How to get a word added to the dictionary - Ilan Stavans

Translator: Thirakan Som Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

“Dictionary:” noun, “a malevolent literary device

“พจนานุกรม” นาม. “เครื่องมือทางวรรณกรรมที่มุ่งร้าย

for cramping the growth of a language and making it hard and inelastic.”

เพื่อจำกัดการงอกงามทางภาษา โดยทำให้ภาษาคงตัวและไม่ยืดหยุ่น”

“Lexicographer:” noun, “a writer of dictionaries; a harmless drudge.”

“นักพจนานุกรม” นาม. “ผู้จัดทำ พจนานุกรม ผู้ทำงานจำเจที่ไม่มีพิษภัย”

While the concept of a dictionary dates back to ancient civilizations,

แม้แนวคิดเกี่ยวกับพจนานุกรม จะมีมาตั้งแต่โลกยุคโบราณ

the first English dictionary was published by Robert Cawdrey in 1604.

กระนั้นพจนานุกรมภาษาอังกฤษก็มีการตีพิมพ์ ครั้งแรกโดยโรเบิร์ต คอว์ดรีย์ เมื่อปี 1604

In the centuries that followed,

อีกหลายศตวรรษต่อมา

many more dictionaries were written by individual authors

ก็มีการจัดทำพจนานุกรมเพิ่มขึ้นหลายเล่ม โดยบุคคลต่าง ๆ กัน

who chose what to include or exclude.

ซึ่งเลือกเองว่าจะเพิ่มหรือตัดคำไหนออก

They not only defined words, they openly showcased their creators’ opinions—

ผู้จัดทำไม่เพียงให้นิยามแก่คำ แต่ยังใส่ความเห็นลงไปอย่างเปิดเผย

like Ambrose Bierce’s definition of “dictionary”

เช่น การให้ความหมายคำว่า “พจนานุกรม” ของแอมโบรส เบียร์ซ

and Samuel Johnson’s definition of “lexicographer.”

และการให้ความหมายคำว่า “นักพจนานุกรม” ของแซมวล จอห์นสัน

After their authors deaths, many of these dictionaries quickly became outdated.

หลังจากผู้จัดทำเสียชีวิต พจนานุกรมหลายเล่ม ก็เริ่มตกยุคไปอย่างรวดเร็ว

But one 19th century dictionary had a different fate.

แต่พจนานุกรมในศตวรรษที่ 19 เล่มหนึ่ง มีชะตากรรมที่ต่างออกไป

In 1828, American lawyer and author Noah Webster published

ในปี 1828 ทนายและนักเขียนชาวอเมริกัน นามว่าโนอาร์ เวบสเตอร์ ได้ตีพิมพ์

“An American Dictionary of the English Language” with a lofty goal:

“พจนานุกรมภาษาอังกฤษฉบับอเมริกัน” โดยมีเป้าหมายอันสูงส่งว่า

to give the United States its own version of the English language.

เพื่อให้สหรัฐอเมริกามีภาษาอังกฤษ ในรูปแบบของตัวเอง

He believed that as a new nation,

เขาเชื่อว่าในฐานะประเทศใหม่

the United States needed its own distinct version of English

สหรัฐฯ ต้องมีภาษาอังกฤษแยกออกมา ในแบบของตัวเอง

to assert its independence from Britain.

เพื่อแสดงถึงการเป็นอิสระจากอังกฤษ

In his dictionary, Webster sought to describe and officialize

ในพจนานุกรมของตน เวบสเตอร์พยายามอธิบายและทำให้

the way Americans spoke.

การพูดแบบอเมริกันเป็นทางการ

Most dictionaries in Webster’s time were prescriptive:

พจนานุกรมส่วนใหญ่ในยุคของเวบสเตอร์ มีลักษณะเป็นเชิงบังคับ นั่นคือ

they dictated how words should be used,

ผู้จัดทำกำหนดว่าคำนั้นควรใช้อย่างไร

rather than documenting the way people actually used language in daily life.

มากกว่าจะศึกษาภาษาที่ใช้กันจริง ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คน

When Webster broke this convention and included slang words in his dictionary,

เมื่อเวบสเตอร์แหกขนบนี้ และใส่คำสแลงลงในพจนานุกรมของเขา

critics accused him of polluting the English language.

นักวิจารณ์ก็โทษว่า เขาสร้างความเสื่อมเสียให้ภาษาอังกฤษ

But he argued that these words captured local variations of language—

แต่เขาแย้งว่าคำพวกนี้ทำให้เห็น การผันแปรของภาษาท้องถิ่น

a vital part of what made American English unique.

ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันไม่เหมือนใคร

He also believed spelling rules were unnecessarily complex,

เขายังเชื่ออีกว่ากฎการสะกดคำ ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนขนาดนั้น

and that we should write the way we speak as much as possible.

และเราควรเขียนตามที่เราพูด ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

Still, Webster’s own opinions influenced the words he included

ถึงแม้ความเห็นของเวบสเตอร์จะมีผล ต่อคำที่เขาเลือกใส่ลงไป

and the way he defined them.

และวิธีอธิบายความ

He excluded slang words from Black communities

แต่เขากลับเลือกไม่ใส่คำสแลง ของกลุ่มคนผิวดำลงไป

because he didn’t consider them proper.

เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะสม

And when he defined “woman,”

และเมื่อให้ความหมายคำว่า “ผู้หญิง”

he added that “women are soft, mild, pitiful, and flexible.”

เขาเติมไปอีกว่า “ผู้หญิงนุ่มนวล อ่อนโยน อ่อนแอ และโอนอ่อน”

By the time of his death, Noah Webster was a household name.

ในช่วงที่โนอาร์ เวบสเตอร์ เสียชีวิต เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

Seeing a lucrative business opportunity,

จากการมองเห็นช่องทางทำเงินมหาศาล

brothers George and Charles Merriam bought the rights to Webster’s Dictionary.

พี่น้องจอร์จและชาร์ลส์ แมร์เรียม ได้นำพจนานุกรมของเวบสเตอร์ไปจดลิขสิทธิ์

Together with Webster’s son-in-law, the Merriams made a new, revised edition.

พี่น้องแมร์เรียมร่วมกับเขยของเวบสเตอร์ จัดทำพจนานุกรมฉบับปรับปรุงใหม่ขึ้น

It was the beginning of the Merriam-Webster Dictionary.

อันเป็นจุดเริ่มต้นของพจนานุกรม แมร์เรียม-เวบสเตอร์

Today, the Merriam-Webster Dictionary begins to address

ปัจจุบัน พจนานุกรมแมร์เรียม-เวบสเตอร์ เริ่มที่จะจัดการกับ

a contradiction in Webster’s goal:

ความย้อนแย้งในเป้าหมายของเวบสเตอร์

he wanted to represent an entire nation,

นั่นคือเขาต้องการที่จะแสดงถึงคนทั้งชาติ

but he based his work on just one person’s opinion: his own.

แต่งานของเขากลับขึ้นอยู่กับความเห็น ของตัวเขาเพียงคนเดียว

Since Webster’s death, each new edition of the dictionary has been curated

นับแต่เวบสเตอร์จากไป การปรับปรุงพจนานุกรม แต่ละครั้งจะได้รับการตรวจสอบ

by a group of language experts rather than by a single authority.

โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางภาษา แทนการใช้อำนาจของคนคนเดียว

The current criteria for including a word in the dictionary

ปัจจุบัน คำที่จะเพิ่มลงในพจนานุกรม มีหลักเกณฑ์อยู่ว่า

are that it has “widespread, sustained, and meaningful use.”

จะต้องมี “การใช้งานที่แพร่หลาย มีความแน่นอน และมีความหมาย”

This clearly includes profanities,

เป็นที่แน่ชัดว่ารวมถึงคำหยาบ

which were sometimes excluded from dictionaries in the past.

ซึ่งบางครั้งถูกตัดออกจาก พจนานุกรมในอดีต

Racial slurs also meet the criteria for inclusion,

คำเหยียดเชื้อชาติก็เข้าเกณฑ์ ที่จะใส่ลงในพจนานุกรมด้วย

but some argue that including them might legitimize them.

แต่บางคนแย้งว่าการใส่คำเหล่านั้นลงไป อาจเป็นการสร้างความชอบธรรมให้มัน

Dictionaries don’t just add new words—

พจนานุกรมไม่เพียงเพิ่มคำใหม่เท่านั้น

they also redefine old words to reflect changing attitudes and usage.

แต่ยังปรับความหมายของคำเก่าให้เป็นไปตาม ทัศนคติและการใช้งานที่เปลี่ยนไปด้วย

One 1736 dictionary defined “wife” as “a married woman whose will,

พจนานุกรมปี 1736 เล่มหนึ่งให้ความหมายคำว่า “ภรรยา” ว่า “หญิงที่แต่งงานแล้ว

in the judgment of the law, is subject to the will of her husband:

ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เจตจำนงของเธอ อยู่ใต้อาณัติของสามี

for which reason a wife is said to have no will.”

ด้วยเหตุนี้ ภรรยาจึง ไม่มีเจตจำนงของตัวเอง”

Today, “wife” is defined simply as “a female partner in a marriage.”

ปัจจุบัน “ภรรยา” มีความหมายเพียงว่า “คู่ครองที่เป็นฝ่ายหญิงในการสมรส”

In 2019, Merriam-Webster’s word of the year was “they.”

ในปี 2019 คำแห่งปีของแมร์เรียม-เวบสเตอร์ คือ “they”

The word has been in regular use for centuries,

คำนี้ใช้กันทั่วไป มาหลายศตวรรษ

but has only recently gained a new recognized meaning,

แต่ล่าสุดนี้เองที่ความหมายใหม่ ของคำนี้ได้รับการยอมรับ

as a pronoun for one person whose gender identity is nonbinary.

โดยใช้เป็นสรรพนามของบุคคลหนึ่งคน ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศแบบไม่แยกเป็นชาย-หญิง

The question of which words belong in the dictionary impacts all of us—

คำถามที่ว่าคำใดควรมีในพจนานุกรม ส่งผลต่อเราทุกคน

when our words and definitions are represented, they’re affirmed;

เมื่อคำและการให้ความหมายของเรา ถูกบรรจุลงไป ก็เท่ากับได้รับการยอมรับ

if not, they— and we— are minimized.

แต่ถ้าไม่ ก็เหมือนว่าทั้งเราและคำนั้น ด้อยค่าลง

Today, lexicographers have expanded word sourcing

ปัจจุบัน นักพจนานุกรมได้ขยายขอบเขต การค้นหาคำมาเพิ่ม

to include the dictionary’s users: tracking which words are most searched,

โดยอิงจากผู้ใช้พจนานุกรม ด้วยการติดตามคำที่มีการค้นหามากที่สุด

and adding them to the dictionary.

และเพิ่มลงในพจนานุกรม

So, who decides what’s in the dictionary?

แล้วใครล่ะที่เลือกว่า คำไหนควรอยู่ในพจนานุกรม

More than ever before the answer is: we do.

คำตอบของทุกวันนี้คือ เราทุกคนนั่นเอง

All of us shape language every day.

เราทุกคนเป็นผู้กำหนดภาษาที่ใช้ทุก ๆ วัน

When we collectively embrace one word or redefine another,

เมื่อเราร่วมกันอ้าแขนรับคำคำหนึ่ง หรือให้ความหมายใหม่แก่คำอีกคำ

eventually, those words and meanings are reflected in our dictionaries.

ในท้ายที่สุด คำและความหมายเหล่านั้น จะปรากฏในพจนานุกรมของเรา