Donald Sadoway: The missing link to renewable energy

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Paravee Asava-Anan

The electricity powering the lights in this theater

คุณรู้ไหมว่า พลังงานไฟฟ้าที่ให้ความสว่างในห้องประชุมนี้

was generated just moments ago.

เพิ่งจะถูกผลิตขึ้นชั่วครู่นี้เอง

Because the way things stand today,

เพราะว่าสิ่งต่างๆที่เป็นอยู่ในสภาวะปัจจุบันนี้,

electricity demand must be in constant balance

ความต้องการไฟฟ้าต้องอยู่ในสภาพสมดุลย์คงที่

with electricity supply.

กับกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้

If in the time that it took me to walk out here on this stage,

ถ้าในเวลาที่ผมเดินออกมาที่เวทีนี้,

some tens of megawatts of wind power

กระแสไฟหลายสิบเม็กกะวัตต์ที่ได้จากกำลังลม

stopped pouring into the grid,

เกิดหยุดพัดเข้าไปในระบบ,

the difference would have to be made up

ไฟฟ้าที่ขาดไปในช่วงนี้ต้องถูกสร้างขึ้นมาแทน

from other generators immediately.

จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอื่นทันที

But coal plants, nuclear plants

แต่โรงงานไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหิน หรือนิวเคลียร์

can't respond fast enough.

ไม่สามารถตอบรับสถานการณ์ได้ทันที

A giant battery could.

แต่แบตเตอรี่ยักษ์ทำได้

With a giant battery,

กับแบตเตอรี่ยักษ์,

we'd be able to address the problem of intermittency

เราจะสามารถรับมือกับปัญหาเรื่องความไม่ต่อเนื่อง

that prevents wind and solar

ที่หยุดยั้งพลังลมและแสงอาทิตย์

from contributing to the grid

จากการส่งไปยังระบบ

in the same way that coal, gas and nuclear do today.

แบบเดียวกับที่ถ่านหิน ก๊าซและนิวเคลียร์ทำอยู่ในปัจจุบัน

You see, the battery

คุณคงเห็นแล้วว่า แบตเตอรี่นั้น

is the key enabling device here.

เป็นกุญแจที่จะทำให้เครื่องทำงานได้

With it, we could draw electricity from the sun

เมื่อมีแบตเตอรี่, เราจะสามารถดึงเอาไฟฟ้าจากพระอาทิตย์

even when the sun doesn't shine.

แม้ขณะพระอาทิตย์ไม่ได้ส่องแสงแล้ว

And that changes everything.

และนี่จึงเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

Because then renewables

เพราะเมื่อถึงเวลานั้น พลังงานที่นำมาใช้ใหม่ได้

such as wind and solar

เช่นลมและแสงอาทิตย์

come out from the wings,

ออกมาจากด้านข้างของเวที,

here to center stage.

มาอยู่ตรงนี้กลางเวที

Today I want to tell you about such a device.

วันนี้ผมอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับเครื่องมือที่ว่านี้

It's called the liquid metal battery.

เรียกมันว่า แบตเตอรี่โลหะเหลว (liquid metal battery)

It's a new form of energy storage

เป็นรูปแบบใหม่ของการเก็บพลังงาน

that I invented at MIT

ที่ผมได้ประดิษฐ์ขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยี่มิชิแกน (MIT)

along with a team of my students

กับคณะลูกศิษย์ของผม

and post-docs.

และผู้ที่มาศึกษาต่อหลังจบปริญญาเอกแล้ว

Now the theme of this year's TED Conference is Full Spectrum.

ปีนี้หัวข้อการประชุมของ TED คือ สเป็คตรัมเต็มๆ (Full Spectrum)

The OED defines spectrum

พจนานุกรมอ๊อกฟอร์ดอิงลิช ให้คำจำกัดความของสเป็คตรัมว่า

as "The entire range of wavelengths

เป็น "ขอบเขตของความยาวคลื่นทั้งหมด

of electromagnetic radiation,

ของการแผ่รังสีของแม่เหล็กไฟฟ้า,

from the longest radio waves to the shortest gamma rays

จากคลื่นวิทยุที่ยาวที่สุด จนถึงรังสีแกมม่าที่สั้นที่สุด

of which the range of visible light

ซึ่งขอบเขตของแสงที่มองเห็นได้

is only a small part."

เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น"

So I'm not here today only to tell you

ผมไม่ได้มาที่นี่วันนี้ เพียงเพื่อบอกคุณว่า

how my team at MIT has drawn out of nature

ทีมร่วมงานของผมที่ MITได้ดึงวิธีการจากธรรมชาติ

a solution to one of the world's great problems.

เพื่อแก้ปัญหาหนึ่งที่ใหญ่ยิ่งของโลกได้อย่างไร

I want to go full spectrum and tell you how,

แต่ผมต้องการไปให้เต็มรูปแบบ และบอกคุณว่า

in the process of developing

ในกระบวนการพัฒนา

this new technology,

เทคนิคใหม่นี้,

we've uncovered some surprising heterodoxies

เราได้ค้นพบวิธีการที่ไม่เป็นไปตามทฤษฎี ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

that can serve as lessons for innovation,

ที่สามารถใช้เป็นบทเรียนสำหรับวิธีการใหม่ๆ,

ideas worth spreading.

แนวคิดที่มีค่า ควรเผยแพร่ออกไป

And you know,

และคุณรู้ไม๊,

if we're going to get this country out of its current energy situation,

ถ้าเราจะพาประเทศนี้ ออกจากสถานการณ์พลังงานในปัจจุบัน

we can't just conserve our way out;

เราไม่สามารถเอาตัวรอดโดยแค่เพียงประหยัด;

we can't just drill our way out;

เราไม่สามารถเอาตัวรอดโดยแค่เพียงขุดเจาะ;

we can't bomb our way out.

เราไม่สามารถเอาตัวรอดโดยการทิ้งระเบิด

We're going to do it the old-fashioned American way,

เราจะทำได้โดยใช้วิธีของอเมริกันแบบดั้งเดิม,

we're going to invent our way out,

เราจะแก้ปัญหาด้วยการคิดประดิษฐ์ขึ้นมา,

working together.

ด้วยการทำงานร่วมกัน

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Now let's get started.

เรามาเริ่มต้นกันเลย

The battery was invented about 200 years ago

แบตเตอรี่ถูกประดิษฐ์ขึ้นประมาณ 200 ปีที่แล้ว

by a professor, Alessandro Volta,

โดยศาสตราจารย์คนหนึ่ง อเลสซานโดร โวลทา,

at the University of Padua in Italy.

ที่มหาวิทยาลัยพาดูอา ในอิตาลี

His invention gave birth to a new field of science,

สิ่งประดิษฐ์ของเขา ทำให้เกิดวิทยาศาสตร์สาขาใหม่ขึ้น,

electrochemistry,

คือเคมีไฟฟ้า (electrochemistry)

and new technologies

และเทคโนโลยีใหม่ๆ

such as electroplating.

เช่น การชุบโลหะด้วยไฟฟ้า (electroplating)

Perhaps overlooked,

บางทีอาจถูกมองข้ามไป,

Volta's invention of the battery

การประดิษฐ์ของวอลทาเรื่องแบตเตอรี

for the first time also

เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเช่นกัน

demonstrated the utility of a professor.

การแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของศาสตราจารย์

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Until Volta, nobody could imagine

ก่อนหน้านั้นจนถึงวอลทา ไม่มีใครเคยคิดถึง

a professor could be of any use.

ว่าศาสตราจารย์จะมีประโยชน์อะไรได้

Here's the first battery --

นี่คือแบตเตอรีเครื่องแรก--

a stack of coins, zinc and silver,

กองเหรียญ, สังกะสีและเงิน,

separated by cardboard soaked in brine.

คั่นไว้ด้วยกระดาษแข็งเปียกนํ้าเกลือจนชุ่ม

This is the starting point

นี่เป็นจุดเริ่มต้น

for designing a battery --

ในการออกแบบแบตเตอรี--

two electrodes,

ขั้วไฟฟ้าสองขั้ว,

in this case metals of different composition,

ซึ่งในกรณีนี้ เป็นโลหะที่มีส่วนประกอบต่างกัน

and an electrolyte,

และสารละลายที่เป็นตัวนำไฟฟ้า (electrolyte)

in this case salt dissolved in water.

ซึ่งในกรณีนี้ เกลือที่ละลายในนํ้า

The science is that simple.

ในทางวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องธรรมดาขนาดนั้น

Admittedly, I've left out a few details.

ต้องรับว่า ผมได้ทิ้งรายละเอียดสองสามอย่างออกไป

Now I've taught you

ผมได้สอนคุณ

that battery science is straightforward

ว่าศาสตร์ของแบตเตอรีนั้นตรงไปตรงมา

and the need for grid-level storage

และจำต้องให้ได้ระดับการผลิตที่คงที่

is compelling,

เป็นสิ่งที่จำเป็น,

but the fact is

แต่ความจริงก็คือ

that today there is simply no battery technology

ปัจจุบันนี้ เรื่องง่ายๆ คือไม่มีเทคโนโลยีแบตเตอรี

capable of meeting

ที่จะสามารถตอบรับ

the demanding performance requirements of the grid --

ความต้องการในการทำงานที่มากขึ้นของระบบ--

namely uncommonly high power,

ซึ่งได้แก่ กำลังที่สูงผิดปกติ,

long service lifetime

ตลอดชีวิตของการใช้งานที่ยาวนาน

and super-low cost.

ค่าใช้จ่ายที่ตํ่ามากๆ

We need to think about the problem differently.

เราจำเป็นต้องคิดปัญหานี้ให้แตกต่างออกไป

We need to think big,

เราจำเป็นต้องคิดให้ใหญ่เข้าไว้,

we need to think cheap.

เราจำต้องคิดให้ราคาถูกเข้าไว้

So let's abandon the paradigm

ดังนั้นขอให้พวกเราทิ้งรูปแบบที่ว่า

of let's search for the coolest chemistry

ให้เราค้นหาโครงสร้างทางเคมีที่เจ๋งที่สุด

and then hopefully we'll chase down the cost curve

แล้วก็หวังว่าเราจะไล่เส้นโค้งของราคาให้ลดลง

by just making lots and lots of product.

โดยเพียงแค่ผลิตออกมากๆ

Instead, let's invent

แทนที่จะทำอย่างนั้น, เรามาประดิษฐ์

to the price point of the electricity market.

ให้ได้ราคาไฟฟ้าอยู่ในราคาตลาด

So that means

ดังนั้นจึงหมายความว่า

that certain parts of the periodic table

ธาตุในส่วนของตารางธาตุ

are axiomatically off-limits.

เป็นอันว่าเข้าไปเอาไม่ได้

This battery needs to be made

แบตเตอรี่นี้จึงจำต้องทำขึ้น

out of earth-abundant elements.

จากธาตุที่มีอยู่มากมายในโลก

I say, if you want to make something dirt cheap,

ผมขอพูดว่า, ถ้าคุณต้องการทำอะไรสักอย่างที่ถูกมากๆ,

make it out of dirt --

ก็ทำมันขึ้นจากดินเสียซิ--

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

preferably dirt

และถ้าจะให้ดีควรเป็นดิน

that's locally sourced.

ที่หาได้ในท้องถิ่น

And we need to be able to build this thing

เราจำเป็นต้องสร้างสิ่งนี้ให้ได้

using simple manufacturing techniques and factories

โดยใช้เทคนิคและโรงงานผลิตแบบง่ายๆ

that don't cost us a fortune.

ที่เราไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก

So about six years ago,

ดังนั้นประมาณหกปีที่แล้ว,

I started thinking about this problem.

ผมเริ่มคิดเกี่ยวกับปัญหานี้

And in order to adopt a fresh perspective,

และเพื่อที่จะนำทัศนวิสัยใหม่ๆมาใช้,

I sought inspiration from beyond the field of electricity storage.

ผมหาแรงบันดาลใจจาก นอกสาขาการเก็บกระแสไฟฟ้า

In fact, I looked to a technology

จริงๆแล้ว ผมมองเทคโนโลยีหนึ่ง

that neither stores nor generates electricity,

ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเก็บหรือผลิตกระแสไฟฟ้า,

but instead consumes electricity,

แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้กระแสไฟฟ้า,

huge amounts of it.

ในปริมาณที่มากมายเสียด้วย

I'm talking about the production of aluminum.

ผมกำลังพูดถึงการผลิตอลูมิเนียม

The process was invented in 1886

เป็นกระบวนการที่ประดิษฐ์ขึ้้นในปี 1886

by a couple of 22-year-olds --

โดยคนอายุ 22ปี สองคน--

Hall in the United States and Heroult in France.

ชื่อ ฮอลล์ในอเมริกา และชื่อ เอียรูในฝรั่งเศส

And just a few short years following their discovery,

แค่เพียงไม่กี่ปีหลังการค้นพบของพวกเขา,

aluminum changed

อะลูมิเนียมก็เปลี่ยน

from a precious metal costing as much as silver

จากโลหะมีค่าที่มีราคาเท่าๆกับเงิน

to a common structural material.

ไปเป็นวัสดุสำหรับก่อสร้างธรรมดาทั่วไป

You're looking at the cell house of a modern aluminum smelter.

ตอนนี้คุณกำลังดูอาคารเซลล์ไฟฟ้า ของเครื่องถลุงแร่อะลูมิเนียมที่ทันสมัย

It's about 50 feet wide

กว้างประมาณ 50 ฟุต

and recedes about half a mile --

และถอยร่นลงไปอีกประมาณครึ่งไมล์--

row after row of cells

แถวต่อๆกันของเซลล์ไฟฟ้า

that, inside, resemble Volta's battery,

ซึ่งเมื่อดูภายในจะคล้ายกับแบตเตอรี่ของวอลต้า,

with three important differences.

แต่มีความแตกต่างกันอยู่สามอย่าง

Volta's battery works at room temperature.

แบตเตอรี่ของวอลต้าทำงานที่อุณหภูมิห้อง

It's fitted with solid electrodes

ถูกติดตั้งด้วยขั้วไฟฟ้าที่เป็นของแข็ง

and an electrolyte that's a solution of salt and water.

และตัวนำไฟฟ้าที่เป็นสารละลายของเกลือกับนํ้า

The Hall-Heroult cell

แต่เซลล์ไฟฟ้าของฮอลล์-เออโรล์ท์

operates at high temperature,

ทำงานในอุณหภูมิที่สูง,

a temperature high enough

เป็นอุณหภูมิที่สูงพอ

that the aluminum metal product is liquid.

ที่ผลผลิตของโลหะอะลูมิเนียมที่ได้เป็นของเหลว

The electrolyte

สารละลายตัวนำไฟฟ้า

is not a solution of salt and water,

ไม่ได้เป็นสารละลายของเกลือกับนํ้า,

but rather salt that's melted.

แต่เป็นเกลือที่ถูกหลอมจนเหลว

It's this combination of liquid metal,

และมันคือ ส่วนผสมของโลหะเหลวนี้,

molten salt and high temperature

ได้แก่ เกลือหลอมเหลวและอุณหภูมิที่สูง

that allows us to send high current through this thing.

ที่ให้เราสามารถส่งกระแลไฟแรงสูงผ่านสิ่งนี้ได้

Today, we can produce virgin metal from ore

ปัจจุบัน เราสามารถผลิตโลหะบริสุทธิ์จากสินแร่

at a cost of less than 50 cents a pound.

ในราคาที่น้อยกว่า 50 เซ็นต์ต่อหนึ่งปอนด์

That's the economic miracle

นั่นเป็นความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ

of modern electrometallurgy.

ของการถลุงแร่ด้วยไฟฟ้ายุคใหม่

It is this that caught and held my attention

สิ่งนี้เองที่ผมสังเกตเห็นและให้ความสนใจ

to the point that I became obsessed with inventing a battery

ถึงจุดที่ผมเริ่มหมกมุ่นกับการประดิษฐ์แบตเตอรี

that could capture this gigantic economy of scale.

ที่สามารถได้ถึงความประหยัดอย่างมหาศาล ในการลงทุนนี้

And I did.

และผมก็ทำได้

I made the battery all liquid --

ผมทำแบตเตอรีด้วยของเหลวทั้งหมด--

liquid metals for both electrodes

ใช้โลหะเหลว สำหรับขั้วไฟฟ้าทั้งสองขั้ว

and a molten salt for the electrolyte.

และเกลือหลอมเหลว สำหรับเป็นตัวนำไฟฟ้า

I'll show you how.

ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าทำได้อย่างไร

So I put low-density

ผมวางโลหะเหลวที่มี

liquid metal at the top,

ความหนาแน่นตํ่าไว้ด้านบน

put a high-density liquid metal at the bottom,

วางโลหะเหลวที่มีความหนาแน่นสูงไว้ด้านล่าง,

and molten salt in between.

และวางเกลือที่หลอมจนเหลวระหว่างกลาง

So now,

แล้วอะไรอีก,

how to choose the metals?

จะเลือกโลหะอะไร?

For me, the design exercise

สำหรับผม,การฝึกออกแบบ

always begins here

จะเริ่มตรงนี้เสมอ

with the periodic table,

กับตารางธาตุ,

enunciated by another professor,

ซึ่งได้รับการยืนยันจากศาสตราจารย์อีกคนหนึ่ง,

Dimitri Mendeleyev.

ชื่อ ดิมิทรี เมนเดเลเยฟ

Everything we know

ทุกอย่างที่เรารู้

is made of some combination

ถูกทำมาจากส่วนผสม

of what you see depicted here.

ของสิ่งที่คุณเห็นตรงนี้

And that includes our own bodies.

และนั่นรวมไปถึงร่างกายของเราเองด้วย

I recall the very moment one day

ผมจำได้ถึงช่วงขณะเวลานั้น

when I was searching for a pair of metals

ขณะที่ผมกำลังค้นหาโลหะคู่หนึ่ง

that would meet the constraints

ที่จะเหมาะสมกับข้อจำกัด

of earth abundance,

ของธาตุที่มีอุดมสมบูรณ์ในโลก,

different, opposite density

ที่มีความหนาแน่นที่แตกต่าง และตรงกันข้ามกัน

and high mutual reactivity.

และมีปฏิกริยาซึ่งกันและกันสูง

I felt the thrill of realization

ผมรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่รู้ว่า

when I knew I'd come upon the answer.

เมื่อผมรู้ว่าผมได้พบคำตอบที่ต้องการนั้นแล้ว

Magnesium for the top layer.

แม็กนีเซี่ยมสำหรับชั้นบน

And antimony

และ แอ๊นทิโมนี

for the bottom layer.

สำหรับชั้นล่าง

You know, I've got to tell you,

รู้ไม๊ ผมต้องบอกคุณ,

one of the greatest benefits of being a professor:

ประโยชน์ที่ใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่ง ของการเป็นศาสตราจารย์:

colored chalk.

คือชอล์กสี

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So to produce current,

เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า,

magnesium loses two electrons

แม๊กนีเซี่ยมจะเสียอีเลคตรอนไปสองตัว

to become magnesium ion,

เพื่อกลายเป็นตัวไออ้อนของแม๊กนีเซียม,

which then migrates across the electrolyte,

แล้วมันก็จะย้ายข้ามตัวนำไฟฟ้าไป,

accepts two electrons from the antimony,

ยอมรับอีเลคตรอนสองตัวจากแอ๊นทิโมนี,

and then mixes with it to form an alloy.

แล้วเอาไปรวมกับตัวมันเพื่อให้เกิดโลหะผสม

The electrons go to work

อีเล็กตรอนพวกนั้นก็ไปทำงาน

in the real world out here,

ในโลกของความเป็นจริงข้างนอก,

powering our devices.

โดยการให้พลังงานแก่สิ่งประดิษฐ์ของเรา

Now to charge the battery,

เมื่อจะชาร์จแบตเตอรี,

we connect a source of electricity.

เราก็เชื่อมแหล่งของกระแสไฟฟ้า

It could be something like a wind farm.

อาจจะเป็น เช่น ฟาร์มที่ใช้พลังลม

And then we reverse the current.

แล้วเราก็กลับกระแสไฟฟ้า

And this forces magnesium to de-alloy

และนี่จะบังคับให้แม็กนีเซี่ยม เลิกเป็นโลหะผสม

and return to the upper electrode,

และกลับขึ้นไปเป็นขั้วที่อยู่ด้านบน,

restoring the initial constitution of the battery.

กลับเข้าสู่ระบบเดิมของแบตเตอรี่

And the current passing between the electrodes

กระแสไฟฟ้าที่ผ่านระหว่างขั้วสองขั้ว

generates enough heat to keep it at temperature.

ให้ความร้อนพอที่จะให้มันมีอุณหภูมิพอเหมาะ

It's pretty cool,

แจ๋วมากทีเดียว,

at least in theory.

อย่างน้อยที่สุดก็ทางทฤษฎี

But does it really work?

แต่มันทำงานได้จริงหรือไม่?

So what to do next?

ดังนั้น ต่อไปทำอะไร?

We go to the laboratory.

เราไปที่ห้องปฏิบัติการ

Now do I hire seasoned professionals?

ผมจ้างมืออาชีพที่มีความชำนาญใช่ไหม?

No, I hire a student

ไม่ใช่ ผมจ้างนักศึกษา

and mentor him,

และเป็นพี่เลี้ยงให้เขา,

teach him how to think about the problem,

สอนเขา วิธีการคิดเกี่ยวกับปัญหา,

to see it from my perspective

ให้มองปัญหาจากทัศนะของผม

and then turn him loose.

แล้วก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ

This is that student, David Bradwell,

นี่คือนักศึกษาคนนั้น ชื่อ เดวิด แบรดเวลล์,

who, in this image,

คนที่อยู่ในภาพนี้,

appears to be wondering if this thing will ever work.

ดูเหมือนจะกำลังสงสัยว่า ไอ้สิ่งนี้จะทำงานได้ไหม

What I didn't tell David at the time

สิ่งที่ผมไม่ได้บอกเดวิดไปในตอนนั้น

was I myself wasn't convinced it would work.

คือ ตัวผมเองไม่เชื่อว่ามันจะทำงานได้

But David's young and he's smart

แต่เดวิดทั้งหนุ่มและฉลาด

and he wants a Ph.D.,

และเขาต้องการได้ปริญญาเอก,

and he proceeds to build --

เขาจึงสร้างต่อ--

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

He proceeds to build

เขาดำเนินการต่อจนสร้าง

the first ever liquid metal battery

แบตเตอรีจากโลหะเหลวอันแรกขึ้น

of this chemistry.

จากโครงสร้างเคมีนี้

And based on David's initial promising results,

จากผลงานเริ่มต้นของเดวิดที่สำเร็จอย่างดีนี้

which were paid

ซึ่งได้รับเงิน

with seed funds at MIT,

จากกองทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ (seed fund)ของสถาบัน,

I was able to attract major research funding

ผมสามารถดึงดูดกองทุนวิจัยที่สำคัญ

from the private sector

จากหน่วยงานเอกชน

and the federal government.

และจากรัฐบาล

And that allowed me to expand my group to 20 people,

และนั่นทำให้ผมขยายกลุ่มของผมเพิ่มเป็น 20 คน

a mix of graduate students, post-docs

ผสมกันทั้งนักศึกษาปริญญาโท-เอก และหลังจบปริญญาเอก

and even some undergraduates.

และแม้กระทั่งปริญญาตรี

And I was able to attract really, really good people,

ผมสามารถดึงเอาคนที่ดีจริงๆมา

people who share my passion

คนที่มีความรู้สึกกระตือรือรันมากๆเหมือนผม

for science and service to society,

เรื่องวิทยาศาสตร์ และการให้บริการกับสังคม,

not science and service for career building.

ไม่ใช่วิทยาศาสตร์เพื่อการสร้างอาชีพ

And if you ask these people

และถ้าคุณถามคนเหล่านี้

why they work on liquid metal battery,

ว่าทำไมเขาจึงมาทำแบตเตอรี่โลหะเหลว,

their answer would hearken back

คำตอบของเขาจะบอกให้กลับไปฟัง

to President Kennedy's remarks

คำพูดของประธานาธิบดีเคนเนดี้

at Rice University in 1962

ที่มหาวิทยาลัยไรซ์ (Rice University)ในปี 1962

when he said -- and I'm taking liberties here --

เมื่อเขากล่าวว่า--และผมขอเปลี่ยนแปลงตรงนี้หน่อย--

"We choose to work on grid-level storage,

"เราเลือกทำงานเรื่องการเก็บระดับไฟฟ้าในระบบ,

not because it is easy,

ไม่ใช่เพราะว่ามันง่าย,

but because it is hard."

แต่เพราะว่ามันยาก"

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So this is the evolution of the liquid metal battery.

นี้คือวิวัฒนาการของแบตเตอรีโลหะเหลว

We start here with our workhorse one watt-hour cell.

เราเริ่มตรงนี้กับเซลล์ขนาดหนึ่งวัตต์ที่ทำงานหนักและมั่นคง

I called it the shotglass.

ผมเรียกมันว่าแก้วเหล้าจิ๋ว (shotglass)

We've operated over 400 of these,

เราได้ใช้พวกนี้ไปมากกว่า 400 ตัว,

perfecting their performance with a plurality of chemistries --

ใช้สารเคมีหลายๆชนิดทำงานกับมัน เพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์เต็มที่--

not just magnesium and antimony.

ไม่ใช่แค่กับแม็กนีเซียมและแอ๊นทีโมนี

Along the way we scaled up to the 20 watt-hour cell.

เรื่อยมา เราเพิ่มขึ้นจนถึงเซลล์ขนาด 20 วัตต์

I call it the hockey puck.

ผมเรียกมันว่า ลูกฮ๊อกกี้ (hockey puck)

And we got the same remarkable results.

และเราก็ได้ผลที่น่าทึ่งเหมือนเดิม

And then it was onto the saucer.

แล้วก็มาถึงเรื่องจาน

That's 200 watt-hours.

เป็นขนาด 200 วัตต์

The technology was proving itself

เทคโนโลยี่ได้พิสูจน์ตัวเอง

to be robust and scalable.

ว่าทนทานแข็งแรงและปรับขนาดได้

But the pace wasn't fast enough for us.

แต่โครงการยังเร็วไม่เท่าที่เราต้องการ

So a year and a half ago,

ดังนั้นเมื่อปีครึ่งที่ผ่านมา,

David and I,

เดวิด และผม,

along with another research staff-member,

พร้อมกับผู้ร่วมงานวิจัยอีกคนหนึ่ง,

formed a company

รวมตัวกันตั้งบริษัทหนึ่งขึ้นมา

to accelerate the rate of progress

เพื่อเร่งอัตราความก้าวหน้าให้เร็วขึ้น

and the race to manufacture product.

และการแข่งขันเพื่อผลิตออกมา

So today at LMBC,

ดังนั้นในวันนี้ที่บริษัทแบตเตอรีโลหะเหลว (LMBC)

we're building cells 16 inches in diameter

เรากำลังสร้างเซลล์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 นิ้ว

with a capacity of one kilowatt-hour --

ที่มีความจุหนึ่งกิโลวัตต์--

1,000 times the capacity

ซึ่งเท่ากับ 1000 เท่าของความจุ

of that initial shotglass cell.

ของเซลล์แก้วเหล้าจิ๋วที่เริ่มสร้างแต่แรก

We call that the pizza.

เราเรียกสิ่งนี้ว่าพิซซ่า

And then we've got a four kilowatt-hour cell on the horizon.

แล้วเราก็ได้เซลล์ที่มีความจุสี่พันกิโลวัตต์ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

It's going to be 36 inches in diameter.

มันจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว

We call that the bistro table,

เราเรียกมันว่า โต๊ะเล็กในร้านอาหาร (bistro table)

but it's not ready yet for prime-time viewing.

แต่ยังไม่เป็นเวลาที่เหมาะที่สุด ที่จะนำมาให้ดู

And one variant of the technology

ตัวแปรอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีนี้

has us stacking these bistro tabletops into modules,

ทำให้เราเรียงโต๊ะเล็กๆนี้ซ้อนกันเป็นหน่วยย่อยๆ,

aggregating the modules into a giant battery

หน่วยย่อยเหล่านี้รวมกันเข้า กลายเป็นแบตเตอรียักษ์

that fits in a 40-foot shipping container

ที่ติดตั้งอยู่ในตู้ขนส่งสินค้าขนาด 40 ฟุต

for placement in the field.

เพื่อเอาไปวางได้บนทุ่งนา

And this has a nameplate capacity of two megawatt-hours --

ตัวนี้ติดป้ายบอกความจุไว้ว่า ได้ถึงสองเม็กกะวัตต์ต่อชั่วโมง--

two million watt-hours.

สองล้านวัตต์ต่อชั่วโมง

That's enough energy

นั่นเป็นพลังงานที่เพียงพอ

to meet the daily electrical needs

กับความต้องการไฟฟ้าในแต่ละวัน

of 200 American households.

ของชาวอเมริกัน 200 ครอบครัว

So here you have it, grid-level storage:

คุณจึงได้มันมาแล้ว คลังเก็บระดับไฟฟ้าในระบบ:

silent, emissions-free,

เงียบ, ไม่ปล่อยอะไรออกมา,

no moving parts,

ไม่มีส่วนที่ต้องเคลื่อนไหว,

remotely controlled,

ควบคุมได้จากที่ไกล,

designed to the market price point

ถูกออกแบบให้อยู่ในราคาตลาด

without subsidy.

โดยไม่ต้องใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล

So what have we learned from all this?

ดังนั้น อะไรคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากทั้งหมดนี้?

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So what have we learned from all this?

อะไรคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากทั้งหมดนี้?

Let me share with you

ขอให้ผมเล่าให้คุณฟัง

some of the surprises, the heterodoxies.

สิ่งที่น่าประหลาดใจบางอย่าง, ความคิดที่ไม่ตรงกับทฤษฎี

They lie beyond the visible.

มันอยู่ในที่ๆเกินกว่าเราจะมองเห็น

Temperature:

อุณหภูมิ:

Conventional wisdom says set it low,

ภูมิปัญญาดั้งเดิมบอกว่า ตั้งให้มันตํ่า,

at or near room temperature,

ที่หรือใกล้เคียงอุณหภูมิห้อง,

and then install a control system to keep it there.

แล้วก็ติดตั้งระบบควบคุมให้อุณหภูมิอยู่ที่นั่น

Avoid thermal runaway.

หลีกเลี่ยงการรั่วไหลของอุณหภูมิ

Liquid metal battery is designed to operate at elevated temperature

แบตเตอรี่โลหะเหลวถูกออกแบบ เพื่อให้ทำงานที่อุณหภูมิที่สูงขึ้น

with minimum regulation.

กับการควบคุมดูแลที่น้อยที่สุด

Our battery can handle the very high temperature rises

แบตเตอรี่ของเราสามารถทำงานได้ ในอุณหภูมิที่สูงขึ้นมากๆ

that come from current surges.

ที่เกิดจากคลื่นกระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

Scaling: Conventional wisdom says

ในเชิงปริมาณ: ภูมิปัญญาดั้งเดิมกล่าวว่า

reduce cost by producing many.

ลดค่าโสหุ้ยด้วยการผลิตให้มากๆ

Liquid metal battery is designed to reduce cost

แต่แบตเตอรี่โลหะเหลวถูกออกแบบ ให้ลดต้นทุนการผลิต

by producing fewer, but they'll be larger.

ด้วยการผลิตให้น้อยๆ, แต่ทำให้มันขนาดใหญ่ขึ้น

And finally, human resources:

และในที่สุด,ในเชิงทรัพยากรมนุษย์

Conventional wisdom says

ภูมิปัญญาดั้งเดิมบอกว่า

hire battery experts,

จ้างผู้ชำนาญด้านแบตเตอรี่มา

seasoned professionals,

มือโปรที่ผ่านงานมามากๆ,

who can draw upon their vast experience and knowledge.

ผู้ที่สามารถเอาประสบการณ์ และความรู้ที่กว้างขวางของเขามาใช้ได้

To develop liquid metal battery,

แต่การพัฒนาแบตเตอรี่โลหะเหลวขึ้นมานี้,

I hired students and post-docs and mentored them.

ผมได้จ้างนักศึกษาและให้ผู้ที่จบปริญญาเอกแล้ว และเป็นที่ปรึกษาให้พวกเขา

In a battery,

ในเรื่องแบตเตอรี่,

I strive to maximize electrical potential;

ผมพยายามให้เกิดศักยภาพไฟฟ้ามากที่สุด;

when mentoring,

ในเรื่องการให้คำปรึกษา,

I strive to maximize human potential.

ผมพยามามให้เกิดศักยภาพในบุคคลมากที่สุด

So you see,

ดังนั้นคุณคงเห็นแล้วว่า,

the liquid metal battery story

เรื่องของแบตเตอรี่โลหะเหลว

is more than an account

เป็นมากกว่าเรื่อง

of inventing technology,

ของการประดิษฐ์เทคโนโลยี่,

it's a blueprint

แต่เป็นการวางแผนการ

for inventing inventors, full-spectrum.

เพื่อสร้างนักประดิษฐ์, ที่เต็มรูปแบบ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)