The next manufacturing revolution is here | Olivier Scalabre

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Rawee Ma

Guys, we have an issue.

เพื่อน ๆ ครับ พวกเรามีปัญหา

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Growth is fading away, and it's a big deal.

การเติบโตกำลังจางหายไป และนั่นเป็นเรื่องใหญ่

Our global economy stops growing.

เศรษฐกิจโลกของเราหยุดโตแล้ว

And it's not new.

และมันไม่ใช่เรื่องใหม่

Growth has actually declined for the last 50 years.

จริง ๆ แล้ว การเติบโตเสื่อมถอยลงไป ได้ 50 ปีมาแล้ว

If we continue like this, we need to learn

ถ้าเรายังคงเป็นอยู่อย่างนี้ เราก็จำเป็นต้องเรียนรู้

how to live in a world with no growth in the next decade.

ว่าจะอาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีการเติบโตขึ้น ในทศวรรษหน้านี้ ได้อยางไร

This is scary because when the economy doesn't grow,

เรื่องนี้น่ากลัวเพราะว่า เมื่อเศรษฐกิจไม่โตขึ้น

our children don't get better lives.

ลูก ๆ ของเราก็จะไม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้

What's even scarier is that when the pie does not grow,

ที่ยิ่งน่ากลัวกว่าก็คือ ถ้าส่วนแบ่งผลประโยชน์ไม่โตขึ้น

each of us get a smaller piece.

แต่ละคนก็ได้ชิ้นส่วนแบ่งเล็กลง

We're then ready to fight for a bigger one.

แล้วเราก็พร้อมจะสู้รบกัน เพื่อเอาชิ้นใหญ่กว่า

This creates tensions and serious conflicts.

สิ่งนี้ทำให้เกิดความตึงเครียด และความขัดแย้งที่รุนแรง

Growth matters a lot.

การเติบโตนั้นสำคัญมาก

If we look at the history of growth,

ถ้าเรามาดูประวัติศาสตร์เรื่องการเติบโต

times of big growth have always been fueled

ช่วงเวลาของการเติบโตครั้งใหญ่ ๆ นั้น ถูกกระตุ้นเสมอมา

by big manufacturing revolutions.

ด้วยการปฏิวัติด้านการผลิตครั้งใหญ่ ๆ

It happened three times, every 50-60 years.

มันเกิดขึ้นแล้วสามครั้ง ในทุกช่วง 50-60 ปี

The steam engine in the middle of the 19th century,

เครื่องจักรไอนํ้าในตอนกลางของศตวรรษที่ 19

the mass-production model in the beginning of the 20th century --

รูปแบบการผลิตสินค้าเป็นจำนวนมาก ในตอนต้นศตวรรษที่ 20 --

thanks, Mr. Ford.

ต้องขอบคุณ มิสเตอร์ฟอร์ด

And the first automation wave in the 1970s.

และคลื่นของการนำเครื่องจักรมาใช้แทนคน ครั้งแรกช่วง ค.ศ 1970-79

Why did these manufacturing revolutions

ทำไมการปฏิวัติด้านการผลิตเหล่านี้

create huge growth in our economies?

ได้สร้างการเติบโตขนาดใหญ่ขึ้น ในเศรษฐกิจของเรา

Because they have injected huge productivity improvement.

ก็เพราะว่ามันได้อัดฉีดการปรับปรุงเพื่อ เพิ่มผลผลิตขนาดใหญ่เข้าไป

It's rather simple:

มันก็ง่าย ๆ นั่นคือ

in order to grow, you need to be producing more,

เพื่อจะให้เติบโต คุณจำเป็นต้องผลิต ให้มากขึ้น

putting more into our economy.

ใส่เข้าไปในระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น

This means either more labor or more capital or more productivity.

สิ่งนี้หมายความว่า เพิ่มด้านแรงงาน หรือ เงินลงทุน หรือ ผลผลิตให้มากขึ้น

Each time, productivity has been the growth lever.

ในแต่ละครั้งนั้น ผลผลิตเป็นการริเริ่ม เพื่อการเติบโต

I'm here today to tell you

ผมมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อบอกคุณว่า

that we are on the verge of another huge change,

เราใกล้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อีกครั้ง

and that this change, surprisingly enough,

และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นั้น น่าประหลาดใจนักว่า

is going to come from manufacturing, again.

มันกำลังจะมาจากการผลิต อีกนั่นแหละ

It will get us out of our growth slump

มันจะทำให้เราออกมา จากการเติบโตที่ตกตํ่า

and it will change radically the way globalization has been shaped

และมันก็จะเปลี่ยนวิถีโลกาภิวัฒน์ ซึ่งได้ก่อรูปขึ้นมาแล้ว อย่างถอนรากถอนโคน

over the last decade.

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

I'm here to tell you about the amazing fourth manufacturing revolution

ผมมาที่นี่ เพื่อบอกคุณเกี่ยวกับการปฏิวัติ ทางการผลิตครั้งที่สี่ที่น่าทึ่งนี้

that is currently underway.

ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ขณะนี้

It's not as if we've done nothing with manufacturing

ไม่ใช่ราวกับว่า เราไม่ได้ทำอะไรเลย ในเรื่องการผลิต

since the last revolution.

นับแต่การปฏิวัติครั้งล่าสุด

Actually, we've made some pretty lame attempts

จริง ๆ แล้วเราได้พยายามแบบกะพร่องกะแพร่ง มาบ้าง

to try to revitalize it.

เพื่อพยายามให้มันฟื้นตัวขึ้นมาอีก

But none of them have been the big overhaul

แต่ทั้งหมดนั้น ไม่ได้เป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่

we really need to get us growing again.

จำเป็นยิ่งต้องให้เราเติบโตขึ้นอีกครั้ง

For example, we've tried to relocate our factories offshore

ตัวอย่างเช่น เราได้พยายามเอาโรงงานไปตั้ง ในต่างประเทศ

in order to reduce cost and take advantage of cheap labor.

เพื่อจะลดค่าใช้จ่ายและได้เปรียบจาก แรงงานราคาถูก

Not only did this not inspire productivity,

เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ ไม่ได้กระตุ้นผลผลิต

but it only saved money for a short period of time,

แต่เป็นเพียงการประหยัดเงิน ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

because cheap labor didn't stay cheap for long.

เพราะแรงงานราคาถูกนั้น ไม่ได้ราคาถูก อยู่นานนัก

Then, we've tried to make our factories larger

หลังจากนั้น เราก็พยายามทำโรงงานของเรา ให้ใหญ่ขึ้น

and we specialized them by product.

และทำให้เป็นโรงงานผลิตสินค้าเฉพาะอย่าง

The idea was that we can make a lot of one product

แนวคิดก็คือ เราสามารถสร้างผลผลิตอย่างหนึ่ง ออกมาได้มากมาย

and stockpile it to be sold with demand.

และเก็บไว้ในคลังสินค้า เพื่อจะขาย ตามที่ตลาดต้องการ

This did help productivity for a while.

เรื่องนี้ช่วยได้จริงในด้านผลผลิต ระยะหนึ่ง

But it introduced a lot of rigidities in our supply chain.

แต่มันทำให้เกิดสภาพแข็งทื่อขึ้นมาก ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)

Let's take fashion retail.

มาดูการขายปลีกแฟชั่นเสื้อผ้า

Traditional clothing companies

บริษัทผลิตเสื้อผ้าที่มีอยู่เดิม

have built offshore, global, rigid supply chains.

ได้ไปสร้างห่วงโช่อุปทานที่ไม่ยืดหยุ่น ในต่างประเทศทั่วโลก

When fast-fashion competitors like Zara

เมื่อคู่แข่งแฟชั่นรวดเร็ว (fast fashion) เช่น ซาร่า

started replenishing their stocks faster

เริ่มนำเสื้อผ้ารุ่นใหม่เพิ่มเข้ามาเร็วขึ้น

from two collections a year to one collection a month,

จากชุดเสื้อผ้าใหม่ปีละสองครั้ง มาเป็นเดือนละหนึ่งครั้ง

none of them have been able to keep up with the pace.

ไม่มีบริษัทไหนสามารถก้าวไปได้ทันตามนั้นได้

Most of them are in great difficulties today.

บริษัทส่วนใหญ่จึงอยู่ในสภาพที่ยากลำบากมาก ในปัจจุบัน

Yet, with all of their shortcomings,

แต่ ด้วยข้อบกพร่องทั้งหมดของพวกเขา

those are the factories we know today.

พวกเขาคือ บริษัทที่เรารู้กันในปัจจุบัน

When you open the doors,

เมื่อคุณเปิดประตูเข้าไป

they look the same as they did 50 years ago.

เขาก็เป็นแบบเดียวกับที่พวกเขาทำ เมื่อ 50 ปีที่ก่อน

We've just changed the location, the size, the way they operate.

เราทำแค่เพียงเปลี่ยนที่ตั้ง ขนาด วิธีการ ที่พวกเขาปฏิบัติ

Can you name anything else that looks the same

คุณบอกได้หรือไม่ครับ สิ่งอื่น ๆ ที่เป็นแบบเดียวกับ

as it did 50 years ago?

อย่างที่เป็นเมื่อ 50 ปีก่อน

It's crazy.

มันแปลกประหลาดนะครับ

We've made all the tweaks to the model that we could,

เราได้ปรับเปลี่ยนทุกอย่างกับรูปแบบนั้น ตามที่เราสามารถทำได้

and now we hit its limits.

และในปัจจุบัน เราก็ไปจนถึงขีดสุดแล้ว

After all of our attempts to fix the manufacturing model failed,

หลังจากความพยายามทั้งหมดที่จะแก้ไข รูปแบบการผลิตนั้นก็ล้มเหลว

we thought growth could come from elsewhere.

เราก็คิดว่า การเติบโตอาจจะมาจากที่อื่น

We turned to the tech sector --

เราหันไปหาภาคเทคโนโลยี --

there's been quite a lot of innovations there.

มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ค่อนข้างมากมายอยู่ตรงนั้น

Just to name one: the Internet.

แค่บอกเพียงชื่อเดียว คือ อินเตอร์เน็ต

We hoped it could produce growth.

เราหวังว่ามันจะสร้างการเติบโตขึ้นได้

And indeed, it changed our lives.

และโดยแท้จริงแล้ว มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิต ของเราไป

It made big waves in the media, the service, the entertainment spaces.

มันได้สร้างคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา ในช่องว่างด้านสื่อ การบริการและการบันเทิง

But it hasn't done much for productivity.

แต่ไม่ได้ทำอะไรมากนัก ในเรื่องผลผลิต

Actually, what's surprising is that productivity is on the decline

จริง ๆ แล้ว สิ่งที่น่าประหลาดใจ คือ ผลผลิตอยู่ในภาวะที่ตกตํ่าลง

despite all of those innovation efforts.

แม้จะมีความพยายามนวัตกรรมใหม่ๆนั้น ทั้งหมดแล้วก็ตาม

Imagine that -- sitting at work, scrolling through Facebook,

ลองจินตนาการดูซิครับว่า -- ก็นั่งทำงานไป เลื่อนหน้าจอไปดูจนทั่วเฟสบุค

watching videos on YouTube has made us less productive.

การดูวิดีโอในยูทูบ ทำให้เราได้ผลิตผลน้อยลง

Weird.

แปลกพิลึก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

This is why we are not growing.

นี่คือเหตุว่าทำไมเราจึงไม่เติบโต

We failed at reinventing the manufacturing space,

เราล้มเหลวในการสร้างช่องว่างการผลิตนั้น ขึ้นมาในรูปแบบใหม่

and large technological innovations have played away from it.

และนวัตกรรมเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ได้ตีจากมันไปแล้ว

But what if we could combine those forces?

แต่ถ้าหากว่า เรารวมพลังเหล่านั้นเข้ามาได้เล่า

What if the existing manufacturing and large technological innovation

สมมุติว่า อุตสาหกรรมการผลิตที่ยังมีอยู่ และนวัตกรรมเทคโนโลยีขนาดใหญ่นั้น

came together to create the next big manufacturing reinvention.

มารวมกัน เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ ของการผลิตขนาดใหญ่ครั้งต่อไปขึ้นมาอีก

Bingo!

เราก็ชนะได้!

This is the fourth manufacturing revolution,

และนี่คือการปฏิวัติการผลิตครั้งที่สี่

and it's happening right now.

และมันกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้แล้ว

Major technologies are entering the manufacturing space,

เทคโนโลยีสำคัญ ๆ กำลังเข้าไปสู่ ช่องว่างของการผลิตที่ว่านั้น

big time.

เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่

They will boost industrial productivity by more than a third.

เหล่านั้นจะส่งเสริมการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ได้ราวกว่าหนึ่งในสาม

This is massive, and it will do a lot in creating growth.

เรื่องนี้ใหญ่โตมาก และมันจะทำให้เกิด การเติบโตขึ้นมาได้มากมาย

Let me tell you about some of them.

ผมขอบอกคุณบางอย่างเกี่ยวกับมัน

Have you already met advanced manufacturing robots?

คุณเคยเห็นหุ่นยนต์ที่ใช้ในการผลิตระดับสูง มาแล้วหรือไม่ครับ

They are the size of humans,

มันมีขนาดเท่าๆกับมนุษย์

they actually collaborate with them,

พวกมันทำงานร่วมกับมนุษย์ได้จริง ๆ

and they can be programmed

และมันถูกตั้งโปรแกรมได้

in order to perform complex, non-repetitive tasks.

เพื่อที่จะทำงานที่สลับซับซ้อนและไม่ซํ้าซาก

Today in our factories, only 8 percent of the tasks are automated.

ปัจจุบันในโรงงานของเรา งานเพียง 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ทำโดยอัตโนมัติ

The less complex, the more repetitive ones.

งานยิ่งซับซ้อนน้อยเท่าไหร่ ก็เป็นงานที่ทำซํ้า ๆ ได้มากยิ่งขึ้น

It will be 25 percent in 10 years.

มันจะเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า

It means that by 2025,

นั่นหมายถึงว่า เมื่อถึงปี 2025

advanced robots will complement workers

หุ่นยนต์ระดับสูงจะเข้ามาเป็นส่วนเสริมคนงาน

to be, together, 20 percent more productive,

ทำงานไปด้วยกัน ก็จะมัพลังผลิตเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์

to manufacture 20 percent more outputs,

เพื่อผลผลิตออกมาเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์

to achieve 20 percent additional growth.

เพื่อบรรลุถึงการเติบโตที่บวกขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์

This isn't some fancy, futuristic idea.

นี่ไม่ใช่ความเพ้อฝัน แนวคิดอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง

These robots are working for us right now.

หุ่นยนต์เหล่านี้กำลังทำงานกับเรา อยู่ในขณะนี้แล้ว

Last year in the US, they helped Amazon prepare and ship all the products

เมื่อปีที่แล้วในสหรัฐ พวกมันได้ช่วยบริษัท อเมซอนจัดเตรียมและส่งสินค้าทั้งหมด

required for Cyber Monday,

ที่เป็นที่ต้องการในช่วงลดราคา ไซเบอร์ มันเดย์

the annual peak of online retail.

ซึ่งเป็นช่วงสูงสุดของการขายออนไลน์ในรอบปี

Last year in the US,

ปีที่แล้วในสหรัฐ

it was the biggest online shopping day of the year and of history.

เป็นวันของการจับจ่ายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด ของปีและของประวัติศาสตร์

Consumers spent 3 billion dollars on electronics that day.

ผู้บริโภคจ่ายเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในวันนั้น

That's real economic growth.

นั่นเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

Then there's additive manufacturing, 3D printing.

แล้วก็มีการผลิตเพิ่มเข้ามา คือ เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D printing)

3D printing has already improved plastic manufacturing

การพิมพ์สามมิติได้พัฒนาปรับปรุง การผลิตพลาสติกให้ดีขึ้นมาแล้ว

and it's now making its way through metal.

และขณะนี้มันกำลังเข้าไปสู่ในเรื่องของโลหะ

Those are not small industries.

ซึ่งไม่ใช่อุตสาหกรรมเล็ก ๆ

Plastic and metals represent 25 percent

พลาสติกและโลหะ เป็น 25 เปอร์เซ็นต์

of global manufacturing production.

ของการผลิตเชิงอุตสาหกรรมของโลก

Let's take a real example.

เรามาดูตัวอย่างจริง ๆ กัน

In the aerospace industry,

ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ

fuel nozzles are some of the most complex parts to manufacture,

ปากท่อเชื้อเพลิงเป็นชิ้นส่วนบางอย่าง ที่ซับซ้อนที่สุดในการผลิต

for one reason:

เพราะสาเหตุหนึ่งคือ

they are made up of 20 different parts

มันทำขึ้นมาจากชิ้นส่วนต่าง ๆ 20 ชิ้นส่วน

that need to be separately produced

ที่จำเป็นต้องผลิตขึ้นมา ให้แยกจากกันเป็นชิ้น ๆ

and then painstakingly assembled.

แล้วจึงเอามาประกอบเข้าด้วยกัน ด้วยความยากเย็น

Aerospace companies are now using 3D printing,

บริษัทการบินและอวกาศในขณะนี้ กำลังใช้การพิมพ์สามมิติ

which allows them to turn those 20 different parts

ซึ่งทำให้เขาเปลี่ยนชิ้นส่วน 20 ชิ้นพวกนั้น

into just one.

เข้าเป็นเพียงชิ้นเดียว

The results?

ผลที่ได้หรือครับ

40 percent more productivity,

การผลิตเพิ่มขึ้นมาอีก 40 เปอร์เซ็นต์

40 percent more output produced, 40 percent more growth

ผลผลิตขึ้นมา 40 เปอร์เซ็นต์ เติบโตขึ้นมาอีก 40 เปอร์เซ็นต์

for this specific industry.

สำหรับเฉพาะอุตสาหกรรมนี้

But actually, the most exciting part of this new manufacturing revolution

แต่จริง ๆ แล้ว ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุด ของการปฏิวัติการผลิตใหม่นี้

goes much beyond productivity.

ไปไกลมากเกินกว่าเรื่องผลิตผล

It's about producing better, smarter products.

มันเกี่ยวกับการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า เฉียบคมกว่า

It's about scale customization.

ผลิตตามความต้องการ ของผู้ซื้อได้กว้างขวางกว่า

Imagine a world where you can buy the exact products you want

ลองจินตนาการดู โลกใบหนึ่งที่คุณ ซื้อผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการ

with the functionalities you need,

ด้วยคุณสมบัติตามที่คุณจำเป็นต้องใช้งาน

with the design you want,

ด้วยการออกแบบอย่างที่คุณต้องการ

with the same cost and lead time

ด้วยราคาและเวลาจนของมาถึงผู้ซึ้อ

as a product that's been mass produced,

เหมือนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจำนวนมาก ๆ

like your car, or your clothes or your cell phone.

อย่างเช่น รถยนต์ เสื้อผ้า หรือ โทรศัพท์มือถือของคุณ

The new manufacturing revolution makes it possible.

การปฏิวัติการผลิตใหม่นี้เอง ที่ทำให้มันเป็นไปได้

Advanced robots can be programmed

หุ่นยนต์ระดับสูงสามารถถูกตั้งโปรแกรม

in order to perform any product configuration

เพื่อให้ทำโครงแบบผลิตภัณฑ์ (product configuration) ใด ๆ ก็ได้

without any setup time or ramp up.

โดยไม่ต้องใช้เวลาเตรียมหรือปรับเปลี่ยน แต่อย่างใด

3D printers instantaneously produce any customized design.

การพิมพ์สามมิติผลิตแบบตามที่ลูกค้าต้องการ ได้ทันที

We are now able to produce a batch of one product, your product,

ปัจจุบันนี้ เราสามารถผลิตสินค้าอย่างหนึ่ง ในจำนวนไม่มาก ผลิตภัณฑ์สำหรับคุณ

at the same cost and lead time as a batch of many.

ได้ในราคาและเวลาจนสินค้าถึงลูกค้า เท่า ๆ กับการผลิตเป็นจำนวนมาก ๆ

Those are only a few examples of the manufacturing revolution at play.

นั่นเป็นไม่กี่ตัวอย่างของการปฏิวัติการผลิต ที่กำลังทำกันอยู่

Not only will manufacturing become more productive,

การผลิตไม่ได้กลายเป็นเพียงแค่ ผลิตผลได้มากขึ้น

it will also become more flexible,

มันยังจะยืดหยุ่นได้มากขึ้นอีกด้วย

and those were exactly the elements of growth that we are missing.

และสิ่งเหล่านั้นแน่ชัดว่าเป็น องค์ประกอบสำคัญของการเติบโตที่เราขาดหายไป

But actually, there are even some bigger implications

แต่แท้จริงแล้ว ยังมีผลสืบเนื่อง ที่ใหญ่กว่านี้บางอย่าง

for all of us when manufacturing will find its way back into the limelight.

สำหรับเราทุกคน เมื่อการผลิต สามารถกลับมาสู่จุดสนใจของสาธารณชน

It will create a huge macroeconomic shift.

มันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคขนาดใหญ่ขึ้นมา

First, our factories will be relocated into our home markets.

อย่างแรกคือ โรงงานของเราจะถูกย้ายมาตั้ง อยู่ในตลาดภายในประเทศของเรา

In the world of scale customization,

ในโลกการผลิตตามที่ผู้ซื้อต้องการ ที่กว้างใหญ่

consumer proximity is the new norm.

ความใกล้ชิดกับผู้บริโภคเป็นบรรทัดฐานใหม่

Then, our factories will be smaller, agile.

แล้วโรงงานของเรานั้น ก็จะเล็กลง คล่องตัว

Scale does not matter anymore, flexibility does.

ขนาดที่กว้างใหญ่ไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญ

They will be operating on a multi-product, made-to-order basis.

โรงงานจะทำผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ตามการสั่งซื้อเป็นหลัก

The change will be drastic.

การเปลี่ยนแปลงนี้ จะเป็นไปอย่างฮวบฮาบ

Globalization will enter a new era.

โลกาภิวัติจะเข้าไปสู่ยุคใหม่

The East-to-West trade flows

การหลั่งไหลทางการค้าจากโลกตะวันออก ไปสู่ตะวันตก

will be replaced by regional trade flows.

จะถูกแทนที่ด้วยกระแสของการค้าในท้องถิ่น

East for East, West for West.

โลกตะวันออกกผลิตเพื่อตะวันออก ตะวันตกเพื่อตะวันตก

When you think about that,

และเมื่อคุณคิดถึงมันแล้ว

the old model was pretty much insane.

รูปแบบเก่า ๆ ก็ดูจะโง่เขลาไปเป็นอย่างมาก

Piling up stocks, making products travel the whole world

เก็บสินค้าไว้ในโกดังมาก ๆ สินค้าผลิตออกมา เดินทางส่งไปทั่วโลก

before they reach their end consumers.

ก่อนที่สินค้าจะไปถึงผู้บริโภคปลายทาง

The new model, producing just next to the consumer market,

รูปแบบใหม่นั้น การผลิตอยู่แค่สถานที่ถัดไป จากตลาดผู้บริโภค

will be much cleaner, much better for our environment.

รูปแบบใหม่จะสะอาดและดีกว่าอย่างมาก ต่อสภาพแวดล้อมของเรา

In mature economies, manufacturing will be back home,

ในระบบการค้าและอุตสาหกรรมที่โตเต็มที่นั้น การผลิตจะกลับมาอยู่ในประเทศ

creating more employment,

สร้างการจ้างงานได้มากกว่า

more productivity and more growth.

ผลิตผลได้มากกว่า และเจริญเติบโตได้มากกว่า

Good news, isn't it?

เป็นข่าวดี ใช่หรือไม่ครับ แต่

But here's the thing with growth --

ต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่มากับการเดิบโต --

it does not come automatically.

มันไม่ได้มาได้เองโดยอัตโนมัติ

Mature economies will have to seize it.

ระบบการค้า/อุตสาหกรรมจะต้องฉกฉวยยึดมันไว้

We'll have to massively re-train our workforce.

เราจะต้องฝึกแรงงานของเราขึ้นมาใหม่อีก อย่างมโหฬาร

In most countries, like in my country, France,

ในประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่ ก็เหมือนกับประเทศฝรั่งเศสของผม

we've told our children that manufacturing had no future.

เราบอกลูก ๆ ของเราว่า การผลิตไม่มีอนาคต

That it was something happening far away.

มันเป็นบางสิ่งบางอย่างในอดีตอันไกล

We need to reverse that

เราต้องกลับคำพูดนั้นเสียใหม่

and teach manufacturing again at university.

และสอนเรื่องการผลิตอีกครั้ง ในมหาวิทยาลัย

Only the countries that will boldly transform

และเพียงประเทศที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างห้าวหาญ เท่านั้น

will be able to seize this growth.

จึงจะสามารถฉกฉวยการเติบโตนี้เอาไว้ได้

It's also a chance for developing economies.

นอกจากนี้มันยังเป็นโอกาส เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ

Of course China and other emerging economies

แน่นอน จีน และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ

won't be the factory of the world anymore.

ก็จะไม่ได้เป็นโรงงานของโลกอีกต่อไป

Actually, it was not a sustainable model in the long term,

จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นรูปแบบที่ยั่งยืน ในระยะยาว

as those countries are becoming richer.

เพราะประเทศเหล่านั้นกำลังรํ่ารวยยิ่งขึ้น

Last year, it was already as expensive to produce in Brazil

เมื่อปีที่แล้ว ค่าใช้จ่ายของการผลิต ในประเทศบราซิลนั้น แพงเท่า ๆ กับ

as to produce in France.

ที่ผลิตในฝรั่งเศสไปแล้ว

By 2018, manufacturing costs in China will be on par with the US.

เมื่อถึงปี 2018 ค่าใช้จ่ายในการผลิตในจีน ก็จะพอ ๆ กับสหรัฐ

The new manufacturing revolution

การปฏิวัติการผลิตใหม่นี้

will accelerate the transition of those emerging economies

จะเร่งระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยน ของเศรษฐกิจเกิดใหม่เหล่านั้น

towards a model driven by domestic consumption.

ไปสู่รูปแบบที่ถูกขับเคลื่อนด้วยการบริโภค ภายในประเทศ

And this is good,

และนี่เป็นสิ่งที่ดี

because this is where growth will be created.

เพราะว่า นี่เป็นที่ซึ่งการเติบโต จะถูกสร้างขึ้น

In the next five years,

ในอีกห้าปีต่อไปข้างหน้า

the next billion consumers in China will inject more growth in our economies

ผู้บริโภคพันล้านคนต่อไปในประเทศจีนนั้น จะ อัดฉีดการเติบโตเพิ่มเข้ามาในเศรษฐกิจของเรา

than the top five European markets together.

มากกว่าตลาดห้าลำดับสูงสุดของยุโรปรวมกัน

This fourth manufacturing revolution is a chance for all of us.

การปฏิวัติการผลิตครั้งที่สี่นี้ เป็นโอกาส สำหรับเราทุกคน

If we play it right,

ถ้าเราเล่นกับมันให้ถูกทาง

we'll see sustainable growth in all of our economies.

เราก็จะเห็นการเติบโตแบบยั่งยืน ในเศรษฐกิจของเราทั้งหมด

This means more wealth distributed to all of us

นี่หมายความว่า ความมั่งคั่งจะถูกกระจาย ไปสู่เราทุกคนมากขึ้น

and a better future for our children.

และอนาคตที่ดีกว่าสำหรับลูก ๆ ของเรา

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)