Life at 30,000 feet | Richard Branson

Translator: ๋Jomzup Link Reviewer: Rawee Ma

Chris Anderson: Welcome to TED.

ยินดีต้อนรับสู่ TED

Richard Branson: Thank you very much. The first TED has been great.

ริชาร์ด: ขอบคุณมากครับ ครั้งแรกกับ TED ยอดเยี่ยมมากครับ

CA: Have you met anyone interesting?

คริส: แล้วคุณพบใครที่น่าสนใจบ้างไหม?

RB: Well, the nice thing about TED is everybody's interesting.

ริชาร์ด: โอ้…สิ่งที่ดีของ TED คือทุกคนในนี้น่าสนใจทั้งนั้น

I was very glad to see Goldie Hawn,

ผมแอบดีใจที่เจอกับโกลดี้ ฮอว์นอีกครั้ง

because I had an apology to make to her.

ผมมีเรื่องที่ต้องขอโทษเธออย่างใหญ่หลวงเลย

I'd had dinner with her about two years ago and I'd --

เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปทานอาหารมื้อค่ำกับเธอ

she had this big wedding ring and I put it on my finger and I couldn't get it off.

เธอมาพร้อมกับแหวนแต่งงานเม็ดโต ผมลองใส่แหวนนั่น แต่แล้วก็ถอดไม่ออก

And I went home to my wife that night

ผมจึงต้องใส่มันกลับบ้านไปเจอภรรยาในคืนนั้น

and she wanted to know why I had another woman's big,

ภรรยาผมถามยกใหญ่ว่าทำไมมีแหวนแต่งงานคนอื่น

massive, big wedding ring on my finger.

มาอยู่บนนิ้วมือของผมได้อย่างไร

And, anyway, the next morning we had to go along to the jeweler

เช้าวันต่อมา พวกเราจึงไปหาช่างทอง

and get it cut off.

เพื่อให้เขาตัดแหวนเพชรนั้นออกจากนิ้วผม

So -- (Laughter) --

ดังนั้น (เสียงหัวเราะ)

so apologies to Goldie.

ต้องขอโทษโกลดี้ด้วย

CA: That's pretty good.

คริส: มันฟังดูน่าตื่นเต้นมาก

So, we're going to put up some slides

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพวกเราขอเริ่มต้น

of some of your companies here.

ในประเด็นเรื่องบริษัทของคุณ

You've started one or two in your time.

คุณเริ่มต้นสร้างบริษัทหนึ่งหรือสองแห่ง ในระยะเวลาไม่นาน

So, you know, Virgin Atlantic, Virgin Records --

นั่นคือ Virgin Atlantic กับ Virgin Record

I guess it all started with a magazine called Student.

ถ้าจำไม่ผิด มันเริ่มต้นมาจากนิตยสาร ที่มีชื่อว่า Student

And then, yes, all these other ones as well. I mean, how do you do this?

แล้วก็ยังมีบริษัทอื่น ๆ ตามมา ผมอยากถามว่าคุณทำได้อย่างไร?

RB: I read all these sort of TED instructions:

ริชาร์ด: ผมอ่านรูปแบบการสัมภาษณ์ของ TED แล้ว

you must not talk about your own business, and this,

คุณไม่ให้พูดเกี่ยวกับธุรกิจของตนเอง และนี่

and now you ask me.

คุณกลับมาถามผมซะเอง

So I suppose you're not going to be able to kick me off the stage,

ผมหวังว่าจะไม่ถูกคุณเตะ ออกจากเวทีนี่หรอกนะ

since you asked the question.

ตอนที่คุณเริ่มถามคำถาม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: It depends what the answer is though.

คริส: มันขึ้นอยู่กับว่าคุณตอบคำถามนั้นยังไง

RB: No, I mean, I think I learned early on that if you can run one company,

ริชาร์ด: ไม่ ผมหมายถึง ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้ มาแต่แรกแล้วว่า ถ้าคุณบริหารบริษัทหนึ่งได้

you can really run any companies.

คุณก็บริหารที่อื่นได้

I mean, companies are all about finding the right people,

ผมหมายความว่าบริษัททั้งหมดนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับการหาบุคลากรที่เหมาะสม

inspiring those people, you know, drawing out the best in people.

สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเหล่านั้น ที่รู้ ดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดมาจากคนเหล่านั้น

And I just love learning and I'm incredibly inquisitive

และอีกอย่างผมชอบเรียนรู้ และเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวต่าง ๆ

and I love taking on, you know, the status quo

และพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้น

and trying to turn it upside down.

ผมชอบที่จะท้าทายกับสิ่งธรรมดา ๆ

So I've seen life as one long learning process.

ผมคิดว่าชีวิต คือ การเรียนรู้อย่างไม่รู้จบ

And if I see -- you know, if I fly on somebody else's airline

ในอดีตผมเคยใช้บริการสายการบินแห่งหนึ่ง

and find the experience is not a pleasant one, which it wasn't,

และพบว่าประสบการณ์ในครั้งนั้น ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจเท่าที่ควร

21 years ago, then I'd think, well, you know, maybe I can create

21 ปีที่แล้วผมมีความคิดเล่น ๆ ว่าบางทีผมอาจจะสร้างสายการบินขึ้นมาเอง

the kind of airline that I'd like to fly on.

เป็นสายการบินแบบที่ผมเองอยากจะใช้บริการ

And so, you know, so got one secondhand 747 from Boeing and gave it a go.

อย่างที่รู้กัน ผมได้สั่งซื้อเครื่องบิน มือสองโบอิ้ง 747 มาแล้วเริ่มจากตรงนั้น

CA: Well, that was a bizarre thing,

คริส: โอ้ เรื่องยอดมาก

because you made this move that a lot of people advised you was crazy.

เพราะตอนที่คุณได้ลงมือทำเรื่องนั้น คนอื่น ๆ มองว่ามันบ้าบิ่นมาก

And in fact, in a way, it almost took down your empire at one point.

และตามจริง ในตอนนั้น มันเกือบฉุดบริษัทคุณ ล้มลงได้ภายในพริบตา

I had a conversation with one of the investment bankers who,

ผมได้มีโอกาสนั่งคุยกับ ที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคาร (วาณิชธนกร)

at the time when you basically sold Virgin Records

ในตอนที่คุณตัดสินใจขายบริษัท Virgin Record

and invested heavily in Virgin Atlantic,

แล้วไปลงทุนอย่างหนักกับ Virgin Atlantic

and his view was that you were trading, you know,

ในมุมองของเขานั้น คุณกำลังทำการ แลกเปลี่ยนธุรกิจ ที่รู้กัน

the world's fourth biggest record company

จากบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของโลก

for the twenty-fifth biggest airline and that you were out of your mind.

มาเป็นสายการบินขนาดใหญ่อันดับที่ 25 ซึ่งเหมือนกับคุณกำลังเสียสติ

Why did you do that?

ทำไมคุณถึงตัดสินใจทำเช่นนั้น?

RB: Well, I think that there's a very thin dividing line between success and failure.

ริชาร์ด: อือ ผมคิดว่ามันมีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ ระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวนะ

And I think if you start a business without financial backing,

ผมคิดว่าถ้าคุณเริ่มต้นทำธุรกิจ โดยไม่มีเงินหนุนหลัง

you're likely to go the wrong side of that dividing line.

มันเหมือนกับว่าคุณกำลังขับรถผิดทาง

We had -- we were being attacked by British Airways.

เราเจอเอง เราก็เคยโดนโจมตี จากสายการบิน British Airway

They were trying to put our airline out of business,

พวกเขาพยายามกีดกันสายการบินของผม ให้ออกจากธุรกิจทางการบินให้ได้

and they launched what's become known as the dirty tricks campaign.

และพวกเค้าได้ทำบางอย่าง ที่รู้ ๆ กันว่า เป็นแผนสกปรกทางธุรกิจ

And I realized that the whole empire was likely to come crashing down

ผมเข้าใจนะว่า บริษัทในเครือทั้งหมดนั้น สามารถพังพินาศ

unless I chipped in a chip.

เว้นแต่ผมจะรวมเป็นหนึ่งเดียว

And in order to protect the jobs of the people who worked for the airline,

และในการปกป้องให้พนักงานสายการบินของผม ให้มีงานทำ

and protect the jobs of the people who worked for the record company,

รวมไปถึงพนักงานในบริษัทเพลงผมให้มีงานทำ

I had to sell the family jewelry to protect the airline.

ผมจำเป็นต้องขายสมบัติทั้งบ้านเพื่อปกป้อง ธุรกิจสายการบิน

CA: Post-Napster, you're looking like a bit of a genius, actually,

คริส: หลังยุค Napster ภาพลักษณ์ของคุณ คือเป็นนักธุรกิจอัจฉริยะ

for that as well.

อย่างที่เห็นกันอยู่

RB: Yeah, as it turned out, it proved to be the right move.

ริชาร์ด: ใช่ ถอนตัวออกมา มันได้ยืนยันว่าถูกเวลา

But, yeah, it was sad at the time, but we moved on.

แต่ใข่ เป็นเรื่องเศร้า แต่เราต้องเดินหน้า

CA: Now, you use the Virgin brand a lot

คริส: ตอนนี้คุณใช้แบรนด์ Virgin กับหลายธุรกิจ

and it seems like you're getting synergy from one thing to the other.

เหมือนคุณกำลังใช้สิ่งนี้ เพื่อส่งเสริมสิ่งกันและกัน

What does the brand stand for in your head?

อะไรคือความหมายของแบรนด์เหล่านั้น ในความคิดของคุณ?

RB: Well, I like to think it stands for quality,

ริชาร์ด: เออ ผมคิดว่ามันยืนยันถึงคุณภาพ

that you know, if somebody comes across a Virgin company, they --

อย่างที่รู้กัน ถ้าหากมีใครพบกับบริษัท Virgin โดยบังเอิญ พวกเขา--

CA: They are quality, Richard. Come on now, everyone says quality. Spirit?

คริส: พวกเขาคือ คุณภาพ ไม่เอาน่า Richard ใคร ๆ ก็เอาแต่พูดถึงคุณภาพ

RB: No, but I was going to move on this.

ริชาร์ด: ไม่นะ แต่ผมเลือกที่จะบริหารงานแบบนี้

We have a lot of fun and I think the people who work for it enjoy it.

พวกเราสนุกกันมาก และคิดว่าทุกคนที่ได้ทำงาน ก็มีความสุขกับมันด้วย

As I say, we go in and shake up other industries,

อย่างที่บอก พวกเราเข้าไปเขย่าอุตสาหกรรรมอื่น ๆ

and I think, you know, we do it differently

และผมคิด อย่างที่รู้ พวกเราทำมันแตกต่าง

and I think that industries are not quite the same

และผมคิดว่าอุตสาหกรรมหลายอย่างต่างกันมาก

as a result of Virgin attacking the market.

นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ Virgin บุกตลาด

CA: I mean, there are a few launches you've done

คริส: ผมหมายถึง มีบางธุรกิจใหม่ของคุณ

where the brand maybe hasn't worked quite as well.

ที่มีผลลัพท์ออกมาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร

I mean, Virgin Brides -- what happened there?

ผมหมายถึง Virgin Brides-- มันเกิดอะไรขึ้น

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

RB: We couldn't find any customers.

ริชาร์ด: เราไม่มีลูกค้า

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

CA: I was actually also curious why --

คริส: ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกินว่าทำไม--

I think you missed an opportunity with your condoms launch. You called it Mates.

ผมคิดว่าคุณพลาดโอกาสกับธุรกิจถุงยางอนามัย ที่เรียกมันว่า “Mates”

I mean, couldn't you have used the Virgin brand for that as well?

ผมหมายถึง ทำไมคุณถึงไม่ใช้แบรนด์ Virgin กับสินค้าชนิดนี้ด้วย

Ain't virgin no longer, or something.

ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป หรืออะไรบางอย่าง

RB: Again, we may have had problems finding customers.

ริชาร์ด: อีกครั้ง เราอาจมีปัญหาในการหาลูกค้า

I mean, we had -- often, when you launch a company and you get customer complaints,

ผมหมายถึงบ่อยครั้ง เมื่อคุณเริ่มลงมือ ทำธุรกิจและลูกค้าได้ร้องเรียน

you know, you can deal with them.

ที่รู้กัน คุณสามารถจัดการกับมันได้

But about three months after the launch of the condom company,

แต่หลังจากทำธุรกิจถุงยางมาได้สัก 3 เดือน

I had a letter, a complaint,

ผมก็ได้รับจดหมายร้องเรียนฉบับหนึ่ง

and I sat down and wrote a long letter back to this lady apologizing profusely.

ผมนั่งลงและเขียนจดหมายกลับไป เพื่อขอโทษหญิงสาวคนนั้นอย่างมาก

But obviously, there wasn't a lot I could do about it.

แต่จริง ๆ แล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

And then six months later, or nine months after the problem had taken,

และ 6 เดือนต่อมาหรือ 9 เดือน หลังจากปัญหานั้นเกิดขึ้นมาแล้ว

I got this delightful letter with a picture of the baby

ผมได้รับจดหมายที่ทำให้ผมมีความสุขมาก ซึ่งมีรูปเด็กน้อยมาด้วย

asking if I'd be godfather, which I became.

พร้อมข้อความที่ขอให้ผมเป็นพ่อทูนหัวของเด็ก ซึงแน่นอน ผมตอบรับ

So, it all worked out well.

ดังนั้นทุกอย่างจึงได้คลี่คลายเป็นอย่างดี

CA: Really? You should have brought a picture. That's wonderful.

จริงหรือ คุณน่าจะพกรูปนั่นมาด้วยนะ มันเป็นอะไรที่เยี่ยมมากเลย

RB: I should have.

ผมก็ควรจะพกมันมา

CA: So, just help us with some of the numbers.

ประเด็นต่อมาคือมูลค่าของตัวเลข?

I mean, what are the numbers on this?

ผมหมายถึง อะไรคือตัวเลขในนี้

I mean, how big is the group overall?

ผมหมายถึง มูลค่ารวมทั้งหมด

How much -- what's the total revenue?

รายได้ทั้งหมดที่คุณได้มามันมีมูลค่าแค่ไหน

RB: It's about 25 billion dollars now, in total.

ทั้งหมดราว ๆ 25 พันล้านเหรียญดอลล่าห์

CA: And how many employees?

จำนวนพนักงานทั้งหมด

RB: About 55,000.

ประมาณ 55,000 คน

CA: So, you've been photographed in various ways at various times

คุณมีรูปถ่ายออกมามากมายหลากหลายรูปแบบ และในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

and never worrying about putting your dignity on the line or anything like that.

โดยไม่เคยกังวลเลยกับการที่ต้องเอาชื่อเสียง มาแขวนอยู่บนเส้นด้ายหรืออะไรทำนองนั้น

What was that? Was that real?

มันคืออะไร คุณช่วยขยายความหน่อยได้ไหม

RB: Yeah. We were launching a megastore in Los Angeles, I think.

ใช่นะ พวกเราเปิดร้านค้าขนาดใหญ่มาก ใน ลอส แองเจลลิส ผมคิดว่านะ

No, I mean, I think --

ไม่นะ ผมหมายถึงผมคิด

CA: But is that your hair?

นั่นผมของคุณใช่ไหม

RB: No.

ไม่ ๆ

CA: What was that one?

หรือจะเป็นอันนี้

RB: Dropping in for tea.

ใช้โรยตัวไปนั่งจิบชา

CA: OK.

ใช่เลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

RB: Ah, that was quite fun. That was a wonderful car-boat in which --

ริชาร์ด: มันเป็นอะไรที่ดูน่าสนุกนะ มันเป็นรถเรือที่มหัศจรรย์มาก

CA: Oh, that car that we -- actually we --

คริส: นั่นไง รถคันนั้น ในความเป็นจริงแล้ว

it was a TEDster event there, I think.

งาน TEDster ที่ผ่านมา ก็ถูกจัดขึ้นที่นั่นนะถ้าผมจำไม่ผิด

Is that -- could you still pause on that one actually, for a minute?

นั่นไงคุณช่วยหยุดภาพตรงนั้นสักนาทีได้ไหม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

มันเป็นงานที่ยากใช่ไหม

RB: It's a tough job, isn't it?

CA: I mean, it is a tough job.

ผมหมายถึงมันเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนสูง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

When I first came to America, I used to try this with employees as well

ตอนที่ผมมาที่อเมริกาครั้งแรก ผมเคยลองเล่นรถเรือกับพวกพนักงานด้วยนะ

and they kind of -- they have these different rules over here,

พวกเขามีกฎที่แตกต่างกันไปที่นี่

it's very strange.

มันก็เป็นอะไรที่แปลก

RB: I know, I have -- the lawyers say you mustn't do things like that, but --

ผมก็รู้มาเหมือนกันนะ ทนายของผมบอกว่า คุณไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นก็ได้นะ แต่…

CA: I mean, speaking of which, tell us about --

พูดออกเลย บอกพวกเราที

RB: "Pammy" we launched, you know --

เราได้เปิดตัว “Pammy”

mistakenly thought we could take on Coca-Cola,

เราคิดผิดว่าเราสามารถคว่ำ Coca-Cola ได้

and we launched a cola bottle called "The Pammy"

พวกเราเปิดตัวแบรนด์โคล่าของเรา ชื่อว่า “The Pammy”

and it was shaped a bit like Pamela Anderson.

เพราะมันมีรูปทรงที่คล้ายกับ "Pamela Anderson"

But the trouble is, it kept on tipping over, but --

แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ พวกเราก็เลือกที่จะจดจำมันแบบนั้น

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: Designed by Philippe Starck perhaps?

ออกแบบโดย Philippe Starck ใช่ไหม

RB: Of course.

ใช่แล้ว

CA: So, we'll just run a couple more pictures here. Virgin Brides. Very nice.

ต่อไปเราจะแสดงรูปอีก 2-3 รูปที่นี่ Virgin Brides นั้นมันเยี่ยมจริง ๆ

And, OK, so stop there. This was -- you had some award I think?

และ โอเค หยุดตรงนี้ก่อน นี่คือ.. คุณได้รับรางวัลมาด้วยใช่ไหมถ้าผมจำไม่ผิด

RB: Yeah, well, 25 years earlier, we'd launched the Sex Pistols'

ใช่ครับ เมื่อ 25 ปีก่อนตอนที่พวกเราเริ่ม โครงการปั้นวงดนตรี Sex Pistols

"God Save The Queen," and I'd certainly never expected

ในเพลง “God Save The Queen” และเอาตามตรงผมไม่เคยคาดหวังว่า

that 25 years later -- that she'd actually knight us.

25 ปีให้หลัง พวกเขาเหมือนเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยผม

But somehow, she must have had a forgetful memory, I think.

อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ผมคิดว่านะ

CA: Well, God saved her and you got your just reward.

พระเจ้าช่วยพวกเขาและทำให้คุณได้รับรางวัล

Do you like to be called Sir Richard, or how?

คุณคิดว่าคุณสมควรที่จะได้รับ การขนานนามว่า Sir Richard ไหม

RB: Nobody's ever called me Sir Richard.

ไม่เห็นจะมีใครเรียกผมว่า Sir Richard เลย

Occasionally in America, I hear people saying Sir Richard

บางครั้งในอเมริกา ผมได้ยินคนเรียกว่า Sir Richard

and think there's some Shakespearean play taking place.

และมันทำให้ผมคิดถึงผลงานของเช็คสเปียร์

But nowhere else anyway.

แต่ไม่มีใครเรียกผมแบบนั้นเลยนะ

CA: OK. So can you use your knighthood for anything or is it just ...

คำถามต่อไป คุณเคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ของคุณ สำหรับการได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่างไหม

RB: No. I suppose if you're having problems

ไม่นะ แต่บางครั้งผมก็ทำนะ ถ้าหากว่ามันมีปัญหาจริง ๆ

getting a booking in a restaurant or something,

อย่างเช่นการจองร้านอาหารหรืออื่น ๆ

that might be worth using it.

มันค่อนข้างโอเคเลยล่ะ

CA: You know, it's not Richard Branson. It's Sir Richard Branson.

คุณรู้ไหม คุณไม่ใช่แค่ Richard Branson แต่คุณเป็น Sir Richard Branson

RB: I'll go get the secretary to use it.

เป็นความคิดที่ดีมาก ผมจะเอากลับไปให้เลขาผมใช้นะ

CA: OK. So let's look at the space thing.

เรามาดูธุรกิจทางด้านอวกาศกันบ้างดีกว่า

I think, with us, we've got a video that shows what you're up to,

ผมคิดว่าพวกเรากำลังจะได้รับชมวิดีโอ ที่แสดงความพยายามของคุณ

and Virgin Galactic up in the air. (Video)

ของโครงการ Virgin Galactic ที่จะพาท่านผู้ชมไปท่องอวกาศ (วิดีโอ)

So that's the Bert Rutan designed spaceship?

อันนั้นเป็นการออกแบบยานอวากาศ โดย Bert Rutan ใช่มั้ย

RB: Yeah, it'll be ready in -- well, ready in 12 months

ใช่ มันจะแล้วเสร็จในอีก 12 เดือน

and then we do 12 months extensive testing.

จากนั้นพวกเราจะใช้เวลาอีก 12 เดือน ในการทำการทดสอบอย่างจริงจัง

And then 24 months from now,

รวม ๆ แล้วอีกประมาณ 24 เดือนนับจากตอนนี้

people will be able to take a ride into space.

ทุกคนก็จะสามารถขึ้นไปยังอวกาศได้

CA: So this interior is Philippe Starcke designed?

การตกแต่งภายในนี่ออกแบบโดย Philippe Stark ใช่ไหม

RB: Philippe has done the -- yeah, quite a bit of it:

Philippe ก็มีส่วนช่วยในโครงการนี้

the logos and he's building the space station in New Mexico.

เขาออกแบบโลโก้ และสร้างสถานีอวกาศในนิวเม็กซิโก

And basically, he's just taken an eye

โดยพื้นฐาน เขาทำให้มันเป็นเหมือนดวงตา

and the space station will be one giant eye,

เขาออกแบบสถานีอวกาศ ให้ออกมาเป็นดวงตาขนาดใหญ่ยักษ์

so when you're in space,

ดังนั้นเมื่อคุณอยู่ในอวกาศ

you ought to be able to see this massive eye looking up at you.

คุณจะสามารถมองเห็น เหมือนมีตาขนาดใหญ่นี้เป็นตาของคุณเองเลย

And when you land, you'll be able to go back into this giant eye.

เมื่อคุณกลับมาที่โลก คุณก็สามารถกลับมายังดวงตายักษ์ดวงนี้ได้

But he's an absolute genius when it comes to design.

ผมขอบอกตรงนี้เลยว่าเขาอัจฉริยะมาก ที่สามารถออกแบบมันออกมาได้

CA: But you didn't have him design the engine?

แต่คุณก็ไม่ได้ให้เขาออกแบบในส่วนของ เครื่องยนต์หรือกลไกอื่น ๆ

RB: Philippe is quite erratic,

Philippe เป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้

so I think that he wouldn't be the best person to design the engine, no.

ดังนั้นผมคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุด ที่จะออกแบบกลไกหรือเครื่องจักรต่าง ๆ

เขามาพูดอย่างยอดเยี่ยมที่นี่ เมื่อ 2 วันก่อน

CA: He gave a wonderful talk here two days ago.

RB: Yeah? No, he is a --

อ้อ ไม่ เขาไม่ใช่..

CA: Well, some people found it wonderful,

มีหลายคนบอกว่ามันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก

แต่ก็มีหลายคนบอกว่า มันเป็นอะไรที่ประหลาดที่สุด

some people found it completely bizarre.

But, I personally found it wonderful.

แต่ผมคิดว่ามันเป็นการพูดที่ดีเลยแหละ

RB: He's a wonderful enthusiast, which is why I love him. But ...

เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นมาก และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงรักเขา

CA: So, now, you've always had this exploration bug in you.

คุณก็มักจะมีการสำรวจข้อผิดพลาด ในตัวคุณเองอยู่เสมอ

Have you ever regretted that?

คุณเคยคิดเสียใจกับมันบ้างไหม

RB: Many times.

หลายครั้งเลยล่ะ

I mean, I think with the ballooning and boating expeditions we've done in the past.

ผมหมายถึง ผมคิดถึงการเดินทางด้วยบอลลูน และเรือที่ได้ทำไปเมื่อไม่นานมานี้

Well, I got pulled out of the sea I think six times by helicopters, so --

ผมออกเดินทางไปในทะเล น่าจะซัก 6 ครั้ง ที่ผมเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์

and each time, I didn't expect to come home to tell the tale.

ผมไม่เคยคิดที่จะได้กลับบ้านเพื่อเล่าเรื่อง การผจญภัยในแต่ละครั้งให้กับคนในครอบครัวฟัง

So in those moments,

ในช่วงเวลานั้น

you certainly wonder what you're doing up there or --

คุณอาจจะสงสัยว่า ผมถึงขึ้นไปทำอะไรบนนั้น

CA: What was the closest you got to --

คุณไปใกล้ที่สุดแค่ไหน

when did you think, this is it, I might be on my way out?

เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าสิ่งนี่คือทางของคุณ

RB: Well, I think the balloon adventures were -- each one was,

ผมคิดว่าการเดินทางด้วยบอลลูนคือสิ่งที่ใช่ ในแต่ละครั้งมันใช่

each one, actually, I think we came close.

จริง ๆ แล้ว ในแต่ละครั้ง ผมคิดว่าเรามาได้ใกล้มาก

And, I mean, first of all we --

ผมหมายความว่า อย่างแรกพวกเรา --

nobody had actually crossed the Atlantic in a hot air balloon before,

ไม่มีใครเคยข้ามผ่านแอตแลนติกได้ ด้วยบอลลูนร้อนมาก่อน

so we had to build a hot air balloon that was capable of flying in the jet stream,

พวกเราต้องสร้างบอลลูนขึ้นมา ให้สามารถลอยในกระแสลม

and we weren't quite sure,

พวกเราก็ไม่ค่อยมั่นใจมากนัก

when a balloon actually got into the jet stream,

เมื่อบอลลูนได้ขึ้นไปอยู่ในกระแสลมนั้นแล้ว

whether it would actually survive the 200, 220 miles an hour winds that you can find up there.

มันจะเป็นอย่างไรบ้างที่ความเร็ว 200 หรือ 220 ไมล์ต่อชั่วโมงนั่น

And so, just the initial lift off from Sugarloaf to cross the Atlantic,

โดยเราเริ่มปล่อยตัวกันที่ Sugarloaf เพื่อข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

as we were pushing into the jet stream, this enormous balloon --

และเมื่อเราเข้าไปสู่กระแสลมของจริงแล้ว ด้วยขนาดมหึมาของบอลลูนนี้

the top of the balloon ended up going at a couple of hundred miles an hour,

บริเวณด้านบนของบอลลูนนั้น จะมีความเร็วกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง

the capsule that we were in at the bottom was going at maybe two miles an hour,

ส่วนตัวของกระเช้าที่พวกเราอยู่นั้น มีความเร็วเพียง 2 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น

and it just took off.

และมันก็บินขึ้นไป

And it was like holding onto a thousand horses.

มันเหมือนกับว่า เรากำลังขี่อยู่บนหลังม้าเป็นพัน ๆ ตัว

And we were just crossing every finger,

พวกเราได้แต่สวดภาวนา

praying that the balloon would hold together, which, fortunately, it did.

ขอให้บอลลูนใช้การได้ และโชคดีที่มันใช้การได้จริง ๆ

But the ends of all those balloon trips were, you know --

แต่ในท้ายที่สุดของการผจญภัยด้วยบอลลูนนั้น

something seemed to go wrong every time,

มักจะมีบางสิ่งที่ผิดพลาดเกิดขึ้นทุกครั้ง

and on that particular occasion, the more experienced balloonist who was with me

และในครั้งนั้น นักบอลลูนมือเก๋าขั้นเทพที่ขึ้นไปกับผม

jumped, and left me holding on for dear life.

ได้กระโดดหนีผมลงไป และปล่อยให้ผมอยู่กับชีวิตที่รักของผม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: Did he tell you to jump, or he just said, "I'm out of here!" and ...

เขาบอกให้คุณกระโดด หรือเขาแค่พูดว่า “ผมไปแล้วนะ!”

RB: No, he told me jump, but once his weight had gone,

ไม่ เขาบอกให้ผมกระโดด แต่ตอนที่เขากระโดดมีน้ำหนักบางส่วนหายไป

the balloon just shot up to 12,000 feet and I ...

ทำให้บอลลูนลอยสูงขึ้นไปถึง 12,000 ฟุตและผม

CA: And you inspired an Ian McEwan novel I think with that.

คุณได้แรงบันดาลใจจากนวนิยาย ของ Ian McEwan อะไรทำนองนั้นใช่ไหม

RB: Yeah. No, I put on my oxygen mask and stood on top of the balloon,

ก็ไม่เชิง ผมสวมหน้ากากออกซิเจน

with my parachute, looking at the swirling clouds below,

และยืนขึ้นบนบอลลูนพร้อมกับร่มชูชีพของผม มองที่ก้อนเมฆด้านล่าง

trying to pluck up my courage to jump into the North Sea, which --

พยายามที่จะดึงความกล้าในตัวออกมา เพื่อกระโดดลงไปใน North Sea

and it was a very, very, very lonely few moments.

ซึ่งมันเป็นอะไรที่หดหู่และเดียวดายมาก ๆ

ยังไงก็ตาม เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอด

But, anyway, we managed to survive it.

CA: Did you jump? Or it came down in the end?

คุณกระโดดลงไปไหม หรือว่าบอลลูนค่อย ๆ ลอยลงมา

RB: Well, I knew I had about half an hour's fuel left,

ผมรู้เพียงว่า... ผมจะมีเชื้อเพลิงเหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมง

and I also knew that the chances were that if I jumped,

และรู้ว่าโอกาสที่จะเป็น ถ้าผมตัดสินใจกระโดดลงไป

I would only have a couple of minutes of life left.

ชีวิตผมคงจะมีเวลาเหลืออีกแค่ 2 นาที

So I climbed back into the capsule and just desperately tried

ดังนั้นผมจึงปีนกลับไปที่ห้องพักและ พยายามอย่างสุดความสามารถ

to make sure that I was making the right decision.

เพื่อที่จะมั่นใจว่า ผมตัดสินใจได้ถูกต้อง

And wrote some notes to my family. And then climbed back up again,

และผมได้เขียนจดหมายถึงครอบครัวผมด้วย และปีนกลับไปอีกครั้ง

มองไปที่เมฆด้านล่างอีกที

looked down at those clouds again,

climbed back into the capsule again.

และปีนกลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง

And then finally, just thought, there's a better way.

ผมคิดว่ามันน่าจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้สิ

I've got, you know, this enormous balloon above me,

ในที่สุดผมก็คิดออก บอลลูนขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือหัวของผมอันนี้

it's the biggest parachute ever, why not use it?

ที่จริงมันคือร่มชูชีพที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำไมจึงไม่ใช้มันล่ะ

And so I managed to fly the balloon down through the clouds,

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงจัดการใช้บอลลูน เพื่อโรยตัวลงมาสู่กลุ่มเมฆด้านล่าง

and about 50 feet, before I hit the sea, threw myself over.

และที่ 50 ฟุตก่อนถึงพื้นทะเล ผมก็ดีดตัวออก

And the balloon hit the sea

บอลลูนก็กระแทกกับพื้นทะเล

and went shooting back up to 10,000 feet without me.

และดีดตัวกลับขึ้นไปบนฟ้า ที่ 10,000 ฟุตตามเดิมโดยไม่มีผมบนนั้น

But it was a wonderful feeling being in that water and --

แต่มันก็ถือเป็นความรู้สึกและ ประสบการณ์ที่ดีนะที่ได้อยู่ในน้ำ

CA: What did you write to your family?

แล้วคุณเขียนอะไรถึงครอบครัว

RB: Just what you would do in a situation like that:

ก็แค่เขียนสิ่งที่คุณอยากเขียน ในสถานการณ์แบบนั้น

just I love you very much. And

เช่น ผมรักคุณมากเลยนะ และ...

I'd already written them a letter before going on this trip, which --

ผมก็มักที่จะเขียนจดหมายให้ครอบครัว ก่อนที่จะออกเดินทางผจญภัยเสมอ

just in case anything had happened.

ในกรณีที่หากเกิดอะไรขึ้นมา

But fortunately, they never had to use it.

แต่โชคดีพวกเขาไม่เคยมีโอกาสจะได้อ่านมันเลย

CA: Your companies have had incredible PR value out of these heroics.

บริษัทของคุณได้ประโยชน์มากมาย จากการประชาสัมพันธ์เรื่องเหล่านี้ของคุณ

The years -- and until I stopped looking at the polls,

และจากแบบสำรวจที่ผมได้อ่านในปีนี้

you were sort of regarded as this great hero in the U.K. and elsewhere.

คุณได้รับการนับถือให้เป็นหนึ่งในไอดอล ทั้งในสหราชอาณาจักรและที่อื่น ๆ ด้วย

And cynics might say, you know, this is just a smart business guy

และคนที่ไม่ค่อยชอบคุณ มักจะพูดว่า เค้าก็แค่เป็นนักธุรกิจที่ฉลาด

doing what it takes to execute his particular style of marketing.

ที่ทำการตลาดด้วยวิธีแนวนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

How much was the PR value part of this?

มันให้ผลตอบแทนมากแค่ไหน จากการทำการประชาสัมพันธ์แบบนี้

RB: Well, of course, the PR experts said that as an airline owner,

มีผู้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธ์ ได้กล่าวไว้ว่า ในฐานะเจ้าของสายการบิน

the last thing you should be doing is heading off in balloons and boats,

สิ่งสุดท้ายที่คุณควรจะทำคือ การออกเดินทางโดยบอลลูน หรือ เรือ

and crashing into the seas.

แล้วตกลงไปบนทะเลแบบนั้น

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: They have a point, Richard.

พวกเขาคงมีประเด็นนั่นแหละ Richard

RB: In fact, I think our airline took a full page ad at the time saying,

ผมคิดว่าตอนนั้นสายการบินของเรา มีการโฆษณาแบบเต็มหน้าไปทั่วว่า

you know, come on, Richard,

ไม่เอาน่า Richard

there are better ways of crossing the Atlantic.

มันมีวิธีการที่ดีกว่านี้ ในการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: To do all this,

ในการที่จะทำทั้งหมดนั้น

you must have been a genius from the get-go, right?

คุณต้องเป็นคนที่อัจฉริยะมาก ในการริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ จริงไหม

RB: Well, I won't contradict that.

ก็จริงนะ.. เล่นเอาผมเถียงไม่ออกเลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: OK, this isn't exactly hardball. OK.

โอเค อันนี้ไม่ใช่คำถามที่ยากนะ โอเคมั้ย

Didn't -- weren't you just terrible at school?

จริงหรือเปล่า ที่คุณมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับโรงเรียน

RB: I was dyslexic. I had no understanding of schoolwork whatsoever.

ผมเป็นโรคบกพร่องในการอ่านหนังสือ ผมไม่เข้าใจบทเรียนเลย

I certainly would have failed IQ tests.

และแน่นอนผมสอบตกในการทำแบบทดสอบ IQ

And it was one of the reasons I left school when I was 15 years old.

ปัญหานี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมลาออก จากโรงเรียนตอนอายุ 15

And if I -- if I'm not interested in something, I don't grasp it.

ผมเป็นพวกถ้าหากไม่สนใจอะไรแล้ว ก็จะไม่ยุ่งกับมันเลย

As somebody who's dyslexic,

คนที่ป่วยเป็นโรคนี้

you also have some quite bizarre situations.

แน่นอนว่าคุณจะต้องมีช่วงเวลาที่เลวร้าย

I mean, for instance, I've had to -- you know,

ผมหมายถึงจากสิ่งที่ผมเคยเจอ

I've been running the largest group of private companies in Europe,

สุดท้ายผมก็ได้กลายมาเป็นผู้บริหาร บริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรป

but haven't been able to know the difference between net and gross.

แต่ผมก็ไม่สามารถแยกความแตกต่าง ระหว่างคำว่า สุทธิ และ ขั้นต้นได้

And so the board meetings have been fascinating.

เวลาประชุมบอร์ดก็จะเป็นที่จับใจมาก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And so, it's like, good news or bad news?

จะเรียกว่ามันเป็น ข่าวดี หรือข่าวร้ายดีล่ะ

And generally, the people would say, oh, well that's bad news.

โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักจะพูดว่า... ฉันคิดว่ามันคือข่าวร้ายนะ

CA: But just to clarify, the 25 billion dollars is gross, right? That's gross?

เพื่อความชัดเจนตัวเลข 25 พันล้านเหรียญนั้น มันคือขั้นต้นใช่ไหม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

RB: Well, I hope it's net actually, having --

ผมหวังว่ามันจะเป็นสุทธินะ

(Laughter) --

(เสียงหัวเราะ)

I've got it right.

ผมว่ามันถูกต้องแล้วแหละ

CA: No, trust me, it's gross.

ไม่ เชื่อผม ผมว่ามันเป็นรายได้ขั้นต้นนะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

RB: So, when I turned 50, somebody took me outside the boardroom and said,

ตอนที่ผมอายุได้ 50 ปี มีใครบางคน พาผมออกจากห้องประชุมและพูดว่า

"Look Richard, here's a -- let me draw on a diagram.

ดูนี่นะ Richard ให้ผมวาดอะไรให้คุณสักนิด

Here's a net in the sea,

นี่คือ อวนจับปลาที่อยู่ในทะเล

and the fish have been pulled from the sea into this net.

และเมื่อเรานำอวนขึ้นมาจากทะเล

And that's the profits you've got left over in this little net,

คำว่า สุทธิ คือ สิ่งที่เหลืออยู่ในอวนจริง ๆ

everything else is eaten."

และสิ่งที่เหลือนอกจากนั้นหายไปหมดแล้ว

And I finally worked it all out.

มันได้ผลนะ ทำให้ผมเข้าใจ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

CA: But, I mean, at school -- so as well as being,

กลับมากับประเด็นที่โรงเรียน

you know, doing pretty miserably academically,

อย่างที่คุณทราบ การเรียน เป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับคุณมาก

but you were also the captain of the cricket and football teams.

แต่คุณสามารถเป็นกัปตัน ทีมคริคเก็ตและฟุตบอลได้ดี

So you were kind of a -- you were a natural leader,

คุณอาจจะเป็นพวกที่เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ

but just a bit of a ... Were you a rebel then, or how would you ...

แต่บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้ตัว

RB: Yeah, I think I was a bit of a maverick and -- but I ... And I was,

ผมคิดว่าผมไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหนนะ เมื่อเทียบกับคนอื่น

yeah, I was fortunately good at sport,

ผมโชคดีที่มีความสามารถในด้านกีฬา

and so at least I had something to excel at, at school.

อย่างน้อยที่สุดก็มีอะไรที่เหนือกว่า คนอื่นบ้างตอนอยู่โรงเรียน

CA: And some bizarre things happened just earlier in your life.

มีเรื่องแปลก ๆ ในช่วงวัยเด็กของคุณ

I mean, there's the story about your mother

ผมหมายถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการที่แม่ของคุณ

allegedly dumping you in a field, aged four, and saying "OK, walk home."

ปล่อยคุณทิ้งไว้กลางทางเมื่อตอนอายุ 4 ขวบ และพูดว่า “โอเค เดินกลับบ้านเองนะลูก”

Did this really happen?

มันเกิดขึ้นจริงหรือ

RB: She was, you know,

แม่ผมทำแบบนั้นจริง ๆ

she felt that we needed to stand on our own two feet from an early age.

แม่ผมรู้สึกว่า ลูกทุกคน ต้องยืนได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่อายุยังน้อย

So she did things to us, which now she'd be arrested for,

ถ้าเป็นสมัยนี้แม่ก็คงถูกจับแล้ว

such as pushing us out of the car,

ที่ปล่อยพวกเราลงจากรถ

and telling us to find our own way to Granny's,

และบอกให้พวกเราหาทางไปบ้านของคุณยาย

about five miles before we actually got there.

ที่อยู่ไกลออกไปอีกราว ๆ 5 ไมล์

And making us go on wonderful, long bike rides.

พวกเรามีจักรยานคันยาวเป็นพาหนะคู่ใจ

And we were never allowed to watch television and the like.

อีกอย่างพวกเราไม่เคยได้รับอนุญาต ให้ดูโทรทัศน์หรืออะไรพวกนั้นเลย

CA: But is there a risk here?

มีความเสี่ยงอะไรไหม

I mean, there's a lot of people in the room who are wealthy, and they've got kids,

ผมหมายถึงมีคนมากมาย ที่มีฐานะร่ำรวย แล้วก็มีลูกๆ

and we've got this dilemma about how you bring them up.

ที่กำลังเผชิญหน้ากับสภาวะที่ยากลำบาก ในการเลี้ยงดูพวกเขา

Do you look at the current generation of kids coming up and think

คุณคิดไหมว่าเด็กในยุคสมัยนี้นั้น

they're too coddled, they don't know what they've got,

ไม่รู้ว่าตัวเองถูกพ่อแม่ตามใจซะจนเคยตัว

we're going to raise a generation of privileged ...

เรากำลังเข้าสู่ยุคของเด็กรุ่นอภิสิทธิ์ชน

ไม่นะ ผมคิดว่าถ้าพวกเขาต้องการผลักดัน ให้ลูก ๆ สามารถดูแลตัวเองได้

RB: No, I think if you're bringing up kids,

you just want to smother them with love and praise and enthusiasm.

คุณต้องซ่อนความรัก คำสรรเสริญเยินยอ หรือการเอาใจใส่ลูกแบบมากจนเกินพอดี

So I don't think you can mollycoddle your kids too much really.

และคุณต้องไม่ประคบประหงมลูกจนเกินไป

CA: You didn't turn out too bad, I have to say, I'm ...

คุณไม่ได้กลายเป็นคนเลว ผมหมายถึง

Your headmaster said to you --

กับคำพูดของอาจารย์ใหญ่ ที่บอกว่าคุณ

I mean he found you kind of an enigma at your school --

มีพฤติกรรมที่แปลกมากตอนที่อยู่ในโรงเรียน

he said, you're either going to be a millionaire or go to prison,

เขายังพูดด้วยว่าคุณน่าจะเป็นมหาเศรษฐี หรือไม่ก็อาจจะติดคุกไปเลย

and I'm not sure which.

ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจ

Which of those happened first?

พอบอกได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนกัน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

RB: Well, I've done both. I think I went to prison first.

จริงๆแล้ว ผมเป็นทั้งคู่นะ ถ้าผมจำไม่ผิด ผมคิดว่าผมติดคุกก่อนนะ

I was actually prosecuted under two quite ancient acts in the U.K.

ผมเคยถูกฟ้องมาแล้ว 2 ครั้ง ในสหราชอาณาจักร

I was prosecuted under the 1889 Venereal Diseases Act

เมื่อปี 1889 เกี่ยวป้ายประกาศ เรื่องโรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์หรือกามโรค

and the 1916 Indecent Advertisements Act.

และ 1916 เกี่ยวกับการทำโฆษณา

On the first occasion, for mentioning the word venereal disease in public, which --

ซึ่งเหตุการณ์แรกผมได้ใช้คำศัพท์ เกี่ยวกับกามโรค ในที่สาธารณะ

we had a center where we would help young people who had problems.

พวกเรามีศูนย์ที่จะคอยช่วยเหลือ กลุ่มวัยรุ่นที่มีปัญหา

And one of the problems young people have is venereal disease.

และหนึ่งในปัญหาตอนนั้นคือ โรคกามโรค

And there's an ancient law that says

สมัยนั้นกฎหมายบอกว่า

you can't actually mention the word venereal disease or print it in public.

คุณไม่สามารถที่จะใช้คำ ๆ นั้นหรือตีพิมพ์ คำแบบนี้ออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะได้

So the police knocked on the door, and told us they were going to arrest us

ตำรวจก็มาเคาะประตูหน้าบ้านผม และบอกว่าพวกเขาจะเข้าจับกุมผม

if we carried on mentioning the word venereal disease.

We changed it to social diseases

เราจึงเปลี่ยนมาใช้คำว่า "โรคทางสังคม" แทน

and people came along with acne and spots,

และนั่นแหละ มีแต่มาหาพวกเราเพราะเป็นสิว

ไม่มีคนที่เป็นโรคทางเพศสัมพันธ์ มาหาเราอีกเลย

but nobody came with VD any more.

So, we put it back to VD and promptly got arrested.

ดังนั้นผมจึงกลับไปใช้คำเดิม และเตรียมพร้อมที่จะถูกจับ

And then subsequently, "Never Mind the Bollocks, Here's the Sex Pistols,"

และครั้งต่อมา “ไม่เป็นไรกับความไร้สาระ (Bollocks) เพราะที่นี่คือ Sex Pistols”

the word bollocks, the police decided was a rude word and so we were arrested

ตำรวจบอกว่า คำว่า Bollocks คือศัพท์สแลง ที่เป็นคำหยาบและพวกเขาตัดสินใจเข้าจับเรา

for using the word bollocks on the Sex Pistols' album.

เมื่อเราใช้คำนี้บนอัลบั้มของ Sex Pistols

And John Mortimer, the playwright, defended us.

และ John Mortimer นักแต่งเพลง เข้ามาช่วยบอกกับเรา

And he asked if I could find a linguistics expert

ให้สอบถามไปยังนักภาษาศาสตร์ ที่มีความเชี่ยวชาญ

to come up with a different definition of the word bollocks.

เพื่อเลือกหาคำอื่น ที่มีความหมายใกล้เคียงกับ Bollocks

And so I rang up Nottingham University,

และผมก็ติดต่อไปที่มหาวิทยาลัย Nottingham

and I asked to talk to the professor of linguistics.

เพื่อขอพบกับศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์

And he said, "Look, bollocks is not a -- has nothing to do with balls whatsoever.

และเขาก็บอก “คำว่า Bollocks มันไม่เกี่ยว อะไรกับอัณฑะหรืออวัยวะเพศของคนเลยนะ

It's actually a nickname given to priests in the eighteenth century."

อีกอย่างในสมัยโบราณเค้าก็ใช้คำนี้เรียกเป็น ชื่อย่อของพระหรือบาทหลวงในศตวรรษที่ 18”

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And he went, "Furthermore, I'm a priest myself."

เขาก็พูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังเป็นบาทหลวงอีกด้วย”

And so I said, "Would you mind coming to the court?"

ผมเลยพูดว่า “คุณพอจะมาให้การที่ศาลได้ไหม”

And he said he'd be delighted. And I said --

เขาก็บอกว่าเขายินดีที่จะมา

and he said, "Would you like me to wear my dog collar?"

และยังพูดอีกว่า "ให้ผมใส่ปลอกคอสุนัขมาด้วยไหม"

And I said, "Yes, definitely. Please."

และผมตอบว่า "ใช่เลย ได้โปรด"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: That's great.

นั่นมันเยี่ยมไปเลย

RB: So our key witness argued that it was actually

พยานเอกของเราจึงให้การณ์ว่า จริง ๆ แล้วคือ

"Never Mind the Priest, Here's the Sex Pistols."

“ชั่งหัวบาทหลวงเถอะ ที่นี่คือ Sex Pistols”

(Laughter)

(หัวเราะ)

And the judge found us -- reluctantly found us not guilty, so ...

ผู้พิพากษาก็อิด ๆ ออด ๆ ตัดสินให้เราไม่ผิด

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

CA: That is outrageous.

มันเป็นอะไรที่ดุเดือดมาก

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So seriously, is there a dark side?

อันนี้จริงจังนะ คุณมีด้านมืดบ้างไหม

A lot of people would say there's no way

มีคนมากมายพูดว่ามันไม่มีทาง

that someone could put together this incredible collection of businesses

ที่จะทำธุรกิจที่น่าทึ่งแบบนี้ออกมาได้

without knifing a few people in the back,

โดยปราศจากการทำร้ายผู้คนหรือแทงข้างหลัง

you know, doing some ugly things.

อย่างที่คุณรู้ ทำอะไรน่าเกลียด ๆ

You've been accused of being ruthless.

คุณถูกคนอื่นกล่าวหาว่าเป็นคนโหดเหี้ยม

There was a nasty biography written about you by someone.

และมีใครบางคนเขียนชีวประวัติ ที่ไม่ดีของคุณออกมา

Is any of it true? Is there an element of truth in it?

มันเป็นความจริงไหม มันมีข้อมูลที่เป็นจริงในนั้นไหม

RB: I don't actually think that the stereotype

ผมไม่คิดว่านั่น จะเป็นเรื่องที่เป็นแบบแผนตายตัวนะ

of a businessperson treading all over people to get to the top,

ที่ว่านักธุรกิจต้องแลกด้วยทุกอย่าง เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุด

generally speaking, works.

โดยทั่ว ๆ ไปทั้งการพูด การทำงาน

I think if you treat people well,

ถ้าหากคุณปฏิบัติตัวกับคนอื่นดี

people will come back and come back for more.

คนเหล่านั้น ก็จะปฏิบัติตัวกลับมาดีมากกว่านั้นเยอะ

And I think all you have in life is your reputation

และผมคิดว่าทั้งหมดที่คุณมีในชีวิตของคุณ ก็คือชื่อเสียงของคุณ

and it's a very small world.

และนั่นเปรียบเสมือนโลกใบเล็ก ๆ

And I actually think that the best way

และผมคิดว่าทางที่ดีที่สุด

of becoming a successful business leader is dealing with people fairly and well,

ในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก็ คือ การปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดีและยุติธรรม

and I like to think that's how we run Virgin.

และผมคิดว่านั่น คือ สิ่งที่เราใช้สร้าง Virgin

CA: And what about the people who love you and who see you spending --

แล้วที่เกี่ยวกับคนทั้งหลายที่รักคุณ ที่เห็นคุณทุ่มเทกับ --

you keep getting caught up in these new projects,

การที่คุณพยามไล่ทำโครงการใหม่ทั้งหลาย

but it almost feels like you're addicted to launching new stuff.

แต่มันเหมือนกับคุณกำลังเสพติด การริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ

You get excited by an idea and, kapow!

คุณรู้สึกตื่นเต้นกับไอเดีย และลุยเต็มที่

I mean, do you think about life balance?

ผมหมายถึงคุณเคยคิดถึง การจัดการชีวิตให้สมดุลบ้างไหม

How do your family feel about

ครอบครัวของคุณมีความคิดเห็นอย่างไร

each time you step into something big and new?

ในแต่ละครั้งที่คุณก้าวไปทำบางสิ่ง ที่ทั้งใหญ่และทั้งใหม่

RB: I also believe that being a father's incredibly important,

ผมเชื่อว่าการที่ได้เป็นพ่อคน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก

so from the time the kids were very young,

ดังนั้นเมื่อเวลาที่ลูก ๆ ของเรายังเด็ก

you know, when they go on holiday, I go on holiday with them.

เมื่อพวกเขาไปเทียวกันในวันหยุด ผมก็จะไปเที่ยวด้วยกันกับพวกเขา

And so we spend a very good sort of three months away together.

และพวกเราได้มีเวลาดี ๆ ด้วยกันราว 3 เดือน

Yes, I'll, you know, be in touch. We're very lucky,

อย่างที่คุณรู้ พวกเราใกล้ชิดกัน พวกเราโชคดีมากจริง ๆ

we have this tiny little island in the Caribbean and we can --

พวกเรามีเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในแคริบเบียน ดังนั้นพวกเราสามารถ--

so I can take them there and we can bring friends,

ที่จะพาสมาชิกทุกคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท

and we can play together,

มาทำกิจกรรมร่วมกันได้

but I can also keep in touch with what's going on.

นอกจากนั้น ผมยังสามารถทำงานไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย

CA: You started talking in recent years

คุณเริ่มพูดถึงสิ่งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้

about this term capitalist philanthropy.

เกี่ยวกับคำว่า กองทุนผู้ใจบุญ

What is that?

มันคืออะไรครับ

RB: Capitalism has been proven to be a system that works.

ทุนนิยม คือ ระบบที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าได้ผล

You know, the alternative, communism, has not worked.

อย่างที่คุณรู้ว่าระบบอื่น ๆ อย่าง คอมมิวนิสต์มันไม่ได้ผล

But the problem with capitalism is

แต่ปัญหาของระบบนายทุนนิยม คือ

extreme wealth ends up in the hands of a few people,

ความร่ำรวยสุด ๆ จะตกอยู่ในมือคนไม่กี่คน

and therefore extreme responsibility, I think, goes with that wealth.

และแน่นอนมันเป็นความรับผิดชอบมหาศาล ที่มาพร้อมกันกับความร่ำรวยนั้น

And I think it's important that the individuals,

และผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าใครก็ตาม

who are in that fortunate position, do not end up competing

ที่โชคดีได้อยู่ตรงนั้น ต้องไม่จบลงที่การแก่งแย่งชิงดีกัน

for bigger and bigger boats, and bigger and bigger cars,

เพื่อเรือที่ใหญ่กว่ากัน รถที่หรูหรากว่ากัน

but, you know, use that money to either create new jobs

คุณก็รู้…เราสามารถใช้เงินนั้นเพื่อสร้างงาน

or to tackle issues around the world.

หรือหยุดปัญหาต่าง ๆ ที่มีทั่วโลกได้

CA: And what are the issues that you worry about most, care most about,

อะไรคือปัญหาที่คุณกังวลมากที่สุด ให้ความสนใจมากที่สุด

want to turn your resources toward?

และต้องการที่จะใช้สิ่งที่คุณมีกับมัน

RB: Well, there's -- I mean there's a lot of issues.

ผมว่าอันที่จริงแล้วมันมีหลายประเด็นเลยนะ

I mean global warming certainly is a massive threat to mankind

อย่างเช่นปัญหาโลกร้อนที่เกิดจากการคุกคาม อย่างหนักของมนุษยชาติ

and we are putting a lot of time and energy into,

และพวกเราต้องได้ใช้เวลา และพลังงานอย่างมากในสองทาง

A, trying to come up with alternative fuels

โดยทางแรก คือ เราพยายามค้นหา พลังงานทางเลือกแหล่งใหม่

and, B, you know, we just launched this prize, which is really a prize

และทางที่สอง คือ ผมเพิ่งจัดให้มีการแข่ง ที่มีการรางวัลจริง ๆ

in case we don't get an answer on alternative fuels,

ในกรณีที่เราไม่สามารถหาพลังงานทางเลือกได้

in case we don't actually manage to get the carbon emissions

หรือในกรณีที่พวกเราไม่สามารถ จัดการกับคาร์บอนที่แพร่กระจาย

cut down quickly, and in case we go through the tipping point.

อยู่บนชั้นบรรยากาศของเราได้อย่างทันท่วงที

We need to try to encourage people to come up with a way

ดังนั้นพวกเราพยายามผลักดัน ให้คนอื่น ๆ ช่วยหาหนทาง

of extracting carbon out of the Earth's atmosphere.

ที่จะจัดการกับก๊าซคาร์บอน ในชั้นบรรยากาศของโลกเรา

And we just -- you know, there weren't really people

คุณรู้มั้ย ยังไม่เคยมีใครเลย

working on that before, so we wanted people to try to --

ที่จะลุยเต็มที่กับมัน ดังนั้นพวกเราต้องการให้เราทุกคนช่วยกัน

all the best brains in the world to start thinking about that,

รวมถึงคนที่เก่งที่สุดในโลกทั้งหลาย ให้มาเริ่มคิดถึงว่า

and also to try to extract the methane

จะจัดการกับก๊าซมิเทนยังไง

out of the Earth's atmosphere as well.

ให้ออกจากชั้นบรรยากาศของโลกได้

And actually, we've had about 15,000 people fill in the forms

และตอนนี้เรามีคนกว่า 15,000 คน มาร่วมลงทะเบียนกับเราแล้ว

saying they want to give it a go.

ว่าพวกเขาต้องการให้โครงการได้ไปต่อ

And so we only need one, so we're hopeful.

และสิ่งที่พวกเราต้องการตอนนี้ คือ ความหวัง

CA: And you're also working in Africa on a couple of projects?

เหมือนว่าคุณจะมีโปรเจ็คที่จะทำในแอฟริกา อีก 2-3 โครงการ

RB: Yes, I mean, we've got -- we're setting up something called

ใช่ ผมหมายถึง พวกเราต้องการสร้างห้องที่เรียกว่า

the war room, which is maybe the wrong word.

“War room” บางทีผมอาจจะเลือกใช้คำผิด

We're trying to -- maybe we'll change it -- but anyway, it's a war room

ไม่สิ! บางทีอาจจะต้องเปลี่ยนคำให้ดีกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันคือห้อง "War room"

to try to coordinate all the attack that's going on in Africa,

ห้องนี้มันจะเป็นห้องที่เกี่ยวกับ การป้องกันอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นที่แอฟริกา

all the different social problems in Africa,

ปัญหาทางสังคมทั้งหมดในแอฟริกา

and try to look at best practices.

และพวกเรากำลังมองหาการจัดการที่ดี

So, for instance,

ยกตัวอย่างเช่น

there's a doctor in Africa that's found that

มีแพทย์ที่แอฟริกาตรวจพบว่า

if you give a mother antiretroviral drugs at 24 weeks, when she's pregnant,

ถ้าคุณให้ยาต้านรีโทรไวรัสที่ 24 สัปดาห์ (ถ้าหากว่าผู้ป่วยตั้งครรภ์)

that the baby will not have HIV when it's born.

เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อ HIV ตอนเกิดมา

And so disseminating that information to

และการแพร่กระจายข้อมูล

around the rest of Africa is important.

ไปยังที่อื่น ๆ ในแอฟริกา ถือเป็นเรื่องสำคัญ

CA: The war room sounds, it sounds powerful and dramatic.

ชื่อห้อง War room มันฟังดูมีพลัง และค่อนข้างดราม่า

And is there a risk that the kind of the business heroes of the West

และมันมีความเสี่ยงอะไรไหม กับวีรบุรุษนักธุรกิจจากซีกโลกตะวันตก

get so excited about -- I mean, they're used to having an idea,

ที่รู้สึกว่าเขาจะตื่นเต้นกับ ผมหมายถึง พวกเขาเคยมีความคิด

getting stuff done, and they believe profoundly

ที่จะทำอย่างที่คุณทำ และพวกเขาเชื่อมั่นอย่างสุดซึ้งว่า

in their ability to make a difference in the world.

เขาจะสามารถสร้างความแตกต่างแก่โลกใบนี้ได้

Is there a risk that we go to places like Africa and say,

มันมีความเสี่ยงอะไรไหม ถ้าหากว่าเราเข้าไปที่แอฟริกาและพูดว่า

we've got to fix this problem and we can do it,

พวกเราเข้ามาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหา และพวกเราสามารถทำมันได้

I've got all these billions of dollars, you know, da, da, da --

พวกเรามีเงินหลายพันล้านเหรียญดอลล่าห์

here's the big idea. And kind of take a much more complex situation

มันถือเป็นแนวความคิดที่ใหญ่มากเลยนะ และมันต้องมีความซับซ้อนมาก

and actually end up making a mess of it. Do you worry about that?

คุณเคยกังวลใจเกี่ยวกับสิ่งนี้บ้างไหม

RB: Well, first of all, on this particular situation, we're actually --

อย่างแรกเลยนะ ในสถานการณ์แบบนี้

we're working with the government on it.

พวกเราทำงานร่วมกันกับรัฐบาล

I mean, Thabo Mbeki's had his problems with accepting

ผมหมายถึง กับคุณ Thabo Mbeki ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการยอมรับ

HIV and AIDS are related, but this is a way, I think,

ผู้ติดเชื่อ HIV และในกรณีนี้ ผมคิดว่า

of him tackling this problem and instead of the world criticizing him,

ผมจะหยุดปัญหานี้แทนที่จะวิจารณ์เขา เหมือนที่ทั่วโลกทำ

it's a way of working with him, with his government.

โดยตัดสินใจที่จะร่วมงานกับเขา กับรัฐบาลของเขา

It's important that if people do go to Africa and do try to help,

มันสำคัญมาก ถ้าเราเข้าไปเพื่อช่วยเหลือ

they don't just go in there and then leave after a few years.

พวกเขาไม่สามารถไปที่นั่น และกลับมาได้ภายใน 2-3 ปี

It's got to be consistent.

มันต้องการความต่อเนื่องอย่างมาก

But I think business leaders can bring their entrepreneurial know-how

แต่ผมคิดว่าผู้นำทางธุรกิจ สามารถนำความรู้และทักษะของเขา

and help governments approach things slightly differently.

ในการช่วยเหลือรัฐบาล ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาได้

For instance, we're setting up clinics in Africa

เช่น เราเริ่มจัดตั้งคลินิกในแอฟริกา

where we're going to be giving

เพื่อที่จะแจกจ่าย

free antiretroviral drugs, free TB treatment

ยาต้านรีโทรไวรัส สำหรับการรักษาโรค TB

and free malaria treatment.

และการรักษาโรคมาลาเลียฟรี ๆ

But we're also trying to make them self-sustaining clinics,

แต่พวกเราต้องพยายาม ทำให้คลินิกเหล่านั้นยั่งยืนด้วย

so that people pay for some other aspects.

ดังนั้นผู้ป่วยอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง

CA: I mean a lot of cynics say about someone like yourself, or Bill Gates,

มีหลาย ๆ คน ได้พูดเกี่ยวกับบางคนที่มี การใช้ชีวิตเหมือนกันกับคุณ หรือ Bill Gates

or whatever, that this is really being -- it's almost driven by

หรือใครก็ตาม ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เค้าทำไปเพื่อ

some sort of desire again, you know, for the right image,

ความต้องการของตัวเอง อย่างที่คุณรู้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี

for guilt avoidance and not like a real philanthropic instinct.

เพื่อการหลีกเลี่ยงเรื่องเสีย ๆ หายๆ และไม่ใช่คนดีจริง ๆ

What would you say to them?

คุณอยากพูดอะไรไหม

RB: Well, I think that everybody --

ผมคิดว่าทุกคน

people do things for a whole variety of different reasons

คนทุกคนนั้นมีเหตุผลที่แตกต่างกันมากมาย

and I think that, you know, when I'm on me deathbed,

และผมก็คิดว่า เมื่อไหร่ก็ตามก่อนที่ผมจะตาย

I will want to feel that I've made a difference

ผมอยากจะรู้สึกว่าผมได้ทำอะไรที่มีผลกระทบ

to other people's lives.

ต่อชีวิตของเพื่อผู้อื่น

And that may be a selfish thing to think,

และบางทีมันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวนะ ในการที่คิดแบบนั้น

but it's the way I've been brought up.

แต่มันคือทางที่ผมเลือก

I think if I'm in a position to

ผมคิดว่าถ้าผมอยู่ในตำแหน่งที่

radically change other people's lives for the better,

สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของคน ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้

I should do so.

ผมก็จะทำ

CA: How old are you?

ตอนนี้อายุของคุณคือ

RB: I'm 56.

ผม 56

CA: I mean, the psychologist Erik Erikson says that -- as I understand him

นักจิตวิทยา Erik Erikson เคยกล่าวไว้ เอาตามที่ผมเข้าใจนะ

and I'm a total amateur -- but that during 30s, 40s people are driven by

ผมเป็นมือสมัครเรื่องนี้ ว่า คนอายุ 30 - 40 นั้นคนจะทำอะไรไปตาม

this desire to grow and that's where they get their fulfillment.

ความต้องการของตัวเองในการที่จะเติบโตขึ้น และนั่นคือสิ่งที่จะคอยเติมเต็มพวกเขา

50s, 60s, the mode of operation shifts more to the quest for wisdom

และในช่วงอายุ 50-60 จะเป็นโหมด การปรับเปลี่ยนเพื่อแสวงหาภูมิปัญญา

and a search for legacy.

และค้นหาความเป็นตำนานให้กับตัวเอง

I mean, it seems like you're still

ผมหมายความว่า คุณดูเหมือน

a little bit in the growth phases,

ยังอยู่ในช่วงของการที่จะเติบโตอยู่เลย

you're still doing these incredible new plans.

คุณยังคงมองหาแผนการทำงานใหม่ ๆ

How much do you think about legacy,

บ่อยแค่ไหนที่คุณคิดถึงเรื่องการเป็นตำนาน

and what would you like your legacy to be?

และคุณอยากให้ตำนานของคุณเป็นอย่างไร

RB: I don't think I think too much about legacy.

ผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับการเป็นตำนานมากนัก

I mean, I like to -- you know, my grandmother lived to 101,

คุณรู้มั้ย ยายผมตายตอนท่านอายุ 101 ปี

so hopefully I've got another 30 or 40 years to go.

ดังนั้นผมหวังว่าผมยังมีเวลาเหลืออีก อย่างน้อย 30 - 40 ปี จากนี้

No, I just want to live life to its full.

ผมไม่ได้ต้องการอยู่จนหมดอายุขัย

You know, if I can make a difference,

ถ้าหากว่าผมสามารถสร้างความแตกต่างได้

I hope to be able to make a difference.

ผมก็หวังว่าผมจะสามารถสร้างความแตกต่างได้

And I think one of the positive things at the moment is

และผมก็จะคิดถึงสิ่งดี ๆ หรือช่วงเวลาดี ๆ ยกตัวอย่างเช่น

you've got Sergey and Larry from Google, for instance,

ผมมีเพื่อนที่ดีอย่าง Sergey และ Larry จาก Google

who are good friends.

เค้าเป็นเพื่อนที่ดี

And, thank God, you've got two people

และขอบคุณพระเจ้า ทีประทานคนทั้งสองแก่โลกใบนี้

who genuinely care about the world and with that kind of wealth.

คนที่เป็นเป็นอัจฉริยะที่ทั้งเป็นห่วงโลก อย่างแท้จริงและมีความร่ำรวยมหาศาล

If they had that kind of wealth and they didn't care about the world,

ถ้าหากเขามีเงินมหาศาล แต่ไม่สนใจใด ๆ เกี่ยวกับโลกใบนี้เลย

it would be very worrying.

มันคงเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

And you know they're going to make a hell of a difference to the world.

พวกเขาต้องการทำให้โลกใบเดิมของเราทุกคน แตกต่างไปจากเดิม

And I think it's important

นั่นล่ะ ! ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

that people in that kind of position do make a difference.

ที่คนในตำแหน่งนี้ต้องการ ที่จะสร้างความแตกต่างให้กับคนอื่น

Richard ตอนที่ผมเริ่มธุรกิจ

CA: Well, Richard, when I was starting off in business,

I knew nothing about it and I also was sort of --

ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมัน และแน่นอนรวมไปถึงข้อมูลทุกอย่างด้วย

I thought that business people were supposed to just be ruthless

ผมคิดว่านักธุรกิจจะต้องเป็นคนใจบุญศุลทาน

and that that was the only way you could have a chance of succeeding.

และมันก็เป็นหนทางเดียว ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้

And you actually did inspire me. I looked at you, I thought,

คุณสร้างแรงจูงใจให้ผม ตอนผมมองคุณ ผมคิดนะ

well, he's made it. Maybe there is a different way.

ว่าคุณสามารถทำมันได้ อาจจะมีทางที่แตกต่าง

So I would like to thank you for that inspiration,

ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณ สำหรับแรงบันดาลใจตลอดจนข้อคิดดี ๆ ในวันนี้

and for coming to TED today. Thank you.

และสำหรับการมาที่ TED วันนี้ ขอบคุณ

Thank you so much.

ขอบคุณมากจริงๆ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)