, and so you really want intelligence.

แต่การค้นหาสิ่งต่างๆนั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้นคุณต้องการปัญญาประดิษฐ์

And in fact, the ultimate search engine would be smart.

และในความเป็นจริง เครื่องกลค้นหาจะต้องเฉลียวฉลาด

It would be artificial intelligence.

มันจะต้องเป็นปัญญาประดิษฐ์

And so that's something we work on,

และนั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังทำงานกันอยู่

and we even have some people who are excited enough

และเรามีผู้คนที่ตื่นเต้นมากพอ

and crazy enough to work on it now,

และบ้ามากพอที่จะทำงานนี้ในตอนนี้

and that's really their goal.

และนั่นเป็นเป้าหมายของพวกเขา

So we always hope that Google will be smart,

ดังนั้นเราคาดหวังเสมอว่า กูเกิลจะต้องเฉลียวฉลาด

but we're always surprised when other people think that it is.

แต่เราก็ประหลาดใจเสมอ เมื่อผู้คนคิดว่ากูเกิลเฉลียวฉลาดจริงๆ

And so I just wanted to give a funny example of this.

และผมแค่อยากเล่าตัวอย่างสนุกๆในประเด็นนี้

This is a blog from Iraq,

อันนี้คือบล็อกหนึ่งจากอิรัก

and it's not really what

และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังจะพูดถึง

I'm going to talk about, but I just wanted to show you an example.

แต่ผมแค่อยากให้คุณเห็นตัวอย่างหนึ่ง

Maybe, Sergey, you can highlight this.

เซอร์เก คุณช่วยชี้ตรงนี้หน่อย

So we decided --

เราจึงตัดสินใ...

actually, the highlight's right there. Oh, thank you.

จริงๆแล้วให้ชี้ไปตรงนั้น ขอบคุณ

So, "related searches," right there. You can't see it that well,

"การค้นหาที่เกี่ยวข้อง" ตรงนั้น คุณคงเห็นมันไม่ชัดมากนัก

but we decided we should put in this feature

แต่เราตัดสินใจว่าจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

into our AdSense ads, called "related searches."

ภายใต้แอดเซนส์ของเรา โดยเรียกมันว่า "การค้นหาที่เกี่ยวข้อง"

And so we'd say, you know, "Did you mean 'search for'" -- what is this,

และเราก็เขียนว่า "คุณหมายถึง 'ค้นหา...' ใช่ไหม?"

in this case, "Saddam Hussein," because this blog is about Iraq --

ในกรณีนี้คือ "ซัดดัม ฮุสเซ็น" เพราะบล็อกนี้เกี่ยวกับอิรัก

and you know, in addition to the ads,

เราใส่เพิ่มเข้ามา นอกเหนือจากส่วนของโฆษณา

and we thought this would be a great idea.

และเราเข้าใจว่านี่เป็นความคิดที่ดี

And so there is this blog

แล้วก็มีบล็อกอันนี้

of a young person who was kind of depressed, and he said,

ของหนุ่มน้อยที่ซึมเศร้าคนหนึ่ง เขาพูดว่า

"You know, I'm sleeping a lot."

"ช่วงนี้ฉันนอนหลับเยอะมาก"

He was just kind of writing about his life.

เขาแค่เขียนเล่าเรื่องราวในชีวิตของเขา

And our algorithms -- not a person, of course,

และอัลกอริธึมของเรา ซึ่งไม่ใช่มนุษย์นะ

but our algorithms, our computers --

แต่อัลกอริธึมหรือคอมพิวเตอร์ของเรา

read his blog and decided that

อ่านบล็อกของเขา และตัดสินว่า

the related search was, "I am bored."

การค้นหาที่เกี่ยวข้อง คือ "ฉันรู้สึกเบื่อ"

And he read this, and he thought a person had decided

และเขาได้อ่านข้อความนี้ และเขาคิดว่ามีคนตัดสินว่า

that he was boring,

เขาเป็นคนน่าเบื่อ

and it was very unfortunate,

และมันเป็นเรื่องโชคร้ายมาก

and he said, "You know, what are these, you know, bastards at Google doing?

และเขาพูดว่า "พวกนายรู้ไหมว่า พวกบ้าที่กูเกิลกำลังทำอะไร?

Why don't they like my blog?"

ทำไมพวกเขาไม่ชอบบล็อกของฉัน?"

And so then we read his blog, which was getting -- you know,

แล้วเราได้อ่านบล็อกของเขา ซึ่งเนื้อหา...

sort of going from bad to worse,

เลวร้ายลงเรื่อยๆ และเราเขียนไปว่า

and we said the related search was, "Retards."

การค้นหาที่เกี่ยวข้องคือ "เจ้าทึ่ม"

And then, you know, he got even more mad,

และเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นอีก

and he wrote -- like, started swearing and so on.

และเขาก็เริ่มสบถ

And then we produced "You suck."

และเราก็เขียนไปว่า "คุณห่วยแตก"

And finally, it ended with "Kiss my ass."

และท้ายที่สุด มันจบลงว่า "มาดมก้นฉันนี่"

And so basically, he thought he was dealing with something smart,

เขาเข้าใจว่า เขาโต้ตอบกับสิ่งที่เฉลียวฉลาด

and of course, you know,

และแน่นอนว่าคุณรู้

we just sort of wrote this program and we tried it out,

เราแค่เขียนโปรแกรมนี่ขึ้นมา และลองใช้งานดู

and it didn't quite work,

แต่มันทำงานไม่ดีสักเท่าไหร่

and we don't have this feature anymore.

และเราก็ยกเลิกฟีเจอร์นี้ไปแล้ว

So with that, maybe I can switch back to the world.

เอาหละ เรากลับมาที่โลกกัน

I wanted to end just by saying that

ผมอยากจะปิดสรุปว่า

there's a couple things that really make me excited

มีสองสามเรื่องที่ทำให้ผมตื่นเต้น

to be involved with Google,

ที่ได้ทำงานร่วมกับกูเกิล

and one of those is that we're able to make money

และหนึ่งในนั้นคือเราสามารถทำเงินได้

largely through advertising, and one of the benefits that I didn't expect from that

ด้วยการโฆษณาและหนึ่งในคุณประโยชน์ ที่ผมไม่ได้คาดหวังมาก่อน

was that we're able to serve everyone in the world

คือเราสามารถให้บริการทุกคนในโลก

without worrying about, you know, places that don't have as much money.

โดยไม่ต้องกังวลว่า มีบางประเทศที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก

So we don't have to worry about our products being sold,

เราไม่ต้องกังวลกับ ผลิตภัณฑ์ของเราที่ขายออกไป

for example, for less money in places that are poor,

ด้วยราคาที่ถูกกว่าในประเทศยากจน

and then they get re-imported into the U.S. --

และถูกนำกลับเข้ามาขายอีกครั้งในสหรัฐ

for example, with the drug industry.

ยกตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมยา

And I think we're really lucky to have that kind of business model

และผมรู้สึกว่าเราโชคดีมากจริงๆ ที่มีโมเดลธุรกิจแบบนี้

because everyone in the world has access to our search,

เพราะว่าทุกคนในโลกสามารถ เข้าถึงระบบค้นหาของเราได้

and I think that's a tremendous, tremendous benefit.

และผมคิดว่านั่นเป็น คุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาก

The other thing I wanted to mention just briefly

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการพูดถึงสักหน่อย

is that we have a tremendous ability and responsibility

คือเรามีความสามารถและ ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่

to provide people the right information,

ที่จะให้ผู้คนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

and we view ourselves like a newspaper or a magazine --

และเรามองตัวเองเป็นอย่าง หนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร

that we should provide very objective information.

ว่าเราควรให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง

And so in our search results, we never accept payment for our search results.

ดังนั้นในผลการค้นหาของเรา เราไม่เคยรับเงินจากผลการค้นหาของเรา

We accept payment for advertising,

แต่เรารับเงินจากการโฆษณา

and we mark it as such.

และเราก็ระบุชัดเจนว่ามันเป็นโฆษณา

And that's unlike many of our competitors.

และนั่นแตกต่างจากคู่แข่งหลายรายของเรา

And I think decisions we're able to make like that

และผมคิดว่าการตัดสินใจของเรา

have a tremendous impact on the world,

ส่งผลกระทบมหาศาลต่อโลก

and it makes me really proud to be involved with Google.

และมันทำให้ผมภาคภูมิใจที่ได้ทำงานกับกูเกิล

So thank you.

ขอบคุณครับ