3 tips on how to study effectively

Translator: sirprapha pussornmanee Reviewer: Chatthip Chaichakan

During their training,

ในระหว่างการเรียน

medical residents learn countless techniques, surgeries, and procedures

นักศึกษาการแพทย์เรียนรู้ เทคนิค,การผ่าตัดและวิธีรักษา

which they’ll later use to save lives.

ซึ่งจะถูกใช้ช่วยชีวิตผู้คนในภายหลัง

Being able to remember these skills

การที่แพทย์สามารถจดจำทักษะเหล่านี้ได้

can quite literally be a matter of life and death.

สามารถตัดสินความเป็นความตายของผู้ป่วย

With this in mind, a 2006 research study took a class of surgical residents

เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ วิจัยในปี 2006 ใช้กลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาแพทย์

learning to suture arteries and split them into two groups.

ที่จะเรียนรู้การเย็บหลอดเลือดแดง และแบ่งพวกเขาออกเป็นสองกลุ่ม

Each received the same study materials,

แต่ละกลุ่มได้รับเอกสารประกอบการเรียน แบบเดียวกัน

but one group implemented a small change in how they studied them.

แต่กลุ่มหนึ่งมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ในเทคนิคการศึกษาของพวกเขา

And when tested one month later,

และเมื่อทำการทดสอบหนึ่งเดือนต่อมา

this group performed the surgeries significantly better

กลุ่มที่มีเทคนิค ทำการผ่าตัดดีกว่า

than the other residents.

อีกกลุ่มหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ

We’ll discuss the secret to that group’s success,

เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับ ความลับของความสำเร็จของกลุ่มนั้น

along with two other highly effective study techniques

พร้อมกับเทคนิค การศึกษาที่มีประสิทธิภาพสูงอีกสองเทคนิค

which can be applied both in and out of the classroom.

ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้ง ในห้องเรียนและชีวิตประจำวัน

But to understand why these methods work,

แต่เพื่อเข้าใจการทำงานของเทคนิคเหล่านี้

let's first unpack how the brain learns and stores information.

อย่างแรกสุด เรามาดูกันก่อนว่าสมอง เรียนรู้และจัดเก็บข้อมูลอย่างไร

Say you're trying to memorize the anatomy of the heart.

สมมติว่าคุณกำลังพยายามจดจำ กายวิภาคของหัวใจ

When you’re introduced to a new concept,

เมื่อคุณต้องศึกษาเกี่ยวกับความรู้ใหม่

the memory is temporarily encoded in groups of neurons

ความทรงจำจะถูกเก็บชั่วคราว เอาไว้ในในกลุ่มของเซลล์ประสาท

in a brain area called the hippocampus.

ในบริเวณสมองที่เรียกว่าฮิบโปแคมปัส

As you continue to learn about workings of the heart

ในขณะที่คุณยังคงเรียนรู้ เกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ

in class or study its chambers for an exam,

ไม่ว่าจะในชั้นเรียนหรือเพื่อสอบ

you reactivate these same neurons.

คุณจะใช้งานเซลล์ประสาทเหล่านั้นอีกครั้ง

This repeated firing strengthens the connections between the cells,

การทำซ้ำๆนี้ ช่วยเสริมสร้างการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์

stabilizing the memory.

ทำให้ความทรงจำนั้นเสถียรขึ้น

Gradually, the knowledge of heart anatomy is stored long-term,

ความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคหัวใจจะถูกเก็บไว้ ในความทรงจำแบบระยะยาวอย่างช้าๆ

which involves another brain area known as the neocortex.

ซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่สมองอีกส่วน ที่เรียกว่านีโอคอร์เทกซ์

How information is transferred from short-term to long-term storage

วิธีการถ่ายโอนข้อมูล จากการจัดเก็บระยะสั้นไปยังระยะยาวนั้น

is still not completely understood,

ยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างสมบูรณ์นัก

but it’s thought to happen in between study sessions

แต่นักวิจัยคิดว่า มันจะถูกกระตุ้น ระหว่างช่วงการเรียน

and perhaps most crucially during sleep.

และสำคัญที่สุด คือระหว่างการนอนหลับ

Here the new knowledge is integrated with other related concepts you already know,

ในช่วงเวลานั้น ความรู้ใหม่จะผนวกกับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว

such as how to measure heart rate, or the anatomy of other organs.

เช่น วิธีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือกายวิภาคของอวัยวะอื่นๆ

And the process doesn’t end there.

และกระบวนการจำไม่ได้จบลงตรงนั้น

Each time you recall heart anatomy, you reactivate the long-term memory,

เพราะทุกครั้งที่คุณท่องกายวิภาคของหัวใจ คุณจะใช้งานหน่วยความจำระยะยาวอีกครั้ง

which makes it susceptible to change.

ซึ่งทำให้มันไวต่อการเปลี่ยนแปลง

The knowledge can be updated, strengthened,

ความทรงจำระยะยาวสามารถถูกปรับปรุง, จดจำได้แม่นยำขึ้น

and reintegrated with other pieces of information.

และผสมรวมเข้ากับข้อมูลเรื่องอื่น ๆ

This is where our first study technique comes in.

เทคนิคการศึกษาแรกของเรา คือ

Testing yourself with flashcards and quizzes

การทดสอบตัวเองด้วยบัตรแฟลชการ์ด และแบบทดสอบ

forces you to actively retrieve knowledge,

บังคับให้ตัวเองดึงความรู้ออกมา

which updates and strengthens the memory.

ซึ่งจะไปอัปเดตและจดจำความรู้นั้นแม่นยำขึ้น

Students often prefer other study methods,

นักเรียนมักจะชอบวิธีการอื่นมากกว่า

like rereading textbooks and highlighting notes.

เช่น การอ่านหนังสือซ้ำๆ หรือการเน้นข้อความที่บันทึกไว้

But these practices can generate a false sense of competence,

แต่การทำแบบนั้นทำให้เกิด การสร้างความสามารถที่ผิดไป

since the information is right in front of you.

เพราะข้อมูลอยู่ตรงหน้าคุณ

Testing yourself, however,

ตรงกันข้าม การทดสอบตัวเอง

allows you to more accurately gauge what you actually know.

ช่วยให้คุณวัดผลได้ดีกว่า ว่าคุณรู้และจดจำอะไรได้บ้าง

But what if, while doing this, you can’t remember the answers?

แต่ถ้าในขณะที่ทำเช่นนี้ คุณจำคำตอบไม่ได้ล่ะ?

Not to worry—

ไม่ต้องกังวล -

making mistakes can actually improve learning in the long term.

การทำผิดพลาดช่วยในการปรับปรุง การเรียนรู้ในระยะยาวได้

It’s theorized that as you rack your brain for the answer,

มีทฤษฎีว่า เมื่อคุณเค้นสมองเพื่อหาคำตอบ

you activate relevant pieces of knowledge.

เซลล์ประสาทจะค้นหาความรู้ที่เกี่ยวข้อง

Then, when the correct answer is later revealed,

จากนั้นเมื่อคำตอบที่ถูกต้อง ถูกเปิดเผยภายหลัง

the brain can better integrate this information with what you already know.

สมองจะสามารถรวม มันเข้ากับสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้วได้ดีขึ้น

Our second technique builds on the first.

เทคนิคที่สองของเราต่อยอดมาจากเทคนิคแรก

When using flashcards to study, it's best to mix the deck with multiple subjects.

เมื่อใช้บัตรแฟลชการ์ด การผสมกันหลายๆ วิชาเป็นวิธีที่ดีที่สุด

Interleaving, or mixing the concepts you focus on in a single session,

การผสมผสานแนวคิดต่างๆ ที่คุณมุ่งเน้น ในการทดสอบตัวเองเพียงครั้งเดียว

can lead to better retention than practicing a single skill

สามารถนำไปสู่การเก็บรักษาความทรงจำที่ดี

or topic at a time.

กว่าการทำหัวข้อเดียวในแต่ละครั้ง

One hypothesis of why this works is that, similar to testing,

สมมติฐานหนึ่งที่ว่าทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล ก็คือ มันคล้ายกับการทดสอบ

cycling through different subjects forces your brain to temporarily forget,

ในแง่ที่ว่า การวนหาคำตอบจากหลายวิชา บังคับสมองของคุณให้ลืมชั่วคราว

then retrieve information, further strengthening the memory.

จากนั้นก็ดึงข้อมูลออกมา ซึ่งทำให้ความจำของคุณดีขึ้นอีก

You may also find connections across the topics,

นอกจากนี้ คุณอาจพบการเชื่อมต่อในหัวข้อต่างๆ

and better understand their differences.

และเข้าใจความแตกต่างระหว่างหัวข้อได้ดีขึ้น

Now that you know how and what to study, our final technique concerns when.

ตอนนี้คุณรู้วิธีการและสิ่งที่จะศึกษาแล้ว เทคนิคสุดท้าย คือ

Spacing your review across multiple days

การเว้นระยะห่างการทวนเนื้อหาหลายวัน

allows for rest and sleep between sessions.

ให้มีการพักผ่อนและนอนหลับ ระหว่างแต่ละช่วงของการเรียนรู้

While “offline,” the brain is actively at work,

ในขณะที่ “ออฟไลน์” สมองกำลังทำงานอย่างแข็งขัน

storing and integrating knowledge in the neocortex.

ในการจัดเก็บและบูรณาการความรู้ ในนีโอคอร์เทกซ์

So while cramming the night before the exam may seem logical—

ดังนั้น ในขณะที่การยัดทุกอย่างในคืนก่อนสอบ อาจดูสมเหตุสมผล

after all, won’t the material be fresh in your mind?—

ยังไงซะ ความรู้เหล่านั้น ก็จะยังสดใหม่ในหัวไม่ใช่หรือ ?

the information won’t stick around for the long term.

ไม่ล่ะ เพราะความทรงจำนั้น จะไม่อยู่ในระยะยาว

This brings us back to our medical residents.

กลับไปหากลุ่มนักศึกษาแพทย์ของเรา

Both groups studied the surgery for the same amount of time.

ทั้งสองกลุ่มศึกษาการผ่าตัด เป็นเวลาเท่ากัน

Yet one group’s training was crammed in a single day,

แต่การฝึกอบรมของกลุ่มหนึ่ง เป็นการอัดแน่นในหนึ่งวัน

while the other more successful group’s training was spread over four weeks.

ในขณะที่กลุ่มที่ประสบความสำเร็จมากกว่า กระจายการฝึกไปทั่วสี่สัปดาห์

The reason all three of these study techniques work

เหตุผลที่ทั้งสามเทคนิคการศึกษา เหล่านี้ใช้ได้ผล

is because they’re designed with the brain in mind.

เพราะเป็นเทคนิคที่ได้รับการออกแบบ โดยคำนึงถึงการทำงานของสมอง

They complement and reinforce the incredible way the brain works,

เป็นเทคนิคที่เข้ากันและเสริมพลังให้กับ วิธีการทำงานที่น่าทึ่งของสมอง

sorting through and storing the abundance of information

ในการเรียงลำดับและจัดเก็บข้อมูลมากมาย

it’s fed day after day.

ที่ถูกป้อนเข้าไปยังสมองวันแล้ววันเล่า