Should we be looking for life elsewhere in the universe? - Aomawa Shields

เราควรมองหาสิ่งมีชีวิตในที่อื่น ๆ ในจักรวาลหรือไม่ - โอมาวา ชิลด์ส (Aomawa Shields)

Translator: Pitchaya Phookpun Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Astronomers have discovered thousands of planets orbiting stars other than the Sun.

นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์นับพัน ที่โคจรรอบดาวฤกษ์อื่นที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์

They come in all sizes,

พวกมันมีขนาดแตกต่างกันไป

at different orbital distances from their stars.

และมีขนาดวงโคจรจากดาวฤกษ์ของมัน ที่แตกต่างกัน

The closest of them are trillions of miles away,

ดาวเคราะห์ที่ใกล้ที่สุด อยู่ห่างจากเราออกไปไกลกว่าล้านล้านไมล์

and even the largest are just fuzzy patches

แม้แต่ดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุด ยังเห็นเป็นเพียงจุดเบลอ ๆ

in the fields of high-powered telescopes.

เมื่อมองด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ที่มีกำลังขยายสูง

But if one of these planets is close in size to the Earth

แต่ถ้าหากหนึ่งในดาวเคราะห์เหล่านั้น มีขนาดใกล้เคียงกับโลกของเรา

and orbits not too close and too far away from its parent star,

และมีวงโคจรที่ไม่ใกล้หรือไกล จากดาวฤกษ์ของมันจนเกินไป

it could be rocky and warm enough to have oceans

ดาวเคราะห์ดวงนั้นอาจแข็งแรง และอบอุ่นเพียงพอที่จะมีมหาสมุทร

and perhaps life.

หรือบางทีอาจมีสิ่งมีชีวิตก็ได้

Astronomers discover these potentially habitable planets,

กลุ่มนักดาราศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตอาจอาศัยอยู่ได้

and their eyes get big and wide.

และพวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นกับการค้นพบนี้

Could one of these distant worlds carry the building blocks of life?

จะมีโลกที่ห่างไกลสักใบไหมนะ ที่จะมีโครงสร้างพื้นฐานของชีวิตอยู่

Or even a living, breathing, civilization?

หรือกระทั่งอารยธรรม ของสิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจ

Is the question, "Are we alone in the universe?" about to be answered?

คำถามที่ว่า "เราอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลหรือไม่" กำลังจะได้รับคำตอบใช่ไหม

But wait.

แต่เดี๋ยวก่อน

Maybe we should ask a different question first.

บางทีอันดับแรก เราควรจะถามคำถามที่แตกต่างไป

Should we try to find out if we're alone in the universe?

พวกเราควรจะค้นหา สิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาลนี้หรือไม่

If we do find the atmospheric fingerprints of life

ถ้าหากเราค้นพบร่องรอยของสิ่งมีชีวิต

on one of these small, distant worlds,

บนโลกที่ห่างไกลออกไปสักแห่งหนึ่ง

should we try to contact any beings who may live there?

เราควรหาทางติดต่อสิ่งมีชีวิต ที่อาจอาศัยอยู่บนโลกนั้นหรือไม่

Is that wise?

มันเป็นความคิดที่ฉลาดไหมนะ

Three decades ago, NASA decided the answer was yes.

สามทศวรรษก่อน องค์การนาซ่าตัดสินใจว่า คำตอบนั้นคือ ใช่

Voyager 1 and 2 were launched in 1977

ยานวอยเอจเจอร์ 1 และ 2 จึงถูกปล่อยสู่อวกาศในปี ค.ศ. 1977

to explore the giant planets in the solar system.

เพื่อสำรวจดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ ในระบบสุริยะ

Each spacecraft carried a golden phonograph record,

แต่ละยานนั้นนำแผ่นบันทึกทองคำ ไปพร้อมกับพวกมันด้วย

a time capsule of sorts that included clues and messages

ซึ่งเป็นแคปซูลเวลา ที่บรรจุเบาะแสและข้อความเอาไว้

meant to convey the story of human civilization.

เพื่อเป็นการถ่ายทอดเรื่องราว เกี่ยวกับอารยธรรมมนุษย์

The contents of these gold-plated copper disks were chosen by a committee

เนื้อหาภายในแผ่นดิสก์ทองแดง ที่เคลือบด้วยทองคำนี้ ได้รับเลือกโดยกรรมการ

chaired by American astronomer and author Carl Sagan.

ที่มีคาร์ล เซแกน นักดาราศาสตร์และนักเขียน ชาวอเมริกัน เป็นประธาน

They included over 100 images,

พวกเขารวบรวมภาพมากกว่า 100 ภาพ

and a range of sounds from the natural world:

และเสียงต่าง ๆ จากธรรมชาติบนโลก

ocean waves,

ไม่ว่าจะเป็นเสียงคลื่นมหาสมุทร

thunder,

เสียงฟ้าร้อง

the sounds of birds

เสียงนกร้องขับขาน

and whales.

และเสียงวาฬ

The records also included music from many different time periods and cultures,

บันทึกยังรวบรวมเสียงดนตรี จากหลากหลายช่วงเวลาและวัฒนธรรม

greetings in 55 languages,

การพูดทักทายใน 55 ภาษา

and messages from the President of the United States,

และข้อความจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

and the UN Secretary General.

และเลขาธิการองค์กรสหประชาชาติ

They also included a map.

พวกเขายังใส่แผนที่ลงไปด้วย

Each golden record displays the location of our solar system

แผ่นทองคำแต่ละแผ่นแสดง ตำแหน่งที่ตั้งของระบบสุริยะของเรา

with respect to fourteen pulsars.

โดยอ้างอิงเทียบกับสิบสี่พัลซาร์

Their precise, unique frequencies were indicated

ความถี่ที่แม่นยำและเป็นเอกลักษณ์ ถูกระบุเอาไว้

so that intelligent, extraterrestrial lifeforms

เพื่อสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจากนอกโลก

could use them to find the Earth.

จะสามารถใช้ในการค้นหาดาวโลกได้

Many years later, renowned physicist Stephen Hawking said

หลายปีถัดมา นักฟิสิกส์ที่มีชือเสียง สตีเฟน ฮอว์คิง กล่าวว่า

that it was a mistake to give an alien species a roadmap to our planet.

มันเป็นความผิดพลาดที่เรามอบแผนที่สู่โลก ให้แก่เผ่าพันธุ์จากต่างดาว

Hawking suspected that any extraterrestrial life

ฮอร์คิงเกรงว่าสิ่งมีชีวิตนอกโลกใดก็ตาม

probably wasn't any more complex than microbes,

อาจจะยังไม่ซ้บซ้อนไปมากไปกว่าจุลินทรีย์

but he warned that if an advanced alien species did visit Earth,

แต่เขาก็เตือนว่า หากสิ่งมีชีวิตต่างดาว ที่มีพัฒนาการสูงมาเยือนโลกแล้วล่ะก็

it could be as catastrophic as Christopher Columbus's arrival was

มันอาจเป็นหายนะได้เช่นเดียวกับ ที่การมาเยือนของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

for the Native Americans.

มีผลต่อกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกัน

Meanwhile, the golden records continue their journeys.

ในขณะเดียวกัน แผ่นบันทึกทองคำ ก็ยังคงเดินทางของมันต่อไป

In 1990, both Voyager spacecraft passed beyond the orbit of Pluto.

ในปี ค.ศ. 1990 ยานวอยเอจเจอร์ทั้งสอง เดินทางข้ามผ่านวงโคจรของดาวพลูโต

Voyager 1 entered interstellar space in 2012,

วอยเอจเจอร์ 1 ได้เดินทางเข้าสู่ อวกาศระหว่างดาวฤกษ์ ในปี ค.ศ. 2012

and will reach the nearest stellar system in 40,000 years.

และจะเดินทางไปถึงระบบดาวที่ใกล้ที่สุด ในอีก 40,000 ปี

If either spacecraft is discovered by extraterrestrial life,

ถ้ายานลำใดลำหนึ่งถูกค้นพบ โดยสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก

there's a possibility that they could decipher the clues from the golden record

มันมีความเป็นไปได้ ที่พวกเขาจะสามารถ ถอดรหัสจากแผนบันทึกทองคำได้

and one day reach our planet.

และเดินทางมาถึงดาวเคราะห์ของเราได้ในสักวัน

That's particularly true

นั่นค่อนข้างจะจริงอยู่

if theirs is a much more technologically advanced civilization.

ถ้าอารยธรรมของพวกเขา มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงกว่าเรา

That life could be benevolent,

สิ่งมีชีวิตนั้นอาจมีจิตใจดีมีเมตตา

as we would hope to be if humans are one day able to achieve interstellar travel.

อย่างที่เราคาดหวังที่จะเป็น หากวันหนึ่ง มนุษย์จะเดินทางระหว่างห้วงอวกาศได้

Or it could be hostile.

หรือพวกเขาอาจไม่เป็นมิตร

Searching for planets that might have life means staring into a great abyss.

การค้นหาดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่อาจมีสิ่งมีชีวิต หมายถึงการมาถึงของนรกขุมสุดท้าย

พวกเราคงจะไม่มีหนทางรู้ได้อย่างแน่ชัด ถึงขั้นของวิวัฒนาการ

We'll likely have no clear knowledge of the evolutionary stage,

sentience,

การรับความรู้สึก

character,

or intentions of the first form of life we discover.

บุคลิกลักษณะนิสัย

หรือความตั้งใจของสิ่งมีชีวิตนอกโลกกลุ่มแรก ที่เราจะได้พบเจอ

So it's a risk to turn our eyes outwards.

ดังนั้น มันจึงเป็นการเสี่ยง ที่เราจะมองออกไปเพื่อค้นหา

We risk our very way of life.

เราเอาวิถีชีวิตของเราไปเสี่ยง

But it may be a greater risk not to look,

แต่มันอาจจะเสี่ยงยิ่งกว่ามาก หากว่าเราไม่เสี่ยงที่จะออกไปค้นหา

to deny the very pioneering spirits that help shape our own species.

ที่จะปฏิเสธจิตวิญญาณความเป็นนักบุกเบิก ที่ช่วยทำให้มนุษย์พัฒนามาจนถึงจุดนี้

We are all born curious about the world and the universe.

พวกเราต่างก็เกิดมา พร้อมกับความสงสัยใคร่รู้ต่อโลกและจักรวาล

Pursuing that curiosity is one of humankind's greatest achievements.

การไขว่คว้าตามความสงสัยใคร่รู้นี้ เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ

Perhaps there is room to push the frontiers of science,

บางที มันอาจยังมีพื้นที่ที่จะสามารถผลักดัน พรมแดนวิทยาศาสตร์ให้ไกลออกไป

provided that we cradle alongside our fervor

หากว่าเราโอบอุ้มอีกสิ่งหนึ่ง ที่เป็น อีกคุณสมบัติหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ

another of humankind's greatest assets:

ไปพร้อมกับความรู้สึกอันแรงกล้าของเรา

hope.

ความหวัง