Greg Stone: Saving the ocean one island at a time

Translator: Wanvipa Phanumat Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

I guess the story actually has to start

ผมคิดว่าเรื่องราวได้เริ่มขึ้น

maybe back in the the 1960s,

อาจจะย้อนกลับไปในช่วง 1960

when I was seven or eight years old,

ตอนผมอายุเจ็ดหรือแปดขวบเห็นจะได้

watching Jacques Cousteau documentaries on the living room floor

นั่งดูสารคดีของ ชาร์ค คุสโต (Jacques Cousteau) บนพื้นห้องรับแขก

with my mask and flippers on.

โดยใส่หน้ากากและตีนกบไปด้วย

Then after every episode, I had to go up to the bathtub

และหลังจากจบแต่ละตอน ผมก็จะลุดไปที่อ่างอาบน้ำ

and swim around the bathtub and look at the drain,

แล้วว่ายไปรอบๆอ่างและมองที่รูระบายน้ำ

because that's all there was to look at.

เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่มีให้มอง

And by the time I turned 16,

และเมื่อผมอายุได้ 16

I pursued a career in marine science,

ผมก็เริ่มอาชีพในสายวิทยาศาสตร์ทางทะเล

in exploration and diving,

เกี่ยวกับการสำรวจและดำน้ำ

and lived in underwater habitats, like this one off the Florida Keys,

และใช้ชีวิตอยู่ในที่พักใต้น้ำ เหมือนกับสิ่งนี้ นอกชายฝั่งฟลอริด้า คียส์ (Florida Keys)

for 30 days total.

เป็นเวลาทั้งหมด 30 วัน

Brian Skerry took this shot. Thanks, Brian.

ไบรอัน สเคอร์รี่ (Brian Skerry) ถ่ายรูปนี้ ขอบคุณมาก ไบรอัน

And I've dived in deep-sea submersibles around the world.

และผมได้ดำน้ำไปกับเรือดำน้ำลึกต่างๆรอบโลก

And this one is the deepest diving submarine in the world,

แล้วลำนี้คือเรือดำน้ำที่ดำได้ลึกที่สุดในโลกลำหนึ่ง

operated by the Japanese government.

ดำเนินการโดยรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น

And Sylvia Earle and I

ซิลเวีย เอิร์ล (Sylvia Earle) และ ผม

were on an expedition in this submarine

อยู่ในคณะเดินทางของเรือดำน้ำลำนี้

20 years ago in Japan.

เมื่อ 20 ปีที่แล้วในประเทศญี่ปุ่น

And on my dive, I went down 18,000 feet,

และในการดำน้ำของผม ผมดำลงไป 18,000 ฟุต

to an area that I thought

ลงไปยังบริเวณที่ผมคิดว่า

would be pristine wilderness area on the sea floor.

จะเป็นที่รกร้างว่างเปล่าที่บริสุทธิ์ใต้พื้นทะเล

But when I got there, I found

แต่เมื่อผมลงไปถึงที่นั่น ผมได้พบ

lots of plastic garbage and other debris.

ขยะพลาสติกและซากอื่นๆมากมาย

And it was really a turning point in my life,

มันเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมจริงๆ

where I started to realize

ผมได้เริ่มตระหนัก

that I couldn't just go have fun doing science and exploration.

ว่าผมไม่สามารถแค่สนุกสนาน กับวิทยาศาสตร์และการสำรวจได้

I needed to put it into a context.

ผมต้องประยุกต์มันเข้ากับบริบท

I needed to head towards conservation goals.

ผมต้องมุ่งไปที่เป้าหมายของการอนุรักษ์

So I began to work

ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นทำงาน

with National Geographic Society and others

กับ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค โซไซตี้ (National Geographic Society) และ ที่อื่นๆ

and led expeditions to Antarctica.

และนำการเดินทางไปยังทวีปแอนตาร์คติกา

I led three diving expeditions to Antarctica.

ผมได้นำการเดินทางไปดำน้ำสามครั้ง ที่แอนตาร์คติกา

Ten years ago was a seminal trip,

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นการเดินทางต้นแบบ

where we explored that big iceberg, B-15,

ซึ่งเราไปสำรวจภูเขาน้ำแข็งใหญ่นั้น ชื่อ B-15

the largest iceberg in history, that broke off the Ross Ice Shelf.

ซึ่งเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่แยกแตกออกมาจากธารน้ำแข็งรอส (Ross)

And we developed techniques

แล้วเราก็ได้พัฒนาเทคนิค

to dive inside and under the iceberg,

สำหรับการดำน้ำในและใต้ภูเขาน้ำแข็ง

such as heating pads on our kidneys

เช่น แผ่นให้ความร้อนบนไตของเรา

with a battery that we dragged around,

ซึ่งมีแบตเตอรี่ที่เราต้องลากไปด้วย

so that, as the blood flowed through our kidneys,

เพื่อที่เวลาเลือดไหลเวียนผ่านไตของเรา

it would get a little boost of warmth

มันจะได้รับความอบอุ่นเล็กน้อย

before going back into our bodies.

ก่อนที่จะไหลเวียนกลับเข้าสู่ร่างกายของเรา

But after three trips to Antarctica,

แต่หลังจากการเดินทางสามครั้งไปแอนตาร์คติกา

I decided that it might be nicer to work in warmer water.

ผมก็ตัดสินใจว่าน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะทำงานในน่านน้ำที่อุ่นขึ้น

And that same year, 10 years ago,

และในปีเดียวกันนั้น เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

I headed north to the Phoenix Islands.

ผมมุ่งหน้าทางเหนือไปยังหมู่เกาะฟีนิกซ์ (Phoenix Islands)

And I'm going to tell you that story here in a moment.

และผมกำลังจะเล่าเรื่องราวนี้ให้คุณฟังในอีกอึดใจ

But before I do, I just want you to ponder this graph for a moment.

แต่ก่อนที่ผมจะเล่า ผมอยากให้คุณครุ่นคิดเกี่ยวกับกราฟนี้ซักครู่

You may have seen this in other forms,

คุณอาจจะเคยเห็นมันในรูปแบบอื่น

but the top line is the amount of protected area

แต่เส้นด้านบนคือจำนวนของพื้นที่อนุรักษ์

on land, globally,

บนพื้นดินทั่วโลก

and it's about 12 percent.

คิดเป็นประมาณ 12 เปอร์เซนต์

And you can see that it kind of hockey sticks up

คุณจะเห็นได้ว่ามันเป็นเหมือนไม้ฮอกกี้ชี้ขึ้น

around the 1960s and '70s,

ในช่วงปี 1960 และ 1970

and it's on kind of a nice trajectory right now.

และมันอยู่ในช่วงเส้นโค้งที่สวยงามตอนนี้

And that's probably because

อาจจะเป็นเพราะว่า

that's when everybody got aware of the environment

มันเป็นช่วงที่ทุกคนตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม

and Earth Day

และ วันสิ่งแวดล้อมโลก (Earth Day)

and all the stuff that happened in the '60s with the Hippies and everything

และสิ่งอื่นๆที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 กับชาวฮิปปี้ และอื่นๆ

really did, I think, have an affect on global awareness.

ผมคิดว่า มันมีผลจริงๆต่อความตระหนักถึงของผู้คนทั่วโลก

But the ocean-protected area

แต่บริเวณอนุรักษ์ทางทะเล

is basically flat line

นั้นเป็นเส้นแบนเรียบ

until right about now -- it appears to be ticking up.

จนกระทั่งตอนนี้ -- มันดูเหมือนจะเริ่มกระเตื้องขึ้น

And I do believe that we are at the hockey stick point

และผมเชื่อว่าเราอยู่ในจุดเริ่มของไม้ฮอกกี้ชี้ขึ้น

of the protected area in the ocean.

สำหรับพื้นที่อนุรักษ์ในมหาสมุทร

I think we would have gotten there a lot earlier

ผมคิดว่าเราน่าจะไปถึงจุดนั้นเร็วกว่านี้

if we could see what happens in the ocean

ถ้าเราสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรได้

like we can see what happens on land.

เหมือนกับที่เราสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้นดิน

But unfortunately, the ocean is opaque,

แต่โชคร้ายที่มหาสมุทรนั้นมืดแสง

and we can't see what's going on.

และเราไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้

And therefore we're way behind on protection.

ดังนั้นเราจึงล้าหลังในเรื่องการปกปักษ์รักษา

But scuba diving, submersibles

แต่การดำน้ำลึก ความสามารถในการจมลงไป

and all the work that we're setting about to do here

และงานอื่นๆทั้งหมดที่เราตั้งมั่นจะทำที่นี่

will help rectify that.

จะช่วยไขความกระจ่างได้

So where are the Phoenix Islands?

เอาล่ะ หมู่เกาะฟีนิกซ์อยู่ตรงไหน?

They were the world's largest marine-protected area

มันเคยเป็นบริเวณเขตอนุรักษ์ทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

up until last week

จนกระทั่งถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

when the Chagos Archipelago was declared.

เมื่อหมู่เกาะชาโกส (Chagos Archipelago) ถูกประกาศ

It's in the mid-Pacific. It's about five days from anywhere.

มันตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิค ห่างออกไปห้าวันจากทุกที่

If you want to get to the Phoenix Islands,

ถ้าคุณอยากไปหมู่เกาะฟีนิกซ์

it's five days from Fiji,

ต้องใช้เวลาห้าวันจากฟิจิ

it's five days from Hawaii, it's five days from Samoa.

ห้าวันจากฮาวาย และห้าวันจากซามัว

It's out in the middle of the Pacific,

มันตั้งอยู่ห่างออกไปใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิค

right around the Equator.

ใกล้ๆเส้นศูนย์สูตร

I had never heard of the islands 10 years ago,

ผมไม่เคยได้ยินชื่อหมู่เกาะนี้เลยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

nor the country, Kiribati, that owns them,

ไม่เคยได้ยินชื่อประเทศคิริบาติที่ปกครองเกาะนี้ด้วยเช่นกัน

till two friends of mine who run a liveaboard dive boat in Fiji

จนกระทั่งเพื่อนของผมสองคนซึ่งดำเนินการเรือดำน้ำแบบกินอยู่ที่ฟิจิ

said, "Greg, would you lead a scientific expedition up to these islands?

พูดว่า "เกรก คุณจะนำทางการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ที่หมู่เกาะเหล่านี้ไหม?

They've never been dived."

ไม่เคยมีการดำน้ำที่นี่มาก่อนเลย"

And I said, "Yeah.

แล้วผมก็ตอบว่า "ได้ซิ

But tell me where they are and the country that owns them."

แต่บอกผมหน่อยว่ามันตั้งอยู่ที่ไหนและประเทศใดปกครองเกาะเหล่านี้"

So that's when I first learned of the Islands

นั้นเลยทำให้ผมได้รู้จักหมู่เกาะนี้

and had no idea what I was getting into.

และไม่รู้เลยว่าผมกำลังเข้าไปเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง

But I was in for the adventure.

แต่ผมตอบตกลงสำหรับการผจญภัย

Let me give you a little peek here of the Phoenix Islands-protected area.

ผมจะแสดงให้คุณเห็นถึงเขตพื้นที่อนุรักษ์หมู่เกาะฟีนิกซ์เล็กน้อย

It's a very deep-water part of our planet.

มันเป็นส่วนของโลกที่น้ำลึกมาก

The average depths are about 12,000 ft.

ความลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 12,000 ฟุต

There's lots of seamounts in the Phoenix Islands,

มีภูเขาใต้ทะเลจำนวนมากในบริเวณหมู่เกาะฟีนิกซ์

which are specifically part of the protected area.

ซึ่งเป็นส่วนพิเศษของเขตพื้นที่อนุรักษ์นี้

Seamounts are important for biodiversity.

ภูเขาใต้ทะเลนี้สำคัญมากสำหรับความหลากหลายทางชีวภาพ

There's actually more mountains in the ocean than there are on land.

จริงๆแล้วมีภูเขาในมหาสมุทรอยู่มากกว่าบนบกซะอีก

It's an interesting fact.

นี่เป็นข้อมูลที่น่าสนใจ

And the Phoenix Islands is very rich in those seamounts.

และหมู่เกาะฟีนิกซ์นั้นอุดมไปด้วยภูเขาใต้ทะเลมากมาย

So it's a deep -- think about it in a big three-dimensional space,

ดังนั้นมันจึงลึก -- คิดภาพในลักษณะพื้นที่สามมิติขนาดใหญ่

very deep three-dimensional space

พื้นที่สามมิติที่ลึกมากๆ

with herds of tuna, whales,

เต็มไปด้วยฝูงปลาทูน่า ปลาวาฬ

all kinds of deep sea marine life

และชีวิตสัตว์ทะเลลึกอื่นๆทุกประเภท

like we've seen here before.

แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

That's the vessel that we took up there

นั้นคือเรือที่พาเรามาที่นี่

for these studies, early on,

เพื่อการศึกษานี้ ในช่วงแรก

and that's what the Islands look like -- you can see in the background.

และนี่คือหน้าตาของหมู่เกาะนี้ซึ่งคุณจะเห็นได้ในพื้นหลัง

They're very low to the water,

มันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลนิดเดียวเท่านั้น

and they're all uninhabited, except one island

และไม่มีการอยู่อาศัย ยกเว้นเกาะหนึ่ง

has about 35 caretakers on it.

ซึ่งมีผู้ดูแลอยู่บนเกาะประมาณ 35 คน

And they've been uninhabited for most of time

และตลอดเวลาที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ไม่มีการอยู่อาศัย

because even in the ancient days,

เพราะแม้กระทั่งในสมัยโบราณ

these islands were too far away

หมู่เกาะเหล่านี้ไกลเกินไป

from the bright lights of Fiji and Hawaii and Tahiti

จากแสงสว่างของฟิจิ และ ฮาวาย และ ตาฮิติ

for those ancient Polynesian mariners

สำหรับนักเดินสมุทรชาวโพลีนีเซียนโบราณ

that were traversing the Pacific so widely.

ซึ่งเดินทางไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิค

But we got up there,

แต่เราก็ไปถึงที่นั่น

and I had the unique and wonderful scientific opportunity and personal opportunity

และผมก็มีโอกาสทั้งส่วนตัวและโอกาสทางวิทยาศาสตร์ที่น่ามหัศจรรย์และไม่เหมือนใคร

to get to a place that had never been dived

ที่ได้มาถึงสถานที่ที่ไม่เคยมีใครดำน้ำมาก่อน

and just get to an island and go, "Okay, where are we going to dive?

ที่ได้มาถึงเกาะนี้แล้วก็นึกว่า "โอเค เราจะดำน้ำตรงไหนดี?

Let's try there,"

ลองตรงนั้นล่ะกัน"

and then falling into the water.

แล้วก็กระโดดลงน้ำ

Both my personal and my professional life changed.

ทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงานของผมก็เปลี่ยนไป

Suddenly, I saw a world

ทันใดนั้น ผมได้เห็นโลก

that I had never seen before in the ocean --

ที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนในมหาสมุทร --

schools of fish that were so dense

ฝูงปลาที่หนาแน่นมาก

they dulled the penetration of sunlight from the surface,

พวกมันบดบังแสงที่ลอดส่องลงมาจากพื้นผิวน้ำ

coral reefs that were continuous

แนวปะการังที่ต่อเนื่อง

and solid and colorful,

แข็งแรงและมีสีสัน

large fish everywhere,

ปลาใหญ่ทุกหนแห่ง

manta rays.

กระเบนราหู

It was an ecosystem. Parrotfish spawning --

มันเป็นระบบนิเวศน์ -- ปลานกแก้ววางไข่

this is about 5,000 longnose parrotfish spawning

นี่เป็นปลานกแก้วจมูกยาว (longnose parrotfish) ประมาณ 5,000 ตัววางไข่

at the entrance to one of the Phoenix Islands.

ที่บริเวณทางเข้าเกาะหนึ่งในหมู่เกาะฟีนิกซ์

You can see the fish are balled up

คุณจะเห็นว่าปลาเหล่านี้ว่ายเป็นวงขึ้นไป

and then there's a little cloudy area there

และมีบริเวณขุ่นขาวตรงนั้น

where they're exchanging the eggs and sperm for reproduction --

ซึ่งเป็นที่ที่มันแลกเปลี่ยนไข่และสเปิร์มเพื่อการสืบพันธุ์

events that the ocean is supposed to do,

กิจกรรมที่มหาสมุทรควรจะทำ

but struggles to do in many places now

แต่ต้องฝ่าฟันที่จะทำในหลายๆบริเวณขณะนี้

because of human activity.

เนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์

The Phoenix Islands and all the equatorial parts of our planet

หมู่เกาะฟีนิกซ์และบริเวณต่างๆใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก

are very important for tuna fisheries,

สำคัญมากสำหรับการประมงปลาทูน่า

especially this yellowfin tuna that you see here.

โดยเฉพาะปลาทูน่าคลีบเหลือง (yellowfin tuna)ซึ่งคุณเห็นตรงนี้

Phoenix Islands is a major tuna location.

หมู่เกาะฟีนิกซ์เป็นสถานที่หลักของปลาทูน่า

And sharks -- we had sharks on our early dives,

และฉลาม -- เราได้เจอปลาฉลามในการดำน้ำช่วงแรกๆ

up to 150 sharks at once,

มากถึง 150 ตัวในครั้งเดียว

which is an indication

ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้

of a very, very healthy, very strong, system.

ถึงระบบที่แข็งแรงมาก สมบูรณ์มากๆ

So I thought the scenes

ผมจึงคิดว่าฉาก

of never-ending wilderness

ของธรรมชาติอันดิบสมบูรณ์ไม่รู้จบ

would go on forever,

จะคงอยู่ตลอดไป

but they did finally come to an end.

แต่ในที่สุดมันก็มาถึงจุดสิ้นสุด

And we explored the surface of the Islands as well --

และเราได้สำรวจพื้นผิวของหมู่เกาะด้วยเช่นกัน --

very important bird nesting site,

เป็นที่วางไข่ของนกที่สำคัญมาก

some of the most important bird-nesting sites in the Pacific, in the world.

เป็นสถานที่วางไข่สำหรับนกที่สำคัญที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิค แล้วก็ในโลกด้วย

And we finished our trip.

แล้วการเดินทางของเราก็เสร็จสิ้น

And that's the area again.

นี่คือบริเวณนั้นอีกครั้ง

You can see the Islands -- there are eight islands --

คุณจะเห็นหมู่เกาะ -- มีแปดเกาะ --

that pop out of the water.

ที่ชูขึ้นเหนือน้ำ

The peaks that don't come out of the water are the seamounts.

ยอดเขาที่ยังไม่โผล่พ้นผิวน้ำ คือ ภูเขาใต้น้ำ

Remember, a seamount turns into an island when it hits the surface.

จำไว้ว่า ภูเขาใต้น้ำกลายเป็นเกาะเมื่อมันโผล่พ้นผิวน้ำ

And what's the context of the Phoenix Islands?

แล้วอะไรคือบริบทของหมู่เกาะฟีนิกซ์?

Where do these exist?

มันตั้งอยู่ที่ตรงไหน?

Well they exist in the Republic of Kiribati,

มันมีอยู่ในสาธารณรัฐคิริบาติ

and Kiribati is located in the Central Pacific

และคิริบาติตั้งอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิคตอนกลาง

in three island groups.

ในหมู่เกาะสามกลุ่ม

In the west we have the Gilbert Islands.

ทางตะวันตกมีหมู่เกาะกิวเบิร์ต (Gilbert Islands)

In the center we have the Phoenix Islands,

ตรงกลางมีหมู่เกาะฟีนิกซ์

which is the subject that I'm talking about.

ซึ่งเป็นหัวข้อที่เรากำลังพูดถึงอยู่

And then over to the east we have the Line Islands.

และทางตะวันออกเรามีหมู่เกาะไลน์ (Line Islands)

It's the largest atoll nation in the world.

มันเป็นประเทศเกาะที่เกิดจากหินปะการัง (atoll) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

And they have

มันมี

about 110,000 people

คนอยู่ประมาณ 110,000 คน

spread out over 33 islands.

กระจายออกไปในเกาะมากกว่า 33 เกาะ

They control 3.4 million cubic miles of ocean,

ควบคุมมหาสมุทร 3.4 ล้านคิวบิกไมล์

and that's between one and two percent

ซึ่งคิดเป็นระหว่างหนึ่งถึงสองเปอร์เซนต์

of all the ocean water on the planet.

ของน่านน้ำมหาสมุทรบนโลก

And when I was first going up there,

และแรกๆที่ผมไปที่นั่น --

I barely knew the name of this country 10 years ago,

ผมแทบจะไม่รู้จักชื่อของประเทศนี้เลย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว --

and people would ask me,

และผู้คนก็จะถามผมว่า

"Why are you going to this place called Kiribati?"

"คุณไปสถานที่ที่ชื่อว่า คิริบาติ ทำไม?"

And it reminded me of that old joke

แล้วมันก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องตลกเก่าๆ

where the bank robber comes out of the courthouse handcuffed,

ที่โจรปล้นธนาคารเดินออกมาจากศาล ถูกใส่กุญแจมือ

and the reporter yells, "Hey, Willy. Why do you rob banks?"

แล้วผู้สื่อข่าวก็ตะโกนว่า "เฮ้ วิลลี่ ทำไมคุณถึงปล้นธนาคาร?"

And he says, "cause that's where all the money is."

แล้วเขาก็ตอบว่า "เพราะนั่นเป็นที่ที่เงินทั้งหมดอยู่"

And I would tell people, "Why do I go to Kiribati?

แล้วผมก็ตอบผู้คนว่า "ทำไมผมถึงไปคิริบาติน่ะหรือ?

Because that's where all the ocean is."

เพราะนั่นคือที่ที่มหาสมุทรทั้งหมดอยู่"

They basically are one nation

เกาะเหล่านี้หลักๆคือประเทศเดียว

that controls most of the equatorial waters

ซึ่งควบคุมน่านน้ำใกล้เส้นศูนย์สูตรส่วนใหญ่

of the Central Pacific Ocean.

ในมหาสมุทรแปซิฟิคตอนกลาง

They're also a country

มันยังเป็นประเทศ

that is in dire danger.

ที่เผชิญอันตรายอย่างเลวร้าย

Sea levels are rising,

ระดับน้ำทะเลกำลังสูงขึ้น

and Kiribati, along with 42 other nations in the world,

และคิริบาติ เช่นเดียวกับ 42 ประเทศอื่นๆในโลก

will be under water within 50 to 100 years

จะจมอยู่ใต้น้ำในอีก 50 ถึง 100 ปี

due to climate change

เนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ

and the associated sea-level rise from thermal expansion

และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากการขยายตัวของอุณหภูมิที่เกี่ยวข้อง

and the melting of freshwater into the ocean.

และการละลายของน้ำจืดลงสู่มหาสมุทร

The Islands rise only one to two meters

หมู่เกาะโผล่พ้นขึ้นมาแค่หนึ่งถึงสองเมตร

above the surface.

เหนือพื้นผิวทะเล

Some of the islands have already gone under water.

บางเกาะก็จมไปใต้น้ำแล้วด้วย

And these nations are faced with a real problem.

ประเทศเหล่านี้เผชิญกับปัญหาที่แท้จริง

We as a world are faced with a problem.

เราในฐานะโลกเผชิญปัญหา

What do we do with displaced fellow Earthlings

ว่าเราจะทำยังไงกับเพื่อนผู้อยู่อาศับบนโลกที่ร่อนเร

who no longer have a home on the planet?

ผู้ซึ่งไม่มีบ้านบนโลกนี้อีกต่อไป

The president of the Maldives

ประธานาธิบดีของประเทศมัลดีฟส์

conducted a mock cabinet meeting

จัดการประชุมสภาเพื่อล้อเลียน

underwater recently

ใต้น้ำเมื่อเร็วๆนี้

to highlight the dire straits of these countries.

เพื่อเน้นให้เห็นถึงความทุกข์อันเลวร้ายของประเทศเหล่านี้

So it's something we need to focus on.

ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจ

But back to the Phoenix Islands,

แต่กลับมาที่หมู่เกาะฟีนิกซ์

which is the subject of this Talk.

ซึ่งเป็นหัวข้อของการพูดครั้งนี้

After I got back, I said,

หลังจากที่ผมกลับมา ผมก็พูดว่า

okay, this is amazing, what we found.

โอเค นี่มันน่าทึ่งมาก สิ่งที่เราค้นพบ

I'd like to go back and share it with the government of Kiribati,

ผมอยากจะกลับไปและบอกสิ่งเหล่านี้กับรัฐบาลของคิริบาติ

who are over in Tarawa,

ซึ่งอยู่ที่ทาราวา (Tarawa)

the westernmost group.

กลุ่มที่อยู่ทางตะวันตกสุด

So I started contacting them --

ผมก็เลยเริ่มติดต่อพวกเขา --

because they had actually given me a permit to do this --

เพราะอันที่จริงแล้วพวกเขาให้ใบอนุญาตผมในการสำรวจนี้ --

and I said, "I want to come up and tell you what we found."

แล้วผมก็บอกว่า "ผมอยากจะไปพบและบอกเล่าสิ่งที่ผมค้นพบ"

And for some reason they didn't want me to come,

และด้วยเหตุผลบางประการพวกเขาไม่อยากให้ผมไปพบ

or it was hard to find a time and a place, and it took a while,

หรือมันยากที่จะหาเวลาและสถานที่ แล้วก็ใช้เวลาพอสมควร

but finally they said, "Okay, you can come.

แต่ในที่สุด พวกเขาก็บอกว่า "โอเค คุณมาพบเราได้

But if you come, you have to buy lunch

แต่ถ้าคุณจะมา คุณจะต้องเลี้ยงอาหารกลางวัน

for everybody who comes to the seminar."

ทุกคนที่มาร่วมสัมมนา"

So I said, "Okay, I'm happy to buy lunch.

ผมจึงพูดว่า "โอเค ผมยินดีจะเลี้ยงอาหารกลางวัน

Just get whatever anybody wants."

ก็สั่งทุกอย่างที่ทุกคนต้องการมาล่ะกัน"

So David Obura, a coral reef biologist, and I went to Tarawa,

ดังนั้น เดวิด โอบูรา (David Obura) นักชีววิทยาแนวปะการัง และผมก็เดินทางไปที่ทาวารา

and we presented for two hours

แล้วเราก็นำเสนอผลงานประมาณสองชั่วโมง

on the amazing findings of the Phoenix Islands.

เกี่ยวกับการค้นพบอันน่าทึ่งที่หมู่เกาะฟีนิกซ์

And the country never knew this. They never had any data from this area.

ประเทศไม่เคยรู้สิ่งนี้มาก่อน พวกเขาไม่เคยมีข้อมูลจากบริเวณนี้

They'd never had any information from the Phoenix Islands.

พวกเขาไม่เคยมีข้อมูลใดๆจากหมู่เกาะฟีนิกซ์เลย

After the talk, the Minister of Fisheries walked up to me

หลังจากการพูดครั้งนั้น รัฐมนตรีการประมงเดินมาหาผม

and he said, "Greg, do you realize

แล้วเขาก็พูดว่า "เกรก คุณรู้ไหม

that you are the first scientist

ว่าคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรก

who has ever come back

ที่กลับมา

and told us what they did?"

และบอกเราเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ"

He said, "We often issue these permits

เขาพูดว่า "เรามักจะให้ใบอนุญาตเป็นประจำ

to do research in our waters,

สำหรับการวิจัยในน่านน้ำของเรา

but usually we get a note two or three years later,

แต่เรามักจะได้รับข้อความหลังจากสองถึงสามปีต่อมา

or a reprint.

หรือไม่ก็แค่สำเนาบทความ

But you're the first one who's ever come back and told us what you did.

แต่คุณเป็นคนแรกที่กลับมาและบอกเราเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ

And we really appreciate that. And we're buying you lunch today.

และเราซาบซึ้งใจมาก และเราจะเลี้ยงอาหารกลางวันคุณวันนี้

And are you free for dinner?"

คุณว่างสำหรับอาหารเย็นด้วยไหม?"

And I was free for dinner,

ซึ่งผมว่างสำหรับอาหารเย็น

and I went out to dinner with the Minister of Fisheries in Kiribati.

ผมจึงไปรับประทานอาหารเย็นกับรัฐมนตรีการประมงของคิริบาติ

And over the course of dinner,

และในช่วงระหว่างอาหารเย็น

I learned that Kiribati gains most of its revenue --

ผมก็ได้เรียนรู้ว่าคิริบาติมีรายได้ส่วนใหญ่ --

it's a very poor country --

เป็นประเทศที่ยากจนมาก --

but it gains what revenue is has

แต่มีรายได้หลักๆ

by selling access to foreign nations

มาจากการขายใบอนุญาตให้ประเทศต่างชาติ

to take fish out of its waters,

มาจับปลาไปจากน่านน้ำ

because Kiribati does not have the capacity

เพราะคิริบาติเองไม่มีศักยภาพ

to take the fish itself.

ที่จะจับปลาด้วยตัวเอง

And the deal that they strike

และข้อตกลงที่พวกเขาทำขึ้น

is the extracting country

คือ ประเทศที่กอบโกยออกไป

gives Kiribati five percent

จะให้คิริบาติห้าเปอร์เซนต์

of the landed value.

ของมูลค่าสิ่งที่จับได้

So if the United States

ดังนั้นถ้าประเทศอเมริกา

removes a million dollars'

กอบโกยล้านดอลล่าร์

worth of lobsters from a reef,

ของมูลค่ากุ้งลอบสเตอร์ไปจากแนวปะการัง

Kiribati gets 50,000 dollars.

คิริบาติจะได้ 50,000 ดอลล่าร์

And, you know, it didn't seem like a very good deal to me.

คุณรู้ไหม มันดูเหมือนจะไม่ใช่ข้อตกลงที่ดีเลยสำหรับผม

So I asked the Minister over dinner,

ผมจึงถามรัฐมนตรีในขณะที่ทานอาหารเย็น

I said, "Would you consider a situation

ผมถามว่า "คุณจะลองพิจารณาสถานการณ์

where you would still get paid --

ที่คุณยังคงได้รับรายได้ --

we do the math and figure out what the value of the resource is --

เราคิดและคำนวณมูลค่าของทรัพยากรว่ามีอยู่เท่าไร --

but you leave fish and the sharks

แต่คุณปล่อยปลาและฉลาม

and the shrimp in the water?"

และกุ้งไว้ในทะเลอย่างเดิม?"

He stopped, and he said, "Yes, we would like to do that

เขาหยุด และพูดว่า "ได้ เราอยากจะทำเช่นนั้น

to deal with our overfishing problem,

เพื่อจัดการปัญหาการประมงมากเกินไป

and I think we would call it a reverse fishing license."

และผมคิดว่าเราจะเรียกวิธีนี้ว่า ใบอนุญาตไม่จับปลา"

He coined the term "reverse fishing license."

เขาคิดค้นคำว่า ใบอนุญาตไม่จับปลา

So I said, "Yes, a 'reverse fishing license.'"

ผมจึงพูดว่า "ใช่ ใบอนุญาตไม่จับปลา"

So we walked away from this dinner

ดังนั้น เราจากอาหารค่ำนั้นมา

really not knowing where to go at that point.

โดยไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหน

I went back to the States and started looking around

ผมกลับไปอเมริกาและเริ่มมองหา

to see if I could find examples

เพื่อดูว่าผมจะหาตัวอย่างได้บ้างไหม

where reverse fishing licenses

ที่ใบอนุญาตไม่จับปลา

had been issued,

ได้ถูกใช้

and it turned out there were none.

และกลายเป็นว่า มันไม่มีเลย

There were no oceanic deals

ไม่มีข้อตกลงทางทะเลใดๆ

where countries were compensated for not fishing.

ที่ประเทศไหนจะชดเชยให้กับการไม่จับปลา

It had occurred on land,

มันมีเกิดขึ้นบนพื้นดิน

in rainforests of South America and Africa,

ในป่าฝนในอเมริกาใต้และแอฟริกา

where landowners had been paid

ที่ซึ่งเจ้าของที่ดินได้รับค่าตอบแทน

not to cut the trees down.

สำหรับการไม่ตัดต้นไม้

And Conservation International had struck some of those deals.

และหน่วยงาน Conservation International ได้ร่วมตกลงในข้อตกลงบางฉบับนั้น

So I went to Conservation International

ผมจึงเดินทางไปที่ Conservation International

and brought them in as a partner

และนำเขาเข้ามาเป็นผู้ร่วมมือ

and went through the process

และผ่านกระบวนการต่างๆ

of valuing the fishery resource,

ในการประเมินมูลค่าทรัพยากรประมง

deciding how much Kiribati should be compensated,

เพื่อตกลงว่าคิริบาติควรจะได้รับการชดเชยเท่าใด

what the range of the fishes were,

มีปลาชนิดใดบ้าง

brought in a whole bunch of other partners --

ชักชวนผู้ร่วมมือต่างๆเข้ามามากมาย --

the government of Australia,

รัฐบาลประเทศออสเตรเลีย

the government of New Zealand, the World Bank.

รัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์ ธนาคารโลก (World Bank)

The Oak Foundation and National Geographic

มูลนิธิโอ๊ค (The Oak Foundation) และ เนชั่นนอล จีโอกราฟฟิค (National Geographic)

have been big funders of this as well.

เป็นผู้มอบทุนรายใหญ่เช่นกัน

And we basically founded the park

แล้วเราก็ก่อตั้งอุทยานขึ้น

on the idea of an endowment

ด้วยความคิดของการสมทบทุน

that would pay the equivalent lost fishing license fees

ซึ่งจะครอบคลุมเท่าเทียมกับการสูญเสียรายได้จากค่าใบอนุญาตจับปลา

to this very poor country

สำหรับประเทศยากจนนี้

to keep the area intact.

เพื่อรักษาบริเวณนี้ไว้

Halfway through this process, I met the president of Kiribati,

เมื่อดำเนินขั้นตอนเหล่านี้มาได้ครึ่งทาง ผมได้พบกับประธานาธิบดีของคิริบาติ

President Anote Tong.

ประธานาธิบดี อโนเต้ ธอง (President Anote Tong) --

He's a really important leader,

เขาเป็นผู้นำที่สำคัญมาก

a real visionary, forward-thinking man,

เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ และ หัวก้าวหน้ามาก --

and he told me two things when I approached him.

เขาบอกผมสองอย่างเมื่อผมเข้าไปหา

He said, "Greg, there's two things I'd like you to do.

เขาพูดว่า "เกรก มันมีสองอย่างที่ผมอยากให้คุณทำ

One is, remember I'm a politician,

อย่างแรก คือ จำไว้ว่าผมเป็นนักการเมือง

so you've got to go out and work with my ministers

เพราะฉะนั้นคุณต้องออกไปทำงานกับรัฐมนตรีของผม

and convince the people of Kiribati that this is a good idea.

และโน้มน้าวประชาชนชาวคิริบาติว่านี่เป็นความคิดที่ดี

Secondly, I'd like you to create principles

อย่างที่สอง ผมอยากให้คุณสร้างหลักการ

that will transcend my own presidency.

ที่จะคงอยู่เกินตำแหน่งประธานาธิบดีของผม

I don't want to do something like this

ผมไม่อยากทำอะไรอย่างนี้

if it's going to go away after I'm voted out of office."

ถ้ามันจะต้องหายไปหลังจากที่ผมโดนโหวตออกจากตำแหน่ง"

So we had very strong leadership, very good vision

ดังนั้น เรามีความเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง วิสัยทัศน์ที่ดี

and a lot of science, a lot of lawyers involved.

วิทยาศาสตร์มากมาย ทนายความที่เกี่ยวข้องก็เยอะ

Many, many steps were taken to pull this off.

ขั้นตอนมากมายได้ถูกดำเนินเพื่อให้สำเร็จ

And it was primarily because Kiribati realized

และโดยพิ้นฐานก็เพราะว่าคิริบาติตระหนัก

that this was in their own self-interest to do this.

ว่ามันเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเองที่จะทำสิ่งนี้

They realized that this was a common cause

พวกเขาตระหนักว่าสิ่งนี้เป็นจุดมุ่งหมายร่วม

that they had found

ที่พวกเขาสร้างขึ้น

with the conservation community.

ไปกับชุมชนการอนุรักษ์

Then in 2002,

หลังจากนั้นในปี 2002

when this was all going full-swing,

เมื่อทุกอย่างกำลังเดินหน้าเต็มที่

a coral-bleaching event happened in the Phoenix Islands.

ปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวก็เกิดขึ้นในหมู่เกาะฟีนิกซ์

Here's this resource that we're looking to save,

นี่คือทรัพยากรที่เรากำลังปกปักษ์รักษา

and it turns out it's the hottest heating event

แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นปรากฎการณ์ความร้อนที่ร้อนที่สุด

that we can find on record.

ที่เราเคยเจอในการบันทึก

The ocean heated up as it does sometimes,

มหาสมุทรร้อนขึ้นเป็นบางครั้ง

and the hot spot formed and stalled

และจุดที่ร้อนก็เกิดขึ้นและหยุด

right over the Phoenix Islands for six months.

อยู่ที่หมู่เกาะฟีนิกซ์เป็นระยะเวลาหกเดือน

It was over 32 degrees Celsius for six months

มากกว่า 32 องศาเซลเซียสเป็นเวลาหกเดือน

and it basically killed

หลักๆมันได้ฆ่า

60 percent of the coral.

60 เปอร์เซนต์ของปะการัง

So suddenly we had this area that we were protecting,

ดังนั้น จู่ๆเราก็มีบริเวณที่เรากำลังปกปักษ์รักษา

but now it appeared to be dead, at least in the coral areas.

แต่ตอนนี้มันกลายเป็นล้มตาย อย่างน้อยก็ในบริเวณปะการัง

Of course the deep-sea areas and the open ocean areas were fine,

แน่นอนว่าบริเวณทะเลลึกและทะเลเปิดนั้นยังดีอยู่

but the coral, which everybody likes to look at, was in trouble.

แต่ปะการังซึ่งทุกคนชอบดูนั้นตกอยู่ในอันตราย

Well, the good news is it's recovered

อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือมันฟื้นตัวแล้ว

and recovering fast,

และฟื้นตัวอย่างเร็ว

faster than any reef we've seen.

เร็วกว่าปะการังอื่นๆที่เราเคยเจอ

This picture was just taken by Brian Skerry a few months ago

ภาพนี้ถ่ายโดยไบรอัน สเคอร์รี่ เมื่อสองสามเดือนก่อน

when we returned to the Phoenix Islands

เมื่อเรากลับไปที่หมู่เกาะฟีนิกซ์

and discovered that, because it is a protected area

และค้นพบว่า เนื่องจากมันเป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์

and has healthy fish populations

และมีประชากรปลาที่อุดมสมบูรณ์

that keep the algae grazed down

ซึ่งช่วยรักษาจำนวนสาหร่ายปกคลุมให้น้อย

and keep the rest of the reef healthy,

และรักษาปะการังที่เหลือให้แข็งแรง

the coral is booming, is just booming back.

ปะการังก็กำลังแตกหน่อ มันกำลังแตกหน่อกลับมา

It's almost like if a person

มันเหมือนกับมนุษย์

has multiple diseases,

ที่มีโรครุมเร้ามากมาย

it's hard to get well, you might die,

ยากที่จะฟื้นตัว คุณอาจจะตาย

but if you only have one disease to deal with, you can get better.

แต่ถ้าคุณมีแค่โรคเดียวให้เผชิญ คุณก็จะดีขึ้นได้

And that's the story with climate-change heating.

และนั้นก็คือเรื่องราว ของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงร้อนขึ้น

It's the only threat,

มันคือสิ่งคุกคามอย่างเดียว

the only influence that the reef had to deal with.

ผลกระทบเดียวที่ปะการังต้องเผชิญ

There was no fishing, there was no pollution, there was no coastal development,

มันไม่มีการจับปลา ไม่มีมลพิษ ไม่มีการพัฒนาชายฝั่ง

and the reef is on a full-bore recovery.

ปะการังก็สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่

Now I remember that dinner I had with the Minister of Fisheries 10 years ago

ตอนนี้ผมจำมื้ออาหารเย็นที่ผมทาน กับรัฐมนตรีการประมงเมื่อ 10 ปีก่อน

when we first brought this up and I got quite animated during the dinner

เมื่อตอนที่เราเริ่มพูดเรื่องนี้ และผมรู้สึกตื่นเต้นระหว่างมื้ออาหารเย็นนั้น

and said, "Well, I think that the conservation community

และพูดว่า "ผมคิดว่าชุมชนการอนุรักษ์

might embrace this idea, Minister."

จะเห็นดีเห็นงามกับความคิดนี้ ท่านรัฐมนตรี"

He paused and put his hands together and said,

เขาหยุดและประสานมือและพูดว่า

"Yes, Greg,

"ใช่ เกรก

but the devil will be in the details," he said.

แต่ความยากจะอยู่ที่รายละเอียด" เขาพูด

And it certainly was.

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

The last 10 years have been detail after detail

10 ที่หลังนี้เป็นเรื่อง ของรายละเอียดแล้วรายละเอียดเล่า

ranging from creating legislation

ตั้งแต่กำหนดกฎเกณฑ์

to multiple research expeditions

ไปจนการเดินทางวิจัยหลายครั้งหลายครา

to communication plans,

ไปจนแผนการสื่อสาร

as I said, teams of lawyers,

อย่างที่ผมบอก ทีมงานทนายความ

MOUs,

เอกสารบันทึกความเข้าใจ (MOU)

creating the Phoenix Islands Trust Board.

การจัดตั้งคณะกรรมการพิทักษ์หมู่เกาะฟีนิกซ์ (Phoenix Islands Trust Board)

And we are now in the process of raising the full endowment.

และขณะนี้เรากำลังอยู่ ในขั้นตอนจัดหาทุนสมทบเต็มที่

Kiribati has frozen extracting activities

คิริบาติได้หยุดกิจกรรมกอบโกยต่างๆ

at its current state while we raise the endowment.

ไว้ที่สถานการณ์ปัจจุบัน ในขณะที่เรากำลังระดมทุนสมทบ

We just had our first PIPA Trust Board meeting three weeks ago.

เราพึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการพิทักษ์เขตอนุรักษ์หมู่เกาะฟีนิกซ์ (PIPA Trust Board) ไปเมื่อสามสัปดาห์ที่แล้ว

So it's a fully functional

ดังนั้นจะเห็นว่ามันปฏิบัติการจริงเต็มที่

up-and-running entity

เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเกิดขึ้นจริง

that negotiates the reverse fishing license with the country.

ซึ่งต่อรองใบอนุญาตไม่จับปลากับประเทศนี้

And the PIPA Trust Board holds that license

ซึ่งกรรมการพิทักษ์เขตอนุรักษ์หมู่เกาะฟีนิกซ์ (PIPA Trust Board) ครอบครองใบอนุญาตนั้น

and pays the country for this.

และจ่ายประเทศสำหรับสิ่งนี้

So it's a very solid, very well thought-out,

ดังนั้น มันแข็งแกร่งมาก และผ่านการตรึกตรองมาอย่างดี

very well grounded system,

เป็นระบบที่มีพื้นฐานที่ดีมาก

and it was a bottom-up system,

และเป็นระบบจากล่างขึ้นบน (bottom-up system)

and that was very important with this work,

และเป็นสิ่งที่สำคัญมากในงานนี้

from the bottom up to secure this.

ที่จะต้องมีระบบจากล่างขึ้นบนเพื่อคุ้มกัน

So the conditions for success here are listed.

เงื่อนไขสำหรับความสำเร็จได้ถูกทำเป็นรายการไว้

You can read them yourselves.

คุณสามารถอ่านมันด้วยตัวเอง

But I would say the most important one in my mind

แต่ผมต้องบอกไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ในความคิดของผม

was working within the market forces

คือการทำงานในระบบแรงผลักดันของตลาด

of the situation.

ของสถานการณ์นี้

And that insured that we could move this forward

สิ่งนั้นจะทำให้มั่นใจว่า เราสามารถผลักดันสิ่งนี้ไปข้างหน้า

and it would have both the self-interest of Kiribati

และมันจะเป็นไปโดยมีทั้งประโยชน์ของคิริบาติ

as well as the self-interest of the world.

เช่นเดียวกับประโยชน์ของโลก

And I'll leave you with one final slide,

ผมจะลาไปด้วยสไลด์สุดท้าย

that is: how do we scale this up?

ซึ่งถามว่าเราจะขยายวงกว้างออกไปได้อย่างไร?

How do we realize Sylvia's dream?

เราจะทำความฝันของซิลเวียให้เป็นจริงได้อย่างไร?

Where eventually do we take this?

ในที่สุดแล้วเราจะพาสิ่งนี้ไปถึงจุดไหน?

Here's the Pacific

นี่คือ มหาสมุทรแปซิฟิค

with large MPAs

ที่เต็มไปด้วยบริเวณอนุรักษ์ทางทะเล (MPA) ขนาดใหญ่มากมาย

and large conservation zones on it.

และเขตอนุรักษ์ขนาดใหญ่ในนั้น

And as you can see,

และอย่างที่คุณเห็น

we have a patchwork across this ocean.

เรามีการปะติดปะต่อไปทั่วมหาสมุทร

I've just described to you the one story

ผมพึ่งจะอธิบายให้คุณฟังไปเรื่องหนึ่ง

behind that rectangular area in the middle, the Phoenix Islands,

ข้างหลังบริเวณสี่เหลี่ยมตรงกลางนี้ คือ หมู่เกาะฟีนิกซ์

but every other green patch on that

แต่แผ่นสีเขียวแต่ละแผ่นบนนี้

has its own story.

ก็มีเรื่องราวของตัวเอง

And what we need to do now

และสิ่งที่เราต้องทำตอนนี้

is look at the whole Pacific Ocean

คือมองมหาสมุทรแปซิฟิคโดยรวม

in its entirety

ในลักษณะเป็นหนึ่งเดียว

and make a network of MPAs

และสร้างเครือข่ายบริเวณอนุรักษ์ทางทะเล (MPA)

across the Pacific

ไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิค

so that we have our world's largest ocean

เพื่อที่เราจะมีมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

protected and self-sustaining

ที่ได้รับการอนุรักษ์และยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

over time.

ตลอดไป

Thank you very much. (Applause)

ขอบคุณมากครับ