Andreas Raptopoulos: No roads? There's a drone for that

Translator: Kanawat Senanan Reviewer: Wachara Fungwacharakorn

One billion people in the world today

ผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลก ในวันนี้

do not have access to all-season roads.

ยังไม่มีถนนที่ใช้ได้ตลอดทั้งปี

One billion people.

หนึ่งพันล้านคนเชียวนะครับ

One seventh of the Earth's population

หนึ่งในเจ็ดของประชากรโลกทั้งหมด

are totally cut off for some part of the year.

ยังถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ในบางช่วงของปี

We cannot get medicine to them reliably,

เราไม่สามารถส่งยารักษาโรคให้พวกเขาได้

they cannot get critical supplies,

เราไม่สามารถส่งเสบียงอาหาร

and they cannot get their goods to market

และพวกเขาไม่สามารถส่งสินค้าไปขาย

in order to create a sustainable income.

เพื่อสร้างรายได้แบบยั่งยืน

In sub-Saharan Africa, for instance,

ยกตัวอย่างเช่น ในแอฟริกาแถบใต้สะฮารา (Sub-Saharan Africa)

85 percent of roads are unusable in the wet season.

85 เปอร์เซนต์ของถนนทั้งหมด ไม่สามารถใช้งาน ได้ในฤดูฝน

Investments are being made,

ตอนนี้เริ่มมีการลงทุนแล้ว

but at the current level,

แต่ในระดับปัจจุบัน

it's estimated it's going to take them

พวกเขาจะต้องใช้เวลาประมาณ

50 years to catch up.

50 ปีเพื่อให้ตามทันประเทศอื่นๆ

In the U.S. alone, there's more than four million

ในสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว มีถนนเกือบ 4 ล้านไมล์

miles of roads, very expensive to build,

ซึ่งใช้ต้นทุนสูงมากในการก่อสร้าง

very expensive to maintain infrastructure,

ใช้ต้นทุนสูงในการบำรุงรักษา

with a huge ecological footprint,

และมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมสูง

and yet, very often, congested.

แถมบ่อยครั้ง การจราจรก็ติดขัด

So we saw this and we thought,

เมื่อเราเห็นเช่นนี้ เราจึงคิดว่า

can there be a better way?

มีทางอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่

Can we create a system using today's most advanced technologies

เราจะสามารถสร้างระบบ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดปัจจุบัน

that can allow this part of the world to leapfrog

ที่จะทำให้ส่วนนี้ของโลก พัฒนาแบบก้าวกระโดด

in the same way they've done with mobile telephones

เช่นเดียวกับเรื่องโทรศัพท์ไร้สาย

in the last 10 years?

ใน 10 ปีที่ผ่านมาหรือไม่

Many of those nations have excellent telecommunications today

ประเทศเหล่านั้น หลายประเทศ ปัจจุบันนี้ มีระบบโทรคมนาคมที่เยี่ยมยอด

without ever putting copper lines in the ground.

โดยไม่ต้องฝังสายทองแดงใต้ดินสักเส้นเลย

Could we do the same for transportation?

เราจะทำแบบเดียวกันกับระบบขนส่งได้หรือไม่

Imagine this scenario.

ลองจินตนาการถึงสถานการณ์นี้ครับ

Imagine you are in a maternity ward in Mali,

จินตนาการว่าคุณกำลังอยู่ในแผนกสูติกรรมใน มาลี

and have a newborn in need of urgent medication.

และมีทารกแรกเกิดต้องได้รับยาอย่างเร่งด่วน

What would you do today?

คุณจะทำอะไร ในสถานการณ์ปัจจุบัน

Well, you would place a request via mobile phone,

คุณก็คงขอความช่วยเหลือผ่านโทรศัพท์มือถือ

and someone would get the request immediately.

และใครบางคน ก็คงได้รับคำร้องขออย่างทันที

That's the part that works.

นั่นคือส่วนที่ไม่มีปัญหา

The medication may take days to arrive, though,

แต่ มันอาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่ายาจะส่งมาถึง

because of bad roads.

เพราะถนนชำรุด

That's the part that's broken.

นั่นคือส่วนที่มีปัญหา

We believe we can deliver it within hours

เราเชื่อว่าเราสามารถส่งยาได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

with an electric autonomous flying vehicle

ด้วยอากาศยานไฟฟ้าอัตโนมัติ

such as this.

คล้ายๆ แบบนี้

This can transport a small payload today, about two kilograms,

ปัจจุบัน สิ่งนี้สามารถขนส่งสัมภาระเบาๆ น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม

over a short distance, about 10 kilometers,

เป็นระยะทางสั้นๆ ประมาณ 10 กิโลเมตร

but it's part of a wider network that may cover

แค่มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่อาจครอบคลุม

the entire country, maybe even the entire continent.

ทั่วทั้งประเทศ หรือแม้แต่ทั่วทั้งทวีป

It's an ultra-flexible, automated logistics network.

มันเป็นเครือข่ายโลจิสติกส์แบบอัตโนมัติ ที่ขยายตัวได้ดียิ่ง

It's a network for a transportation of matter.

มันเป็นเครือข่าย เพื่อขนส่งสิ่งของต่างๆ

We call it Matternet.

เราจึงเรียกมันว่า แมทเทอร์เน็ต (Matternet)

We use three key technologies.

เราใช้เทคโนโลยีสำคัญสามอย่าง

The first is electric autonomous flying vehicles.

อย่างแรกคือ อากาศยานไฟฟ้าอัตโนมัติ

The second is automated ground stations

อย่างที่สองคือ สถานีภาคพื้นดินอัตโนมัติ

that the vehicles fly in and out of

ซึ่งเป็นที่ขึ้นลงของยาน

to swap batteries and fly farther,

เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี และบินให้ไกลออกไป

or pick up or deliver loads.

หรือเพื่อรับส่งสัมภาระ

And the third is the operating system

และอย่างที่สามคือระบบปฏิบัติการ

that manages the whole network.

ซึ่งคอยจัดการเครือข่ายทั้งระบบ

Let's look at each one of those technologies in a bit more detail.

ลองมาดูเทคโนโลยีแต่ละอย่างกันในรายละเอียด

First of all, the UAVs.

อย่างแรก อากาศยานไร้คนขับ (UAVs)

Eventually, we're going to be using all sorts of vehicles

แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เราคงต้องใช้ยานทุกรูปแบบ

for different payload capacities and different ranges.

สำหรับสัมภาระขนาดต่างกัน และระยะทางที่ต่างกัน

Today, we're using small quads.

แต่ ณ วันนี้ เราใช้คอปเตอร์สี่ใบพัดเล็กๆ

These are able to transport two kilograms

พวกมันสามารถขนส่งสัมภาระหนัก 2 กิโลกรัม

over 10 kilometers in just about 15 minutes.

เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ภายใน 15 นาที

Compare this with trying to trespass a bad road

ลองเปรียบเทียบกับการที่ต้องตะลุยไปในถนนแย่ๆ

in the developing world,

ในประเทศกำลังพัฒนา

or even being stuck in traffic

หรือต้องทนกับรถติด

in a developed world country.

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว

These fly autonomously.

คอปเตอร์พวกนี้บินได้โดยอัตโนมัติ

This is the key to the technology.

เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีทั้งหมด

So they use GPS and other sensors on board

พวกมันใช้ GPS และเซนเซอร์ต่างๆ บนตัวมัน

to navigate between ground stations.

เพื่อนำทางไปยังสถานีภาคพื้นดินต่าง ๆ

Every vehicle is equipped with an automatic

ยานทุกลำ จะถูกติดตั้งด้วยกลไกอัตโนมัติ

payload and battery exchange mechanism,

เพื่อเปลี่ยนถ่ายสัมภาระ และเปลี่ยนแบตเตอรี

so these vehicles navigate to those ground stations,

ยานเหล่านี้จะถูกนำทางไปยังสถานีภาคพื้นดิน

they dock, swap a battery automatically,

เข้าเทียบท่า แล้วเปลี่ยนแบตเตอรีโดยอัตโนมัติ

and go out again.

และบินกลับออกไปอีกครั้ง

The ground stations are located on safe locations

สถานีภาคพื้นดินจะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย

on the ground.

บนพื้นดิน

They secure the most vulnerable part of the mission,

สถานีเหล่านี้จะช่วยรับประกัน ขั้นตอนที่มีค่าที่สุดในภารกิจ

which is the landing.

นั่นคือการลงจอด

They are at known locations on the ground,

พวกมันอยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน บนพื้นดิน

so the paths between them are also known,

ดังนั้น เราจึงทราบเส้นทางระหว่างสถานี

which is very important from a reliability perspective

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญมากในมุมมองความน่าเชื่อถือ

from the whole network.

จากเครือข่ายทั้งหมด

Apart from fulfilling the energy requirements of the vehicles,

นอกจากเติมเชื้อเพลิงให้แก่ยานพาหนะแล้ว

eventually they're going to be becoming

ในท้ายที่สุด สถานีพวกนี้ก็จะกลายเป็น

commercial hubs where people can take out loads

ศูนย์กลางกระจายสินค้า ซึ่งผู้คนสามารถรับสัมภาระ

or put loads into the network.

หรือบรรทุกสัมภาระเข้าไปในเครือข่าย

The last component is the operating system

อย่างสุดท้าย คือระบบปฏิบัติการ

that manages the whole network.

ซึ่งจัดการเครือข่ายทั้งระบบ

It monitors weather data from all the ground stations

มันคอยติดตามข้อมูลสภาพอากาศ จากสถานีภาคพื้นดินทั้งหมด

and optimizes the routes of the vehicles through the system

และปรับเปลี่ยนเส้นทางของยานในระบบ

to avoid adverse weather conditions,

เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศเลวร้าย

avoid other risk factors,

หลีกเลี่ยงความเสี่ยงอื่นๆ

and optimize the use of the resources

และบริหารการใช้ทรัพยากรในเครือข่าย

throughout the network.

ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

I want to show you what one of those flights

ผมอยากแสดงให้คุณเห็นว่า เที่ยวบินที่ว่า

looks like.

เป็นอย่างไร

Here we are flying in Haiti last summer,

นี่เรากำลังบินอยู่ใน เฮติ เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว

where we've done our first field trials.

ที่เราได้ทดลองบินภาคสนามเป็นครั้งแรก

We're modeling here a medical delivery

เราได้สร้างรูปแบบ การจัดส่งทางการแพทย์

in a camp we set up after the 2010 earthquake.

ในแคมป์ที่เราสร้างขึ้น หลังแผ่นดินไหวในปี 2010

People there love this.

ผู้คนที่นั่นชอบมันมาก

And I want to show you

และผมก็อยากแสดงให้คุณเห็น

what one of those vehicles looks like up close.

หน้าตาของยานนี้ แบบใกล้ๆ

So this is a $3,000 vehicle.

นี่คือยานมูลค่า 3,000 ดอลลาร์

Costs are coming down very rapidly.

ราคาของมันกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

We use this in all sorts of weather conditions,

เราใช้สิ่งนี้ในทุกสภาพอากาศ

very hot and very cold climates,

ไม่ว่า ร้อนจัด หรือเย็นจัด

very strong winds. They're very sturdy vehicles.

หรือ มีลมแรง พวกมันสมบุกสมบันมาก

Imagine if your life depended on this package,

ลองจินตนาการว่า ถ้าชีวิตของคุณ ขึ้นอยู่กับห่อนี้

somewhere in Africa

ที่ใดสักแห่ง ในแอฟริกา

or in New York City, after Sandy.

หรือ ในนครนิวยอร์ก หลังจากเฮอริเคน แซนดี้

The next big question is, what's the cost?

คำถามใหญ่ที่ตามมาคือ ต้นทุนค่าขนส่งแพงไหม?

Well, it turns out that the cost to transport

ปรากฏว่า การขนส่งพัสดุ

two kilograms over 10 kilometers with this vehicle

หนัก 2 กิโลกรัม เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ด้วยพาหนะแบบนี้

is just 24 cents.

มีต้นทุนเพียง 24 เซนต์

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And it's counterintuitive, but the cost of energy

มันอาจฟังดูขัดกับสามัญสำนึก แต่ต้นทุนพลังงาน

expended for the flight is only two cents

ที่ใช้สำหรับเที่ยวบินนี้

of a dollar today,

คือ แค่สองเซ็นต์ เท่านั้น

and we're just at the beginning of this.

เราเพิ่งอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของสิ่งนี้

When we saw this, we felt that this is something

เมื่อเราเห็นแบบนี้ เรารู้สึกว่า มันเป็นบางสิ่ง

that can have significant impact in the world.

ที่สามารถสร้างผลกระทบมากมายให้แก่โลก

So we said, okay, how much does it cost

เราจึงตั้งคำถามว่า มันจะต้องใช้เงินเท่าไหร่

to set up a network somewhere in the world?

เพื่อติดตั้งระบบนี้ ณ ที่ใดที่หนึ่งบนโลกนี้

And we looked at setting up a network in Lesotho

เราได้ศึกษาการติดตั้งระบบนี้ใน เลโซโต (Lesotho)

for transportation of HIV/AIDS samples.

เพื่อขนส่งตัวอย่างเชื้อ HIV/AIDS

The problem there is how do you take them

ปัญหาก็คือ คุณจะเอาตัวอย่าง

from clinics where they're being collected

จากคลินิก ที่ซึ่งตัวอย่างถูกเก็บ

to hospitals where they're being analyzed?

ไปส่งยังโรงพยาบาล ที่ซึ่งจะวิเคราะห์มันได้อย่างไร

And we said, what if we wanted to cover an area

เราจึงคิดว่า ถ้าเราต้องการครอบคลุมพื้นที่

spanning around 140 square kilometers?

กว้างกว่า 140 ตารางกิโลเมตรล่ะ?

That's roughly one and a half times the size of Manhattan.

นั่นกว้างกว่าแมนฮัตตันถึง 1.5 เท่า

Well it turns out that the cost to do that there

ปรากฏว่า ต้นทุนเพื่อสร้างระบบที่ว่า

would be less than a million dollars.

นั้นน้อยกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์

Compare this to normal infrastructure investments.

ลองเปรียบเทียบสิ่งนี้กับการลงทุน ด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ สิครับ

We think this can be -- this is the power

เราคิดว่าสิ่งนี้จะ -- มันเป็นขุมพลัง

of a new paradigm.

ของกรอบแนวคิดใหม่

So here we are: a new idea

นี่แหล่ะครับ: แนวคิดใหม่

about a network for transportation

เกี่ยวกับเครือข่ายการขนส่ง

that is based on the ideas of the Internet.

ซึ่งมีพื้นฐานแนวคิดมาจากอินเตอร์เน็ต

It's decentralized, it's peer-to-peer,

มันเป็นแบบกระจายศูนย์ เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงโดยตรง (peer-to-peer)

it's bidirectional, highly adaptable,

มันขนส่งได้ทั้งไปและกลับ มีความยืดหยุ่นสูง

with very low infrastructure investment,

และมีมูลค่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่ำ

very low ecological footprint.

สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ

If it is a new paradigm, though,

ถ้านี่คือกรอบแนวคิดใหม่

there must be other uses for it.

จะต้องมีการใช้งานอื่นๆ สำหรับสิ่งนี้

It can be used perhaps in other places in the world.

บางที มันอาจถูกใช้ในส่วนอื่นๆ ของโลก

So let's look at the other end of the spectrum:

ลองมาดูกันว่า ในอีกด้านหนึ่ง มันทำอะไรได้บ้าง

our cities and megacities.

ในเมืองใหญ่ และมหานครต่างๆ

Half of the Earth's population lives in cities today.

เกือบครึ่งของประชากรของโลก อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่

Half a billion of us live in megacities.

อีกหน้าร้อยล้านคนอาศัยอยู่ในมหานคร

We are living through an amazing urbanization trend.

เรากำลังมีชีวิตอยู่ในช่วงที่เมืองกำลังขยายตัว ไปเป็นเมืองใหญ่ (urbanization)

China alone is adding a megacity

เพียงจีนประเทศเดียว ก็มีมหานคร

the size of New York City every two years.

ที่ขนาดเทียบเท่านิวยอร์ค เพิ่มขึ้นทุกๆ สองปี

These are places that do have road infrastructure,

เมืองเหล่านี้มีโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม

but it's very inefficient.

แต่มันไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่ง

Congestion is a huge problem.

การจราจรติดขัดเป็นปัญหาใหญ่

So we think it makes sense in those places

เราจึงคิดว่า มันอาจมีเหตุผล

to set up a network of transportation

ที่จะสร้างเครือข่ายการขนส่งในเมืองเหล่านั้น

that is a new layer that sits between the road

เพื่อเป็นอีกชั้นหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างถนน

and the Internet,

และอินเตอร์เน็ต

initially for lightweight, urgent stuff,

ในขั้นแรก มันจะมีไว้สำหรับของเบาๆ ที่ต้องการส่งอย่างเร่งด่วน

and over time, we would hope to develop this

เมื่อเวลาผ่านไป เราหวังจะพัฒนามัน

into a new mode of transportation

ให้เป็นการขนส่งในรูปแบบใหม่

that is truly a modern solution to a very old problem.

ที่เป็นทางออกสมัยใหม่ สำหรับปัญหาเก่าแก่

It's ultimately scalable

มันย่อ-ขยาย ขนาดได้

with a very small ecological footprint,

และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพียงน้อยนิด

operating in the background 24/7,

ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

just like the Internet.

เช่นเดียวกับอินเตอร์เน็ต

So when we started this

เมื่อเราเริ่มโครงการนี้

a couple of years ago now,

เมื่อสองปีที่แล้ว

we've had a lot of people come up to us who said,

มีหลายคนเข้ามาหาเรา พร้อมกับพูดว่า

"This is a very interesting but crazy idea,

"นี่เป็นความคิดที่น่าสนใจมาก แต่มันบ้าบิ่น

and certainly not something that you should

และมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควร

engage with anytime soon."

จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเวลาอันใกล้นี้"

And of course, we're talking about drones, right,

และแน่นอน ว่าเรากำลังพูดถึงหุ่นโดรน

a technology that's not only unpopular in the West

เทคโนโลยีที่ไม่เพียงจะไม่เป็นที่นิยมในโลกตะวันตก

but one that has become a very, very unpleasant

แต่มันเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ ที่ต้องพบเจออยู่ตลอด

fact of life for many living in poor countries,

สำหรับหลายๆคน ที่อาศัยอยู่ในประเทศยากจน

especially those engaged in conflict.

โดยเฉพาะประเทศที่มีสงคราม

So why are we doing this?

แล้วทำไมเราจึงทำสิ่งนี้

Well, we chose to do this one

เราเลือกทำสิ่งนี้

not because it's easy,

ไม่ใช่เพราะมันง่าย

but because it can have amazing impact.

แต่เพราะมันสร้างผลกระทบได้อย่างน่าทึ่ง

Imagine one billion people being connected

ลองจินตนาการถึงผู้คนหนึ่งพันล้านคนให้เชื่อมถึงกัน

to physical goods in the same way

ในแง่ของสิ่งของ แบบเดียวกับ

that mobile telecommunications connected them

ที่การสื่อสารไร้สาย เชื่อมต่อพวกเขา

to information.

ในแง่ของข้อมูล

Imagine if the next big network we built in the world

ลองจินตนาการว่า ถ้าเครือข่ายยิ่งใหญ่ อันต่อไปที่เราจะสร้าง

was a network for the transportation of matter.

คือเครือข่ายการขนส่งสิ่งของ

In the developing world, we would hope

ในประเทศกำลังพัฒนา

to reach millions of people with better vaccines,

เราหวังที่เห็น วัคซีนที่ดีขึ้น ถูกกระจายเข้าถึงผู้คนนับล้าน

reach them with better medication.

ให้พวกเขาเข้าถึงยารักษาโรคที่ดีขึ้น

It would give us an unfair advantage against battling

มันจะทำให้เราได้เปรียบอย่างมาก ในการต่อสู้กับ

HIV/AIDS, tuberculosis and other epidemics.

HIV/AIDS, วัณโรค และโรคระบาดอื่นๆ

Over time, we would hope it would become

เมื่อเวลาผ่านไป เราหวังว่ามันจะกลาย

a new platform for economic transactions,

เป็นรูปแบบใหม่สำหรับการขนส่งทางธุรกิจ

lifting millions of people out of poverty.

ช่วยให้ผู้คนนับล้านพ้นจากความยากจน

In the developed world and the emerging world,

ในประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศพัฒนาใหม่

we would hope it would become a new mode

เราหวังว่ามันจะเป็นวิธีการขนส่งแบบใหม่

of transportation that could help make our cities

ที่ช่วยให้เมืองของเรา

more livable.

น่าอยู่ยิ่งขึ้น

So for those that still believe that this is science fiction,

สำหรับคนที่ยังเชื่อว่า นี่คือเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์

I firmly say to you that it is not.

ผมขอยืนยันกับคุณว่ามันไม่ใช่

We do need to engage, though,

แต่เราต้องเริ่มสร้าง

in social fiction to make it happen.

นิยายสังคมศาสตร์ เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)