The three ways that good design makes you happy | Don Norman

Translator: Pattapon Kasemtanakul Reviewer: Chana Chananukul

The new me is beauty.

ผมคนใหม่คือความสวยงาม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Yeah, people used to say, "Norman's OK,

คุณรู้มั้ย คนชอบพูดว่า นอร์แมน ก็โอเคนะ

but if you followed what he said, everything would be usable

แต่ถ้าเชื่อสิ่งที่เขากล่าวว่าทุกอย่างจะสามารถใช้ได้

but it would be ugly."

แต่มันจะดูน่าเกลียดทีเดียว

Well, I didn't have that in mind, so ...

ก็นะ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน

This is neat.

นี่มันเจ๋งมากๆ

Thank you for setting up my display.

ขอบคุณที่จัดฉากทั้งหมดให้ผม

I mean, it's just wonderful.

ผมหมายถึงว่า นี่มันยอดไปเลย

And I haven't the slightest idea of what it does or what it's good for,

และผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันไว้ใช้ทำอะไร

but I want it.

ผมแค่อยากได้

And that's my new life.

และนั่นแหละคือชีวิตใหม่ของผม

My new life is trying to understand what beauty is about,

ขีวิคใหม่ของผมคือการพยายามเข้าใจว่า ความสวยงาม คืออะไร

and "pretty," and "emotions."

รวมไปถึง ความน่ารัก และ อารมณ์ ต่างๆ

The new me is all about making things kind of neat and fun.

ผมคนใหม่จะทำของที่เนี๊ยบๆ สนุกๆ

And so this is a Philippe Starck juicer, produced by Alessi.

นี่คือที่คั้นน้ำผลไม้โดย ฟิลิปเป้ สตาร์ค (Philippe Starck) ผลิตโดยอะเลสซี่ (Alessi)

It's just neat; it's fun. It's so much fun I have it in my house --

มันแค่ดูเจ๋ง ดูสนุก จนผมต้องมีมันอยู่ในบ้าน

ผมวางมันตรงทางเข้าบ้านนะ เพราะผมคงไม่ได้ใช้มันทำน้ำอะไรหรอก

but I have it in the entryway, I don't use it to make juice.

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

ที่จริง ผมซื้อรุ่นพิเศษแบบชุบทองซะด้วยซ้ำ

In fact, I bought the gold-plated special edition

ที่มาพร้อมกับกระดาษเล็กๆ

and it comes with a little slip of paper

เขียนว่า กรุณาอย่าใช้คั้นน้ำผลไม้

that says, "Don't use this juicer to make juice."

เพราะกรดจะทำลายสีทองได้

The acid will ruin the gold plating.

(เสียงหัวเราะ)

ที่จริง ผมเอาน้ำส้มจากกล่อง

(Laughter)

So actually, I took a carton of orange juice

เทลงในแก้วเพื่อถ่ายรูปนี้

and I poured it in the glass to take this picture.

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

ที่เห็นด้านล่างนั่นคือมีดคุณภาพเยี่ยม

Beneath it is a wonderful knife.

ของโกลบอล (Global) จากญี่ปุ่น

It's a Global cutting knife made in Japan.

อย่างแรกเลย ลองดูรูปร่างที่ชวนมองของมัน

First of all, look at the shape -- it's just wonderful to look at.

อย่างที่สอง มันมีสมดุลที่ยอดเยี่ยม

ถือได้เหมาะมือ สัมผัสก็เยี่ยม

Second of all, it's really beautifully balanced:

และอย่างที่สาม มันคมมาก ตัดได้แทบทุกอย่าง

น่าใช้งานสุดๆ

it holds well, it feels well.

And third of all, it's so sharp, it just cuts.

คุณสมบัติครบถ้วนเลยใช่มั้ยครับ

It's a delight to use.

ทั้งสวย ทั้งใช้งานได้จริง

And so it's got everything, right?

และผมสามารถเล่าเรื่องราวมากมาย

It's beautiful and it's functional.

ที่จะช่วยสะท้อน

And I can tell you stories about it,

ให้คุณเห็นถึงทฤษฎีทางอารมณ์ของผม

which makes it reflective,

ที่ประกอบด้วย สามส่วนด้วยกัน

and so you'll see I have a theory of emotion.

ฮิโรชิ อิชิอิ (Hiroshi Ishii) กับทีมของเขา ที่ห้องปฏิบัติการทางสื่อของ MIT

And those are the three components.

ติดตั้งเครื่องฉายภาพไว้ด้านบนโต๊ะปิงปอง

Hiroshi Ishii and his group at the MIT Media Lab

แล้วฉายภาพน้ำบนโต๊ะปิงปอง

took a ping-pong table and placed a projector above it,

กับปลาที่ว่ายอยู่ในนั้น

and on the ping-pong table they projected an image of water

เวลาคุณเล่นปิงปอง เมื่อไหร่ที่ลูกแตะโต๊ะ

with fish swimming in it.

ระลอกคลื่นจะทำให้ปลาว่ายหนีไป

And as you play ping-pong, whenever the ball hits part of the table,

แน่นอน พอลูกถูกตีไปอีกฝั่ง

the ripples spread out and the fish run away.

ระลอกคลื่นก็เกิดขึ้นอีก น่าสงสารเจ้าปลา มันคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่ๆ

But of course, then the ball hits the other side,

(เสียงหัวเราะ)

the ripples hit the -- poor fish, they can't find any peace and quiet.

มันเป็นวิธีปิงปองเล่นที่ดีมั้ยน่ะเรอะ

ก็คงไม่ แต่มันสนุกหรือเปล่าล่ะ

(Laughter)

Is that a good way to play ping-pong?

แน่นอน

No. But is it fun?

หรือดูกูเกิ้ล (Google) เป็นตัวอย่าง

Yeah! Yeah.

ถ้าคุณพิมพ์พร้อม อารมณ์กับการออกแบบ

Or look at Google.

If you type in, oh say, "emotion and design,"

แล้วได้ผลลัพธ์ 10 หน้า

กูเกิ้ลยืดโลโก้ให้ตัวอักษรยาวออก

you get 10 pages of results.

แทนที่จะบอกว่า คุณได้ผลลัพธ์ 73,000 รายการ

So Google just took their logo and they spread it out.

นี่คือรายการที่ 1 ถึง 20 กดเพื่อดูรายการต่อไป

Instead of saying, "You got 73,000 results.

พวกเค้าใช้การเพิ่มตัวโอตามจำนวนหน้าแทน

This is one through 20. Next,"

มันดูง่ายและฉลาดมาก

they just give you as many o's as there are pages.

พนันว่าหลายคนเคยเห็น แต่ไม่ได้สังเกต

It's really simple and subtle.

I bet a lot of you have seen it and never noticed it.

และคงเป็นจิตใต้สำนึก

ทำให้เห็น และพบว่ามันน่ามอง

That's the subconscious mind

โดยที่คุณไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

that sort of notices it -- it probably is kind of pleasant

มันเพี่ยงแค่แยบยลเท่านั้น

and you didn't know why.

แน่นอน อีกสิ่งที่เยี่ยมก็คือ

And it's just clever.

ถ้าคุณพิมพ์ การออกแบบกับอารมณ์

And of course, what's especially good is,

ผลลัพธ์อันแรกที่เจอคือสิบหน้าเว็บไซต์ของผม

if you type "design and emotion,"

the first response out of those 10 pages is my website.

(เสียงหัวเราะ)

ที่แปลกก็คือกูเกิ้ลมันโกหก

(Laughter)

Now, the weird thing is Google lies,

เพราะถ้าพิมพ์ การออกแบบกับอารมณ์

มันจะคิดว่า คุณไม่ต้องใช้คำว่า กับ เราเพิ่มมันให้อยู่แล้ว

because if I type "design and emotion,"

it says, "You don't need the 'and.' We do it anyway."

โอเค

ผมเลยพิมพ์ว่า การออกแบบ อารมณ์

So, OK.

และเว็บไซต์ผมก็ร่วงจากที่หน้าแรก

So I type "design emotion"

มาเป็นที่หน้าที่สาม

and my website wasn't first again.

ผมออกนอกเรื่องซะแล้ว

It was third.

Oh well, different story.

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ (The New York Times) ได้เขียนบทความวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยมมากอยู่ฉบับหนึ่ง

There was this wonderful review in The New York Times

เกี่ยวกับรถมินิคูเปอร์ (MINI Cooper)

about the MINI Cooper automobile.

บอกว่า คุณรู้มั้ย รถคันนี้มีข้อเสียเยอะมากทีเดียว

It said, "You know, this is a car that has lots of faults.

ยังไงก็ตามจงซื้อมันซะ

Buy it anyway.

เพราะมันขับได้สนุกมาก

It's so much fun to drive."

และถ้าคุณมองเข้าไปในข้างในรถ

And if you look at the inside of the car --

ผมตกหลุมรักมัน ผมอยากเห็นมัน เลยเช่ามันมา

I mean, I loved it, I wanted to see it, I rented it,

นี่คือรูปที่ผมถ่าย ตอนลูกผมขับรถ

this is me taking a picture while my son is driving --

และภายในตัวรถ ทุกอย่างมันดูสนุกมาก

and the inside of the car, the whole design is fun.

ดูโค้งมน ดูเนี๊ยบ

It's round, it's neat.

ระบบควบคุมก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก

The controls work wonderfully.

นั่นแหละผมชีวิตใหม่ ทุกอย่างต้องสนุก

So that's my new life; it's all about fun.

ผมรู้สึกจริงๆ ว่าของที่ดูดีจะทำงานได้ดีกว่า

I really have the feeling that pleasant things work better,

และผมไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้น

and that never made any sense to me

แล้วผมก็คิดออก เอาล่ะ

until I finally figured out -- look ...

ผมจะวางแผ่นไม้ไว้บนพื้น

I'm going to put a plank on the ground.

ลองนึกภาพ ไม้หน้ากว้างซัก 2 ฟุต และยาว 30 ฟุต

So, imagine I have a plank about two feet wide and 30 feet long

ผมจะเดินอยู่ข้างบน และอย่างที่เห็นผมเดินได้โดยไม่ต้องมอง

and I'm going to walk on it, and you see I can walk on it without looking,

เดินไป เดินมา กระโดดขึ้นๆ ลงๆ

I can go back and forth and I can jump up and down.

ไม่มีปัญหา

No problem.

แต่ถ้าแผ่นไม้มันอยู่สูงขึ้นไป 300 ฟุตในอากาศล่ะ

Now I'm going to put the plank 300 feet in the air --

ผมไม่กล้าที่จะยืนใกล้ ขอบคุณมาก

and I'm not going to go near it, thank you.

Intense fear paralyzes you.

ความกลัวทำให้คุณชาไปหมด

It actually affects the way the brain works.

มันส่งผลกระทบกับการทำงานของสมอง

So, Paul Saffo, before his talk said that he didn't really have it down

พอล แซฟโฟ (Paul Saffo) กล่าวว่าตัวเขาไม่เคยเตรียมบทพูดเอาไว้ก่อน

until just a few days or hours before the talk,

จนกว่าเหลือเวลาแค่ไม่กี่วัน หรือไม่กี่ชั่วโมงก่อนต้องพูดจริง

and that anxiety was really helpful in causing him to focus.

และความกระวนกระวายนั้นช่วยให้เค้ามีสมาธิ

That's what fear and anxiety does;

นั่นแหละคือผลของความกลัวและความกังวล

it causes you to be -- what's called depth-first processing --

มันทำให้คุณเป็นคนที่ ประมวลผลในเชิงลึก (Depth-first processing)

to focus, not be distracted.

ทำให้เกิดสมาธิ ไม่วอกแวก

And I couldn't force myself across that.

และผมผลักตัวเองให้ข้ามจุดนั้นไปไม่ได้

Now some people can -- circus workers, steel workers.

บางคนก็ทำได้ เช่น นักกายกรรม พนักงานเชื่อมโครงสร้าง

But it really changes the way you think.

แต่มันเปลี่ยนความคิดของคุณไปโดยสิ้นเชิง

And then, a psychologist, Alice Isen,

นักจิตวิทยาอลิซ อิเซน (Alice Isen)

did this wonderful experiment.

ได้ทำการทดลองที่น่าทึ่ง

She brought students in to solve problems.

โดยให้นักเรียนแก้ปริศนา

So, she'd bring people into the room,

เธอจะนำคนเข้ามาในห้อง

and there'd be a string hanging down here

ที่มีเชือกห้อยลงมาตรงนี้

and a string hanging down here.

และตรงนี้

It was an empty room, except for a table with a bunch of crap on it --

มันเป็นห้องว่างๆ กับโต๊ะที่มีของเกะกะอยู่เต็มไปหมด

some papers and scissors and stuff.

กระดาษเอย กรรไกรเอย

And she'd bring them in,

และเธอจะนำคนเข้ามา

and she'd say,

และบอกว่า

"This is an IQ test and it determines how well you do in life.

นี่เป็นการทดสอบไอคิว มันจะช่วยบอกว่า คุณจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากแค่ไหน

Would you tie those two strings together?"

คุณช่วยผูกเชือก สองเส้นนั่น เข้าด้วยกันได้มั้ย

So they'd take one string and they'd pull it over here

พวกเขาจึงดึงเชือกเข้าหากัน

and they couldn't reach the other string.

แต่ไม่ว่าจะทำยังไง

Still can't reach it.

ก็ดึงไม่ถึงซะที

And, basically, none of them could solve it.

และแน่นอน ไม่มีใครที่แก้ปริศนานี้ได้

You bring in a second group of people,

พอนำคนกลุ่มที่สองเข้ามา

and you say, "Oh, before we start,

และบอกพวกเขาว่า เอาล่ะก่อนที่เราจะเริ่ม

I got this box of candy, and I don't eat candy.

ฉันมีกล่องขนมอยู่ตรงนี้ และฉันไม่ชอบกินมันเท่าไหร่

Would you like the box of candy?"

คุณจะกินมันมั้ย

And turns out they liked it, and it made them happy --

พวกเขาชอบมัน และนั่นมันทำให้พวกเขาอารมณ์ดี

not very happy, but a little bit of happy.

อาจจะไม่มาก แค่นิดๆ หน่อย

And guess what -- they solved the problem.

และรู้อะไรมั้ย พวกเขาแก้ปริศนานั้นได้

And it turns out that when you're anxious

สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อคุณกระวนกระวายใจ

you squirt neural transmitters in the brain, which focuses you

ระดับของสารนำประสาทจะเพิ่มขึ้นในสมอง ทำให้คุณมีสมาธิ

makes you depth-first.

ทำให้คุณคิดในเชิงลึกได้

And when you're happy -- what we call positive valence --

และเมื่อคุณมีความสุข หรือเพิ่มตัวกระตุ้นทางบวก (Positive valence) เข้าไป

you squirt dopamine into the prefrontal lobes,

ระดับของโดพามีน (dopamine) จะเพิ่มขึ้นในสมองส่วนหน้า

which makes you a breadth-first problem solver:

ทำให้คุณแก้ปัญหาในเชิงกว้างได้ดี

you're more susceptible to interruption; you do out-of-the-box thinking.

คุณจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น คุณจะคิดนอกกรอบ

That's what brainstorming is about, right?

และนั่นคือเรื่องเกี่ยวกับของการระดมสมองอยู่แล้ว ใช่มั้ย

With brainstorming we make you happy, we play games,

การระดมสมองทำให้คุณอารมณ์ดี เหมือนการเล่นเกมส์

and we say, "No criticism,"

เราพูดว่า ห้ามวิพากษ์ วิจารณ์

and you get all these weird, neat ideas.

เราจึงได้ความคิดแบบแปลกๆ เจ๋งๆ มา

But in fact, if that's how you always were you'd never get any work done

แต่ในความจริง ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณเป็น คุณคงไม่มีทางทำอะไรสำเร็จได้

because you'd be working along and say, "Oh, I got a new way of doing it."

เพราะคุณจะมัวแต่พูดว่า โอ้วพระเจ้า ฉันเจอวิธีใหม่ๆ อีกแล้ว

So to get work done, you've got to set a deadline, right?

เพื่อที่จะให้งานสำเร็จ คุณต้องกำหนดเส้นตายใช่มั้ย

You've got be anxious.

คุณจะได้กระวนกระวาย

The brain works differently

สมองจึงทำงานต่างออกไป

if you're happy. Things work better because you're more creative.

ถ้าคุณอารมณ์ดี คุณจะมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

You get a little problem, you say, "Ah, I'll figure it out."

เมื่อพบกับปัญหาคุณจะพูดว่า เดี๋ยวก็คิดออกน่า

No big deal.

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

There's something I call the visceral level of processing, and there will be visceral-level design.

มันมีบางอย่างที่ผมเรียกว่าการประมวลผลแบบสัญชาตญาณ คู่กันไปกับการออกแบบที่เน้นสัญชาตญาณเป็นหลัก

อย่างที่พบในวิชาชีววิทยา เราถูกวิวัฒนาการมาให้ชอบสีสันที่สดใส

Biology -- we have co-adapted through biology to like bright colors.

มันเป็นสิ่งที่ดีที่พวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์จำพวกลิงที่ชอบผลไม้

That's especially good that mammals and primates like fruits

และผักที่สีสันสดใส เพราะเมื่อคุณกินมัน

and bright plants, because you eat the fruit

คุณก็ช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ของมันไปในตัว

and you thereby spread the seed.

มีข้อมูลตั้งมากมายที่ถูกฝังเข้าไปในสมองของเรา

There's an amazing amount of stuff that's built into the brain.

เราไม่ชอบรสขม เราเกลียดเสียงดัง

We dislike bitter tastes, we dislike loud sounds,

เราไม่ชอบให้อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป

we dislike hot temperatures, cold temperatures.

เราไม่ชอบเสียงตะโกนหรือหน้าตาที่บึ้งตึง

We dislike scolding voices. We dislike frowning faces;

เราชอบหน้าสมส่วน และอื่นๆ อีกมากมาย

we like symmetrical faces, etc., etc.

และนั่นแหละคือสัญชาตญาณ

ในการออกแบบ คุณสามารถพบเห็นสิ่งนี้ได้อยู่ทั่วไป

So that's the visceral level.

In design, you can express visceral in lots of ways,

อย่างเช่นการเลือกตัวอักษรและสีแดงเพื่อสื่อถึงความร้อนแรง และน่าตื่นเต้น

like the choice of type fonts and the red for hot, exciting.

หรือรถจากัวร์ปี 1963

รถแย่ๆ คันหนึ่ง ที่เสียอยู่ตลอดเวลา

Or the 1963 Jaguar:

It's actually a crummy car, falls apart all the time,

แต่เจ้าของก็ยังรักมัน

และมันสวยงามมาก ซึ่งตอนนี้ถูกรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่

but the owners love it.

ขวดน้ำ

And it's beautiful -- it's in the Museum of Modern Art.

คุณซื้อมันเพราะขวด ไม่ใช่เพราะน้ำ

A water bottle:

You buy it because of the bottle, not because of the water.

เพราะเมื่อดื่มเสร็จ พวกเขาไม่ได้ทิ้งมันในทันที

And when people are finished, they don't throw it away.

เขาเก็บมันไว้ เหมือนขวดไวน์เก่าๆ เป็นของแต่งบ้าน

They keep it for -- you know, it's like the old wine bottles, you keep it for decoration

หรือไม่ก็ไว้เติมน้ำอีกครั้ง ซึ่งพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการซื้อน้ำเลย

or maybe fill it with water again, which proves it's not the water.

ทั้งหมดมันเกี่ยวกับสัญชาตญาณที่ผ่านมา

It's all about the visceral experience.

ระดับที่สองต่อมา คือการประมวลผลเชิงพฤติกรรม

The middle level of processing is the behavioral level

และนั่นเป็นที่ๆ การทำงานส่วนใหญ่เกิดขึ้น

สัญชาตญาณนั้นอยู่ในจิตใต้สำนึก คุณไม่เคยรับรู้การมีอยู่ของมัน

and that's actually where most of our stuff gets done.

เช่นเดียวกับพฤติกรรม คุณไม่รู้

Visceral is subconscious, you're unaware of it.

Behavioral is subconscious, you're unaware of it.

แทบทุกอย่างที่เราทำนั้นอยู่ในจิตใต้สำนึก

ผมกำลังเดินอยู่บนเวที แต่ผมแทบไม่ต้องควบคุมขาของผมซะด้วยซ้ำ

Almost everything we do is subconscious.

I'm walking around the stage -- I'm not attending to the control of my legs.

การพูดครั้งนี้ของผมก็อยู่ในจิตใต้สำนึก

I'm doing a lot; most of my talk is subconscious;

มันถูกซ้อมและถูกคิดมาอย่างถี่ถ้วน

ทุกๆ อย่างที่เราทำล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึก

it has been rehearsed and thought about a lot.

เป็นการกระทำอัตโนมัติ ภายใต้จิตใต้สำนึก

Most of what we do is subconscious.

Automatic behavior -- skilled behavior -- is subconscious,

ซึ่งถูกควบคุมโดยพฤติกรรม

และการออกแบบเชิงพฤติกรรม เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกในการควบคุม

controlled by the behavioral side.

And behavioral design is all about feeling in control,

เกี่ยวกับการใช้งาน การเข้าใจ

which includes usability, understanding --

การสัมผัส และน้ำหนัก ควบคู่กันไป

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมีดของโกลบอลถึงได้เจ๋งนัก

but also the feel and heft.

เพราะมันมีสมดุลที่ยอดเยี่ยม กับความคมที่เป็นเลิศ

That's why the Global knives are so neat.

ทำให้คุณรู้สึกว่าสามารถควบคุมการหั่นได้เป็นอย่างดี

They're so nicely balanced, so sharp,

หรือแค่การขับรถสปอร์ตแรงๆ ซักคัน

that you really feel you're in control of the cutting.

Or, just driving a high-performance sports car

ทิ้งตัวเข้าทางโค้ง

over a demanding curb --

อีกครั้งเป็นความรู้สึกว่าคุณ สามารถควบคุมองค์ประกอบทุกอย่างได้

again, feeling that you are in complete control of the environment.

พร้อมๆ ไปกับสัมผัสที่เร้าอารมณ์

Or the sensual feeling.

นี่คือฝักบัวน้ำตกของโคเลอร์ (Kohler)

This is a Kohler shower, a waterfall shower,

และปุ่มทั้งหมดนั่นก็เป็นหัวฝักบัวด้วยเช่นกัน

and actually, all those knobs beneath are also showerheads.

มันจะฉีดไปรอบๆ ตัวคุณ

It will squirt you all around

ทำให้คุณอาบน้ำอยู่ได้เป็นชั่วโมง

and you can stay in that shower for hours --

โดยที่ไม่เปลืองน้ำ โดยมีวิธี

and not waste water, by the way,

เพราะมันจะนำน้ำสกปรกที่ใช้แล้ว มาใช้ใหม่เรื่อยๆ

because it recirculates the same dirty water.

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

หรือไม่ก็ของชิ้นนี้ กาน้ำชาสุดแจ๋วที่ผมพบ

Or this -- this is a really neat teapot I found

ที่โรงแรมโฟร์ ซีซั่น (Four Seasons) ที่ชิคาโก

at high tea at The Four Seasons Hotel in Chicago.

มันคือกาน้ำชาแบบเอียงของรอนเนเฟลท์ (Ronnefeldt tilting teapot)

It's a Ronnefeldt tilting teapot.

รูปร่างมันก็คล้ายๆ กับกาน้ำชาทั่วไปน่ะแหละ

That's kind of what the teapot looks like

แต่คุณต้องวางมันหงายหลัง

but the way you use it is you lay it on its back,

แล้วจึงค่อยใส่ใบชาลงไป

จากนั้นจึงเติมน้ำ

and you put tea in,

ให้น้ำได้ซึมทั่วใบชา

and then you fill it with water.

The water then seeps over the tea.

ใบชาจะกองอยู่ทางด้านขวา

And the tea is sitting in this stuff to the right --

ของเส้นกาน้ำชานั้น

โดยที่ภายในมีที่กั้น แบ่งให้ใบชาอยู่ในฝั่งของมัน

the tea is to the right of this line.

แล้วคุณก็เติมน้ำลงไปทั้งอย่างนั้นเลย

There's a little ledge inside, so the tea is sitting there

พอเกือบได้ที่ คุณก็เอียงมัน

and the water is filling it up like that.

And when the tea is ready, or almost ready, you tilt it.

และมันทำให้ใบชาแช่น้ำอยู่เพียงบางส่วน

And that means the tea is partially covered

จนมันได้ที่

คุณก็ตั้งมันให้ตรง

while it completes the brewing.

และนี้การทำน้ำชา จำใว้ว่า ให้ใบชาเหนือเส้นนี้

And when it's finished, you put it vertically,

น้ำชาอยู่เหนือเส้น

and now the tea is -- you remember -- above this line

and the water only comes to here --

และใบชาแยกออกมา

ที่มากไปกว่านั้น คือมันช่วยสื่อสาร

and so it keeps the tea out.

ซึ่งเป็นหน้าที่ของอารมณ์อยู่แล้ว

On top of that, it communicates,

อารมณ์คือการแสดงออก เป็นการแสดงอกจริงๆ

which is what emotion does.

Emotion is all about acting; emotion is really about acting.

เป็นเรื่องของการเอาตัวรอดในโลก

เมื่อการรับรู้ทำความเข้าใจ อารมณ์มีหน้าที่ตีความมัน

It's being safe in the world.

Cognition is about understanding the world, emotion is about interpreting it --

ช่วยบอกว่ามันดี แย่ ปลอดภัย หรืออันตราย

ช่วยให้เราเตรียมพร้อม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกล้ามเนื้อถึงเกร็งและผ่อน

saying good, bad, safe, dangerous,

and getting us ready to act, which is why the muscles tense or relax.

และเป็นเหตุผลว่าทำไมเราเข้าถึงอารมณ์ของผู้อื่นได้

And that's why we can tell the emotion of somebody else --

เพราะกล้ามเนื้อกำลังแสดงออก ผ่านจิตใต้สำนึก

และเราได้วิวัฒนาการมันจนตีความหมายได้มากมาย

because their muscles are acting, subconsciously,

except that we've evolved to make the facial muscles really rich with emotion.

อย่างเช่นอารมณ์พวกนี้

เพราะมันช่วยส่งสัญญาณบอกบริกรว่า คุณ ฉันกินเสร็จแล้วนะ มองฉันสิ

Well, this has emotions if you like,

because it signals the waiter that, "Hey, I'm finished. See -- upright."

บริกรก็จะมาหาและพูดว่า คุณต้องการน้ำเพิ่มหรือเปล่าครับ

And the waiter can come by and say, "Would you like more water?"

มันเจ๋งมาก เป็นการออกแบบที่เยี่ยมยอด

ระดับที่สามคือการสะท้อน

It's kind of neat. What a wonderful design.

And the third level is reflective,

นั่นคือถ้าหากคุณมีเชื่อมั่นสูง

which is, if you like the superego,

มันคือส่วนเล็กๆ ในสมองที่ไม่สามารถควบคุมสิ่งที่คุณทำได้

it's a little part of the brain that has no control over what you do,

ไม่มีการควบคุม ไม่รับรู้ความมีสติ

no control over the -- doesn't see the senses,

ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้

มันแค่ช่วยดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

doesn't control the muscles.

มันคือเสียงเล็กๆ ในหัวของคุณ

It looks over what's going on.

ที่คอยจ้องมองและบอกว่า นั่นมันดี นั่นมันแย่

It's that little voice in your head

หรือไม่ก็ ทำไมคุณทำอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่เข้าใจ

that's watching and saying, "That's good. That's bad."

มันเป็นเสียงเล็กๆ ในหัว จากจิตสำนึกของคุณ

Or, "Why are you doing that? I don't understand."

นี่คือตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของการออกแบบระดับในนี้

It's that little voice in your head that's the seat of consciousness.

เจ้าของรถฮัมเมอร์ (Hummer) พูดว่า ผมได้ซื้อรถมาหลายคันแล้ว

Here's a great reflective product.

รถหรูๆ มากมาย

Owners of the Hummer have said, "You know I've owned many cars in my life --

แต่ผมไม่เคยซื้อรถที่ดึงดูดความสนใจได้มากขนาดนี้มาก่อน

all sorts of exotic cars,

มันเกี่ยวกับการดึงดูดความสนใจ เกี่ยวกับภาพพจน์

but never have I had a car that attracted so much attention."

ไม่ได้เกี่ยวกับรถ

ถ้าคุณต้องการตัวอย่างที่ดีกว่านี้ล่ะก็

It's about attention. It's about their image,

ลองรถจากจีเอ็ม (GM)

เหตุผลที่คุณอาจซื้อมันในตอนนี้ ก็เพราะคุณเป็นคนที่ห่วงสิ่งแวดล้อม

และคุณจะซื้อมันเพื่อปกป้องธรรมชาติเอาไว้

not about the car.

แม้ว่ารถคันแรกๆ จะมีราคาค่อนข้างสูง

If you want a more positive model --

this is the GM car.

และมีข้อบกพร่องบ้างก็ตาม

And the reason you might buy it now is because you care about the environment.

แต่นั่นก็นับเป็นการออกแบบเชิงสะท้อนได้เช่นเดียวกัน

And you'll buy it to protect the environment,

หรือไม่ก็นาฬิการาคาแพง เพื่อสร้างความประทับใจ

even though the first few cars are going to be really expensive

ว้าว ฉันไม่รู้นะเนี่ยว่าคุณมีนาฬิกาเรือนนั้นด้วย

and not perfected.

ต่างจากนาฬิกาเรือนนี้

But that's reflective design as well.

ที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก

Or an expensive watch, so you can impress people --

ที่ไม่แน่อาจรักษาเวลาได้ดีกว่าเจ้าเรือนละ 13,000 ดอลล่าร์ ที่ผมเพิ่งอวดคุณเห็นซะอีก

"Oh gee, I didn't know you had that watch."

แต่หน้าตามันอาจน่าเกลียดอยู่ซักหน่อย

As opposed to this one,

เจ้านาฬิกาเรือนนี้มันมีชื่อผมเขียนอยู่ขัดเจน

which is a pure behavioral watch,

และบางครั้งคุณพยายามเจ๋ง พรางความรูสึกต้านผู้อื่น

which probably keeps better time than the $13,000 watch I just showed you.

เพราะรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ

But it's ugly.

ระหว่างเสียงสะท้อนที่บอกว่า มันโอเคๆ มันปลอดภัยๆ

This is a clear Don Norman watch.

And what's neat is sometimes you pit one emotion against the other,

ลองนึกสวนสนุกที่ขึ้นสนิม และกำลังหลุดเป็นชิ้นๆ คุณคงไม่อยากจะไปนั่งบนเครื่องเล่นแน่ๆ

the visceral fear of falling

against the reflective state saying, "It's OK. It's OK. It's safe. It's safe."

เพราะฉะนั้นมันคือการพรางซึ่งกันและกัน

อีกอย่างที่เนี๊ยบมากๆ

If that amusement park were rusty and falling apart, you'd never go on the ride.

(เสียงหัวเราะ)

So, it's pitting one against the other.

คนทำเฟอร์นิเจอร์ที่ชื่อว่า เจค เคลส (Jake Cress)

ได้ทำเฟอร์นิเจอร์ที่ดูน่าทึ่งเหล่านี้

The other neat thing ...

และนี่คือเก้าอี้ที่มีกรงเล็บ

(Laughter)

และเจ้าเก้าอี้ที่น่าสงสารตัวนี้ทำอัณฑะหายไป

มันเลยพยายามหามันให้เจอก่อนที่ใครจะรู้เข้า

So Jake Cress is this furniture maker,

and he makes this unbelievable set of furniture.

สิ่งที่เจ๋งก็คือคุณเชื่อเรื่องราวพวกนั้นอย่างไร

And this is his chair with claw,

นั่นแหละคืออารมณ์ความรู้สึก

and the poor little chair has lost its ball

และนั่นแหละผมคนใหม่

and it's trying to get it back before anybody notices.

จากนี้เป็นต้นไปผมจะพูดถึงแต่สิ่งดีๆ

(เสียงหัวเราะ)

And what's so neat about it is how you accept that story.

(เสียงปรบมือ)

And that's what's nice about emotion.

So that's the new me.

I'm only saying positive things from now on.

(Laughter)

(Applause)