Ethical dilemma: Would you lie? - Sarah Stroud

Translator: Nitchamat Watthanasiriphawong Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Your plan to set up your friend Carey with your acquaintance Emerson

แผนที่จะให้แครี่เพื่อนของคุณออกเดทกับ คนรู้จักที่ชื่อเอเมอร์สัน

is finally coming together.

กำลังไปได้ด้วยดี

Both individuals have heard all about each other

ทั้งคู่เคยได้ยินเรื่องราว ของกันและกันมาบ้างแล้ว

and they’re eager to meet for dinner.

ทั้งสองเลยตั้งใจจะนัดทานข้าวเย็น

You’ve just made them a reservation for Friday night,

คุณจึงจัดการจองโต๊ะให้พวกเขาในคืนวันศุกร์

and you’re about to text Carey the details

แต่เมื่อคุณกำลังจะส่งรายละเอียดให้แครี่

when an unsettling thought crosses your mind:

ความลังเลก็ผุดขึ้นมาในหัว

Carey is always late.

แครี่มักมาสายเป็นประจำ

And not just by 5 minutes;

และไม่ใช่สายแค่ 5 นาที

we’re talking 20 or even 30 minutes late.

แต่สาย 20 ถึง 30 นาทีเลยทีเดียว

Carey seems to view punctuality as an oppressive relic of an earlier era.

ดูเหมือนแครี่มองว่าการตรงต่อเวลา คือการกดขี่ที่ใช้ในสมัยก่อน

But what if you told them dinner was at 6 instead of 6:30?

แต่ถ้าคุณบอกพวกเขาว่าหกโมง แทนที่จะเป็นหกครึ่งล่ะ

That way, they would almost certainly arrive on time.

ถ้าเป็นอย่างนั้น แครี่อาจจะ มาถึงตรงเวลาอย่างแน่นอน

You really want this relationship to work, so... should you lie?

คุณอยากให้ความสัมพันธ์นี้ราบรื่น ถ้างั้นคุณควรจะโกหกดีไหม

Take a moment to think: what you would do?

ใช้เวลาคิดสักครู่ คุณจะทำอย่างไร

Maybe you should lie!

บางทีคุณน่าจะโกหก

You think this new relationship could be great for Carey,

คุณคิดว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ จะดีสำหรับแครี่

and you don’t want them to ruin it before it’s even begun.

และไม่อยากให้พวกเขาทำลาย ความสัมพันธ์ก่อนที่จะเริ่ม

Sure, Emerson may eventually learn about their chronic lateness.

แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วเอเมอร์สันอาจจะ รับรู้ได้ว่าแครี่สายตลอด

But if Carey shows up on time just this once,

แต่ถ้าครั้งนี้แครี่มาตรงเวลา

the relationship will at least have a chance to take root.

อย่างน้อยก็มีโอกาสที่ ความสัมพันธ์จะเริ่มได้ดี

Your lie would pave the way for a potentially happy relationship.

คำโกหกของคุณอาจปูทางให้ ความสัมพันธ์นี้ราบรื่น

And if taking an action will create a better outcome for everyone involved,

และอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น สำหรับคนสองคน

that’s normally a pretty good reason to take it.

ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่เข้าท่าที่จะโกหก

But isn't it morally wrong to lie?

แต่มันจะไม่ผิดศีลธรรมหรอ

The absolutist position on lying,

อิมมานูเอล คานต์ นักปราชญาชาวเยอรมัน ผู้ที่มีมุมมองเรื่องการโกหกแบบสัมบูรณ์นิยม

associated with German philosopher Immanuel Kant,

holds that lying is always immoral, regardless of the circumstances.

ถือว่าการโกหกนั้นผิดศีลธรรมอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

In other words, there’s a moral rule which forbids lying,

พูดง่าย ๆ นั่นคือกฎของศีลธรรมที่ว่าด้วย การโกหกเป็นสิ่งต้องห้าม

and that rule is absolute.

และกฎก็คือกฎ

You might think, though, that this stance overstates

อย่างไรก็ตาม คุณอาจคิดว่า นี่มันเกินไปรึเปล่า

the moral importance of lying.

สำหรับเรื่องการโกหก ในทางศีลธรรม

Suppose a murderer were hunting Carey down.

ลองนึกภาพ ฆาตรกรคนหนึ่งกำลังตามหาแครี่

If the killer asked you about Carey’s whereabouts,

ถ้าเขาถามคุณว่าแครี่อยู่ไหน

it seems odd to say that you must tell the truth

เป็นเรื่องแปลกที่คุณจะบอกความจริง

at the cost of your friend’s life.

โดยมีชีวิตเพื่อนเป็นเดิมพัน

From this perspective, absolutism seems too rigid.

ถ้ามองในมุมนี้ แนวคิดนี้ดูจะเข็มงวดไป

By contrast, utilitarian philosopher John Stuart Mill

ในทางกลับกัน นักปรัชญาประโยชน์นิยม อย่าง จอห์น สจ๊วต มิลล์

would say lying is wrong only when it leads to less happiness overall.

กล่าวว่าการโกหกเป็นสิ่งที่ผิดก็ต่อเมื่อ มันทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์

Now, to be fair, most lies do seem likely to create unhappiness.

ว่ากันตามตรง ส่วนมากแล้วการโกหก ทำให้เกิดความทุกข์

Someone who accepts a lie believes something which is false,

ผู้ที่ยอมโกหกก็เชื่อในสิ่งปลอม ๆ

and trying to conduct your life on the basis of false information

และพยายามใช้ชีวิตบนรากฐานที่เป็นเท็จ

doesn’t usually go well.

มักจะไม่ราบรื่นเอาเสียเลย

However, in some circumstances, perhaps including your situation,

อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ อาจจะรวมถึงครั้งนี้ด้วย

lying might produce more happiness overall.

การโกหกอาจสร้างความสุขมากขึ้น

In those cases, utilitarians say it’s not morally wrong to lie.

ในกรณีนี้ ผู้ที่ยึดแนวคิดประโยชน์นิยม มองว่าการโกหกแบบนี้ไม่ได้ผิดศีลธรรม

In fact, it might even be your moral duty to do so.

ที่จริงแล้ว การโกหกแบบนี้ถือเป็น สิ่งที่คุณควรทำด้วยซ้ำ

But if absolutism seems too extreme, you might feel this stance is too lax.

แม้ว่าแนวคิดแบบสัมบูรณ์นิยมจะสุดโต่งเกินไป แต่ก็อาจกล่าวได้ว่ามันหละหลวมไป

In other words, perhaps the utilitarian position understates

พูดง่าย ๆ แนวคิดประโยชน์นิยมอาจกล่าวถึง ประเด็นการโกหกในเชิงศีลธรรมน้อยไป

the moral significance of lying.

Most people generally feel some regret about lying,

คนส่วนมากรู้สึกผิดที่โกหก

even when they believe it’s the right thing to do.

แม้พวกเขาจะเชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่ควร

This suggests there’s something inherently objectionable about lying—

นั่นหมายความว่า โดยธรรมชาติแล้ว การโกหกเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อยู่ดี

even when it leads to more happiness.

แม้ว่าการโกหกจะสร้างความสบายใจ

In this case, lying to Carey would be an instance of Paternalism.

ในกรณีนี้ การโกหกแครี่เป็นตัวอย่างของ ระบบพ่อปกครองลูก

Paternalism is interfering with another person’s choices

ระบบพ่อปกครองลูกคือการก้าวก่าย ทางเลือกของผู้อื่น

for that person's benefit.

โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนคนนั้น

This might be fine if that person is a literal child.

ก็อาจจะดีถ้าคนนั้นยังเป็นเด็ก

But it seems disrespectful to treat a peer paternalistically.

แต่ถ้าปฏิบัติเช่นนี้กับเพื่อน อาจจะดูเหมือนไม่เคารพกัน

Lying to Carey would mean taking away their opportunity

การโกหกแครี่ทำให้เขาสูญเสียโอกาส ที่จะรับมือกับสถานการณ์

to handle the situation as they see fit, based on their own beliefs and values.

ตามความเชื่อและค่านิยมของแครี่เอง

Trying to protect Carey from what you consider

การพยายามปกป้องเเครี่จาก สิ่งที่คุณคิดว่ามันไม่ดี

to be a bad choice would show a lack of respect for their autonomy.

แสดงให้เห็นว่าคุณไม่เคารพสิทธิของแครี่

By extension, it might also be disrespectful towards Emerson,

และที่สำคัญ นั่นถือว่าไม่เคารพ ต่อเอเมอร์สันด้วยเช่นกัน

since you would be deliberately trying to give him a false impression

เพราะว่าคุณจงใจทำให้เขาเข้าใจผิด

of Carey’s punctuality.

ว่าแครี่ตรงต่อเวลา

So how do you weigh potential happiness against guaranteed disrespect?

ดังนั้นคุณจะประเมินความสุข ที่มาจากการไม่เคารพกันอย่างไร

Followers of Kant would say treating others with respect

ผู้ติดตามของอิมมานูเอล คานต์ กล่าวว่า การเคารพผู้อืน

is the heart of moral conduct,

คือหัวใจของการประพฤติในทางศีลธรรม

while followers of Mill would say nothing is more important than happiness.

ในขณะที่ผู้ติดตามของมิลล์เชื่อว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีความสุข

But other philosophers believe that such conflicts can only be resolved

อย่างไรก็ตามนักปรัชญาคนอื่น ๆ เชื่อว่า ข้อขัดแย้งนี้สามารถแยะแยะได้

on a case-by-case basis,

ตามแต่ละสถานการณ์

depending on various details and on the individuals involved.

โดยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และรายละเอียดต่าง ๆ

So what will you do in Carey’s case?

ถ้างั้นคุณจะจัดการกับเรื่อง ของแครี่อย่างไรล่ะ