What would happen if every human suddenly disappeared? - Dan Kwartler

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

Human beings are everywhere.

มนุษย์อาศัยอยู่ทุกหนทุกแห่ง

With settlements on every continent,

ในทุกทวีป

we can be found in the most isolated corners of Earth’s jungles,

เราพบมนุษย์ได้ แม้แต่ในมุมที่โดดที่สุดของป่า

oceans,

มหาสมุทร

and tundras.

และทุ่งหญ้าทุนดรา

Our impact is so profound, most scientists believe

ผลกระทบที่เรามีต่อโลกนั้นมหาศาล นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า

humanity has left a permanent mark on Earth’s geological record.

มนุษยชาติได้ทิ้งร่องรอยถาวรเอาไว้ บนบันทึกทางภูมิศาสตร์ของโลก

So what would happen if suddenly, every human on Earth disappeared?

แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าอยู่ ๆ คนบนโลกก็หายไปหมด

With no one maintaining them, some of our creations backfire immediately.

เมื่อไม่มีใครอยู่ดูแล สิ่งประดิษฐ์ของเรา ก็จะดื้อขึ้นมาทันที

Hours after we disappear, oil refineries malfunction,

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เราไม่อยู่ โรงกลั่นน้ำมันจะทำงานผิดพลาด

producing month-long blazes at plants like the ones in western India,

ทำให้เกิดเปลวไฟใหญ่ที่โรงงาน เช่น ในอินเดียตะวันตก

the southern United States,

ตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา

and South Korea.

และเกาหลีใต้

In underground rail systems like those in London,

ระบบรถไฟใต้ดิน อย่างเช่น ในลอนดอน

Moscow,

มอสโก

and New York City,

และเมืองนิวยอร์ก

hundreds of drainage pumps are abandoned, flooding the tunnels in just three days.

ปั๊มระบายน้ำหลายร้อยตัวถูกปล่อยทิ้งไว้ จะเกิดน้ำท่วมอุโมงใต้ดินภายในสามวัน

By the end of the first week, most emergency generators have shut down,

เมื่อสื้นสัปดาห์แรก ระบบเตือนภัยส่วนใหญ่ก็ปิดตัวลง

and once the fires have gone out,

และเมื่อไฟลุกไหม้จนหมดแล้ว

the earth goes dark for the first time in centuries.

โลกก็จะมืดมิดเป็นครั้งแรก ในรอบหลายศตวรรษ

After the first catastrophic month, changes come more gradually.

หลังจากเดือนแรกแห่งหายนะ การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดเร็วขึ้น

Within 20 years, sidewalks have been torn apart by weeds and tree roots.

ภายใน 20 ปี ทางเท้าต่าง ๆ ก็จะถูกทำลายด้วยวัชพืชและรากไม้

Around this time,

ภายในช่วงเวลานี้

flooded tunnels erode the streets above into urban rivers.

อุโมงค์ที่ถูกน้ำท่วมจะกร่อนถนน ที่อยู่ข้างบนลงสู่แม่น้ำในเมือง

In temperate climates,

ในเขตภูมิอากาศอบอุ่น

the cycle of seasons freezes and thaws these waterways,

วัฏจักรฤดูกาลแช่แข็ง และละลายทางน้ำเหล่านี้

cracking pavement and concrete foundations.

ทำให้เกิดรอยแยกบนถนน และโครงสร้างคอนกรีต

Leaking pipes cause the same reaction in concrete buildings,

ท่อที่แตกทำให้เกิดผลอย่างเดียวกัน กับตึกที่เป็นคอนกรีต

and within 200 winters, most skyscrapers buckle and tumble down.

เมื่อผ่านฤดูหนาวไป 200 ครั้ง ตึกระฟ้าส่วนใหญ่ก็จะโก่งและถล่มลงมา

In cities built in river deltas like Houston,

เมืองที่ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ อย่างเช่น ฮูสตัน

these buildings eventually wash away completely -

ตึกเหล่านี้ก็จะถูกพัดพาไปหมด

filling nearby tributaries with crushed concrete.

แม่น้ำระแวกนั้นก็จะเต็มไปด้วยเศษคอนกรีต

Rural and suburban areas decay more slowly,

บริเวณชนบทและปริมณฑล จะผุพังช้ากว่า

but in largely unsurprising ways.

แต่เป็นไปในรูปแบบที่คาดไม่ถึง

Leaks, mold, bug and rodent infestations -

รา แมลง สัตวร์กัดแทะ

all the usual enemies of the homeowner-

ที่ปกติเป็นศัตรูของเจ้าของบ้าน

now go uncontested.

บัดนี้ไม่มีผู้ใดควบคุมมันแล้ว

Within 75 years, most houses' supporting beams have rotted and sagged,

ภายใน 75 ปี คานของบ้านเรือน ก็จะผุพังร่วงลงมา

and the resulting collapsed heap is now home to local rodents and lizards.

เกิดเป็นกองซากปรักหักพัง ซึ่งเป็นบ้าน ของหนูและสัตว์เลื้อยคลานในท้องถิ่น

But in this post-human world, “local” has a new meaning.

สำหรับโลกยุคหลังมนุษย์นี้ คำว่า "ท้องถิ่น" มีความหมายใหม่

Our cities are full of imported plants,

เมืองของเราเต็มได้ด้วยพืชที่ถูกนำเข้ามา

which now run wild across their adopted homes.

ตอนนี้มันแพร่ไปทุกหนทุกแห่ง อย่างไร้การควบคุม

Water hyacinth coat the waterways of Shanghai in a thick green carpet.

ผักตบชวาจะบดบังผิวน้ำในเซี่ยงไฮ้ เกิดเป็นพรมหนาสีเขียว

Poisonous giant hogweeds overgrow the banks of London’s Thames River.

ฮอกวีดยักษ์ที่มีพิษจะเติบโต เต็มตลิ่งของแม่น้ำเทมส์ในลอนดอน

Chinese Ailanthus trees burst through New York City streets.

ต้นจำพวกยมผาจีนผุดขึ้นไปทั่วถนน ในเมืองนิวยอร์ก

And as sunken skyscrapers add crumbled concrete to the new forest floor,

และในขณะที่ตึกระฟ้าค่อย ๆ ทรุดลง เพิ่มเศษคอนกรีตให้กับผืนป่าใหม่

the soil acidity plummets,

ดินก็จะมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

potentially allowing new plant life to thrive.

เปิดโอกาสให้พืชใหม่งอกขึ้น

This post-human biodiversity extends into the animal kingdom, as well.

ความหลากหลายทางชีวภาพ พบได้ในอาณาจักรสัตว์เช่นกัน

Animals follow the unchecked spread of native and non-native plants,

สัตว์ติดตามการแพร่กระจายของพืชท้องถิ่น และพืชจากแหล่งอื่น

venturing into new habitats with the help of our leftover bridges.

รุดออกไปสู่แหล่งอาศัยใหม่ ด้วยความช่วยเหลือจากสะพานที่เหลืออยู่

In general, our infrastructure saves some animals and dooms others.

โดยทั่วไปแล้ว สาธารณูปโภคของเรา ช่วยให้สัตว์บางชนิด แต่ก็ฆ่าสัตว์บางชนิด

Cockroaches continue to thrive in their native tropical habitats,

แมลงสาบเจริญต่อไป ในแหล่งอาศัยอบอุ่นดั้งเดิมของมัน

but without our heating systems,

แต่เมื่อไม่มีระบบทำความอุ่น

their urban cousins likely freeze and die out in just two winters.

ญาติในเขตเมืองของมันอาจแข็งตายหมด ภายในสองฤดูหนาว

And most domesticated animals are unable to survive without us –

สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เมื่อปราศจากเรา

save for a handful of resourceful pigs, dogs, and feral housecats.

ยกเว้น หมูที่ไม่ค่อยเรื่องมาก สุนัข และแมวบ้านที่ไม่เชื่อง

Conversely, the reduced light pollution saves over a billion birds each year

ในทางกลับกัน มลภาวะทางแสงที่ลดลง ช่วยชีวิตนกนับพันล้านในแต่ละปี

whose migrations were disrupted by blinking communication tower lights

ที่อพยพของมันเคยถูกรบกวน โดยแสงกระพริบจากหอส่งสัญญาณ

and high-tension wires.

และสายไฟแรงสูง

And mosquitos multiply endlessly in one of their favorite manmade nurseries –

ยุงเพิ่มจำนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในแหล่งอนุบาลสุดโปรดของมัน

rubber tires, which last for almost a thousand years.

ยางล้อรถ ซึ่งคงอยู่ได้หลายพันปี

As fauna and flora flourish,

ในขณะที่พืชและสัตว์เจริญเติบโต

Earth’s climate slowly recovers from millennia of human impact.

สภาวะอากาศของโลกก็ค่อย ๆ ฟื้นฟู จากผลกระทบที่มนุษย์ก่อไว้หลายสหัสวรรษ

Within 35,000 years,

ภายใน 35,000 ปี

the plant cycle removes the last traces of lead

วัฏจักรของพืชกำจัดสารตะกั่วสุดท้าย ที่ปนเปื้อนอยู่ในดิน

left by the Industrial Revolution from Earth’s soil,

จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม

and it may take up to 65,000 years beyond that

และอาจใช้เวลามากถึง 65,000 ปี หลังจากนั้น

for CO2 to return pre-human levels.

เพื่อให้คาร์บอนไดออกไซด์ กลับมาอยู่ในระดับเหมือนก่อนยุคที่มีมนุษย์

But even after several million years, humanity’s legacy lives on.

แต่ถึงมันจะผ่านไปสองสามล้านปี มรดกที่มนุษยชาติทิ้งเอาไว้ก็ยังคงอยู่

Carved in unyielding granite,

สลักฝังไว้ในหินอัคนีที่แข็งแกร่ง

America’s Mt. Rushmore survives for 7.2 million years.

ภูเขารัชมอร์ในอเมริกา คงอยู่ได้ประมาณ 7.2 ล้านปี

The chemical composition of our bronze sculptures

องค์ประกอบเคมี จากรูปหล่อทองแดงของเรา

keeps them recognizable for over 10 million.

ทำให้พวกมันยังคงรูปได้ เป็นเวลากว่า 10 ล้านปี

And buried deep underground,

และสิ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน

the remnants of cities built on floodplains

ซากที่เหลืออยู่ของเมือง ที่เคยตั้งอยู่บนที่ราบน้ำท่วมถึง

have been preserved in time as a kind of technofossil.

ก็ถูกเก็บรักษาไว้ราวกับฟอสซิลเทคโนโลยี

Eventually, these traces, too, will be wiped from the planet’s surface.

ท้ายที่สุด เศษซากเหล่านี้ ก็จะถูกขจัดออกไปจากผิวโลก

Humanity hasn’t always been here, and we won’t be here forever.

มนุษยชาติไม่ได้อยู่ที่นี่ได้ตลอดกาล เราเองก็เช่นกัน

But by investigating the world without us,

แต่การที่โลกปราศจากเรา

perhaps we can learn more about the world we live in now.

อาจทำให้เรารู้จัก โลกที่เราอาศัยอยู่ตอนนี้มากขึ้น