A Visual History of Human Knowledge | Manuel Lima | TED Talks

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

Over the past 10 years,

ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา

I've been researching the way people organize and visualize information.

เราได้ทำการศึกษาวิธี ที่คนจัดระเบียบและสร้างภาพข้อมูล

And I've noticed an interesting shift.

และผมได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ

For a long period of time,

ตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน

we believed in a natural ranking order in the world around us,

เราเชื่อในอันดับตามธรรมชาติ ของโลกรอบตัวเรา

also known as the great chain of being, or "Scala naturae" in Latin,

ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ โซ่ใหญ่ของการมีอยู่ หรือ "สเกลล่า เนทูเรย์" ในภาษาละติน

a top-down structure that normally starts with God at the very top,

โครงสร้างจากบนลงสู่ล่างที่ปกติแล้ว จะเริ่มด้วยพระเจ้าที่ส่วนบน

followed by angels, noblemen,

ตามมาด้วยเทวดา, คนสูงศักดิ์,

common people, animals, and so on.

คนทั่วไป, สัตว์ต่างๆ และอื่นๆ

This idea was actually based on Aristotle's ontology,

อันที่จริงแล้วแนวคิดนี้มีรากฐานมาจาก การศึกษาภาวะการมีอยู่ของอริสโตเติล

which classified all things known to man in a set of opposing categories,

ซึ่งจัดจำแนกทุกสิ่งที่คนรู้จัก เป็นชุดของกลุ่มที่ตรงข้ามกัน

like the ones you see behind me.

อย่างเช่นที่คุณได้เห็นด้านหลังผม

But over time, interestingly enough,

แต่เมื่อเวลาผ่านไป น่าสนใจนะครับ

this concept adopted the branching schema of a tree

แนวคิดนี้รับเอาแผนภาพต้นไม้ ที่แตกกิ่งก้านนี้

in what became known as the Porphyrian tree,

ที่ต่อมารู้จักกันว่า พอร์ไฟริน ทรี (Porphyrin tree)

also considered to be the oldest tree of knowledge.

ยังถูกจัดว่าเป็นต้นไม้แห่งความรู้ ที่เก่าแก่ที่สุด

The branching scheme of the tree was, in fact,

กิ่งก้านของรายการของต้นไม้ อันที่จริงแล้ว

such a powerful metaphor for conveying information

เป็นการอุปมาที่ทรงประสิทธิภาพ ในการสื่อถึงข้อมูล

that it became, over time, an important communication tool

ที่มันกลายเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่สำคัญ ในเวลาต่อมา

to map a variety of systems of knowledge.

ในการทำแผนที่ความหลากหลาย ของระบบความรู้

We can see trees being used to map morality,

เราสามารถเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนที่จริยธรรม

with the popular tree of virtues and tree of vices,

ด้วยต้นไม้ความดีที่เป็นที่รู้จักกันดี และต้นไม้แห่งความฉลาด

as you can see here, with these beautiful illustrations from medieval Europe.

ดังที่คุณเห็นได้ตรงนี้ ด้วยภาพที่สวยงามเหล่านี้ จากยุโรปยุคกลาง

We can see trees being used to map consanguinity,

พวกเราเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนผังเครือญาติ

the various blood ties between people.

สายโลหิตที่ผูกพันระหว่างบุคคล

We can also see trees being used to map genealogy,

พวกเรายังเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนผังชาติวงศ์

perhaps the most famous archetype of the tree diagram.

บางทีมันต้นแบบที่โด่งดังที่สุด ของแผนภาพต้นไม้

I think many of you in the audience have probably seen family trees.

ผมคิดถึงว่า ผู้ฟังหลายท่านในที่นี้ อาจเคยเห็นต้นไม้เครือญาติ

Many of you probably even have your own family trees drawn in such a way.

พวกคุณหลายคนอาจเคยมีภาพวาด ต้นไม้เครือญาติไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง

We can see trees even mapping systems of law,

พวกเราเห็นต้นไม้ที่เป็นแผนที่ ระบบกฎหมาย

the various decrees and rulings of kings and rulers.

ฎีกาและการปกครองหลากหลาย ของกษัตริย์และผู้ปกครอง

And finally, of course, also a very popular scientific metaphor,

และในที่สุด แน่นอน มันยังมีอุปมาทางวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังมาก

we can see trees being used to map all species known to man.

เราสามารถเห็นต้นไม้ถูกใช้ เพื่อทำแผนที่สายพันธุ์ทั้งหมดที่มนุษย์รู้จัก

And trees ultimately became such a powerful visual metaphor

และต้นไม้สุดท้ายก็กลายเป็นอุปมาเชิงภาพ ที่มีศักยภาพ

because in many ways, they really embody this human desire

เพราะว่าในหลายๆ แง่ พวกมันเป็นตัวแทนทางความคิดมนุษย์จริงๆ

for order, for balance, for unity, for symmetry.

สำหรับลำดับ สำหรับสมดุล สำหรับความเป็นเอกภาพ สำหรับความสมมาตร

However, nowadays we are really facing new complex, intricate challenges

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ พวกเรากำลังเผชิญหน้า กับความท้าทายใหม่ที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อน

that cannot be understood by simply employing a simple tree diagram.

ที่ไม่สามารถจะเข้าใจได้โดยแค่การใช้ แผนภาพต้นไม้ง่ายๆ

And a new metaphor is currently emerging,

และอุปมาใหม่ก็กำลังถือกำเนิดขึ้น

and it's currently replacing the tree

และมันกำลังแทนที่ต้นไม้ในตอนนี้

in visualizing various systems of knowledge.

ในการแสดงภาพระบบของความรู้ต่างๆ

It's really providing us with a new lens to understand the world around us.

มันทำให้เรามีมุมมองใหม่ ในการทำความเข้าใจโลกรอบๆ ตัวเราจริงๆ

And this new metaphor is the metaphor of the network.

และอุปมาใหม่นี้ เป็นอุปมาของเครือข่าย

And we can see this shift from trees into networks

และเราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ จากต้นไม้ไปสู่เครือข่าย

in many domains of knowledge.

ในหลายๆ ขอบเขตความรู้

We can see this shift in the way we try to understand the brain.

เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ในวิธีที่เราพยายามเข้าใจสมอง

While before, we used to think of the brain

ในขณะที่ก่อนหน้านี้ เราเคยที่จะคิดว่าสมอง

as a modular, centralized organ,

เป็นอวัยวะศูนย์กลาง ที่มีสัดส่วนต่างๆ

where a given area was responsible for a set of actions and behaviors,

ที่บริเวณต่างๆ นั้น ทำหน้าที่รับผิดชอบ การกระทำและพฤติกรรมต่างๆ

the more we know about the brain,

และยิ่งเรารู้เกี่ยวกับสมองมากเท่าไร

the more we think of it as a large music symphony,

เรายิ่งคิดว่ามัน เป็นเหมือนกับวงซิมโฟนีขนาดใหญ่

played by hundreds and thousands of instruments.

ที่บรรเลงโดยเครื่องดนตรี นับน้อยนับพัน

This is a beautiful snapshot created by the Blue Brain Project,

มันเป็นภาพนิ่งที่สวยงามที่ถูกสร้างโดย โครงการบลูเบรน (Blue Brane Project)

where you can see 10,000 neurons and 30 million connections.

ซึ่งคุณสามารถเห็นเซลล์ประสาท 10,000 เซลล์ และการเชื่อมต่อ 30 ล้านจุด

And this is only mapping 10 percent of a mammalian neocortex.

และมันเป็นเพียงการทำแผนที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของนีโอคอร์เท็กซ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

We can also see this shift in the way we try to conceive of human knowledge.

พวกเรายังสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลง ในวิธีที่เราพยายามทำให้ได้มาซึ่งความรู้

These are some remarkable trees of knowledge, or trees of science,

นี่เป็นต้นไม้แห่งความรู้ที่น่าสนใจ หรือต้นไม้แห่งวิทยาศาสตร์

by Spanish scholar Ramon Llull.

โดยนักวิชาการชาวสเปน รามอน ยัลล์ (Ramon Llull)

And Llull was actually the precursor,

และยัลล์ก็เป็นต้นกำเนิด

the very first one who created the metaphor of science as a tree,

คนแรกๆ ที่สร้างอุปมาทางวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นดังต้นไม้

a metaphor we use every single day, when we say,

อุปมาที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราพูดว่า

"Biology is a branch of science,"

"ชีววิทยาเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์"

when we say,

เมื่อเราพูดว่า

"Genetics is a branch of science."

"พันธุศาสตร์เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์"

But perhaps the most beautiful of all trees of knowledge, at least for me,

แต่บางที ต้นไม้แห่งความรู้ที่งดงามที่สุด อย่างน้อยก็สำหรับผม

was created for the French encyclopedia by Diderot and d'Alembert in 1751.

ถูกสร้างขึ้นโดยสารานุกรมฝรั่งเศส โดย ดิเดอโร และ ดาลัมเบอร์ช ใน ค.ศ. 1751

This was really the bastion of the French Enlightenment,

มันเป็นปราการของยุคเรืองปัญญาแห่งฝรั่งเศส อย่างแท้จริง

and this gorgeous illustration was featured as a table of contents

และภาพที่อลังการนี้ ปรากฎอยู่ในตารางสารบัญ

for the encyclopedia.

ของสารานุกรม

And it actually maps out all domains of knowledge

และอันที่จริงมันทำแผนที่ส่วนต่างๆ ของความรู้ทั้งหมด

as separate branches of a tree.

เป็นดังสาขาต่างๆ ของต้นไม้

But knowledge is much more intricate than this.

แต่ความรู้ก็ละเอียดอ่อนมากกว่านี้

These are two maps of Wikipedia showing the inter-linkage of articles --

มีแผนที่สองอันในวิกิพีเดีย ที่แสดงความเชื่อมโยงลิงก์ระหว่างหัวข้อ

related to history on the left, and mathematics on the right.

ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางซ้าย และคณิตศาสตร์ทางขวา

And I think by looking at these maps

และจากการดูที่แผนที่เหล่านี้

and other ones that have been created of Wikipedia --

และแผนที่ที่สร้างในวิกิพีเดีย

arguably one of the largest rhizomatic structures ever created by man --

ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในโครงสร้างรากที่ใหญ่ที่สุด ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์อย่างไม่อาจเถียงได้

we can really understand how human knowledge is much more intricate

เราเข้าใจได้จริงๆ ว่าความรู้มนุษย์ ละเอียดอ่อน

and interdependent, just like a network.

และต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันกับเครือข่าย

We can also see this interesting shift

พวกเรายังเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจนี้

in the way we map social ties between people.

ในวิธีที่เราทำแผนที่เงี่อนสังคม ระหว่างบุคคล

This is the typical organization chart.

นี่เป็นแผนภูมิองค์กรทั่วๆ ไป

I'm assuming many of you have seen a similar chart as well,

ผมคิดว่าพวกคุณส่วนใหญ่ เคยเห็นแผนภูมิคล้ายๆ กันนี้

in your own corporations, or others.

ในบริษัทของคุณเอง หรือบริษัทอื่นๆ

It's a top-down structure

มันเป็นโครงสร้างจากบนลงล่าง

that normally starts with the CEO at the very top,

ที่ปกติแล้วเริ่มด้วยประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ทางตอนบนสุด

and where you can drill down all the way to the individual workmen on the bottom.

และคุณสามารถเจาะลงมาตามทาง จนไปถึงคนงานแต่ละคนทางด้านล่าง

But humans sometimes are, well, actually, all humans are unique in their own way,

แต่บางครั้ง ที่จริง คนทุกคน ก็มีความเป็นอัตลักษณ์ในแบบของตัวเอง

and sometimes you really don't play well under this really rigid structure.

และบางครั้ง คุณก็แสดงบทบาทได้ไม่ค่อยดี ภายใต้โครงสร้างที่ไม่ยืดหยุ่นนี้

I think the Internet is really changing this paradigm quite a lot.

ผมคิดว่า อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงกรอบแนวคิด ไปค่อนข้างมาก

This is a fantastic map of online social collaboration

นี่เป็นแผนที่ที่ยอดเยี่ยน ของความร่วมมือทางสังคมออนไลน์

between Perl developers.

ระหว่าง ผู้พัฒนาเพอร์ (Perl)

Perl is a famous programming language,

เพอร์เป็นภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยม

and here, you can see how different programmers

และที่นี่ คุณสามารถได้เห็นว่า นักเขียนโปรแกรม

are actually exchanging files, and working together on a given project.

กำลังแลกเปลี่ยนไฟล์ และกำลังทำงานด้วยกันในงานที่ได้รับมอบหมาย

And here, you can notice that this is a completely decentralized process --

และที่นี้ คุณสังเกตได้ว่า นี่เป็นกระบวนการที่ถูกกระจายออกอย่างสมบูรณ์ --

there's no leader in this organization,

มันไม่มีผู้นำในองค์กรนี้

it's a network.

มันเป็นเครือข่าย

We can also see this interesting shift when we look at terrorism.

เรายังสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เมื่อพวกเราดูการก่อการร้าย

One of the main challenges of understanding terrorism nowadays

หนึ่งในความท้าทาย ในการทำความเข้าใจการก่อการร้ายในปัจจุบัน

is that we are dealing with decentralized, independent cells,

คือพวกเรากำลังเผชิญกับการกระจายอำนาจ หน่วยที่เป็นอิสระ

where there's no leader leading the whole process.

ที่ซึ่งไม่มีผู้นำที่จะกำกับทั้งกระบวนการ

And here, you can actually see how visualization is being used.

และในที่นี้ คุณสามารถเห็นได้ ว่าการแสดงภาพถูกใช้อย่างไร

The diagram that you see behind me

แผนภาพที่คุณเห็นข้างหลังผม

shows all the terrorists involved in the Madrid attack in 2004.

แสดงผู้ก่อการร้ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ในการโจมตีที่มาดริดใน ค.ศ. 2004

And what they did here is, they actually segmented the network

และที่เขาทำตรงนี้คือ พวกเราแบ่งเครือข่ายเป็นส่วนๆ

into three different years,

เป็นสามปี

represented by the vertical layers that you see behind me.

ที่แทนด้วยชั้นแนวตั้ง ที่คุณเห็นข้างหลังผม

And the blue lines tie together

และเส้นสีฟ้าพัน

the people that were present in that network year after year.

คนที่ปรากฏอยู่ในเครือข่ายปีแล้วปีเล่า เข้าด้วยกัน

So even though there's no leader per se,

ฉะนั้น แม้ว่ามันจะไม่มีผู้นำด้วยตัวมันเอง

these people are probably the most influential ones in that organization,

คนเหล่านี้อาจเป็นคนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ในองค์กรนั้นๆ

the ones that know more about the past,

คนที่รู้มากเกี่ยวกับแผนและเป้าหมาย

and the future plans and goals of this particular cell.

ในอดีตและในอนาคต ของหน่วยดังกล่าว

We can also see this shift from trees into networks

เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ จากต้นไม้ในเครือข่าย

in the way we classify and organize species.

ในวิธีที่เราจำแนกและจัดระเบียบสปีชีส์

The image on the right is the only illustration

ภาพทางด้านขวา เป็นเพียงภาพ

that Darwin included in "The Origin of Species,"

ที่ดาวินรวมเอาไว้ใน "กำเนิดสปีชีส์"

which Darwin called the "Tree of Life."

ซึ่งดาวินเรียกมันว่า "ต้นไม้แห่งชีวิต"

There's actually a letter from Darwin to the publisher,

นี่คือจดหมายจริงๆ จากดาวิน ถึงสำนักพิมพ์

expanding on the importance of this particular diagram.

ที่ขยายความสำคัญของแผนภาพดังกล่าว

It was critical for Darwin's theory of evolution.

มันสำคัญสำหรับทฤษฎีวิวัฒนาการของดาวิน

But recently, scientists discovered that overlaying this tree of life

แต่เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า สิ่งที่ซ้อนทับต้นไม้แห่งชีวิตนี้

is a dense network of bacteria,

คือเครือข่ายแน่นหนาของแบคทีเรีย

and these bacteria are actually tying together

และแบคทีเรียเหล่านี้ เชื่อมโยงกัน

species that were completely separated before,

มันเป็นสปีชีส์ที่แยกกันอยู่มาก่อน

to what scientists are now calling not the tree of life,

ตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เรียกมันว่า ต้นไม้แห่งชีวิต

but the web of life, the network of life.

แต่เป็นใยแห่งชีวิต เป็นเน็ตเวิร์คแห่งชีวิต

And finally, we can really see this shift, again,

และท้ายที่สุด เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลง อีกครั้ง

when we look at ecosystems around our planet.

เมื่อเรามองที่ระบบนิเวศรอบๆ โลกของเรา

No more do we have these simplified predator-versus-prey diagrams

ไม่มีอีกแล้วที่เราจะมีแผนภาพง่ายๆ ของผู้ล่าและเหยื่อ

we have all learned at school.

แบบที่เรียนที่โรงเรียน

This is a much more accurate depiction of an ecosystem.

นี่คือภาพที่ถูกต้องมากกว่าของระบบนิเวศ

This is a diagram created by Professor David Lavigne,

นี่คือแผนภาพที่ถูกสร้าง โดยศาสตราจารย์ เดวิด ลาวิกนี

mapping close to 100 species that interact with the codfish

การทำแผนที่เกือบ 100 สปีชีส์ ที่มีความสัมพันกับปลาค๊อด

off the coast of Newfoundland in Canada.

นอกฝั่งนิวฟาวแลนด์ ในแคนาดา

And I think here, we can really understand the intricate and interdependent nature

และผมว่า พวกเราสามารถเข้าใจได้จริงๆ ว่า ธรรมชาติที่ต้องพึ่งพากันและละเอียดอ่อน

of most ecosystems that abound on our planet.

ของระบบนิเวศส่วนใหญ่ที่ผูกพันกับโลกของเรา

But even though recent, this metaphor of the network,

แต่แม้ว่าเร็วๆ นี้ อุปมาของเครือข่ายนี้

is really already adopting various shapes and forms,

ก็พัฒนาปรับรับเอารูปร่างรูปทรง

and it's almost becoming a growing visual taxonomy.

และก็เกือบกลายเป็น อนุกรมวิธานเชิงภาพที่กำลังเติบโต

It's almost becoming the syntax of a new language.

มันเกือบที่จะกลายเป็นไวยกรณ์ ของภาษาใหม่

And this is one aspect that truly fascinates me.

และนี่ก็เป็นมุมมองหนึ่ง ที่น่าสนใจสำหรับผม

And these are actually 15 different typologies

และนี่ก็เป็นการจัดกลุ่มต่างๆ 15 กลุ่ม

I've been collecting over time,

ที่ผมได้รวบรวมมา

and it really shows the immense visual diversity of this new metaphor.

และมันแสดงความแตกต่างเชิงภาพ ของอุปมาใหม่นี้

And here is an example.

และนี่ก็คือตัวอย่าง

On the very top band, you have radial convergence,

ที่แถบด้านบน เรามีการลู่เข้าเชิงรัศมี

a visualization model that has become really popular over the last five years.

แบบจำลองการมองภาพที่เป็นที่นิยม ตลอดห้าปีที่ผ่านมา

At the top left, the very first project is a gene network,

ตอนบนทางด้านซ้าย โครงการแรก คือเครือข่ายยีน

followed by a network of IP addresses -- machines, servers --

ที่ตามมาด้วยเครือข่ายของ ที่อยู่ ไอพี -- เครื่องยนต์, เซอร์ฟเวอร์ --

followed by a network of Facebook friends.

ตามมาด้วยเครือข่ายของเพื่อนๆ ในเฟสบุ๊ค

You probably couldn't find more disparate topics,

คุณอาจไม่พบหัวข้อ ที่แตกต่างกันไปมากกว่านี้

yet they are using the same metaphor, the same visual model,

แต่พวกเขาก็ใช้อุปมาเดียวกัน แบบจำลองเชิงภาพเดียวกัน

to map the never-ending complexities of its own subject.

เพื่อทำแผนที่ความซับซ้อนที่ไม่มีวันสิ้นสุด ของศาสตร์ของมันเอง

And here are a few more examples of the many I've been collecting,

และนี่คือตัวอย่างอีกบางส่วน ของอีกหลายๆ งานที่ผมได้เก็บข้อมูล

of this growing visual taxonomy of networks.

ของการเติบโตของอนุกรมวิธานเชิงภาพ ของเครือข่าย

But networks are not just a scientific metaphor.

แต่เครือข่ายไม่ได้เป็นแค่อุปมา

As designers, researchers, and scientists try to map a variety of complex systems,

นักออกแบบ นักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ พยายาม ทำแผนที่ความหลากหลายของระบบที่ซับซ้อน

they are in many ways influencing traditional art fields,

พวกเขาได้ให้แรงบันดาลใจ กับศาสตร์ของศิลปะดั้งเดิม

like painting and sculpture,

เช่นการวาดภาพ การปั้นขึ้นรูป

and influencing many different artists.

และให้แรงบันดาลใจศิลปินหลายคน

And perhaps because networks have this huge aesthetical force to them --

และบางที เพราะว่าเครือข่าย มีพลังอันงดงามที่ยิ่งใหญ่ --

they're immensely gorgeous --

พวกมันอลังการอย่างมาก --

they are really becoming a cultural meme,

พวกมันกลายเป็นกระแสทางวัฒนธรรม

and driving a new art movement, which I've called "networkism."

และขับเคลื่อนศิลปะกระแสใหม่ ซึ่งเรียกว่า "ศิลปะเครือข่าย"

And we can see this influence in this movement in a variety of ways.

และพวกเราสามารถเห็นแรงบันดาลใจ ที่มีต่อกระแสนี้ในหลายๆ ทาง

This is just one of many examples,

นี่เป็นแค่บางส่วนของตัวอย่าง

where you can see this influence from science into art.

ที่คุณสามารถเห็นแรงบันดาลใจนี้ จากวิทยาศาสตร์ไปยังศิลปะ

The example on your left side is IP-mapping,

ตัวอย่างทางซ้ายคือ การทำแผนที่ไอพี

a computer-generated map of IP addresses; again -- servers, machines.

แผนที่ ไอพี ที่ถูกสร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์

And on your right side,

และทางด้านขวาของคุณ

you have "Transient Structures and Unstable Networks" by Sharon Molloy,

คุณมี "โครงสร้างชั่วคราวและเครือข่ายที่ไม่เสถียร" โดย ชารอน มอลลี่

using oil and enamel on canvas.

ที่ใช้นำมันและสารเคลือบบนผ้าใบ

And here are a few more paintings by Sharon Molloy,

และนี่คือภาพวาดอีกจำนวนหนึ่ง โดย ชารอน มอลลี่

some gorgeous, intricate paintings.

ภาพวาดที่อลังการ และละเอียดอ่อน

And here's another example of that interesting cross-pollination

และนี่คืออีกตัวอย่าง ของการถ่ายเทข้ามกันอย่างน่าสนใจ

between science and art.

ระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะ

On your left side, you have "Operation Smile."

ทางด้านซ้าย คุณมี "ปฏิบัติการยิ้ม"

It is a computer-generated map of a social network.

มันเป็นแผนที่โลกโซเชียวเน็ตเวิร์ค ที่ถูกสร้างโดยคอมพิวเตอร์

And on your right side, you have "Field 4," by Emma McNally,

และทางด้านขวา คุณมี "สนาม 4" โดย เอ็มมา แม็คแนลลี่

using only graphite on paper.

ที่ใช้เพียงรอยดินสอบนกระดาษ

Emma McNally is one of the main leaders of this movement,

เอ็มมา แม็คเนลลี่ เป็นหนึ่งในผู้นำหลัก ของแนวคิดนี้

and she creates these striking, imaginary landscapes,

และเธอสร้างสรรค์แผนภาพจินตนาการ ที่น่าทึ่งเหล่านี้

where you can really notice the influence from traditional network visualization.

ที่คุณสังเกตเห็นแรงบันดาลใจ จากการสร้างภาพเน็ตเวิร์คแบบดั้งเดิม

But networkism doesn't happen only in two dimensions.

แต่ความเป็นเน็ตเวิร์คไม่ได้เกิดเพียงแค่สองมิติ

This is perhaps one of my favorite projects

บางที่นี่อาจเป็นหนึ่งในโครงการที่ผมชอบที่สุด

of this new movement.

ของแนวคิดใหม่นี้

And I think the title really says it all -- it's called:

และผมคิดว่าหัวข้อช่างสมบูรณ์แบบ --มันถูกเรียกว่า

"Galaxies Forming Along Filaments,

"กาแล็คซี่ที่เกิดขึ้นตามเส้นใย

Like Droplets Along the Strands of a Spider's Web."

เช่นเดียวกับหยดน้ำตามสาย ของใยแมงมุม"

And I just find this particular project to be immensely powerful.

และผมก็คิดว่าโครงการดังกล่วนี้ มีพลังอย่างมาก

It was created by Tomás Saraceno,

มันถูกสร้างขึ้นโดย โทมัส ซาราสิโน

and he occupies these large spaces,

และเขาใช้พื้นที่กว้างเหล่านี้

creates these massive installations using only elastic ropes.

สร้างงานชิ้นใหญ่เหล่านี้ โดยใช้เพียงเชือกรัดของ

As you actually navigate that space and bounce along those elastic ropes,

เสมือนคุณนำทางพื้นที่ และเด้นไปตามเชื่อกรัดของ

the entire network kind of shifts, almost like a real organic network would.

เครือข่ายทั้งหมดเคลื่อนไหว เกือบเหมือนกับเครือข่ายอินทรีย์จริงๆ

And here's yet another example

และนี่ก็ยังเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง

of networkism taken to a whole different level.

ของการเชื่อมต่อในอีกระดับ

This was created by Japanese artist Chiharu Shiota

มันถูกสร้างโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น ชิฮารุ ชิโอตะ

in a piece called "In Silence."

ในชิ้นงานที่เรียกว่า "ในความเงียบ"

And Chiharu, like Tomás Saraceno, fills these rooms with this dense network,

และชิฮารุ เช่นเดียวกับ โทมัส ซาราสิโน ที่เติมเต็มห้องนี้ด้วยเครือข่ายหนาแน่นนี้

this dense web of elastic ropes and black wool and thread,

เว็ปไซด์ที่หนาแน่นของเชือกรัดของ และขนสัตว์สีดำ และเส้นสายนี้

sometimes including objects, as you can see here,

บางครั้งมีวัตถุอย่างที่คุณได้เห็นตรงนี้

sometimes even including people, in many of her installations.

บางครั้งมีคน ในงานอื่นๆ ของเธอ

But networks are also not just a new trend,

แต่เครือข่ายไม่ได้เป็นเพียงกระแสใหม่

and it's too easy for us to dismiss it as such.

และมันก็ง่ายเกินไปสำหรับเรา ที่จะปฏิเสธว่ามันเป็นอย่างนั้น

Networks really embody notions of decentralization,

เครือข่ายเป็นตัวแทน ของความเข้าใจการกระจาย

of interconnectedness, of interdependence.

ของความเชื่อมโยง ของการพึ่งพากัน

And this new way of thinking is critical

และวิธีการคิดใหม่นี้ก็สำคัญมาก

for us to solve many of the complex problems we are facing nowadays,

สำหรับเราในการแก้ปัญหาซับซ้อนมากมาย ที่เรากำลังเผชิญหน้าในปัจจุบัน

from decoding the human brain,

สำหรับการถอดรหัสสมองมนุษย์

to understanding the vast universe out there.

เพื่อที่จะเข้าใจ จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ข้างนอกนั่น

On your left side, you have a snapshot of a neural network of a mouse --

และทางด้านซ้ายมือของคุณ คุณมีภาพถ่ายของเครือข่ายธรรมชาติของหนู --

very similar to our own at this particular scale.

ที่คล้ายกันกับของเราในระดับนี้

And on your right side, you have the Millennium Simulation.

และทางด้านขวาของคุณ คุณมีแบบจำลองสหัสวรรษ

It was the largest and most realistic simulation

มันเป็นแบบจำลองที่ใหญ่ที่สุด และเหมือนจริงที่สุด

of the growth of cosmic structure.

ของการเติบโตของโครงสร้างอวกาศ

It was able to recreate the history of 20 million galaxies

มันสามารถที่จะสร้างประวัติศาสตร์ ของกาแล็คซี่ 20 ล้านกาแล็คซี่ ขึ้นใหม่

in approximately 25 terabytes of output.

ในประมาณผลที่ได้ประมาณ 25 เทระไบต์

And coincidentally or not,

และไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่

I just find this particular comparison

ผมเพิ่งได้พบข้อเปรียบเทียบ

between the smallest scale of knowledge -- the brain --

ระหว่างระดับที่เล็กที่สุดของความรู้ -- สมอง --

and the largest scale of knowledge -- the universe itself --

และระดับที่ใหญ่ที่สุดของความรู้ -- จักรวาลเอง --

to be really quite striking and fascinating.

ว่ามันช่างน่าทึ่งและน่าสนใจยิ่งนัก

Because as Bruce Mau once said,

เพราะว่า บรูส มัว (Bruce Mau) เคยกล่าวไว้ว่า

"When everything is connected to everything else,

"เมื่อทุกสิ่งเชื่อมต่อกันกับทุกๆ สิ่ง

for better or for worse, everything matters."

ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกอย่างก็มีความหมาย"

Thank you so much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)