The lies we tell pregnant women | Sofia Jawed-Wessel

Translator: Joseph Geni Reviewer: Joanna Pietrulewicz

Translator: Supakij Patthanapitoon Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

We're going to share a lot of secrets today, you and I,

วันนี้เราจะมาเล่าความลับกันค่ะ ระหว่างคุณกับฉัน

and in doing so, I hope that we can lift

ฉันหวังว่ามันจะช่วยลดความรู้สึกอับอาย

some of the shame many of us feel about sex.

เวลาที่เราพูดถึงเรื่องเพศ จากการทำแบบนี้

How many here have ever been catcalled by a stranger?

มีใครในที่นี้เคยถูกแซว โดยคนแปลกหน้าบ้างคะ

Lots of women.

เป็นผู้หญิงซะเยอะเลย

For me, the time I remember best

สำหรับฉัน การถูกแซวที่จำได้แม่นเลย

is when that stranger was a student of mine.

คือตอนที่คนแปลกหน้าคนนั้น เป็นนักเรียนของฉันเสียเอง

He came up to me after class that night

เขาเข้ามาพบฉันในคืนนั้นหลังเลิกเรียน

and his words confirmed what I already knew:

และคำพูดของเขาก็ช่วยยืนยัน ในสิ่งที่ฉันรู้อยู่แล้ว

"I am so sorry, professor.

"ผมขอโทษครับอาจารย์

If I had known it was you, I would never have said those things."

ถ้าผมรู้มาก่อนว่าเป็นอาจารย์ ผมจะไม่มีวันพูดมันออกไปเด็ดขาด"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I wasn't a person to him until I was his professor.

ตัวฉันไม่ใช่มนุษย์ในสายตาของเขา จนกระทั่งฉันเป็นอาจารย์ของเขา

This concept, called objectification,

เป็นแนวคิดที่เรียกว่า "การทำให้เป็นวัตถุ"

is the foundation of sexism,

ซึ่งเป็นรากฐานที่ทำให้เกิดการเหยียดเพศ

and we see it reinforced through every aspect of our lives.

และเราก็พบเจอมันได้ ในทุกๆ แง่มุมของชีวิต

We see it in the government

เราเห็นมันในรัฐบาล

that refuses to punish men

ที่ปฏิเสธการลงโทษบรรดาผู้ชาย

for raping women.

ที่ข่มขืนผู้หญิง

We see it in advertisements.

แล้วเราก็เห็นมันในงานโฆษณา

How many of you have seen an advertisement

มีใครเคยดูโฆษณา ที่โชว์หน้าอกของผู้หญิง

that uses a woman's breast to sell an entirely unrelated product?

เพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยบ้างไหมคะ

Or movie after movie after movie

หรือในภาพยนตร์เรื่องแล้วเรื่องเล่า

that portrays women as only love interests?

ที่ฉายภาพของผู้หญิง ให้สนใจแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ

ตัวอย่างที่ยกมานี้ อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกัน และไม่เป็นอันตราย

These examples might seem inconsequential and harmless,

but they're insidious,

แต่มันเคลือบยาพิษเอาไว้ค่ะ

slowly building into a culture that refuses to see women as people.

มันค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในวัฒนธรรม ที่ปฏิเสธความเป็นมนุษย์ในตัวผู้หญิง

We see this in the school that sends home a 10-year-old girl

เช่นในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่สั่งให้เด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบกลับบ้าน

because her clothes were a distraction to boys trying to learn,

เพียงเพราะเครื่องแต่งกายของเธอ ทำให้เด็กผู้ชายเสียสมาธิขณะนั่งเรียน

or the government that refuses to punish men for raping women

รัฐบาลที่ไม่ตัดสินโทษ บรรดาผู้ชายที่ไปข่มขืนผู้หญิง

ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

over and over,

or the woman who is killed

หรือผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกฆ่า

because she asked a man to stop grinding on her on the dance floor.

เพียงเพราะเธอขอให้ชายคนหนึ่ง หยุดลวนลามเธอบนฟลอร์เต้นรำ

Media plays a large role in perpetuating the objectification of women.

สื่อเป็นบทบาทสำคัญที่ตอกย้ำ การทำให้ผู้หญิงเป็นวัตถุ

Let's consider the classic romantic comedy.

หากเรามาพิจารณา หนังโรแมนติกคอเมดี

We're typically introduced to two kinds of women in these movies,

เรามักจะพูดถึงผู้หญิงสองประเภท ในภาพยนตร์แนวนี้

two kinds of desirable women, anyway.

ผู้หญิงสองประเภทที่จะถูกหมายปอง

The first is the sexy bombshell.

ประเภทแรกคือสาวสบึมสุดเซ็กซี่

This is the unbelievably gorgeous woman with the perfect body.

ก็คือผู้หญิงที่สวยสคราญอย่างไม่น่าเชื่อ และมีหุ่นสุดเพอร์เฟกต์

Our leading man has no trouble identifying her

พระเอกของเราไม่มีปัญหาในการมองหาตัวเธอ

and even less trouble having sex with her.

และมีปัญหาน้อยลงไปอีก ในการจะไปมีเพศสัมพันธ์กับเธอ

The second is our leading lady,

ประเภทที่สองคือบทบาทของนางเอก

the beautiful but demure woman our leading man falls in love with

ผู้หญิงที่สวยแต่ขี้อาย ที่พระเอกจะไปตกหลุมรัก

despite not noticing her at first

แม้ว่าจะไม่ได้สังเกต หรือรู้สึกชอบตั้งแต่แรกเห็น

or not liking her if he did.

The first is the slut.

ผู้หญิงประเภทแรกเป็นพวกสำส่อน

She is to be consumed and forgotten.

นางจะถูกกลืนกินและถูกลืม

She is much too available.

นางได้มาง่ายเกินไป

The second is desirable but modest,

ประเภทที่สองนั้นเป็นที่ปรารถนา แต่ชอบแสร้งทำเป็นเหนียมอาย

and therefore worthy of our leading man's future babies.

และแน่นอน หล่อนจึงควรค่า ที่จะกลายมาเป็นคนรักของพระเอกในอนาคต

Marriage material.

เป็นวัตถุสำหรับการแต่งงาน

We're actually told that women have two roles,

เราถูกบอกว่า ผู้หญิงมีหน้าที่สองอย่าง

but these two roles have a difficult time existing within the same woman.

แต่หน้าที่ทั้งสองนี้สร้างความยากลำบาก ให้เกิดขึ้นในตัวผู้หญิงคนเดียวกัน

On the rare occasion that I share with a new acquaintance

ในโอกาสซึ่งหาได้ยาก

ฉันได้บอกกับคนที่เพิ่งรู้จักว่า ฉันศึกษาเรื่องเพศ

that I study sex,

if they don't end the conversation right then,

ถ้าพวกเขาไม่จบบทสนทนาไปเลย

they're usually pretty intrigued.

พวกเขาก็จะอยากรู้อยากเห็นต่อมากๆ

"Oh. Tell me more."

"โอ้ แล้วไงต่อ"

So I do.

ฉันก็เล่าต่อค่ะ

"I'm really interested in studying the sexual behaviors

"ฉันสนใจศึกษาพฤติกรรมทางเพศ

of pregnant and postpartum couples."

ของคู่รักระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด"

At this point I get a different kind of response.

พอมาถึง ณ จุดนี้ แต่ละคนก็จะมีการตอบสนองที่ต่างกันออกไป

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

"Oh. Huh.

"โอ้ เฮอะ

Do pregnant people even have sex?

คนท้องเค้ามีเพศสัมพันธ์กันด้วยเหรอ

Have you thought about studying sexual desire

คุณเคยคิดที่จะศึกษา เรื่องความต้องการทางเพศ

or orgasms?

หรือจุดสุดยอดบ้างมั้ย

That would be interesting, and sexy."

มันดูน่าสนใจ

และเซ็กซี่มากๆ เลยนะ"

บอกฉันทีสิว่าคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว เมื่อนึกถึงภาพคนท้องคือคำว่าอะไร

Tell me. What are the first words that come to mind

when you picture a pregnant woman?

I asked this question in a survey of over 500 adults,

ฉันทำการสำรวจ และถามคำถามนี้กับคน 500 คน

and most responded with "belly" or "round"

ส่วนมากก็จะตอบว่า "พุง" หรือ "กลมๆ"

and "cute."

และ "น่ารัก"

มันไม่ได้ทำให้ฉันแปลกใจเท่าไหร่

This didn't surprise me too much.

What else do we label as cute?

เราใช้คำว่า "น่ารัก" กับอะไรอีกบ้าง

Babies. Puppies. Kittens.

เด็กน้อย ลูกสุนัข ลูกแมว

The elderly. Right?

คนแก่ ใช่ไหมคะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

When we label an adult as cute, though,

เมื่อเราแปะป้ายผู้ใหญ่ว่าน่ารัก

we take away a lot of their intelligence,

เราพรากสติปัญญาและความซับซ้อน ของพวกเขาออกไปอย่างมาก

their complexity.

We reduce them to childlike qualities.

เราลดทอนพวกเขาให้กลายเป็นเด็กน้อย

ฉันยังเคยถามชายที่รักคนต่างเพศ

I also asked heterosexual men

to imagine a woman that they're partnered with is pregnant,

ให้จินตนาการถึงคนรักของเขา ที่กำลังตั้งครรภ์

and then asked women to imagine that they are pregnant,

และถามถึงผู้หญิง ให้จินตนาการว่ากำลังตั้งครรภ์

and then tell me the first words that come to mind

จากนั้นให้เล่าว่า คำแรกที่โผล่ขึ้นมาในใจคืออะไร

when they imagine having sex.

เมื่อทั้งคู่จินตนาว่ากำลังมีเพศสัมพันธ์กัน

Most of the responses were negative.

คำตอบส่วนมากจะออกมาในทางลบค่ะ

"Gross."

"สะอิดสะเอียน"

"Awkward."

"อึดอัด"

"Not sexy." "Odd."

"ไม่เซ็กซี่" "พิสดาร"

"Uncomfortable."

"ไม่สะดวกสบาย"

"How?"

"ทำยังไง"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

"ไม่คุ้มถ้าเกิดปัญหาขึ้น" "ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง"

"Not worth the trouble." "Not worth the risk."

That last one really stuck with me.

คำตอบข้อสุดท้ายแทงใจดำฉันมากเลย

We might think that because we divorce pregnant women and moms from sexuality,

เราอาจคิดว่าเพราะเราได้แยก ผู้หญิงท้องและคุณแม่ออกจากเรื่องทางเพศ

we are removing the constraints of sexual objectification.

เมื่อเราถอดถอน การทำให้พวกเธอเป็นวัตถุทางเพศ

They experience less sexism. Right?

พวกนางกำลังถูกเหยียดเพศน้อยลงหรือเปล่า

ก็ไม่เชิง

Not exactly.

What happens instead is a different kind of objectification.

สิ่งที่เกิดขึ้นมาแทนก็คือ การทำให้เป็นวัตถุด้วยวิธีการอื่นๆ

In my efforts to explain this to others,

ในบทสนทนาครั้งหนึ่ง ตอนที่ฉันพยายามอธิบายประเด็นนี้

one conversation led to the Venus of Willendorf,

มันนำไปสู่ "วีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟ"

a Paleolithic figurine scholars assumed was a goddess of love and beauty,

รูปปั้นจากยุคหินเก่าที่เหล่านักวิชาการ ยกให้เป็นเทพีแห่งความรักและความงาม

hence the name Venus.

อันเป็นที่มาของชื่อเทพี "วีนัส"

This theory was later revised, though,

อย่างไรเสีย ทฤษฎีนี้ได้ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่

when scholars noted the sculptor's obvious focus

เมื่อนักวิชาการต่างสนใจ อวัยวะสืบพันธุ์ของรูปปั้น

on the figurine's reproductive features:

ซึ่งประติมากรให้ความใส่ใจอย่างโจ่งแจ้ง

large breasts, considered ideal for nursing;

ได้แก่หน้าอกไซซ์บิ๊ก อันแสดงถึงความสามารถในการดูแลลูก

a round, possibly pregnant belly;

หน้าท้องอ้วนกลมที่อาจจะหมายถึงการตั้งครรภ์

the remnants of red dye, alluding to menstruation or birth.

ร่องรอยสีแดงที่หลงเหลืออยู่ สื่อถึงประจำเดือนหรือการคลอดลูก

นักวิชาการต่างคาดว่า เธอต้องถูกตรึงเอาไว้หรือไม่ก็วางนอน

They also assumed that she was meant to be held or placed lying down

because her tiny feet don't allow her to be freestanding.

เพราะฝ่าเท้าคู่จิ๋วไม่อนุญาต ให้เธอยืนได้โดยไม่มีอะไรมาค้ำยัน

She also had no face.

แล้วเธอก็ยังไม่มีหน้าตาอีกด้วย

For this reason, it was assumed that she was a representation of fertility

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงถูกยกให้เป็น ตัวแทนของการมีบุตร

and not a portrait of a person.

และไม่ใช่ภาพแทนของบุคคล

She was an object.

เธอเป็นเพียงวัตถุ

In the history of her interpretation,

ประวัติศาสตร์ที่ว่าด้วยการตีความเธอ

she went from object of ideal beauty and love

ได้โยกย้ายเธอ จากวัตถุแห่งความรักและความงามในอุดมคติ

to object of reproduction.

มาสู่วัตถุแห่งการสืบพันธุ์

ฉันยังคิดว่าการเปลี่ยนผ่านนี้

I think this transition speaks more

about the scholars who have interpreted her purpose

บอกเล่าถึงเหล่าผู้เชี่ยวชาญ ที่มาตีความวัตถุประสงค์ของเธอ

than the actual purpose of the figurine herself.

มากกว่าการเล่าวัตถุประสงค์ ของรูปปั้นจริงๆ

เมื่อผู้หญิงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา

When a woman becomes pregnant,

she leaves the realm of men's sexual desire

เธอเดินทางออกจากดินแดน แห่งแรงปรารถนาทางเพศของผู้ชาย

and slides into her reproductive and child-rearing role.

และเคลื่อนตัวมาสู่บทบาทหน้าที่ ว่าด้วยการสืบพันธุ์และการเลี้ยงดูทายาท

In doing so, she also becomes

แล้วเธอก็ยังกลายมาเป็นทรัพย์สินของชุมชน ที่ทุกคนต่างหันมาให้ความสนใจ

the property of the community,

considered very important but only because she's pregnant. Right?

แต่นั่นก็เพราะเธอตั้งท้อง ใช่ไหมคะ

I've taken to calling this the Willendorf effect,

ฉันได้เรียกมันว่า ปรากฏการณ์วิลเลนดอร์ฟ

and once again we see it reinforced in many aspects of her life.

และอีกครั้งที่เราได้เห็นมันมากดข่ม ชีวิตของเธอในทุกๆ ด้าน

ในที่นี้ใครเคยถูกพบเจอว่า กำลังตั้งครรภ์บ้างคะ

Has anyone here ever been visibly pregnant?

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Yeah. Lots of you, right?

โอ้ เยอะเลย

So how many of you ever had a stranger touch your belly during pregnancy,

แล้วใครบ้างที่เคยถูกคนแปลกหน้า เข้ามาลูบท้องตอนที่ท้องอยู่

maybe without even asking your permission first?

ซึ่งบางครั้งก็มาโดยไม่ได้ขออนุญาตด้วยซ้ำ

Or told what you can and cannot eat

หรือเข้ามาบอกว่าอะไรที่กินได้และกินไม่ได้

by somebody who is not your doctor, your medical care provider?

โดยใครสักคนที่ไม่ใช่แพทย์ หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณ

Or asked private questions about your birth plan?

หรือถามคำถามส่วนตัว เกี่ยวกับการแผนการคลอดบุตร

And then told why those choices are all wrong?

แล้วต่อด้วยการบอกว่า วิธีการที่คุณเลือกมามันผิด

Yeah, me too.

ใช่ ฉันก็โดน

Or had a server refuse to bring you a glass of wine?

หรือเคยเจอบริกรปฏิเสธ ที่จะเสิร์ฟไวน์สักแก้วให้กับคุณ

มันอาจทำให้คุณชะงักนะ เข้าใจค่ะ แต่อยู่กับฉันก่อน

This one might give you pause, I know, but stay with me.

This is a huge secret.

นี่เป็นความลับที่ใหญ่มาก

It is actually safe to drink in moderation during pregnancy.

จริงๆ แล้วการดื่มนิดหน่อยช่วงตั้งครรภ์ มันปลอดภัยค่ะ

Many of us don't know this

หลายๆ คนไม่รู้ด้วยซ้ำ

because doctors don't trust pregnant women with this secret --

ก็เพราะคุณหมอไม่เชื่อใจ ที่จะเผยความลับนี้แก่คนท้อง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

especially if she's less educated or a woman of color.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเธอด้อยการศึกษา หรือเป็นผู้หญิงผิวสี

What this tells us is,

เรื่องนี้บอกอะไรเรา

this Willendorf effect, it's also classist and racist.

มันบอกว่าปรากฏการณ์วิลเลนดอร์ฟ ทั้งเหยียดชนชั้นและเหยียดชาติพันธุ์

It's present when the government reminds women

มันปรากฏขึ้นในตอนที่ รัฐบาลย้ำเตือนผู้หญิง

with every new anti-choice bill

ว่าสิ่งที่อยู่ในมดลูกของเธอ ไม่ใช่ของของเธออีกต่อไป

that the contents of her uterus are not her own,

ด้วยร่างกฎหมายที่ห้ามการทำแท้งเสรี

or when an ob-gyn says,

หรือเมื่อตอนที่หมอสูตินรีเวชพูดว่า

"While it's safe to have sex during pregnancy,

"แม้การมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างตั้งท้องมันจะปลอดภัย

sometimes you never know.

บางครั้งคุณก็ไม่มีทางรู้หรอก

Better safe than sorry, right?"

แต่ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าไหม"

She's denied basic privacy and bodily autonomy

เธอถูกปฏิเสธที่จะมีความเป็นส่วนตัว และสิทธิ์ชอบธรรมทางร่างกาย

under the guise of "be a good mother."

ด้วยข้ออ้างที่บอกว่า "จงเป็นแม่ที่ดี"

เราไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ที่จะให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง

We don't trust her to make her own decisions.

ก็เพราะเธอน่ารักไง จำได้ไหม

She's cute, remember?

When we tell women

เมื่อเราบอกกับผู้หญิงว่า

that sexual pleasure -- excuse me.

ความสุขทางเพศ -- ขอโทษค่ะ

When we tell women that sex isn't worth the risk during pregnancy,

เมื่อเราบอกกับผู้หญิงว่าการมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างตั้งท้องมันไม่คุ้มเสี่ยง

what we're telling her is that her sexual pleasure doesn't matter.

เรากำลังบอกเธอว่า ความสุขทางเพศของเธอมันไม่สำคัญ

So what we are telling her is that she in fact doesn't matter,

ดังนั้น สิ่งที่เรากำลังบอกเธอ คือ จริงๆ แล้ว เธอนั้นไม่สำคัญเลย

even though the needs of her fetus are not at odds with her own needs.

แม้ความต้องการของลูกในครรภ์ จะไม่ขัดต่อความต้องการของเธอเองก็ตาม

So medical providers,

ผู้ให้บริการทางการแพทย์ทั้งหลาย

such as the American College of Obstetricians and Gynecologists

เช่นสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งอเมริกา (ACOG)

have the opportunity to educate about the safety of sex during pregnancy.

มีโอกาสที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับ ความปลอดภัยที่จะมีเพศสัมพันธ์ช่วงตั้งครรภ์

So what do the experts say?

แล้วผู้เชี่ยวชาญพูดว่าอะไร

ACOG actually has no public official statement

ACOG กลับไม่เคยออกประกาศ อย่างเป็นทางการต่อสาธารณะ

about the safety of sex during pregnancy.

ว่าด้วยความปลอดภัย ของการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์

ข้อแนะนำจากมาโยคลินิก โดยรวมแล้วก็ฟังดูดี

Guidance from the Mayo Clinic is generally positive

but presented with a caveat:

แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่า

"Although most women can safely have sex throughout pregnancy,

"แม้ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย

sometimes it's best to be cautious."

แต่บางครั้ง ทางทีดีก็พึงระวัง"

Some women don't want to have sex during pregnancy,

ผู้หญิงบางคนไม่ต้องการ ที่จะมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์

and that's OK.

นั่นโอเคค่ะ

Some women do want to have sex during pregnancy,

ผู้หญิงบางคนต้องการ ที่จะมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์

and that's OK, too.

นั่นก็โอเคเช่นกัน

What needs to stop is society telling women

สิ่งที่จำเป็นต้องหยุดคือ สังคมที่พร่ำบอกกับผู้หญิงว่า

what they can and cannot do with their bodies.

อะไรที่เธอทำได้และไม่ได้ต่อร่างกายของเธอ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Pregnant women are not faceless, identity-less vessels of reproduction

คนท้องไม่ใช่ภาชนภัณฑ์สำหรับการสืบพันธุ์ ที่ไร้ใบหน้าและไร้ตัวตน

who can't stand on their own two feet.

ซึ่งไม่สามารถยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้

But the truth is, the real secret is,

แต่ในความเป็นจริง ความลับที่แท้จริง

we tell all women that their sexual pleasure doesn't matter.

เราบอกกับผู้หญิงทุกคนว่า ความสุขทางเพศเป็นเรื่องไม่สำคัญ

We refuse to even acknowledge that women who have sex with women

เราปฏิเสธที่จะยอมรับการมีอยู่ของผู้หญิง ที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง

or women who don't want children even exist.

หรือผู้หญิงที่ไม่ต้องการมีลูก

"Oh, it's just a phase ...

"อ๋อ มันก็แค่ระยะนี้เท่านั้นแหละ

she just needs the right man to come along."

เธอแค่รอผู้ชายสักคนที่ใช่ที่จะมาอยู่ด้วย"

Every time a woman has sex

ทุกๆ ครั้งที่ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์

simply because it feels good,

นั่นก็เพราะมันรู้สึกดี

it is revolutionary.

มันเป็นการปฏิวัติ

She is revolutionary.

เธอเป็นนักปฏิวัติ

She is pushing back against society's insistence

เธอกำลังต่อต้าน คำยืนกรานของสังคม

that she exist simply for men's pleasure

ว่าเธอคงอยู่เพียงเพื่อความพึงพอใจของเพศชาย

or for reproduction.

หรือเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์

ผู้หญิงที่ให้ความสำคัญ กับความต้องการทางเพศเป็นคนที่น่ากลัว

A woman who prioritizes her sexual needs is scary,

because a woman who prioritizes her sexual needs prioritizes herself.

เพราะผู้หญิงที่ให้ความสำคัญ กับความต้องการทางเพศ

จะให้ความสำคัญกับตัวเองก่อน

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

That is a woman demanding that she be treated as an equal.

เธอคือผู้ที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง การปฏิบัติอย่างเท่าเทียม

That is a woman who insists

คือผู้ที่ยืนกรานว่า

that you make room for her at the table of power,

คุณจะแบ่งพื้นที่ให้แก่เธอ บนพื้นที่แห่งอำนาจ

and that is the most terrifying of all

และนั่นเป็นสิ่งที่น่าหวั่นเกรงที่สุด

because we can't make room for her

เพราะเราไม่สามารถแบ่งเค้กให้กับเธอได้

without some of us giving up the extra space we hold.

โดยไม่ยอมลดทอนอำนาจ ที่เราถืออยู่ในมือลงไป

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

I have one last secret for you.

ฉันมีความลับสุดท้ายที่จะบอกกับคุณ

I am the mother of two boys

ฉันเป็นคุณแม่ของลูกชาย 2 คน

and we could use your help.

และเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ

แม้ลูกๆ จะได้ยินฉันพูดเป็นประจำว่า

Even though my boys hear me say regularly

มันเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ชาย จะต้องปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างเท่าเทียม

that it's important for men to recognize women as equals

and they see their father modeling this,

และเขาก็มีคุณพ่อเป็นแบบอย่าง

we need what happens in the world to reinforce what happens in our home.

เราต้องนำสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นบนโลก มาเสริมสร้างให้มันเกิดขึ้นในบ้านของเรา

This is not a men's problem or a women's problem.

นี่ไม่ใช่ปัญหาของผู้ชายหรือของผู้หญิง

This is everyone's problem,

มันเป็นปัญหาของทุกคน

and we all play a role in dismantling systems of inequality.

เราทุกคนมีส่วนช่วยรื้อถอน ระบบแห่งความไม่เท่าเทียมนี้ให้หมดไป

For starters, we have got to stop telling women

สำหรับผู้เริ่มต้น เราต้องหยุดที่จะบอกกับผู้หญิงว่า

what they can and cannot do with their bodies.

อะไรที่เธอทำได้และไม่ได้ต่อร่างกายของเธอ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

This includes not treating pregnant women like community property.

ซึ่งรวมถึงการไม่นับว่าหญิงตั้งครรภ์ เป็นทรัพย์สินร่วมของชุมชน

If you don't know her, don't even ask to touch her belly.

ถ้าคุณไม่รู้จักเธอ อย่าแม้แต่จะขออนุญาตสัมผัสหน้าท้องเธอ

You wouldn't anybody else.

คุณจะไม่ทำแบบนี้กับใคร

Don't tell her what she can and cannot eat.

อย่าบอกเธอ ว่าอะไรควรหรือไม่ควรกิน

Don't ask her private details about her medical decisions.

อย่าถามรายละเอียดส่วนตัว ที่เกี่ยวกับการตัดสินใจต่างๆ

This also includes understanding

ซึ่งรวมถึงความเข้าใจที่ว่า

that even if you are personally against abortion,

แม้โดยส่วนตัวคุณจะต่อต้านการทำแท้ง

you can still fight for a woman's right to choose.

คุณก็สามารถลุกขึ้นมาสู้ เพื่อสิทธิ์การเลือกของผู้หญิงได้

When it comes to women's equality, the two need not oppose one another.

เมื่อเป็นเรื่องความเท่าเทียม พลังทั้งสองฝ่ายต้องไม่สู้กันเอง

If you're somebody who has sex with women,

ถ้าคุณเป็นใครก็ตาม ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง

prioritize her pleasure.

ให้ความสำคัญกับความสุขของเธอ

If you don't know how, ask.

ถ้าคุณไม่รู้ว่าทำอย่างไร ให้ถาม

และถ้าคุณมีลูก

If you have children --

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

have conversations about sex as early as possible,

จงคุยกันเรื่องเพศ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพราะเดี๋ยวนี้เด็กไม่ได้เปิดพจนานุกรม เพื่อหาความหมายของคำว่า s-e-x อีกต่อไป

because kids don't look up s-e-x in the dictionary anymore.

They look it up on the internet.

พวกเขาเข้าไปหาจากในอินเทอร์เน็ต

And when you're having those conversations about sex,

และเมื่อคุณคุยกับลูกเรื่องเพศ

อย่าไปเน้นที่การสืบพันธุ์เท่านั้น

don't center them on reproduction only.

People have sex for many reasons,

มนุษย์เรามีเพศสัมพันธ์กัน ด้วยหลายเหตุผล

some because they want a baby,

บางคนเพราะต้องการที่จะมีลูก

but most of us have sex because it feels good.

แต่ส่วนมากมีเพศสัมพันธ์เพราะมันรู้สึกดี

Admit it.

จงยอมรับมัน

And regardless of whether you have children or not,

และไม่ว่าคุณจะมีลูกหรือไม่ก็ตาม

support comprehensive sex education that doesn't shame our teenagers.

จงสนับสนุนหลักสูตรเพศศึกษา ที่เน้นเสริมสร้างความเข้าใจ

ซึ่งไม่ทำให้เด็กวัยรุ่นของเราต้องอับอาย

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Nothing positive comes from shaming teens

ไม่มีผลบวกอื่นใด

ที่ได้มาจากการทำให้วัยรุ่นต้องอับอาย เพราะความต้องการทางเพศและพฤติกรรมของพวกเขา

for their sexual desires, behaviors,

other than positive STD and pregnancy tests.

นอกเสียไปจากผลบวก ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์

Every single day, we are all given the opportunity

ในทุกๆ วัน เราล้วนมีโอกาสที่จะทำลาย

to disrupt patterns of inequality.

ขนบแห่งความไม่เท่าเทียมให้สิ้นซาก

I think we can all agree that it's worth the trouble to do so.

ฉันคิดว่าพวกเราล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า มันควรค่าแก่ความยุ่งยากที่จะทำมัน

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)