How to deal with rejection

Translator: Phichayapha (Monika) Phuengmak Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Rejection hurts.

การถูกปฏิเสธเจ็บ

It’s incredibly painful to feel like you’re not wanted—

ความรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ ก็เจ็บมาก

and we do mean painful.

และนี่ก็หมายถึง ความรู้สึกเจ็บจริงๆ

fMRI studies have found that rejection elicits brain activity

งานวิจัย fMRI ค้นพบว่า การถูกปฏิเสธกระตุ้นการทำงานของสมอง

in multiple neural regions that process physical pain.

ในระบบประสาทที่ประมวลผล ความเจ็บปวดทางร่างกายหลายส่วน

And the language we use to describe rejection mirrors this experience.

และภาษาที่เราใช้บรรยายการถูกปฏิเสธ ก็สะท้อนให้เห็นความรู้สึกของเรา

Researchers recorded over a dozen languages that relate rejection

นักวิจัยรวบรวมภาษามากกว่า 12 ภาษา ที่เชื่อมโยงการถูกปฏิเสธ

to being hurt, using terms like “crushed” or “broken-hearted.”

กับความเจ็บปวด โดยใช้คำศัพท์จำพวก “เหมือนถูกค้อนทุบ” หรือ “ใจสลาย”

So why does rejection trigger such a strong response,

ทำไมการถูกปฏิเสธ ถึงกระตุ้นปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้

and is there any way to cope with this unique kind of pain?

และมีวิธีไหนที่จะช่วยเรารับมือ กับความเจ็บปวดที่ไม่มีอะไรเหมือนนี้ไหม

Psychologists often describe rejection

นักจิตวิทยามักอธิบายการถูกปฏิเสธว่า

as what happens when we perceive that others don’t value

เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราคิดว่า ผู้อื่นไม่ให้ความสำคัญ

having social connections with us.

กับความสัมพันธ์ ทางสังคมของเรา

This could occur when we’re abandoned by a romantic partner,

มันเกิดขึ้นเมื่อเราถูกคนรักทิ้ง

excluded from a group, or outright discriminated against.

เมื่อถูกผลักออกจากกลุ่ม หรือเมื่อถูกกีดกันอย่างเห็นได้ชัด

But it’s worth noting that these interpersonal rejections

แต่ก็มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า คำปฏิเสธระหว่างคนสองคนเหล่านี้

have a social element that distinguishes them from not getting a job.

มีเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้มันต่างจาก การถูกปฏิเสธเมื่อสมัครงาน

In these experiences,

ในสถานการณ์เหล่านี้

we perceive that the rejecting party undervalues our relationship.

เรารู้สึกว่าฝ่ายที่บอกปฏิเสธ ไม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์เท่าที่ควร

And while the pain of rejection often increases

และถึงแม้ว่าความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ

มักเพิ่มมากขึ้นตามคุณค่าที่เรา ให้กับความสัมพันธ์

the more we value a relationship,

even rejections by relative strangers can hurt our feelings.

แม้แต่คำปฏิเสธจากคนแปลกหน้า ก็ทำให้เราเจ็บได้

This might seem like an overreaction,

มันอาจรู้สึกเกินจริง

but just as bodily pain warns us about perceived threats

แต่ในขณะที่ความเจ็บปวดทางร่างกาย เตือนเราถึงอันตราย

to our physical well-being,

ที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย

hurt feelings warn us about perceived threats to our social well-being.

ความรู้สึกเจ็บในใจเตือนเรา ถึงอันตรายที่เกิดกับความเป็นอยู่ทางสังคม

Some behavioral psychologists argue this warning system developed

นักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมตั้งข้อสงสัยว่า ระบบเตือนภัยนี้ถูกพัฒนาขึ้น

when our prehistoric ancestors lived in small clans

เมื่อบรรพบุรุษยุคก่อนประวัติศาสตร์ของเรา ยังใช้ชีวิตอยู่เป็นเผ่า

and depended on everyone they knew for survival.

และพึ่งพาคนรอบตัวเพื่อเอาชีวิตรอด

These humans may have evolved to perceive rejection from anyone

มนุษย์เหล่านี้เรียนรู้ที่จะตีความ คำปฏิเสธ ไม่ว่าจากใคร

as a potential threat to their safety.

ว่าเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัย ของตัวเอง

It’s impossible to confirm this kind of evolutionary theory,

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพิสูจน์ ทฤษฎีวิวัฒนาการเหล่านี้

but wherever this warning system came from,

แต่สัญญาณเตือนนี้จะมาจากไหนก็แล้วแต่

it doesn't include instructions

มันไม่ได้มาพร้อมกับคู่มือ

for how to process this intense emotional experience.

ที่สอนเราว่าต้องรับมือกับความรู้สึก ที่รุนแรงนี้ยังไง

So, the next time you’re feeling rejected, try asking yourself these questions.

ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณถูกปฏิเสธ ลองถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง

The first thing to consider is your relationship

สิ่งแรกที่ต้องทบทวนคือ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับอีกฝ่าย

with the person rejecting you.

Is this someone who knows you well and whose opinion you hold dear?

เขารู้จักคุณดี และเป็นคนที่ คุณให้ความสำคัญว่าเขาคิดยังไงหรือเปล่า

Or is it just a loose acquaintance?

หรือว่าเป็นเพียงคนที่รู้จักห่างๆ

If it’s the latter, that might help you answer the second question:

ถ้าเป็นกรณีที่สอง มันอาจช่วยคุณตอบคำถามต่อไปได้

does this rejection really matter?

การถูกเขาปฏิเสธเป็นเรื่องสำคัญ ขนาดนั้นเลยเหรอ

It can sting when a stranger doesn't laugh at your joke,

เรารู้สึกเสียหน้าเมื่อคนแปลกหน้า ไม่หัวเราะกับมุกตลกที่คุณเล่า

but it doesn’t make sense to react strongly to a rejection

แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะแสดงอารมณ์รุนแรง ต่อคำปฏิเสธที่ไม่ได้กระทบชีวิตคุณ

with little impact on your life.

Of course, brushing off even a minor rejection is easier said than done,

แน่นอนว่าการไม่ใส่ใจคำปฏิเสธ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ นั้นพูดง่ายกว่าทำ

since how you perceive yourself also factors into this equation.

เพราะภาพลักษณ์ที่คุณมองตัวเอง ก็ถูกใส่เข้าไปในสมการด้วย

You likely feel more confident in some circumstances than others,

คุณมีความมั่นใจสูงในสถานการณ์หนึ่ง และต่ำในอีกสถานการณ์

and people tend to be especially sensitive to rejection in situations

และคนเรามักอ่อนไหวเป็นพิเศษเมื่อถูกปฏิเสธ

where they have a low opinion of themselves.

ในสถานการณ์ที่มีความมั่นใจน้อย

So much so, that they even become more likely to misinterpret

มันถึงขั้นสามารถทำให้คุณตีความ คำตอบของคนอื่นผิด

other people’s neutral reactions as rejections.

จากคำตอบรับกลางๆ กลายเป็นดูเหมือนคำปฏิเสธ

This is why it can be helpful to both reflect on your self-view

นี่คือเหตุผลที่ การไตร่ตรองภาพที่คุณมองตัวเอง

and ask yourself if the other person is actually rejecting you.

และตั้งคำถามกับตัวเองว่า อีกฝ่ายปฏิเสธคุณจริงหรือไม่นั้นสำคัญ

This might seem like an odd question.

มันอาจดูเป็นคำถามที่แปลก

But you may find that while the other person didn’t treat you

แต่คุณอาจพบว่า แม้ว่าคู่สนทนาจะไม่ ปฏิบัติกับคุณอย่างที่คุณต้องการ

as you would have liked, they still value your relationship.

แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับคุณในระดับหนึ่ง

In some cases, it's also helpful to consider

ในบางครั้ง คุณควรทบทวนว่า

whether you were expecting more acceptance than was reasonable.

คุณต้องการการยอมรับ จากความสัมพันธ์นี้มากเกินไปหรือเปล่า

Unfortunately, after asking these questions,

หลังจากคุณถามคำถามเหล่านี้

you might still conclude that a person close to you

คุณอาจจะยังสรุปได้ว่าคนใกล้ตัว ไม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์

doesn’t value your relationship as much as you do.

เท่ากับที่คุณให้

This is a painful realization, but it can help to remember two things.

มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บมาก แต่คุณควรระลึกไว้สองอย่าง

First, this rejection isn't just about you.

อย่างแรกคือ คำปฏิเสธนี้ไม่ได้เป็นเพราะคุณฝ่ายเดียว

The other party wants something different from your relationship,

สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจากความสัมพันธ์ นั้นต่างจากคุณ

and what they want might be unreasonable, unfair,

และสิ่งที่เขาต้องการอาจไม่สมเหตุสมผล ไม่ยุติธรรม

or simply not what you have to give.

หรือไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถให้ได้

Second, their rejection isn’t proof that there’s something wrong with you.

อย่างที่สองคือ คำปฏิเสธของเขา ไม่ใช่หลักฐานว่าคุณมีบางอย่างผิดปกติ

The pain you’re feeling is just part of a system

ความเจ็บปวดที่คุณรู้สึก เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบ

nudging you to think about your interpersonal relationships.

ที่กระตุ้นให้คุณทบทวนความสัมพันธ์ในชีวิต

And by reflecting on your behavior,

และเมื่อคุณไตร่ตรองสิ่งที่คุณแสดงออกให้ดี

you can find clues to help better understand the rejection

คุณก็จะพบคำใบ้ที่ช่วยให้คุณ ทำความเข้าใจการถูกปฏิเสธ

and think critically about the relationship

และมองความสัมพันธ์ที่คุณต้องการ จากกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม

you want to have with this person.

Every relationship and rejection is unique.

ความสัมพันธ์และการถูกปฏิเสธ แตกต่างไปตามแต่ละคน

But whatever the specifics,

แต่ไม่ว่าสิ่งที่แตกต่างจะเป็นอะไร

it’s important to remember that you’re never alone in all of this.

คุณต้องจำไว้ว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่ รู้สึกแบบนี้

Everyone deals with rejection throughout their life—

ในช่วงชีวิตหนึ่ง ทุกคนเคยถูกปฏิเสธ

even those who seem confident in their belonging.

แม้แต่คนที่มั่นใจว่า ตัวเองอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ถูกต้อง

And one of the most common ways to cope with this universal experience

และหนึ่งในวิธีที่ที่ช่วยคุณรับมือกับ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกคนนี้

is to reconnect with those who already accept you.

ก็คือการย้อนมองกลับไปหาคนที่ยอมรับคุณ