Everything you need to know to read "Frankenstein" - Iseult Gillespie

ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เพื่ออ่าน "แฟรงเกนสไตน์" โดย อิเซอัลท์ กิลเลสพาย (Iseult Gillespie)

Translator: Yada Sattarujawong Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

In 1815, the eruption of Mount Tambora plunged parts of the world into darkness

ในปี ค.ศ. 1815 การปะทุของภูเขาไฟทัมโบรา ทำให้โลกส่วนหนึ่งถูกปกคลุมด้วยความมืด

and marked a gloomy period that came to be known as The Year Without a Summer.

และก่อให้เกิดช่วงเวลาอึมครึม ที่เรียกกันในเวลาต่อมาว่า ปีที่ไม่มีฤดูร้อน

So when Mary and Percy Shelley arrived at the House of Lord Byron on Lake Geneva,

ในช่วงนี้แมรีและเพอร์ซี เชลลีย์ เดินทางไป ถึงบ้านของลอร์ดไบรอนใกล้ทะเลสาบเจนีวา

their vacation was mostly spent indoors.

พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้าน

For amusement, Byron proposed a challenge to his literary companions:

เพื่อเป็นการฆ่าเวลา ไบรอนท้าเพื่อนนักเขียนของเขาว่า

Who could write the most chilling ghost story?

ใครจะเขียนเรื่องผีได้น่ากลัวที่สุด

This sparked an idea in 18-year-old Mary.

นั่นทำให้ แมรี สาวอายุสิบแปดปี เกิดความคิดขึ้น

Over the next few months, she would craft the story of Frankenstein.

ในช่วงไม่กี่เดือนถัดมา เธอแต่งเรื่องแฟรงเกนสไตน์

Popular depictions may evoke a green and groaning figure,

แฟรงเกนสไตน์ที่เรารู้จักอาจเป็นมีตัวสีเขียว และส่งเสียงคราง

but that's not Mary Shelley's monster.

แต่นั่นไม่ใช่สัตว์ประหลาดของ แมรี เชลลีย์

In fact, in the book, Frankenstein refers to the nameless monster's maker,

ที่จริงแล้วตามหนังสือแฟรงเกนสไตน์ คือชื่อของนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างสัตว์ประหลาดไร้ชื่อ

Dr. Victor Frankenstein.

ดร. วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์

So tense is the struggle between creator and creature

เรื่องเล่าถึงความยุ่งยากในความสัมพันธ์ ระหว่างผู้สร้างกับผู้ที่ถูกสร้าง

that the two have merged in our collective imagination.

ทำให้ตัวละครทั้งสองตัวนี้ถูกควบรวมกัน ในความคิดของคนส่วนใหญ่

Before you read or reread the original text,

ก่อนที่คุณจะอ่านหนังสือฉบับดั้งเดิม หรืออ่านมันซ้ำอีกครั้ง

there are several other things that are helpful to know about Frankenstein

มีบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจ เกี่ยวกับนวนิยายเรื่องนี้

and how it came to assume its multiple meanings.

และอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เรื่องนี้ ถูกตีความหลากหลาย

The book traces Dr. Frankenstein's futile quest to impart and sustain life.

หนังสือเล่าเรื่องความพยายามของ ดร.แฟรงเกนสไตน์ ที่จะสร้างและรักษาชีวิต

He constructs his monster part by part from dead matter

เขาสร้างสัตว์ประหลาดทีละส่วน ๆ จากสิ่งที่ตายแล้ว

and electrifies it into conscious being.

และช๊อตไฟฟ้าเพื่อให้สัตว์ประหลาดมีชีวิต

Upon completing the experiment, however, he's horrified at the result and flees.

ในขณะที่เขาทำการทดลองสำเร็จ เขากลับหวาดกลัวผลของการทดลองและหนีไป

But time and space aren't enough to banish the abandoned monster,

แต่ไม่ว่าด้วยเวลาหรือระยะทางก็ไม่อาจทำให้ เขาหนีพ้นสัตว์ประหลาดที่เขาทิ้งไว้ได้

and the plot turns on a chilling chase between the two.

และเรื่องราวจึงกลายเป็นการไล่ล่ากันและกัน ระหว่างผู้สร้างกับสัตว์ประหลาด

Shelley subtitled her fireside ghost story,

เชลลีย์ ให้ชื่อรองนวนิยายสยองขวัญของเธอไว้ว่า

"The Modern Prometheus."

"โพรมีธีอุสสมัยใหม่"

That's in reference to the Greek myth of the Titan Prometheus

นั่นเป็นการอ้างถึงเรื่องราวในปกรณัมกรีก เกี่ยวกับเทพไททัน โพรมีธีอุส

who stole fire from the gods and gave it to humanity.

ผู้ขโมยไฟจากเหล่าเทพ และนำมันมาให้มนุษย์

This gave humanity knowledge and power,

ซึ่งทำให้มนุษย์มีความรู้และมีพลังอำนาจ

but for tampering with the status quo,

แต่ด้วยการกระทำที่ขัดต่อแบบแผนดั้งเดิมนี้

Prometheus was chained to a rock and eaten by vultures for eternity.

โพรมีธีอุสจึงถูกล่ามไว้กับก้อนหิน และถูกแร้งจิกกินเนื้อไปตลอดกาล

Prometheus enjoyed a resurgence in the literature of the Romantic Period

เรื่องราวของโพรมีธีอุสปรากฏขึ้นอึกครั้ง ในงานวรรณกรรมยุคโรแมนติก

during the 18th century.

ช่วงศตวรรษที่ 18

Mary was a prominent Romantic,

แมรี่เองก็เป็นนักเขียนคนสำคัญในยุคโรแมนติก

and shared the movement's appreciation for nature, emotion, and the purity of art.

และเธอก็แสดงออกถึงความสนใจ ในธรรมชาติ อารมณ์ และศิลปะบริสุทธ์

Two years after Mary released "Frankenstein",

สองปีหลังจากที่แมรี่ตีพิมพ์แฟรงเกนสไตน์

Percy reimagined the plight of Prometheus in his lyrical drama,

เพอร์ซี่ได้แต่งบทละครเพลงโดยการตีความใหม่ จากเรื่องราวของโพรมีธีอุส

"Prometheus Unbound."

ละครนั้นมีชื่อว่า "การปลดปล่อยโพรมีธีอุส"

The Romantics used these mythical references

นักเขียนยุคโรแมนติก ใช้การอ้างอิงเรื่องเล่าในตำนาน

to signal the purity of the Ancient World in contrast to modernity.

เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์ของโลกในยุคโบราณ เปรียบเทียบกับโลกสมัยใหม่

They typically regarded science with suspicion,

พวกเขายังคงมีคลางแคลงใจต่อวิทยาศาสตร์

and "Frankenstein" is one of the first cautionary tales

และ"แฟรงเกนสไตน์" ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เตือนให้เราระวัง

about artificial intelligence.

เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์

For Shelley, the terror was not supernatural,

สำหรับเชลลีย์แล้ว เรื่องเหนือธรรมชาติไม่ได้น่ากลัว

but born in a lab.

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทดลองต่างหาก

In addition, gothic devices infuse the text.

นอกจากนี้ บรรยากาศแบบกอธิก ก็ช่วยเสริมความหน้ากลัวให้กับเรื่อง

The gothic genre is characterized by unease,

เรื่องแนวกอธิกมีลักษณะเด่นคือความกังวล

eerie settings,

ฉากน่าสะพรึงกลัว

the grotesque,

และสิ่งประหลาดที่น่าขยะแขยง

and the fear of oblivion -

และความกลัวในการถูกลืมเลือน

all elements that can be seen in "Frankenstein."

องค์ประกอบเหล่านี้ พบได้ในเรื่องแฟรงเกนสไตน์

But this horror had roots in personal trauma, as well.

แต่ความน่ากลัวนี้ยังอาจมีที่มาจากประสบการณ์ ส่วนตัวที่น่าสะเทือนใจของเชลลีย์ได้เช่นกัน

The text is filled with references to Shelley's own circumstances.

เนื้อเรื่องนั้นเต็มไปด้วยการอ้าง ถึงเหตุการณ์บางส่วนในชีวิตของเชลลีย์

Born in 1797, Mary was the child of William Godwin and Mary Wollstonecraft.

เธอเกิดในปี ค.ศ. 1797 เป็นลูกสาวของ วิลเลี่ยม ก๊อดวิน และแมรี่ โวลสโตนคราฟ

Both were radical intellectual figures,

ทั้งสองเป็นนักคิดหัวก้าวหน้าคนสำคัญ

and her mother's book, "A Vindication of the Rights of Women,"

หนังสือของแม่ของเธอเรื่อง "การเรียกร้องสิทธิของผู้หญิง"

is a key feminist text.

เป็นหนังสือสนับสนุนสิทธิสตรีเล่มสำคัญ

Tragically, she died as a result of complications from Mary's birth.

น่าเศร้า ที่เธอเสียชีวิตจากการให้กำเนิดแมรี่

Mary was haunted by her mother's death,

แมรี่ถูกหลอกหลอนจากการตายของแม่

and later experienced her own problems with childbirth.

และภายหลังก็ประสบปัญหาเดียวกัน ในการคลอดลูก

She became pregnant following her elopement with Percy at 16,

เธอตั้งครรภ์หลังจากที่หนีตามเพอร์ซี่ เมื่ออายุ 16 ปี

but that baby died shortly after birth.

แต่ทารกนั้นเสียชีวิตหลังจากคลอดได้ไม่นาน

Out of four more pregnancies, only one of their children survived.

จากการตั้งครรภ์อีกสี่ครั้ง มีทารกรอดชีวิตเพียงคนเดียว

Some critics have linked this tragedy to the themes explored in "Frankenstein."

นักวิจารณ์บางคนเชื่อมโยงโศกนาฏกรรมนี้ กับแก่นเรื่องของแฟรงเกนสไตน์

Shelley depicts birth as both creative and destructive,

เชลลีย์บรรยายว่าการให้กำเนิด เป็นทั้งการสร้างสรรค์และการทำลาย

and the monster becomes a disfigured mirror of the natural cycle of life.

และสัตว์ประหลาดก็เป็นภาพสะท้อนที่บิดเบี้ยว ของวัฎจักรชีวิตตามธรรมชาติ

The monster, therefore, embodies Dr. Frankenstein's corruption of nature

ดังนั้น สัตว์ประหลาด จึงเป็นตัวแทน ของความละโมภที่มีอยู่ในตัว ดร.แฟรงเกนสไตน์

in the quest for glory.

ที่พยายามจะสร้างชื่อ

This constitutes his fatal flaw, or hamartia.

ซึ่งทำให้เกิดความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของเขา หรือการสำคัญผิด (hamartia)

His god complex is most clear in the line,

การแสดงบทบาทเป็นพระเจ้าของเขา เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากข้อความที่ว่า

"Life and death appear to me ideal bounds which I should first break through

"ความเป็นและความตายสำหรับผมแล้ว ก็เหมือนกับพันธนาการที่เราจะต้องก้าวข้าม

and pour a torrent of light onto our dark world."

และสาดแสงแห่งคามสว่างมาสู่โลกที่มืดมิด"

Although he accomplishes something awe-inspiring,

ถึงแม้ว่าเขาจะทำการทดลองที่น่าทึ่งได้สำเร็จ

he has played with fire at his own ethical expense.

แต่เขาก็กำลังเล่นกับไฟ โดยเอาหลักจริยธรรมเข้าไปเสี่ยง

And that decision echoes throughout the novel,

และการตัดสินใจของเขานั้น ก็แสดงผลลัพธ์ให้เห็นตลอดเรื่อง

which is full of references to fire and imagery that contrasts light and dark.

ซึ่งเต็มไปด้วยการอ้างถึงไฟ และอุปมาที่แสดง ความแตกต่างระหว่างแสงสว่างและความมืด

These moments suggest not only the spark of Prometheus's fire,

สิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สะกิด ให้เรานึกถึงไฟของโพรมีธีอุส

but the power of radical ideas to expose darker areas of life.

แต่ยังทำให้เรานึกถึงแนวคิดที่แปลกใหม่ ในการนำเสนอด้านมืดของชีวิต