The beautiful future of solar power | Marjan van Aubel

Translator: Chawankorn Kasinobhas Reviewer: Varut Wiseschinda

Last summer, I was hiking through the Austrian mountains.

ฤดูร้อนที่แล้ว ฉันไปขี้นเขาที่ออสเตรียมาค่ะ

And there, on top, I saw this beautiful, stone, remote hut,

บนนั้น ฉันเห็นกระท่อมหินสวยๆหลังนี้

and it had solar panels on it.

ที่มีแผงพลังงานแสงอาทิตย์ติดอยู่

And every time I see solar panels, I get very enthusiastic.

ทุกครั้งที่ฉันเห็นแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ฉันจะตื่นเต้นมาก

It's this technology that takes sunlight, which is free and available,

มันเป็นเทคโนโลยีที่นำแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่หาได้ฟรี

and turns that into electricity.

นำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า

So this hut, in the middle of nowhere, on a beautiful location,

เพราะงั้น กระท่อมหลังนี้ที่อยู่ท่ามกลาง ที่ไร้ซึ้งผู้คน บนภูเขาสวยๆลูกนี้

was self-sufficient.

จึงสามารถอยู่ได้ ด้วยตัวมันเอง

But why do solar panels always have to be so ugly?

แต่ทำไมแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ถึงมักจะมีหน้าตาน่าเกลียดนะ?

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

My name is Marjan Van Aubel and I'm a solar designer.

ดิฉัน มาเรียน แวน อาวเบล เป็นนักออกแบบแผงพลังงานแสงอาทิตย์ค่ะ

I work in the triangle of design, sustainability and technology.

ฉันต้องทำให้ การออกแบบ,ความยั่งยืน และ เทคโนโลยีมีความสมดุลกัน

I strive for extreme efficiency,

ฉันต้องทำให้งานมีประสิทธิภาพดีที่สุด

meaning that I develop materials that expand in size

กล่าวคือ ฉันต้องสร้างสิ่งของที่มีขนาดใหญ่

or work with solar cells that use the properties of colors

หรือต้องทำงานกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้ คุณสมบัติของสี

to generate electricity.

มาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า

My work is in museums all over the world, such as MoMA.

งานของฉันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลกค่ะ เช่น MoMA

And, I mean, it all went quite well,

คือมันก็ดีนะคะ

but it always felt that something was missing.

แต่ฉันก็รู้สึกว่ามีอะไรที่ขาดหายไปตลอด

And it was, until I read the book called the "Solar Revolution,"

จนกระทั่งฉันมาอ่านหนังสือที่ชื่อ "การปฏิวัติพลังงานแสงอาทิตย์"

where it says that within one hour we receive enough sunlight

หนังสือเล่มนี้บอกว่า แค่ในหนึ่งชั่วโมง เราได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพียงพอ

to provide the world with enough electricity

ที่จะผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ทั้งโลกอยู่ได้

for an entire year.

ทั้งปี

One hour.

แค่หนึ่งชั่วโมง

And since then, I realized I just want to focus on solar.

และตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ตระหนักว่าฉันจะ โฟกัสที่พลังงานแสงอาทิตย์นี่ล่ะ

Scientists all over the world

นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

have been focusing on making solar panels more efficient and cheaper.

พยายามที่จะสนใจไปที่ทำยังไงให้ แผงพลังงานแสงอาทิตย์มันราคาถูก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

So the price of solar has dropped enormously.

ด้วยเหตุนี้ ราคาของแผงพลังงาน แสงอาทิตย์จึงถูกลงมาก

And this is because China started producing them on a large scale.

และด้วยเพราะประเทศจีน เริ่มหันมาผลิตอย่างจริงจังในปริมาณมาก

And also their efficiency has increased a lot.

จึงทำให้ประสิทธิภาพของมัน เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย

They now even have an efficiency of 44.5 percent.

ตอนนี้ประสิทธิภาพอยู่ที่ 44.5% ค่ะ

But if you think about the image of solar cells,

แต่ถ้าเรามองภาพลักษณ์ของ แผงพลังงานแสงอาทิตย์

it's kind of stayed the same for the last 60 years.

มันก็เป็นภาพเดิมๆมา 60 ปีแล้ว

It's still this technology just stacked onto something.

ยังคงเป็นเทคโนโลยีสักอย่างที่แค่เอามา วางไว้บนอะไรสักอย่าง

And solar cells need to be much better integrated into our environment.

แผงพลังงานแสงอาทิตย์ควรจะหลอมรวมกับ สภาพแวดล้อมของพวกเราให้ดีกว่านี้ค่ะ

Climate change is the biggest problem of our time.

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นปัญหาใหญ่ของยุคในเวลานี้

And we can't rely on the others -- the government, the engineers --

และเราจะไปเชื่อใจคนอื่น รัฐบาล หรือ วิศวกร

to make positive changes.

ให้มาเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นไม่ได้

We all can contribute towards change.

เราทุกคนต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงค่ะ

Like I said, I'm a designer

อย่างที่บอกแหละค่ะ ฉันเป็นนักออกแบบ

and I would like to change things through design.

ฉันเลยอยากจะเปลี่ยนมันผ่านการออกแบบ

Let me give you some examples of my work.

ขอยกตัวอย่างงานของฉันให้ดูนะคะ

I'm collaborating with Swarovski, the crystal company.

ฉันทำงานกับ สวารอฟสกี้ บริษัทคริสตัล

And if you cut crystals in a certain way,

คือถ้าคุณตัดคริสตัลให้ถูกวิธี

you are able to bend and direct the light onto a certain place.

คุณจะสามารถหักเหทิศทางของแสง ไปในจุดที่ต้องการได้

So I use these crystals to focus the light onto a solar panel,

ฉันก็เลยใช้คริสตัลพวกนี้เพื่อทำให้มัน หักเหแสงไปที่แผงพลังงานแสงอาทิตย์

making them more efficient, but using aesthetics.

ทำให้มันมีประสิทธิภาพขึ้น โดยใช้ศิลปะเข้ามาช่วย

So you take the solar crystal with you in the light,

เช่นถ้าคุณนำคริสตัลพลังงานแสงอาทิตย์นี้ เข้าไปในแสง

there's a battery in the solar cell,

แผงเหล่านี้จะมีแบตเตอรี่อยู่ข้างใน

you put it in a docking station

คุณวางมันไว้ที่แท่นเสียบ

and you are able to power these chandeliers.

คุณก็จะสามารถผลิตไฟฟ้าให้โคมแขวนได้

So you're literally bringing the light indoors.

กล่าวคือคุณสามารถนำแสงอาทิตย์มาในบ้านได้

I got completely hooked on solar when I came across this technology

ฉันถูกใจเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์เข้าอย่างจัง พอมาเจอเทคโนโลยีตัวนี้

called dye-sensitized solar cells,

ที่มีชื่อว่า "เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดสีย้อมไวแสง"

colored solar cells,

"เซลล์แสงอาทิตย์สี"

and they are based on photosynthesis in plants.

ซึ่งอิงมาจากระบบสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช

Where the green chlorophyl converts light into sugar for plants,

หากคลอโรฟิลล์สีเขียวเปลี่ยนแสง เป็นน้ำตาลในพืช

these cells convert light into electricity.

แผงเซลล์เหล่านี้ก็เปลี่ยนแสง ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า

The best thing is, they even work indoors.

ความเจ๋งของเทคโนโลยีนี้คือ มันสามารถทำงานในร่มได้ด้วย

So different colors have different efficiency,

แต่ละสีจะมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน

depending on their place on the color spectrum.

ขึ้นอยู่กับสถานที่และสเปกตรัมของสี

So, for example, red is more efficient than blue.

ยกตัวอย่างนะคะ สีแดงจะมีประสิทธิภาพดีกว่าสีฟ้า

So if I hear this as a designer:

ถ้านักออกแบบมาได้ยิน

a colored surface, a glass colored surface,

พื้นผิวสี, พื้นแก้วสี

color that's mostly just used for esthetics,

สีที่ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้เพื่อแค่ความสวยงาม

now gets an extra function and is able to harvest electricity,

ตอนนี้ทำอะไรได้มากขึ้นแล้ว มันช่วยผลิตพลังงานไฟฟ้า

I think, where can we apply this, then?

ฉันก็คิดว่า แล้วจะเอาอันนี้ไปประยุกต์ใช้ที่ไหนดี?

This is Current Table,

นี่เป็นโต๊ะกระแสไฟฟ้าค่ะ

where the whole tabletop consists of these colored solar cells.

หน้าผิวโต๊ะจะประกอบไปด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สี

There are batteries in the legs

มีแบตเตอรี่เกาะอยู่ที่ขาโต๊ะ

where you can charge your phone through USB ports.

ซึ่งคุณสามารถชาร์จโทรศัพท์ ผ่านช่องยูเอสบีได้

And in my work, it's always very important,

สำหรับงานของฉันมันสำคัญมากๆที่จะ

the balance between efficiency and aesthetics.

ต้องรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ และความสวยงาม

So that's why the table is orange,

ดังนั้นโต๊ะตัวนี้เลยเป็นสีส้ม

because it is a very stable color for indoors.

เพราะสีส้มเป็นสีที่เหมาะสมสำหรับในร่ม

And this is always the most asked question I get:

และคนส่วนใหญ่มักจะถามฉันว่า

"OK, great, but how many phones can I charge from this, then?"

"เออ มันก็ดูดีนะ ว่าแต่มันชาร์จโทรศัพท์ได้กี่เครื่องเหรอ?"

And before I go to this complicated answer of like,

และก่อนที่ฉันจะตอบให้มันยากๆแบบ

"Well, where is the table, does it have enough light,

"อ๋อ ก็ตอนที่โต๊ะนี่มันรับแสงพอน่ะค่ะ"

is it next to a window?"

หรือ "โต๊ะมันตั้งอยู่ ข้างๆหน้าต่างรึเปล่าคะ?"

The table now has sensors that read the light intensity of the room.

โต๊ะมันมีเซนเซอร์ตรวจจับ ความเข้มข้นของแสงในห้องๆนั้น

So through an app we developed

เราจึงมีแอปพลิเคชัน

you can literally follow how much light it's getting,

คุณจะรู้เลยว่ามันได้รับแสงเท่าไหร่

and how full the battery is.

และแบตเตอรี่มีเท่าไหร่

I'm actually proud, because yesterday we installed a table

ฉันภูมิใจมากๆ เพราะเมื่อวานฉันติดตั้งโต๊ะตัวนี้

at Stichting Doen's offices in Amsterdam

ที่สำนักงาน Stichting Doen ในเมืองอัมสเตอร์ดัม

and, right at this moment,

และในขณะนี้ ตอนนี้

our Queen Maxima is charging a phone from this table.

ราชินีแมกซิม่าก็กำลัง ชาร์จโทรศัพท์จากโต๊ะตัวนี้อยู่

It's cool.

เจ๋งสุดๆเนอะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So the more surface you have, the more energy you can harvest.

ยิ่งเรามีพื้นผิวมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นเท่านั้น

These are Current Windows,

นี่เป็นหน้าต่างกระแสไฟฟ้าค่ะ

where we replaced all windows in a gallery in London, in Soho,

เราเปลี่ยนหน้าต่างทุกบาน ในแกเลอรี่ที่ลอนดอน, โซโฮ

with this modern version of stained glass.

ให้เป็นกระจกสีสุดทันสมัยนี้

So people from the street could come and charge their phones

ผู้คนตามท้องถนนสามารถเข้ามาชาร์จโทรศัพท์

through the window ledges.

ที่ขอบหน้าต่างได้

So I'm giving extra functions to objects.

ฉันกำลังมอบฟังก์ชั่นให้กับสิ่งของ

A window doesn't have to be just a window anymore.

หน้าต่างจะไม่ได้เป็นแค่ หน้าต่างธรรมดาๆอีกต่อไป

It can also function as a little power station.

มันสามารถเป็นสถานีพลังงานขนาดย่อมได้

So, here I am, talking about how much I love solar,

ตอนนี้ ฉันกำลังคุยว่าฉันรักพลังงาน แสงอาทิตย์มากแค่ไหน

but I don't have solar panels on my roof.

แต่ฉันก็ไม่มีแผงพลังงานแสงอาทิตย์ติดอยู่ หลังคาบ้านฉันหรอกนะคะ

I live in the center of Amsterdam,

ฉันอยู่ใจกลางแอมสเตอร์ดัม

I don't own the house and it's a monument,

ฉันไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง แถมมันเป็นสถานที่สงวน

so it's not possible and not allowed.

ดังนั้นจึงเอาไปติดไม่ได้

So how can you make solar cells more accessible and for everyone,

แล้วแบบนี้จะทำยังไงให้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ เข้าถึงได้กับทุกคนล่ะ?

and not only for the people that can afford a sustainable lifestyle?

ไม่ใช่แค่กับคนที่มีเงินพอที่จะจ่าย เพราะอยากได้รูปแบบการใช้ชีวิตที่ยั่งยืนนะคะ

We now have the opportunity

ตอนนี้พวกเรามีโอกาส

to integrate solar on the place where we directly need it.

ที่จะหลอมรวมพลังงานแสงอาทิตย์ กับสถานที่ๆต้องการมันจริงๆ

And there are so many amazing technologies out there.

และมันมีเทคโนโลยีอีกหลายอย่างมากๆ

If I look around now, I see every surface as an opportunity.

ถ้าฉันหันไปรอบๆตอนนี้ ทุกพื้นผิวที่ฉันเห็น นั่นคือโอกาส

For example, I was driving in the train through the Westland,

ตัวอย่างเช่น เวลาฉันนั่งไปแถวชนบท

the area in the Netherlands with all the greenhouses.

มันมีพื้นที่ตรงนึงในเนเธอร์แลนด์ ที่มีบ้านเรือนกระจกเต็มไปหมด

There I saw all this glass and thought,

พอฉันเห็นกระจกนี่ฉันก็คิดเลยนะ

what if we integrate those with transparent solar glass?

ถ้าเราเอากระจกพลังงานแสงอาทิตย์ โปร่งใสไปติดล่ะ?

What if we integrate traditional farming

ถ้าเราหลอมรวมกับ การทำฟาร์มที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

that requires a lot of energy

ซึ่งกำลังต้องการพลังงานจำนวนมาก

together with high-tech and combine those?

ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยล่ะ?

With this idea in mind, I created Power Plant.

พอคิดได้แบบนี้ฉันก็สร้างโรงไฟฟ้า

I had a team of architects and engineers,

ฉันมีทีมงานสถาปนิก วิศวกร

but let me first explain how it works.

แต่ก่อนอื่นขออธิบายการทำงานของมันก่อนนะคะ

We use transparent solar glass

เราใช้กระจกพลังงานแสงอาทิตย์โปร่งใส

to power its indoor climate.

เพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า ให้บ้านเรือนกระจกนำไปใช้

We use hydroponics that pumps around nutrified water,

เราใช้ไฮโดรโปนิกส์ซึ่งใช้น้ำที่อุดมไปด้วย ธาตุอาหารเลี้ยงพืช

saving 90 percent of water usage.

และมันประหยัดน้ำไปได้ถึง 90%

By stacking up in layers, you are able to grow more yield per square meter.

พอเอามันมาซ้อนกันเป็นฉันๆ จะทำให้เราใช้พื้นที่ต่อตารางเมตรได้คุ้มค่า

Extra light, besides sunlight, coming from these colored LED lights

นอกเหนือจากแสงอาทิตย์ เรายังใช้ไฟจากหลอดไฟแอลอีดีเข้ามาช่วย

also enhances plant growth.

ซึ่งทำให้พืชเติบโตได้ มีคุณภาพมากขึ้น

As more and more people will live in big cities,

ยิ่งคนเริ่มมาอาศัยในเมืองกันมากขึ้น

by placing Power Plants on the rooftops

พอเรานำเครื่องผลิตไฟฟ้าเหล่านี้ มาติดไว้บนหลังคา

you don't have to fly it in from the other side of the world,

เราก็ไม่ต้องไปนำเข้าพลังงานจาก อีกซีกโลกแล้ว

you are able to grow it on the location itself.

เราสามารถสร้างได้จากที่อยู่ของเราเอง

Well, the big dream is to build these in off-grid places --

เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเราคือ การสร้างสิ่งนี้ในถิ่นถุรกันดาร

where there's no access to water, electricity --

ที่น้ำและไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

as an independent ecosystem.

ทำให้มันทำงานได้ด้วยตัวมันเอง

For this year's Design Biennial,

นี้งานดีไซน์ไบแอนเนียลปีนี้

I created the first four-meter high model of the power plant,

ฉันได้สร้างโมเดล เครื่องผลิตไฟฟ้าสูง 4 เมตร

so you could come in and experience how plants grow.

คุณสามารถเข้ามาดูว่าพืชเติบโตได้ยังไง

So it's a double harvest of sunlight,

มันจะเป็นการนำแสงอาทิตย์ มาใช้ประโยชน์สองทาง

so both for the solar cells and for the plants.

ให้ทั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และตัวพืช

It's like a future botanical garden,

มันเหมือนสวนพฤกษศาสตร์ในยุคอนาคต

where we celebrate all these modern technologies.

ที่เราฉลองการมีอยู่ของเทคโนโลยี ล้ำสมัยเหล่านี้

And the biggest compliment I got was, "But where are the solar panels?"

แล้วคำชมที่สุดยอดที่ฉันได้รับคือ "อ้าว แล้วแผงพลังงานแสงอาทิตย์ไปไหนล่ะ?"

And that's when I think design really works,

นั่นทำให้ฉันฉุกคิดว่า การออกแบบของฉันมันได้ผลจริงๆ

when it becomes invisible and you don't notice it.

เพราะผู้คนมองไม่เห็นมัน และไม่ได้เอะใจเลยด้วย

I believe in solar democracy:

ฉันเชื่อในความคิดที่พลังงานแสงอาทิตย์

solar energy for everyone, everywhere.

เป็นของทุกๆคน ทุกๆแห่ง

My aim is to make all surfaces productive.

เป้าหมายของฉันคือการทำให้พื้นผิว ทั้งหมดนี้สร้างประโยชน์ได้

I want to build houses where all the windows, curtains, walls,

ฉันอยากจะสร้างบ้านที่ ทุกหน้าต่าง ผ้าม่าน กำแพง

even floors are harvesting electricity.

รึแม้กระทั่งพื้นบ้าน สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้

Think about this on a big scale:

ลองคิดเรื่องนี้เป็นภาพใหญ่นะคะ

in cities, there are so many surfaces.

ในเมือง เมืองซึ่งมีพื้นผิวอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด

The sun is still available for everyone.

พระอาทิตย์ก็ยังมีให้ทุกคนใช้ประโยชน์ได้

And by integrating solar on the place where we need it,

และยิ่งมาประสานกับแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดไว้ในจุดที่ต้องการจริงๆ

we now have the opportunity to make solar cells accessible for everyone.

เราก็จะสร้างโอกาสที่ทำให้ทุกๆคนเข้าถึง แผงพลังงานแสงอาทิตย์ได้

I want to bring solar close to the people with you,

ฉันอยากนำแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เข้าใกล้พวกคุณให้มากกว่านี้

but beautiful and well designed.

แต่ด้วยสภาพที่สวยงามและ ถูกออกแบบมาอย่างดีแล้ว

Thank you.

ขอบคุณค่ะ