Katherine Fulton: You are the future of philanthropy

Translator: Chutika Udomsinn Reviewer: Bank Light

I want to help you re-perceive what philanthropy is,

ฉันอยากจะช่วยให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับการกุศลในมุมมองใหม่

what it could be,

ว่ามันสามารถจะเป็นอะไรได้บ้าง

and what your relationship to it is.

และคุณจะเกี่ยวข้องกับมันอย่างไรได้บ้าง

And in doing that, I want to offer you a vision,

ดังนั้น ฉันอย่างจะเสนอวิสัยทัศน์

an imagined future, if you will,

หรือคุณจะเรียกว่า เป็นจินตนาการเกี่ยวกับอนาคตก็ได้

of how, as the poet Seamus Heaney has put it,

อย่างที่กวี ชีมัส ฮีนี่ ได้กล่าวไว้ว่า

"Once in a lifetime

"คร้งหนึ่งในชีวิต

the longed-for tidal wave of justice can rise up,

คลื่นแห่งความยุติธรรมสามารถซัดเข้าหาฝั่ง

and hope and history rhyme."

และทำให้ความหวังไม่ไกลจากความเป็นจริง"

I want to start with these word pairs here.

ฉันอยากจะเริ่มต้นด้วยคำตรงข้ามเหล่านี้

We all know which side of these we'd like to be on.

พวกเรารู้ดีว่า เราอยากเลือกเป็นดั่งคำฝั่งไหน

When philanthropy was reinvented a century ago,

เมื่อการกุศลเริ่มเมื่อศตวรรตที่แล้ว

when the foundation form was actually invented,

เมื่อองค์กรการกุศลต่างๆ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมา

they didn't think of themselves on the wrong side of these either.

พวกเค้าไม่คิดว่าเค้าเลือกคำผิดฝั่งเหมือนกัน

In fact they would never have thought of themselves

จริงๆ แล้ว พวกเค้าไม่คิดเลยว่าพวกเค้าจะ

as closed and set in their ways,

ปิดกั้น

as slow to respond to new challenges,

เชื่องช้าต่อความท้าทายใหม่

as small and risk-averse.

เล็กและไม่ยอมรับความเสี่ยง

And in fact they weren't. They were reinventing charity in those times,

จริงๆ แล้วพวกเค้าไม่ได้เป็นอย่างงั้น พวกเค้าได้คิดริเริ่มการกุศลในตอนนั้น

what Rockefeller called "the business of benevolence."

อย่างที่ร็อคกี้เฟลเลอร์เรียกว่า "ธุรกิจของความการุณย์"

But by the end of the 20th century,

แต่ถึงช่วงปลายศตวรรตที่ยี่สิบ

a new generation of critics and reformers

นักวิจารณ์และนักปฏิรูปรุ่นใหม่

had come to see philanthropy just this way.

มองเห็นการกุศลแบบเก่าเป็นเช่นนั้น

The thing to watch for

สิ่งที่เราต้องคอยจับตามอง

as a global philanthropy industry comes about --

ก็คือ ขณะที่อุตสาหกรรมการกุศลของโลกได้เกิดขึ้น

and that's exactly what is happening --

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ

is how the aspiration is to flip

เราจะมีความทะเยอทะยานในการเปลี่ยน

these old assumptions,

สมมุติฐานเก่าๆ นี้ได้อย่างไร

for philanthropy to become open and big

การที่การกุศลจะเปิดกว้าง และเติบใหญ่

and fast and connected, in service of the long term.

รวดเร็ว และเชื่อมโยม อยู่ในบริการเป็นเวลานาน

This entrepreneurial energy

พลังของผู้ประกอบการณ์นั้น

is emerging from many quarters.

ไหลหลั่งมาจากหลายส่วน

And it's driven and propelled forward by new leaders, like many of the people here,

และมันถูกขับเคลื่อนโดยผู้นำรุ่นใหม่ เช่นหลายๆ ท่านในที่นี้

by new tools, like the ones we've seen here,

ด้วยเครื่องมือใหม่ๆ ที่เราเห็นในนี้

and by new pressures.

ด้วยแรงกดดันใหม่ๆ

I've been following this change for quite a while now, and participating in it.

ฉันได้ติดตามและเข้าร่วมในการเปลี่ยนนี้มาได้ซักพักแล้ว

This report is our main public report.

รายงานอันนี้เป็นรายงานสาธารณะอันหลัก

What it tells is the story of how today

ซึ่งเล่าเรื่องราวว่าในทุกวันนี้

actually could be as historic

สามารถสร้างประวัติศาสตร์

as 100 years ago.

ได้อย่างร้อยปีที่ผ่านมา

What I want to do is share some of the coolest things

ฉันอยากที่จะแบ่งปันสิ่งเจ๋งๆ เหล่านี้

that are going on with you.

ให้กับทุกๆ คน

And as I do that, I'm not going to dwell much

แต่ว่าฉันจะไม่พูดถึง

on the very large philanthropy that everybody already knows about --

องค์การการกุศลใหญ่ๆ ที่ทุกกคนก็รู้จักดี

the Gates or the Soros or the Google.

เช่น องค์กรของ เกตส์, โซรอส, และ กูลเกิ้ล

Instead, what I want to do

แต่ว่าฉันอยากที่จะทำ

is talk about the philanthropy of all of us:

ก็คือเล่าถึงการกุศลที่พวกเราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งได้

the democratization of philanthropy.

เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยแห่งการกุศล

This is a moment in history when the average person

นี่เป็นเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่คนธรรมดาๆ

has more power than at any time.

มีพลังอำนาจมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

What I'm going to do is look at five categories of experiments,

ฉันจะพูดถึงการทดลองห้าอย่าง

each of which challenges an old assumption of philanthropy.

ซึ่งแต่ละการทดลอง ท้าทายสมมุติฐานเก่าๆ ของการกุศล

The first is mass collaboration, represented here by Wikipedia.

สิ่งแรกคือการร่วมมือของมวลชน ตัวอย่างในที่นี้คือ วิกิพีเดีย

Now, this may surprise you.

สิ่งนี้อาจจะทำให้คุณประหลาดใจ

But remember, philanthropy is about giving of time and talent, not just money.

แต่จำไว้ว่า การกุศลนั้นเกี่ยวกับการอุทิศเวลา และความสามารถ ไม่ใช่แค่เงินทุน

Clay Shirky, that great chronicler of everything networked,

เคลย์ เชอร์กี้ นักบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวพันกัน

has captured the assumption that this challenges

ได้บันทึกการท้าทายสมมุติฐานนี้

in such a beautiful way.

ได้อย่างสวยงาม

He said, "We have lived in this world

เขากล่าวว่า "พวกเราอาศัยอยู่ในโลก

where little things are done for love

ที่สิ่งเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยความรัก

and big things for money.

และสิ่งใหญ่ๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยเงิน

Now we have Wikipedia.

กระทั่ง เรามี วิกิพีเดีย

Suddenly big things can be done for love."

ทันใดนั้น สิ่งที่ยิ่งใหญ่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยความรัก"

Watch, this spring, for Paul Hawken's new book --

จับตารอดูหนังสือเล่มใหม่ของ พอล ฮอเก้น ที่่จะออกมาตอนฤดูใบไม้ผลินี้

Author and entrepreneur many of you may know about.

นักเขียนและผู้ประกอบการที่พวกคุณหลายๆ คนคงรู้จัก

The book is called "Blessed Unrest."

หนังสือมีชื่อว่า "ความไม่สงบที่ได้รับพร (ฺBlessed Unrest)"

And when it comes out, a series of wiki sites

และเมื่อมันออกมา เวปไซต์แบบวิกิหลายไซต์

under the label WISER, are going to launch at the same time.

ภายใต้ซื่อ WISER จะเปิดตัวในเวลาพร้อมๆ กัน

WISER stands for World Index

WISER ย่อมาจาก World Index (ดัชนีแห่งโลก)

for Social and Environmental Responsibility.

for Social and Environmental Responsibility (ของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม)

WISER sets out to document, link and empower

จุดมุ่งหมายของ WISER คือการบันทึก เชื่อมโยง และให้อำนาจ

what Paul calls the largest movement,

เป็นสิ่งที่พอลเรียกว่าการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

and fastest-growing movement in human history:

และเติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

humanity's collective immune response

ภูมิคุ้มที่สั่งสมของมนุษยชาติได้ตอบโต้

to today's threats.

ต่อภัยต่างๆในปัจจุบัน

Now, all of these big things for love -- experiments --

ขณะนี้ สิ่งยิ่งใหญ่ทั้งหลายสำหรับการทดลองแห่งความรัก

aren't going to take off.

ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นทั้งหมด

But the ones that do

แต่สิ่งสำหรับที่เกิดขึ้นแล้ว

are going to be the biggest, the most open,

จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เปิดกว้างที่สุด

the fastest, the most connected form of philanthropy in human history.

รวดเร็วที่สุด และเชื่อมโยงที่สุด ในประวัติศาสตร์การกุศลของมนุษยชาติ

Second category is online philanthropy marketplaces.

ประเภทที่สองก็คือตลาดการกุศลออนไลน์

This is, of course, to philanthropy

ความสัมพันธ์ของสิ่งนี่เกี่ยวกับการกุศล

what eBay and Amazon are to commerce.

ก็เปรียบได้กับอีเบย์หรืออะเมซอนในด้านการค้า

Think of it as peer-to-peer philanthropy.

คิดถึงมันว่าเป็นการกุศลแบบจากเพื่อนถึงเพื่อน

And this challenges yet another assumption,

และสิ่งที่ก็ท้าทายสมมุติฐานอีกข้อ

which is that organized philanthropy is only for the very wealthy.

ที่ว่าการกุศลที่จัดการได้ดีนั่นสำหรับคนรวยเท่านั้น

Take a look, if you haven't, at DonorsChoose.

ลองดู ถ้าคุณยังไม่เคยเห็น ที่องค์กร DonorsChoose

Omidyar Network has made a big investment in DonorsChoose.

บริษัท Amygura Network ได้ลงทุนก้อนใหญ่ให้กับ DonorsChoose

It's one of the best known of these new marketplaces

ซึ่งกลายเป็นการลงทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับตลาดใหม่นี้

where a donor can go straight into a classroom

ที่ผู้บริจาคสามารถตรงไปที่ห้องเรียน

and connect with what a teacher says they need.

แล้วถามคุณครูตรงๆ ได้เลยว่าครูต้องการอะไร

Take a look at Changing the Present,

ลองมาดูที่องค์กรที่ชื่อ Changing the Present (การเปลี่ยนแปลงของของขวัญ)

started by a TEDster, next time you need a wedding present or a holiday present.

ซึ่งก่อตั้งด้วยชาว TED คนหนึ่ง ครั้งหน้าถ้าคุณต้องการของขวัญวันแต่งานหรือของขวัญในเทศกาล

GiveIndia is for a whole country.

GiveIndia นี่สำหรับทั้งประเทศเลย

And it goes on and on.

มีอีกหลายองค์กรมากมาย

The third category is represented by Warren Buffet,

ประเภทที่สามมีวอเรน บั๊บเฟต์เป็นตัวแทน

which I call aggregated giving.

เป็นสิ่งที่ฉันเรียกว่าการร่วมกันให้

It's not just that Warren Buffet was so amazingly generous

มันไม่ใช่ว่าวอเรนนั้นใจดีสุดๆ

in that historic act last summer.

กับประวัติที่เขาสร้างซัมเมอร์ที่แล้ว

It's that he challenged another assumption,

แต่ว่าเค้าได้ท้าทายสมมุติฐานอีกข้อหนึ่งที่ว่า

that every giver should have his or her own

ผู้บริจาคทุกคนจะต้องมี

fund or foundation.

กองทุนหรือองค์กรของเป็นตัวเอง

There are now, today, so many new funds

แต่จริงแล้วทุกวันนี้มีกองทุกมากมาย

that are aggregating giving and investing,

ที่ร่วมกันบริจาคและลงทุน

bringing together people

รวบรวมผู้คน

around a common goal, to think bigger.

ทีมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ให้คิดได้ใหญ่ขึ้น

One of the best known is Acumen Fund, led by Jacqueline Novogratz,

องค์กรแบบนี้ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Acumen Fund ที่นำโดยเจคเคอลีน โนโวเกรตส์

a TEDster who got a big boost here at TED.

เธอเป็นขาว TED คนหนึ่งที่ได้กำลังใหญ่ยิ่งใหญ่ที่ TED นี่เอง

But there are many others: New Profit in Cambridge,

ยังมีอีกหลายราย เช่น New Profit ในเคมบริดจ์

New School's Venture Fund in Silicon Valley,

New School's Venture Fund ในซิลิคอน เวลเล่ย์

Venture Philanthropy Partners in Washington,

Venture Philanthropy Partners ในวอชิงตัน

Global Fund for Women in San Francisco.

Global Fund for Women ในซานฟราน ซิสโก

Take a look at these.

มาพิจารณากันว่า

These funds are to philanthropy

ความสัมพันธ์ของกองทุนเหล่านี้ต่อการกุศล

what venture capital, private equity, and eventually mutual funds

ก็เหมือนความสัมพันธ์ของ การร่วมลงทุน กองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนนอกตลาด และกองทุนรวม

are to investing,

ต่อการลงทุน

but with a twist --

แต่ว่ามีจุดแตกต่างนิดหน่อย

because often a community forms around these funds,

ที่ว่าชุมชมจะเกิดขึ้นในกองทุนเพื่อการกุศลเหล่านี้

as it has at Acumen and other places.

อย่างที่ได้เกิดขึ้นที่ Acumen และที่อื่นๆ

Now, imagine for a second

มา มาจินตนาการกันซักหน่อยว่า

these first three types of experiments:

ว่าการทดลองสามประเภทแรกนี้อันได้แก่

mass collaboration, online marketplaces, aggregated giving.

การร่วมมือของมวลชน ตลาดออนไลน์ และการร่วมกันบริจาค

And understand how they help us re-perceive

และมาเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้เราเรียนรู้ใหม่

what organized philanthropy is.

ว่าอะไรที่เป็นตัวจัดตั้ง การกุศล เรื่อยมา

It's not about foundations necessarily; it's about the rest of us.

มันไม่ใช่เพราะว่าองค์กรเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ว่ามันเป็นเพราะพวกเราทุกคน

And imagine the mash-up, if you will, of these things, in the future,

และมาจินตนาการว่าเราเอาสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาลองรวมกัน

when these things come together in the experiments of the future --

เมื่อเราทดลองเอาสิ่งเหล่านี้มาร่วมกันในอนาคต

imagine that somebody puts up, say,

จินตนาการว่ามีคนพูดขึ้นมาว่า

100 million dollars

ร้อยล้านดอลลาร์

for an inspiring goal --

สำหรับเป้าหมายที่สร้างแรงบันดาลใจ

there were 21 gifts of 100 million dollars or more in the US last year,

ปีที่แล้วในในอเมริกา มีของขวัญมูลค่าหนึ่งร้อยล้านดอลล่าร์หรือมากกว่าจำนวน 21 ชิ้น

not out of the question --

แน่นอนว่าเป็นไปได้

but only puts it up if it's matched

แต่ เพียงแค่ป่าวประกาศ หากถูกตอบรับ โดย

by millions of small gifts from around the globe,

ของขวัญชิ้นเล็กๆ เป็นล้านๆ จากทั่วโลก

thereby engaging lots of people,

เพราะฉะนั้นการเชิญชวนคนจำนวนมาก

and building visibility and engaging people

และทำให้ใครๆ มองเห็นและเชิญชวนคนมากๆ

in the goal that's stated.

ในจุดหมายที่ได้กล่าวว่า

I'm going to look quickly at the fourth and fifth categories,

ฉันจะพูดถึงการกุศลประเภทที่สี่และห้าอย่างสั้นๆ

which are innovation, competitions and social investing.

ซึ่งได้แก่นวัตกรรม การแข่งขัน และการลงทุนเพื่อสังคม

They're betting a visible competition, a prize,

พวกเขาพนันว่าการแข่งขันที่มองเห็นได้ โดยมีรางวัล นั้น

can attract talent and money to some of the most difficult issues,

สามารถดึงดูดคนที่มีความสามารถและเงินทุนต่อเหตุการณ์ยากๆ ได้

and thereby speed the solution.

และทำให้การหาทางออกเกิดขึ้นได้รวดเร็วขึ้น

This tackles yet another assumption,

นี่จะแก้สมมุติฐานอีกอันนึง

that the giver and the organization is at the center,

ที่ว่าผู้บริจาคและองค์กรเป็นศูนย์กลาง

as opposed to putting the problem at the center.

แทนที่จะปัญหาจะเป็นศูนย์กลางนั่นเอง

You can look to these innovators

คุณสามารถเห็นได้ว่านวัตกรรมเหล่านี้

to help us especially with things that require

สามารถช่วยเราได้กับสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ

technological or scientific solution.

วิธีการแก้ปัญหาโดยเทคโลยีหรือวิทยาศาตร์

That leaves the final category, social investing,

เราก็มาถึงประเภทสุดท้ายแล้ว สิ่งคือการลงทุนในการกุศล

which is really, anyway, the biggest of them all,

ซึ่งจริงๆ แล้วใหญ่กว่าประเภทได้ทั้งสิ้น

represented here by Xigi.net.

ตัวอย่างในที่นี้คือ Xigi.net

And this, of course, tackles the biggest assumption of all,

ซึ่งมันได้เปลี่ยนสมมุติฐานที่ใหญ่ที่สุด

that business is business,

ที่ว่าธุรกิจคือธุรกิจ

and philanthropy is the vehicle of people who want to create change in the world.

และการกุศลคือพาหนะสำหรับคนที่ต่างการเปลี่ยนแปลงโลก

Xigi is a new community site

Xigi คือเวปไซต์ของชุมชน

that's built by the community,

ที่สร้างโดยชุมชน

linking and mapping this new social capital market.

เพื่อเชื่อมโยงและสร้างแผนที่ของตลาดทุนนิยมเพื่อสังคมอันใหม่

It lists already 1,000 entities

เวปไซต์นี้มีหนึ่งพันรายแล้ว

that are offering debt and equity for social enterprise.

ที่เสนอเงินกู้ยืมและตราสารทุนเพื่อองค์กรเป็นสังคม

So we can look to these innovators

ดังนั้นเราสามารถพิจารณานักนวัตกรรมเหล่านี้ว่า

to help us remember

สามารถช่วยให้เราไม่ลืมว่า

that if we can leverage even a small amount of the capital

ถึงแม้เราจะลงทุนเงินจำนวนน้อยนิด

that seeks a return,

ที่แสวงหาผลลัพธ์

the good that can be driven could be astonishing.

สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นได้อาจจะน่าทึ่งที่เดียว

Now, what's really interesting here

มาถึงตอนนี้ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ

is that we're not thinking our way

พวกเราไม่ได้คิดใหม่

into a new way of acting;

เพื่อให้เกิดการกระทำแบบใหม่

we're acting our way into a new way of thinking.

แต่ว่าเรากระทำแบบใหม่เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ

Philanthropy is reorganizing itself

การกุศลกำลังจัดระเบียบตัวเองใหม่

before our very eyes.

ต่อหน้าพวกเราเลย

And even though all of the experiments and all of the big givers

และถึงแม้การทดลองและผู้บริจาครายใหญ่เหล่านี้

don't yet fulfill this aspiration,

จะไม่เติมเต็มแรงบันดาลใจนี้ได้

I think this is the new zeitgeist:

ฉันคิดว่านี้เป็นจิตวิญญาณใหม่ของยุคนี้

open, big, fast, connected,

เปิดกว้าง ใกญ่ รวดเร็ว และเชื่อมโยง

and, let us also hope, long.

และ เรามาหวังกันเถอะว่ามันจะยืนยาวด้วย

We have got to realize that it is going to take a long time to do these things.

พวกเราต้องตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลานานถึงจะเกิดได้

If we don't develop the stamina to stick with things --

ถ้าพวกเราจะทรหด ยืดติดกับสิ่งที่คุณเลือกทำ

whatever it is you pick, stick with it --

สิ่งไหนก็ตามที่คุณเลือกจะทำ จงอยู่กับมันให้ตลอด

all of this stuff is just going to be, you know, a fad.

อย่างที่คุณทราบ สิ่งพวกนี้จะเป็นแค่ฮิตเป็นพักๆ

But I'm really hopeful.

แต่ว่าฉันมีความหวัง

And I'm hopeful because it's not only philanthropy

และฉันมีความหวัง เพราะว่า ไม่ใช่แค่การกุศล

that's reorganizing itself,

ที่จะจัดการตัวเองใหม่

it's also whole other portions of the social sector,

แต่ว่าส่วนอื่นของภาคสังคมด้วย

and of business,

และของภาคธุรกิจเช่นกัน

that are busy challenging "business as usual."

ที่จะมาขลุกอยู่กับการท้าทายต่อ "ธุรกิจแบบ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นต่อไป"

And everywhere I go, including here at TED,

และที่ได้ก็ตามที่ฉันไป รวมถึงที่ TED นี่ด้วย

I feel that there is a new moral hunger

ฉันรู้สึกว่า ความกระหายต่อคุณธรรม นั้น

that is growing.

กำลังเติบโต

What we're seeing is people really wrestling

สิ่งที่เราเป็นในผู้คนกำลังปลุกปล้ำ

to describe what is this new thing that's happening.

เพื่อที่จะอธิบายถึงสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

Words like "philanthrocapitalism,"

คำศัพท์อย่างเช่น "ทุนนิยมเพื่อการกุศล"

and "natural capitalism," and "philanthroentrepreneur,"

และ "ทุนนิยมเชิงธรรมชาติ"และ "การประกอบการเพื่อการกุศล"

and "venture philanthropy."

และ "การร่วมทุนเพื่อการกุศล"

We don't have a language for it yet.

เรายังไม่มีคำที่ใช้เรียกสิ่งนี้

Whatever we call it,

อะไรก็ตามที่เราจะเรียกมัน

it's new, it's beginning,

นี่เป็นสิ่งใหม่ และเป็นแค่การเริ่มต้น

and I think it's gong to quite significant.

และฉันคิดว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก

And that's where my imagined future comes in,

และนี่เป็นแหล่งของจินตการแห่งอนาคตของฉัน

which I am going to call the social singularity.

ซึ่งที่ฉันจะเรียกว่า 'ความเป็นหนึ่งเดียวของสังคม'

Many of you will realize that I'm ripping a bit off of the science fiction writer

พวกคุณหลายๆ คนคงเห็นแล้วว่าฉันยืมแบบมาจากนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์

Vernor Vinge's notion of a technological singularity,

สิ่งที่ เวอร์เนอร์ วินจ์ เรียนกว่าความเป็นหนึ่งเดียวทางเทคโนโลยี

where a number of trends accelerate and converge

ที่เทรนด์หลายอย่างเร่งตัวเข้ามาหากัน

and come together to create, really, a shockingly new reality.

และเมื่อมันเข้ามาหากัน มันสร้างความจริงอันใหม่ที่น่าตื่นตระหนก

It may be that the social singularity

มันอาจกลายเป็นว่า ความเป็นหนึ่งเดียวทางสังคม

ahead is the one that we fear the most:

ข้างหน้านี้เอง ที่เป็นสิ่งที่พวกเรากลัวที่สุด

a convergence of catastrophes,

คือการบรรจบกันของมหายนะ

of environmental degradation,

ของความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม

of weapons of mass destruction, of pandemics,

ของอาวุธทำลายล้างหมู่ชน ของโรคระบาด

of poverty.

ของความยากจน

That's because

นั่นเพราะว่า

our ability to confront the problems that we face

ความสามารถที่จะเผชิญหน้าปัญหาของเรา

has not kept pace with our ability to create them.

ไม่เร็วพอกับความเร็วที่เราสร้างปัญหาเหล่านั้น

And as we've heard here,

และอย่างที่เราได้ยินกัน

it is no exaggeration to say

มันไม่เกินความจริงที่จะพูดว่า

that we hold the future of our civilization in our hands

อนาคตของมวลมนุษยชาติอยู่ในกำมือของพวกเรา

as never before.

ในแบบที่ไม่เคยเป็นมา

The question is, is there a positive social singularity?

คำถามคือ มันจะมีความเป็นหนึ่งเดียวทางสังคมในแง่บวกได้มั้ย?

Is there a frontier for us

มันมีพรมแดนสำหรับพวกเรา

of how we live together?

ที่เราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่?

Our future doesn't have to be imagined.

เราไม่ต้องจินตนาการเกี่ยวกับอนาคตของเรา

We can create a future where hope and history rhyme.

เราสามารถสร้างอนาคตที่ความหวัง เป็นหนึ่งเดียวกับ ความจริง

But we have a problem.

แต่ว่าเรามีปัญหาอันนึง

Our experience to date, both individually and collectively,

ประสบการณ์ที่พวกเรามี ทั้งส่วนบุคคลและแห่งมวลชน

hasn't prepared us for what we're going to need to do,

ไม่ได้ทำให้เราพร้อมต่อสิ่งที่เราต้องทำ

or who we're going to need to be.

หรือว่าคนที่เราจะต้องเป็น

We are going to need

พวกเรากำลังต้องการ

a new generation of citizen leaders

ผู้นำที่มาจากประชาชนรุ่นใหม่

willing to commit ourselves to growing and changing and learning

ที่มุ่งมั่นจะเติบโต เปลี่ยนแปลง และเรียนรู้

as rapidly as possible.

ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

That's why I have one last thing I want to show you.

ดังนั้นฉันสิ่งอย่างให้คุณเห็นสิ่งสุดท้ายนี้

This is a photograph taken about 100 years ago

นี่เป็นรูปถ่ายประมาณร้อยปีมาแล้ว

of my grandfather and great-grandfather.

เป็นรูปของปู่และปู่ทวดของฉัน

This is a newspaper publisher and a banker.

พวกเขาเป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์และนายธนาคาร

And they were great community leaders.

และพวกเขาเป็นผู้นำชุมชมที่ยิ่งใหญ่

And, yes, they were great philanthropists.

ใช่แล้ว พวกเขาเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่

I keep this photograph close by to me --

ฉันเก็บรูปถ่ายนี้ใกล้ๆ กับฉันมาตลอด

it's in my office --

มันอยู่ในห้องทำงานของฉัน

because I've always felt a mystical connection to these two men,

เพราะว่าฉันสามารถรู้สึกถึงความผูกพันอย่างมหัศจรรย์กับชายสองคนนี้

both of whom I never knew.

ผู้ที่ฉันไม่เคยพบมาก่อน

And so, in their honor,

และดังนั้น เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาทั้งสอง

I want to offer you this blank slide.

ฉันอยากจะเสนอสไลด์ที่ว่างแผ่นนี้ให้คุณ

And I want you to imagine

และฉันอยากจะให้คุณจินตนาการ

that this a photograph of you.

ว่านี้เป็นรูปของคุณ

And I want you to think about the community

และฉันอยากให้คุณคิดถึงชุมชน

that you want to be part of creating.

ที่คุณอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง

Whatever that means to you.

ไม่ว่ามันจะมีความหมายอย่างไรต่อคุณ

And I want you to imagine

และฉันอยากให้คุณลองจิตนาการว่า

that it's 100 years from now,

100 ปี นับจากนี้ไป

and your grandchild, or great-grandchild,

และหลานหรือเหลนของคุณ

or niece or nephew or god-child,

หรือเด็กที่คุุณช่วยในการประกอบพิธีกรรมเข้าเป็นศาสนาคริสต์ให้

is looking at this photograph of you.

กำลังดูรูปนี้ของคุณอยู่

What is the story you most want for them to tell?

เรื่องราวไหนของคุณ ที่คุณอยากให้พวกเขาพูดถึงมากที่สุด?

Thank you very much.

ของคุณมากค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)