Seth Berkley: HIV and flu -- the vaccine strategy

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

Do you worry about what is going to kill you?

คุณกังวลไหมว่าอะไรจะมาคร่าชีวิตคุณ

Heart disease, cancer,

โรคหัวใจ มะเร็ง

a car accident?

อุบัติเหตุทางรถยนต์

Most of us worry about things we can't control,

พวกเราส่วนใหญ่กังวลกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้

like war, terrorism,

เช่นสงคราม, การก่อการร้าย,

the tragic earthquake that just occurred in Haiti.

โศกนาฎกรรมแผ่นดินไหวที่เพิ่งเกิดขึ้นที่เฮติ

But what really threatens humanity?

แต่อะไรกันแน่ ที่กำลังเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ

A few years ago, Professor Vaclav Smil

ไม่กี่ปีก่อน ศาสตราจารย์ วาเคลฟ สมิล

tried to calculate the probability

พยายามที่จะคำนวณความน่าจะเป็น

of sudden disasters

ของเหตุการณ์ฉุกเฉิน

large enough to change history.

ที่ยิ่งใหญ่พอที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์

He called these,

เขาเรียกมันว่า

"massively fatal discontinuities,"

"ความไม่ต่อเนื่องที่รุนแรงมาก" (massively fatal discontinuities)

meaning that they could kill

หมายถึงว่าพวกมันสามารถฆ่าคน

up to 100 million people

ได้มากถึง 100 ล้านชีวิต

in the next 50 years.

ใน 50 ปีข้างหน้า

He looked at the odds of another world war,

เขาดูโอกาสที่จะเกิดสงครามโลกครั้งถัดไป

of a massive volcanic eruption,

การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่

even of an asteroid hitting the Earth.

แม้กระทั่งอุกาบาตพุ่งชนโลก

But he placed the likelihood of one such event

แต่เขาจัดความน่าจะเป็นของเหตุการณ์หนึ่ง

above all others

ไว้เหนือสิ่งอื่นใด

at close to 100 percent,

ใกล้กับ 100 เปอร์เซ็นต์

and that is a severe flu pandemic.

และนั่นก็คือการระบาดของไข้หวัดที่รุนแรง

Now, you might think of flu

ทีนี้ คุณอาจคิดว่าหวัดไข้หวัด

as just a really bad cold,

เป็นเพียงหวัดแย่ ๆ

but it can be a death sentence.

แต่มันสามารถเป็นประกาศิตสั่งตายได้

Every year, 36,000 people in the United States

ทุก ๆ ปี คน 36,000 รายในสหรัฐฯ

die of seasonal flu.

ตายเพราะไข้หวัดตามฤดูกาล

In the developing world, the data is much sketchier

ในประเทศกำลังพัฒนา ข้อมูลยิ่งไม่ค่อยชัดเจน

but the death toll is almost

แต่สูญเสียจากความตายนั้น

certainly higher.

เกือบจะเป็นที่แน่นอนว่ามากกว่า

You know, the problem is if

คุณทราบไหมครับ ว่าปัญหาก็คือ

this virus occasionally mutates

ถ้าไวรัสเหล่านี้กลายพันธุ์เป็นประจำ

so dramatically,

อย่างรวดเร็วเหลือเกิน

it essentially is a new virus

มันก็จะกลายเป็นไวรัสพันธุ์ใหม่

and then we get a pandemic.

และจากนั้นพวกมันจะระบาด

In 1918, a new virus appeared

ในปี ค.ศ. 1918 ไวรัสใหม่ได้ปรากฏขึ้น

that killed some 50 to 100 million people.

และฆ่าคนประมาณ 50 ถึง 100 ล้านคน

It spread like wildfire

มันแพร่เหมือนกับไฟป่า

and some died within hours of developing symptoms.

และบางคนตายภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากมีอาการ

Are we safer today?

เราปลอดภัยกันแล้วหรือวันนี้

Well, we seem to have dodged

ครับ เหมือนว่าเราจะหลบหลีก

the deadly pandemic this year

การระบาดอันน่ากลัวในปีนี้

that most of us feared,

ที่พวกเราส่วนใหญ่แสนจะหวาดกลัว

but this threat could reappear at any time.

แต่ภัยนี้อาจกลับมาอีกเมื่อไรก็ได้

The good news is that

ข่าวดีก็คือ

we're at a moment in time

เราอยู่ในช่วงเวลา

when science, technology, globalization is converging

ที่วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โลกาภิวัฒน์ กำลังเบนเข้าหากัน

to create an unprecedented possibility:

เพื่อที่จะสร้างความเป็นไปได้ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

the possibility to make history

ความเป็นไปได้ที่จะสร้างประวัติศาสตร์

by preventing infectious diseases

ในการป้องกันโรคติดต่อ

that still account for one-fifth of all deaths

ที่ยังรวมถึงหนึ่งในสี่ของความตายทั้งหมด

and countless misery on Earth.

และความทุกข์ยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดบนโลก

We can do this.

เราสามารถทำได้

We're already preventing millions of deaths

เราพร้อมแล้วที่จะป้องกันความตายเป็นล้าน ๆ

with existing vaccines,

ด้วยวัคซีนที่มีอยู่

and if we get these to more people,

และถ้าคุณให้มันกับคนมากขึ้น

we can certainly save more lives.

เราก็สามารถที่จะช่วยชีวิตได้มากขึ้น

But with new or better vaccines

แต่ด้วยวัคซีนใหม่หรือที่ดีกว่า

for malaria, TB, HIV,

สำหรับมาลาเรีย, วัณโรค, เอชไอวี,

pneumonia, diarrhea, flu,

ปอดบวม, ท้องเสีย, ไข้หวัด

we could end suffering

เราสามารถที่จะหยุดความทุกข์ทรมาน

that has been on the Earth since the beginning of time.

ที่อยู่กับโลกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกนี้ได้

So, I'm here to trumpet vaccines for you.

ดังนั้น ผมมาที่นี่เพื่อจะป่าวประกาศ เรื่องเกี่ยวกับวัคซีน

But first, I have to explain why they're important

แต่ก่อนอื่น ให้ผมอธิบายก่อนว่า ทำไมพวกมันถึงสำคัญ

because vaccines, the power of them,

เพราะว่าอำนาจของวัคซีนนั้น

is really like a whisper.

เหมือนกันเสียงกระซิบ

When they work, they can make history,

เมื่อพวกมันได้ผล พวกมันสร้างประวัติศาสตร์

but after a while

แต่หลังจากนั้นสักระยะหนึ่ง

you can barely hear them.

พวกคุณแทบจะไม่ได้ยินถึงพวกมัน

Now, some of us are old enough

ทีนี้ พวกเราบางคนแก่พอ

to have a small, circular scar on our arms

ที่จะมีแผลวงกลมเล็ก ๆ บนแขน

from an inoculation we received as children.

จากการปลูกฝีที่เราได้รับตอนเด็ก ๆ

But when was the last time you worried about smallpox,

แต่ครั้งสุดท้ายที่คุณกังวลเรื่องไข้ทรพิษ

a disease that killed half a billion people last century

โรคที่ฆ่าคนไปราวห้าร้อยล้านเมื่อศตวรรษก่อน

and no longer is with us?

และไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกแล้ว

Or polio? How many of you remember the iron lung?

หรือโปลิโอ มีพวกคุณสักกี่คนที่จำปอดเหล็กได้

We don't see scenes like this anymore

เราไม่เห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว

because of vaccines.

เพราะว่าวัคซีน

Now, it's interesting

ทีนี้ มันน่าสนใจ

because there are 30-odd diseases

ว่าทำไมมีโรคประมาณ 30 ชนิดได้

that can be treated with vaccines now,

ที่สามารถรักษาได้ด้วยวัคซีนในวันนี้

but we're still threatened by things like HIV and flu.

แต่พวกเรายังคงได้รับอันตรายจากโรคอย่าง เอชไอวี และไข้หวัด

Why is that?

ทำไมกัน

Well, here's the dirty little secret.

ครับ นี่คือความลับเล็ก ๆ

Until recently, we haven't had to know

เราไม่รู้เลยว่าวัคซีนทำงานอย่างไร

exactly how a vaccine worked.

จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง

We knew they worked through old-fashioned trial and error.

เราทราบว่า พวกมันทำงานโดยการลองผิดลองถูก

You took a pathogen, you modified it,

คุณเอาจุลชีพก่อเกิดโรคมาดัดแปลง

you injected it into a person or an animal

คุณฉีดมันเข้าไปในคนหรือสัตว์

and you saw what happened.

และคุณเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น

This worked well for most pathogens,

มันทำงานได้ดีกับเชื้อก่อโรคส่วนใหญ่

somewhat well for crafty bugs like flu,

ดีพอควรสำหรับเชื้อโรคแสนกลอย่างไข้หวัด

but not at all for HIV,

แต่ไม่ได้ผลเลยกับเอชไอวี

for which humans have no natural immunity.

ซึ่งคนไม่มีภูมิคุ้มกันมันเลยตามธรรมชาติ

So let's explore how vaccines work.

ดังนั้น ลองมาดูกันว่าวัคซีนทำงานอย่างไร

They basically create a cache

พวกมันสร้างกองกำลังติดอาวุธ

of weapons for your immune system

สำหรับระบบภูมิคุ้มกันของคุณ

which you can deploy when needed.

ซึ่งคุณสามารถจัดใช้มันได้เมื่อต้องการ

Now, when you get a viral infection,

ทีนี้ เมื่อเกิดการติดเชื้อจากไวรัส

what normally happens is it takes days or weeks

ตามปกติร่างกายใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์

for your body to fight back

ในการตอบโต้

at full strength,

อย่างเต็มความสามารถ

and that might be too late.

และนั่นอาจสายเกินไป

When you're pre-immunized,

เมื่อคุณมีภูมิมาก่อนแล้ว

what happens is you have forces in your body

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณมีกองกำลังในร่างกาย

pre-trained to recognize

ที่ถูกฝึกฝนมาก่อนให้จดจำ

and defeat specific foes.

และจัดการกับศัตรูจำเพาะ

So that's really how vaccines work.

นั่นคือการทำงานของวัคซีน

Now, let's take a look at a video

เอาล่ะ ลองดูวีดีโอ

that we're debuting at TED, for the first time,

ที่เราฉายที่ TED เป็นครั้งแรก

on how an effective HIV vaccine might work.

ว่าวัคซีน เอชไอวี ที่มีประสิทธิภาพทำงานอย่างไร

(Music)

(เสียงดนตรี)

Narrator: A vaccine trains the body in advance

เสียงพากษ์: วัคซีนสอนร่างกายเราล่วงหน้า

how to recognize and neutralize

ว่าจะจดจำและต่อต้าน

a specific invader.

ผู้บุกรุกจำเพาะได้อย่างไร

After HIV penetrates the body's mucosal barriers,

หลังจาก เอชไอวี บุกผ่านแนวกั้นเยื่อเมือก (mucosal barriers)

it infects immune cells to replicate.

มันบุกเข้าไปในเซลล์ภูมิคุ้มกันเพื่อเพิ่มจำนวน

The invader draws the attention

ผู้บุกรุกเบี่ยงเบนความสนใจ

of the immune system's front-line troops.

ของแถวหน้าของกองกำลังระบบภูมิคุ้มกัน

Dendritic cells, or macrophages,

เดนไดรติก เซลล์ (dendritic cell) และ มาโครฟาร์จ (macrophage)

capture the virus and display pieces of it.

จับเซลล์ไวรัสและแสดงชิ้นส่วนของมัน

Memory cells generated by the HIV vaccine

เซลล์ความจำ (memory cell) ที่สร้างโดยวัคซีนเอชไอวี

are activated when they learn

ถูกกระตุ้นเมื่อพวกมันเรียนรู้ว่า

HIV is present from the front-line troops.

เอชไอวีถูกแสดงจากกองทัพแถวหน้า

These memory cells immediately deploy

เซลล์ความทรงจำเหล่านี้ถูกจัดขบวนแถว

the exact weapons needed.

อาวุธเพิ่มเติมที่ต้องการ

Memory B cells turn into plasma cells,

เซลล์ความทรงจำ บี (memory B cell) เปลี่ยนเป็นพลาสม่าเซลล์ (plasma cell)

which produce wave after wave

ซึ่งสร้างระลอกกระแส

of the specific antibodies

ของแอนติบอดีจำเพาะ

that latch onto HIV

ที่เข้าเกาะบนเอชไอวี

to prevent it from infecting cells,

เพื่อป้องกันมันจากการบุกเข้าเซลล์

while squadrons of killer T cells

ในขณะที่กองรบของ คิลเลอร์ ที เซลล์ (killer T cell)

seek out and destroy cells

ตามล่าและทำลายเซลล์

that are already HIV infected.

ที่ติดเชื้อเอชไอวีแล้ว

The virus is defeated.

ไวรัสถูกปราบ

Without a vaccine,

เมื่อไม่มีวัคซีน

these responses would have taken more than a week.

การตอบสนองเหล่านี้อาจใช้เวลามากกว่าสัปดาห์

By that time, the battle against HIV

พอถึงเวลานั้น เราคงแพ้สงคราม

would already have been lost.

ต่อเอชไอวีไปแล้ว

Seth Berkley: Really cool video, isn't it?

ซีท เบอร์คลี: เป็นวีดีโอที่เจ๋งใช่ไหมครับ

The antibodies you just saw in this video,

แอนติบอดีที่คุณเพิ่งได้เห็นมันทำงานในวีดีโอนี้

in action, are the ones that make most vaccines work.

คือแอนติบอดีที่ทำให้วัคซีนส่วนใหญ่ได้ผล

So the real question then is:

ดังนั้น คำถามจริง ๆ ก็คือว่า

How do we ensure that your body makes

เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า

the exact ones that we need to protect

ร่างกายสร้างแอนติบอดีตัวที่เราต้องการ

against flu and HIV?

เพื่อที่จะป้องกันไข้หวัดและเอชไอวี

The principal challenge for both of these viruses

ความท้าทายหลักของไวรัสทั้งสองนี้

is that they're always changing.

คือว่าพวกมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

So let's take a look at the flu virus.

เอาล่ะ ลองดูที่ไวรัสไข้หวัด

In this rendering of the flu virus,

ในภาพต่อเนื่องของไวรัสไข้หวัด

these different colored spikes are what it uses to infect you.

หนามสีต่าง ๆ นี้คือสิ่งที่มันใช้เกาะตัวคุณ

And also, what the antibodies use is a handle

และมันก็เป็นสิ่งที่แอนติบอดีใช้จับ

to essentially grab and neutralize the virus.

เพื่อที่จะเกาะและต้านไวรัส

When these mutate, they change their shape,

เมื่อไวรัสเหล่านี้กลายพันธุ์ พวกมันเปลี่ยนแปลงรูปร่าง

and the antibodies don't know what they're looking at anymore.

และแอนติบอดีไมรู้ว่าพวกมันกำลังมองหาอะไร

So that's why every year

นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมทุก ๆ ปี

you can catch a slightly different strain of flu.

คนจึงเป็นไข้หวัดที่มีสายพันธุ์ต่างกันเล็กน้อย

It's also why in the spring,

และเป็นสาเหตุว่าทำไมในฤดูใบไม้ผลิ

we have to make a best guess

เราถึงต้องเดากันให้ดี

at which three strains are going to prevail the next year,

ว่าสามสายพันธุ์ไหนที่จะอยู่ไปจนปีถัดไป

put those into a single vaccine

นำพวกมันไปทำเป็นวัคซีนเดี่ยว

and rush those into production for the fall.

และรีบทำการผลิตในฤดูใบไม้ร่วง

Even worse,

ที่แย่ไปกว่านั้น

the most common influenza -- influenza A --

หวัดที่ธรรมดาที่สุด -- ไข้หวัดสายพันธุ์เอ --

also infects animals

ยังติดต่อในสัตว์

that live in close proximity to humans,

ที่อาศัยอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์

and they can recombine

และพวกมันสามารถเรียงตัวใหม่

in those particular animals.

ในสัตว์พวกนั้น

In addition, wild aquatic birds

นอกจากนี้ นกน้ำในธรรมชาติ

carry all known strains

ยังติดไข้หวัด

of influenza.

ทุกสายพันธุ์ที่เรารู้จัก

So, you've got this situation:

ฉะนั้น คุณจึงได้พบกับสถานการณ์นี้

In 2003,

ในปี ค.ศ. 2003

we had an H5N1 virus

เรามีเชื้อไวรัส H5N1

that jumped from birds into humans

ที่กระโดดจากนกสู่คน

in a few isolated cases

ในผู้ป่วยบางรายที่แยกออกมา

with an apparent mortality rate of 70 percent.

มีอัตราการเสียชีวิตที่พบเห็นได้ร้อยละ 70

Now luckily, that particular virus,

โชคดี ที่ไวรัสนั้น

although very scary at the time,

แม้ว่าจะน่ากลัวในช่วงเวลาหนึ่ง

did not transmit from person to person

แต่ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง

very easily.

อย่างง่ายดายนัก

This year's H1N1 threat

ในปีนี้ H1N1 ที่เป็นภัยต่อ

was actually a human, avian, swine mixture

คน นก หมู รวม ๆ กัน

that arose in Mexico.

เกิดขึ้นที่เม็กซิโก

It was easily transmitted,

มันติดต่อได้โดยง่าย

but, luckily, was pretty mild.

แต่โชคดีที่มันไม่รุนแรงมาก

And so, in a sense,

และในแง่หนึ่ง

our luck is holding out,

มันก็เป็นโชคดีของพวกเรา

but you know, another wild bird could fly over at anytime.

แต่รู้ไหมว่า นกป่าอาจบินผ่านมาเมื่อไรก็ได้

Now let's take a look at HIV.

ทีนี้ลองมาดู เอชไอวี

As variable as flu is,

มันเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกับไข้หวัด

HIV makes flu

เอชไอวี ทำให้หวัด

look like the Rock of Gibraltar.

ดูเหมือนหินแห่งยิบรัลตาร์

The virus that causes AIDS

ไวรัสที่เป็นสาเหตุของเอชไอวี

is the trickiest pathogen

เป็นเชื้อก่อโรคที่เจ้าเล่ห์ที่สุด

scientists have ever confronted.

เท่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยเผชิญมา

It mutates furiously,

มันกลายพันธุ์อย่างบ้าคลั่ง

it has decoys to evade the immune system,

มันล่อลวงเพื่อจะเจาะเข้าในระบบภูมิคุ้มกัน

it attacks the very cells that are trying to fight it

มันโจมตีเซลล์ที่พยายามจะโจมตีมัน

and it quickly hides itself

และซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

in your genome.

ในจีโนมของคุณ

Here's a slide looking at

นี่คือสไลด์

the genetic variation of flu

ที่แสดงความหลายหลายของพันธุกรรมหวัด

and comparing that to HIV,

และเทียบกันกับเอชไอวี

a much wilder target.

ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กว้างกว่ามาก

In the video a moment ago,

ในวีดีโอเมื่อครู่นี้

you saw fleets of new viruses launching from infected cells.

คุณเห็นกองทัพไวรัสใหม่ ที่ถูกปล่อยออกจากเซลล์ที่ติดเชื้อ

Now realize that in a recently infected person,

ทีนี้ลองคิดถึงคนที่เพิ่งติดเชื้อ

there are millions of these ships;

เหมือนมีเรือเหล่านี้เป็นล้าน ๆ ลำ

each one is just slightly different.

แต่ลำก็ต่างกันไปเล็กน้อย

Finding a weapon that recognizes

การหาอาวุธที่จะจดจำ

and sinks all of them

และจมเรือพวกมันทั้งหมด

makes the job that much harder.

เป็นงานที่ยากมากขึ้นไปอีก

Now, in the 27 years since HIV

ทีนี้ ใน 27 ปี ตั้งแต่เอชไอวี

was identified as the cause of AIDS,

ได้รับการบ่งชี้ว่าเป็นสาเหตุของเอดส์

we've developed more drugs to treat HIV

เราได้พัฒนายาที่ใช้จัดการเอชไอวี

than all other viruses put together.

มากกว่ายาที่ใช้จัดการไวรัสอื่น ๆ รวมกัน

These drugs aren't cures,

ยาเหล่านี้ไม่ได้รักษา

but they represent a huge triumph of science

แต่พวกมันเป็นตัวแทนชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ของวิทยาศาสตร์

because they take away the automatic death sentence

เพราะพวกมันกำจัดประกาศิตสั่งตายอัตโนมัติ

from a diagnosis of HIV,

จากผลการตรวจเอชไอวี

at least for those who can access them.

อย่างน้อยก็สำหรับคนที่เข้าถึงมันได้

The vaccine effort though is really quite different.

ความพยายามในการพัฒนาวัคซีนนั้น ค่อนข้างจะต่างไปมาก

Large companies moved away from it

บริษัทใหญ่ ๆ ค่อย ๆ หลีกออกจากมัน

because they thought the science was so difficult

เพราว่าพวกเขาคิดว่า วิทยาศาสตร์ของมันยากเหลือเกิน

and vaccines were seen as poor business.

และวัคซีนถูกมองว่าเป็นธุรกิจไม่ทำเงิน

Many thought that it was just impossible to make an AIDS vaccine,

หลายคนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิต วัคซีนเอชไอวี

but today, evidence tells us otherwise.

แต่วันนี้ หลักฐานบอกเราว่า อันที่จริง

In September,

ในเดือนกันยายน

we had surprising but exciting findings

เราได้ค้นพบสิ่งที่น่าแปลกใจ แต่น่าตื่นเต้น

from a clinical trial that took place in Thailand.

จากผลการทดสองทางคลินิก ที่ทำการศึกษาในประเทศไทย

For the first time, we saw an AIDS vaccine work in humans --

เป้นครั้งแรก ที่เราเห็นว่า วัคซีนเอดส์ได้ผลในมนุษย์ --

albeit, quite modestly --

ถึงแม้ว่า อยู่ในระดับปานกลาง --

and that particular vaccine was made

และวัคซีนดังกล่าวนั้น

almost a decade ago.

ได้ถูกผลิตขึ้นเกือบสิบปีมาแล้ว

Newer concepts and early testing now

แนวคิดใหม่และการทดสอบเร็ว ๆ นี้

show even greater promise in the best of our animal models.

แสดงถึงความหวังที่มากขึ้นในสัตว์ทดลอง

But in the past few months, researchers have also isolated

แต่ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักวิจัยยังได้แยก

several new broadly neutralizing antibodies

แอนติบอดีใหม่ที่ต้านเชื้อได้ในเชิงกว้าง

from the blood of an HIV infected individual.

จากเลือดของคนที่ติดเชื้อเอชไอวี

Now, what does this mean?

ทีนี้ มันหมายความว่าอย่างไร

We saw earlier that HIV

เราได้เห็นก่อนหน้านี้แล้วว่า เอชไอวี

is highly variable,

มีความหลากหลายมาก

that a broad neutralizing antibody

นั่นคือแอนติบอดีต้านเชื้อเชิงกว้าง

latches on and disables

ที่เข้ากับ และยับยั้ง

multiple variations of the virus.

ไวรัสที่มีความแตกต่างหลากหลายได้

If you take these and you put them

ถ้าคุณนำมัน และใส่เข้าไปใน

in the best of our monkey models,

ลิงที่เป็นสัตว์ทดลองที่ดีที่สุดที่เรามี

they provide full protection from infection.

พวกมันให้การป้องกันจากการติดเชื้อ อย่างสมบูรณ์

In addition, these researchers found

นอกจากนั้น นักวิจัยเหล่านี้พบว่า

a new site on HIV

บริเวณใหม่บนเอชไอวี

where the antibodies can grab onto,

ที่แอนติบอดีสามารถเข้าจับได้

and what's so special about this spot

และสิ่งที่พิเศษก็คือ

is that it changes very little

มันต่างกันเพียงเล็กน้อย

as the virus mutates.

เมื่อไวรัสกลายพันธ์ุ

It's like, as many times

ราวกับว่า

as the virus changes its clothes,

ไม่ว่าไวรัสจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปกี่หน

it's still wearing the same socks,

มันก็ยังใส่ถุงเท้าคู่เก่า

and now our job is to make sure

และตอนนี้หน้าที่ของเราก็คือ ทำให้มั่นใจได้ว่า

we get the body to really hate those socks.

เราทำให้ร่างกายของเราเกลียดถุงเท้าคู่นี้มาก ๆ

So what we've got is a situation.

สิ่งที่เราได้คือสถานการณ์

The Thai results tell us

ผลลัพธ์จากประเทศไทยบอกเราว่า

we can make an AIDS vaccine,

เราสามารถผลิตวัคซีนเอดส์ได้

and the antibody findings

และการหาแอนติบอดี

tell us how we might do that.

บอกเราว่าเราจะทำได้อย่างไร

This strategy, working backwards

วิธีการนั้น คือต้องคิดย้อนกลับ

from an antibody to create a vaccine candidate,

จากแอนติบอดี เพื่อจะสร้างวัคซีนขั้นทดลอง

has never been done before in vaccine research.

ซึ่งไม่เคยได้มีใครทำมาก่อน ในงานวิจัยด้านวัคซีน

It's called retro-vaccinology,

มันเรียกว่า เรโทร-วัคซีโนโลจี

and its implications extend

และการประยุกต์ใช้มันนั้น

way beyond that of just HIV.

ทำได้มากกว่าแค่กับเอชไอวี

So think of it this way.

ฉะนั้นแล้วลองคิดอย่างนี้ครับ

We've got these new antibodies we've identified,

เราได้แอนติบอดีใหม่ที่เราบ่งชี้มันแล้ว

and we know that they latch onto many, many variations of the virus.

และเรารู้ว่าพวกมันเกาะกับไวรัสได้หลากหลายขนิด

We know that they have to latch onto a specific part,

เรารู้ว่าพวกมันต้องเกาะกับส่วนที่จำเพาะ

so if we can figure out the precise structure of that part,

ดังนั้น ถ้าเราทราบถึงโครงสร้างที่แน่นอน ของส่วนนั้น

present that through a vaccine,

และแสดงมันต่อวัคซีน

what we hope is we can prompt

เราหวังว่าเราจะได้เตือน

your immune system to make these matching antibodies.

ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ให้สร้างแอนติบอดีที่เหมาะกัน

And that would create

และนั่นก็จะเป็นการสร้าง

a universal HIV vaccine.

วัคซีนเอชไอวีแบบครอบคลุม

Now, it sounds easier than it is

ทีนี้ มันฟังเหมือนง่ายกว่าความจริง

because the structure actually looks more like

เพราะว่าโครงสร้างดูเหมือนกับ

this blue antibody diagram

แอนติบอดีสีฟ้าในภาพจำลองนี้

attached to its yellow binding site,

อยู่ติดกับบริเวณจับของมันที่เป็นสีเหลือง

and as you can imagine, these three-dimensional structures

และอย่างที่คุณรู้ โครงสร้างสามมิตินี้

are much harder to work on.

มันเป็นที่เข้าใจยากกว่ามาก

And if you guys have ideas to help us solve this,

และถ้าพวกคุณมีความคิด ที่จะช่วยเราจัดการกับปัญหานี้

we'd love to hear about it.

เราก็อยากจะรับฟังเป็นอย่างยิ่งครับ

But, you know, the research that has occurred from HIV now

แต่รู้ไหม งานวิจัยที่เกิดจากเอชไอวีในตอนนี้

has really helped with innovation with other diseases.

ได้ช่วยเหลือนวัฒกรรม ที่เกี่ยวกับโรคอื่น ๆ อย่างแท้จริง

So for instance, a biotechnology company

ยกตัวอย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ

has now found broadly neutralizing

ได้ค้นพบแอนติบอดี

antibodies to influenza,

ที่ต้านหวัดได้อย่างกว้างขวาง

as well as a new antibody target on the flu virus.

เช่นเดียวกับการพบเป้าหมายใหม่ของแอนติบอดี ต่อไวรัสหวัด

They're currently making a cocktail --

พวกเขากำลังทำส่วนผสม --

an antibody cocktail -- that can be used to treat

ส่วนผสมแอนติบอดี -- ทีสามารถใช้รักษา

severe, overwhelming cases of flu.

อาการหวัดที่รุนแรงได้

In the longer term, what they can do

ในระยะยาว สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือ

is use these tools of retro-vaccinology

ใช้อุปกรณ์ในสาขาเรโทร-วัคซิโนโลจีเหล่านี้

to make a preventive flu vaccine.

สร้างวัคซีนป้องกันโรคหวัด

Now, retro-vaccinology is just one technique

ทีนี้ เรโทร-วัคซิโนโลจี เป็นเพียงเทคนิคหนึ่ง

within the ambit of so-called rational vaccine design.

ของสาขาที่เรียกกันว่า การออกแบบวัคซีน

Let me give you another example.

ลองดูอีกตัวอย่างนะครับ

We talked about before the H and N spikes

เราเคยพูดถึง H และ N

on the surface of the flu virus.

ซึ่งเป็นหนามแหลม ๆ บนผิวของไวรัสหวัดมาแล้ว

Notice these other, smaller protuberances.

ลองสังเกตที่ชิ้นส่วนขนาดจิ๋วที่ยื่นออกมา

These are largely hidden from the immune system.

ส่วนใหญ่ของมันถูกซ่อนจากระบบภูมิคุ้มกัน

Now it turns out that these spots

ทีนี้ กลายเป็นว่า

also don't change much when the virus mutates.

จุดนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปมากตอนไวรัสกลายพันธุ์

If you can cripple these with specific antibodies,

ถ้าทำให้มันพิการได้โดย ใช้แอนติบอดีจำเพาะ

you could cripple all versions of the flu.

คุณก็จะสามารถยับยั้งหวัดทุกรูปแบบได้

So far, animal tests indicate

ถึงตอนนี้ การทดลองในสัตว์บ่งชี้ว่า

that such a vaccine could prevent severe disease,

วัคซีนอย่างที่ว่าใช้ป้องกันโรคร้ายแรงได้

although you might get a mild case.

แม้ว่าคุณจะป่วยไม่มากนัก

So if this works in humans, what we're talking about

ดังนั้น ถ้ามันมีประสิทธิภาพในมนุษย์ สิ่งที่เรากำลังพูดถึง

is a universal flu vaccine,

ก็คือวัคซีนที่ป้องกันหวัดได้ทุกสายพันธุ์

one that doesn't need to change every year

เป็นวัคซีนที่เราไม่ต้องเปลี่ยนมันทุก ๆ ปี

and would remove the threat of death.

และจะกำจัดความตายที่จะมาคุกคามเราได้

We really could think of flu, then,

แล้วเราก็จะมองว่าไข้หวัด

as just a bad cold.

เหมือนกับแค่หวัดธรรมดาทั่วไป

Of course, the best vaccine imaginable

แต่แน่ล่ะ วัคซีนที่ดีที่สุดที่เราจะฝันถึง

is only valuable to the extent

จะมีค่าก็ต่อเมื่อ

we get it to everyone who needs it.

เราให้มันกับทุกคนที่ต้องการมัน

So to do that, we have to combine

เพื่อที่จะทำอย่างนั้น เราจะต้อง

smart vaccine design with smart production methods

รวมการออกแบบวัคซีนอย่างชาญฉลาด กับวิธีการผลิตอันชาญฉลาด

and, of course, smart delivery methods.

และแน่นอนวิธีการส่งมอบที่ชาญฉลาดด้วย

So I want you to think back a few months ago.

ผมอยากให้คุณคิดย้อนกลับไปไม่กี่เดือนก่อน

In June, the World Health Organization

ในเดือนมิถุนายน องค์การอนามัยโลก

declared the first global

ได้ประกาศถึงการระบาดของไข้หวัดไปทั่วโลก

flu pandemic in 41 years.

เป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี

The U.S. government promised

รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาสัญญาว่า

150 million doses of vaccine

วัคซีน 150 ล้านโดส

by October 15th for the flu peak.

จะถูกผลิตออกมาทันช่วงระบาดสูงสุดของไขัหวัด ภายในวันที่ 15 ตุลาคม

Vaccines were promised to developing countries.

ประเทศกำลังพัฒนาจะได้วัคซีนตามคำสัญญา

Hundreds of millions of dollars were spent

เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ถูกใช้ไป

and flowed to accelerating vaccine manufacturing.

เพื่อใช้หมุนเวียนเร่งการผลิตวัคซีน

So what happened?

แล้วเกิดอะไรขึ้น

Well, we first figured out

ครับ เราได้พบว่า

how to make flu vaccines, how to produce them,

จะสร้างวัคซีนไข้หวัดได้อย่างไร จะผลิตมันได้อย่างไร

in the early 1940s.

ในต้นยุค 1940

It was a slow, cumbersome process

มันเป็นกระบวนการที่ช้า และยุ่งยาก

that depended on chicken eggs,

ซึ่งต้องใช้ไข่ไก่

millions of living chicken eggs.

ไข่ไก่เชื้อเป็นล้าน ๆ ฟอง

Viruses only grow in living things,

ไวรัสเติบโตได้ในสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

and so it turned out that, for flu,

และกลายเป็นว่า สำหรับไข้หวัด

chicken eggs worked really well.

ไข่ไก่เป็นสิ่งที่ใช้ได้ดี

For most strains, you could get one to two doses

สำหรับสายพันธุ์ส่วนใหญ่ คุณอาจได้วัคซีนสักโดสหรือสองโดส

of vaccine per egg.

จากไข่หนึ่งฟอง

Luckily for us,

พวกเราโชคดี

we live in an era of breathtaking

ที่อยู่ในยุคของการค้นพบใหม่

biomedical advances.

ทางชีวการแพทย์

So today, we get our flu vaccines from ...

ดังนั้น วันนี้ เราได้วัคซีนไข้หวัดจาก ...

chicken eggs,

ไข่ไก่

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

hundreds of millions of chicken eggs.

ไข่ไก่เป็นล้าน ๆ ฟอง

Almost nothing has changed.

เกือบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

The system is reliable

ระบบนี้เชื่อถือได้

but the problem is you never know how well

แต่ปัญหาคือคุณไม่รู้ว่าสายพันธ์ุนั้น ๆ

a strain is going to grow.

จะเจริญเติบโตได้ดีแค่ไหน

This year's swine flu strain

สายพันธุ์ไข้หวัดหมูที่ระบาดในปีนี้

grew very poorly in early production:

เติบโตได้แค่มากในการผลิตแรก ๆ

basically .6 doses per egg.

แค่เพียง .6 โดสต่อไข่หนึ่งฟอง

So, here's an alarming thought.

และนั่นก็เหมือนเป็นสัญญาณให้คิด

What if that wild bird flies by again?

แล้วถ้าหากนกป่าบินผ่านมาอีกล่ะ

You could see an avian strain

คุณจะเห็นว่าสายพันธุ์ที่เกี่ยวกับสัตว์ปีก

that would infect the poultry flocks,

สามารถติดต่อกับฝูงเป็ดไก่ได้

and then we would have no eggs for our vaccines.

และแล้วเราก็จะไม่มีไข่สำหรับใช้ทำวัคซีน

So, Dan [Barber], if you want

แล้ว แดน [บาร์เบอร์] ถ้าคุณต้องการ

billions of chicken pellets

ขี้ไก่เป็นพันล้าน

for your fish farm,

ให้กับฟาร์มปลาของคุณ

I know where to get them.

ผมรู้เลยว่าจะไปหาได้ที่ไหน

So right now, the world can produce

ฉะนั้นตอนนี้ โลกเราสามารถผลิต

about 350 million doses

วัคซีนต้านไข้หวัดสามสายพันธุ์

of flu vaccine for the three strains,

ได้ 350 ล้านโดส

and we can up that to about 1.2 billion doses

และเราเพิ่มมันขึ้นถึงประมาณ 1.2 พันล้านโดส

if we want to target a single variant

ถ้าคุณต้องการจับเป้าหมาย ที่มีความหลากหลายเดียว

like swine flu.

อย่างไข้หวัดหมู

But this assumes that our factories are humming

แต่ประมาณได้เลยว่า โรงงานวุ่นวายแน่นอน

because, in 2004,

เพราะว่า ปีค.ศ. 2004

the U.S. supply was cut in half

เสบียงสำรองของเราถูกตัดออกครึ่งหนึ่ง

by contamination at one single plant.

เพราะการปนเปื้อนในโรงงานเพียงแห่งเดียว

And the process still takes

และกระบวนการ

more than half a year.

ยังใช้เวลามากกว่าครึ่งปี

So are we better prepared

ฉะนั้น เราควรเตรียมพร้อม

than we were in 1918?

กว่าที่เราทำในปีค.ศ 1918

Well, with the new technologies emerging now,

เอาล่ะ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น

I hope we can say definitively, "Yes."

ผมหวังว่าเราจะใด้พูดได้ว่า "ใช่"

Imagine we could produce enough flu vaccine

ลองนึกว่า ถ้าเราสามารถผลิตวัคซีน ป้องกันไข้หวัดได้พอ

for everyone in the entire world

สำหรับทุกคนบนโลก

for less than half of what we're currently spending

โดยใช้เงินน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของตอนนี้

now in the United States.

ในสหรัฐฯ

With a range of new technologies, we could.

ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่หลากหลาย เราสามารถทำได้

Here's an example:

นี่เป็นตัวอย่างครับ

A company I'm engaged with has found

บริษัทที่ผมมีส่วนร่วมพบ

a specific piece of the H spike of flu

ชิ้นส่วนจำเพาะของหนาม H ของไข้หวัด

that sparks the immune system.

ที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

If you lop this off and attach it

ถ้าคุณดึงมันออกไป แล้วนำไปปะ

to the tail of a different bacterium,

ที่หางของแบคทีเรีย

which creates a vigorous immune response,

ซึ่งให้การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอย่างแรง

they've created a very powerful flu fighter.

พวกมันสร้างแรงต่อสู้กับไข้หวัดได้อย่างมาก

This vaccine is so small

วัคซีนนี้มีขนาดเล็กมาก

it can be grown in a common bacteria, E. coli.

พวกมันถูกเลี้ยงในแบคทีเรียธรรมดาอย่าง อีโคไล

Now, as you know, bacteria reproduce quickly --

ทีนี้ อย่างที่คุณทราบ แบคทีเรียเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว

it's like making yogurt --

และเหมือนกับการทำโยเกิร์ต --

and so we could produce enough swine origin flu

ฉะนั้น เราจะสามารถผลิตเชื้อหวัดที่มาจากหมู

for the entire world in a few factories, in a few weeks,

สำหรับทั้งโลกได้ในโรงงานจำนวนไม่มาก ในเวลาไม่กี่สัปดาห์

with no eggs,

โดยไม่ต้องใช้ไข่

for a fraction of the cost of current methods.

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิต ของวิธีการในปัจจุบัน

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

So here's a comparison of several of these new vaccine technologies.

ครับ นี่เป็นการเปรียบเทียบ เทคโนโลยีวัคซีนใหม่สองสามอย่าง

And, aside from the radically increased production

และนอกจากการเพิ่มการผลิตเป็นช่วง ๆ

and huge cost savings --

และการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากแล้ว --

for example, the E. coli method I just talked about --

ยกตัวอย่างเช่น วิธีการที่ใช้ อีโคไล ที่ผมเพิ่งกล่าวถึง --

look at the time saved: this would be lives saved.

มองดูที่เวลาที่ย่นลง มันน่าจะช่วยชีวิตได้มาก

The developing world,

ประเทศกำลังพัฒนาในทุกวันนี้

mostly left out of the current response,

ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ

sees the potential of these alternate technologies

จะมองเห็นโอกาสของเทคโนโลยีทางเลือกนี้

and they're leapfrogging the West.

และได้รับประโยชน์จากโลกตะวันตก

India, Mexico and others are already

อินเดีย เม็กซิโก และ ที่อื่น ๆ

making experimental flu vaccines,

ได้ผลิตวัคซีนหวัดในขั้นทดลองแล้ว

and they may be the first place

และอาจเป็นที่แรก ๆ

we see these vaccines in use.

ที่เราได้เห็นวัคซีนพวกนี้ถูกนำมาใช้

Because these technologies are so efficient

ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีเหล่านี้มีประสิทธิภาพ

and relatively cheap,

และค่อนข้างจะถูก

billions of people can have access to lifesaving vaccines

ผู้คนมากมายสามารถเข้าถึงวัคซีน ที่จะช่วยชีวิตพวกเขาได้

if we can figure out how to deliver them.

ถ้าเราค้นพบว่าจะขนส่งมันอย่างไรดี

Now think of where this leads us.

ทีนี้ลองคิดว่ามันนำเราไปสู่อะไร

New infectious diseases

โรคติดต่อใหม่

appear or reappear

อุบัติขึ้น และอุบัติขึ้นใหม่

every few years.

ทุกไม่กี่รอบปี

Some day, perhaps soon,

สักวันหนึ่ง บางทีอาจเป็นเร็ว ๆ นี้

we'll have a virus that is going to threaten all of us.

เราจะมีไวรัสที่จะเป็นภัยกับเราทุกคน

Will we be quick enough to react

เราจะเร็วพอหรือไม่ในการตอบสนอง

before millions die?

ก่อนที่คนนับล้านจะเสียชีวิต

Luckily, this year's flu was relatively mild.

โชคดี ไข้หวัดปีนี้ค่อนข้างจะไม่รุนแรง

I say, "luckily" in part

ผมพูดว่า "โชคดี" ในส่วนนั้น

because virtually no one in the developing world

เพราะที่เห็นได้ก็คือ ไม่มีใครในประเทศกำลังพัฒนา

was vaccinated.

ได้รับวัคซีน

So if we have the political and financial foresight

ดังนั้น ถ้าเรามีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล ด้านการเมืองและการเงิน

to sustain our investments,

ที่จะทำให้การลงทุนของเรายั่งยืน

we will master these and new tools of vaccinology,

เราจะต้องมีความเชี่ยวชาญในสิ่งนี้ และอุปกรณ์ใหม่ของวัคซีนวิทยา

and with these tools we can produce

และด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ เราสามารถผลิตวัคซีน

enough vaccine for everyone at low cost

ได้เพียงพอสำหรับทุกคน ในราคาที่ไม่แพง

and ensure healthy productive lives.

และมั่นใจได้ว่าชีวิตก็จะยืนยาวแข็งแรง

No longer must flu have to kill half a million people a year.

ไข้หวัดจะไม่คร่าชีวิตครึ่งล้านต่อปีอีกต่อไป

No longer does AIDS

เอดส์จะไม่ต้องคร่าสองล้านชีวิตต่อไป

need to kill two million a year.

อีกต่อไป

No longer do the poor and vulnerable

คนยากจนและอดอยาก หรือไม่ว่าใครก็ตาม

need to be threatened by infectious diseases,

จะไม่ต้องถูกคุกคามโดยโรคติดต่อ

or indeed, anybody.

อีกต่อไป

Instead of having Vaclav Smil's

แทนที่จะมี "การตายหมู่อย่างไม่ต่อเนื่อง"

"massively fatal discontinuity" of life,

ของวาแคลฟ สมิล

we can ensure

เรามั่นใจได้

the continuity of life.

ถึงความต่อเนื่องของชีวิต

What the world needs now are these new vaccines,

สิ่งที่โลกต้องการตอนนี้คือวัคซีนใหม่

and we can make it happen.

และเราทำให้มันเกิดขึ้นได้

Thank you very much.

ของคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Chris Anderson: Thank you.

คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอบคุณครับ

So, the science is changing.

งั้น วิทยาศาสตร์ก็กำลังเปลี่ยนแปลง

In your mind, Seth -- I mean, you must dream about this --

และในความคิดของคุณ ซีท -- ผมหมายถึง คุณคงเฝ้ารอสิ่งนี้ --

what is the kind of time scale

ตารางเวลาเป็นอย่างไรครับ

on, let's start with HIV,

เริ่มจาก เอชไอวีก่อนเลย

for a game-changing vaccine that's actually out there and usable?

ที่จะมีวัคซีนที่เป็นตัวเปลี่ยนชะตา ที่จะถูกผลิตออกมาและใช้ได้

SB: The game change can come at any time,

ซีท: ตัวเปลี่ยนชะตาอาจมาได้ทุกเวลา

because the problem we have now is

เพราะว่าปัญหาที่เรามีตอนนี้ก็คือ

we've shown we can get a vaccine to work in humans;

เราได้แสดงว่าเราทำวัคซีนใช้ในมนุษย์ได้

we just need a better one.

เราต้องการวัคซีนที่ดีกว่า

And with these types of antibodies, we know humans can make them.

และด้วยชนิดของแอนติบอดีเหล่านี้ เรารู้ว่าคนสามารถสร้างมันได้

So, if we can figure out how to do that,

ดังนั้น ถ้าเราค้นพบว่าต้องทำอย่างไร

then we have the vaccine,

เราก็จะได้วัคซีน

and what's interesting is there already is

ที่น่าสนใจก็คือ มีหลักฐานอยู่บ้างแล้ว

some evidence that we're beginning to crack that problem.

ว่าเราเริ่มที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้

So, the challenge is full speed ahead.

ดังนั้น ความท้าทายคือการเคลื่อนไปข้างหน้าให้ไว

CA: In your gut, do you think it's probably going to be at least another five years?

คริส: ลึกๆ แล้ว คุณรู้สึกว่าจะใช้เวลาอีกห้าปีไหม

SB: You know, everybody says it's 10 years,

ซีท: คือ ทุกคนบอกกันว่า 10 ปี

but it's been 10 years every 10 years.

บอกแบบนี้กันทุก 10 ปี

So I hate to put a timeline

ผมก็เลยไม่ชอบที่จะใส่ตารางเวลา

on scientific innovation,

ให้กับนวัฒกรรมทางวิทยาศาสตร์

but the investments that have occurred are now paying dividends.

แต่การลงทุนที่เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้กำลังจ่ายเงินปันผล

CA: And that's the same with universal flu vaccine, the same kind of thing?

คริส: และนั่นก็เหมือนกับวัคซีนหวัด อย่างนั้นใช้ไหมครับ

SB: I think flu is different. I think what happened with flu is

ซีท: ผมคิดว่ากับไข้หวัดนั้นต่างออกไป

we've got a bunch -- I just showed some of this --

เรามี -- ผมจะแสดงให้ดูนะครับ

a bunch of really cool and useful technologies that are ready to go now.

เรามีเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อยู่บ้าง ที่พร้อมแล้วสำหรับตอนนี้

They look good. The problem has been that,

พวกมันดูดี ปัญหาที่ยังคงอยู่ก็คือ

what we did is we invested in traditional technologies

สิ่งที่เราทำคือ เราได้ลงทุนกับเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม

because that's what we were comfortable with.

เพราะว่าเป็นเรารู้สึกสบายใจที่จะใช้

You also can use adjuvants, which are chemicals you mix.

คุณยังสามารถใช้แอดจูแวน (adjuvant) ซึ่งเป็นสารเคมีที่คุณผสมลงไป

That's what Europe is doing, so we could have diluted out

ยุโรปกำลังทำสิ่งนี้ ฉะนั้นเราน่าจะได้ลด

our supply of flu and made more available,

เชื้อหวัดที่เราเลี้ยงไว้ และทำให้มันแพร่หลายมากขึ้น

but, going back to what Michael Specter said,

แต่ย้อนไปเรื่องที่ ไมเคิล สเปกเตอร์ พูดถึง

the anti-vaccine crowd didn't really want that to happen.

กลุ่มต่อต้านวัคซีน ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

CA: And malaria's even further behind?

คริส: มาลาเรียล้าหลังไปมากกว่านี้อีกใช่ไหม

SB: No, malaria, there is a candidate

ซีท: ไม่ครับ มาลาเรีย มีตัวอย่างวัคซีน

that actually showed efficacy in an earlier trial

ที่จริง ๆ แล้วแสดงศักยภาพในการทดลองเบื้องต้น

and is currently in phase three trials now.

และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในการทดสอบเฟสสาม

It probably isn't the perfect vaccine, but it's moving along.

มันอาจไม่ใช่วัคซีนที่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็คืบหน้าเรื่อย

CA: Seth, most of us do work where every month,

คริส: ซีท พวกเราส่วนใหญ่ทำงานทุกเดือน

we produce something;

ก็เพื่อผลิตอะไรบางอย่าง

we get that kind of gratification.

ที่เราได้รับผลในรูปของรางวัล

You've been slaving away at this for more than a decade,

คุณทำงานอย่างหนักกับมันตลอด มานานกว่าทศวรรษ

and I salute you and your colleagues for what you do.

และผมก็ขอยกย่องคุณ และทีมงานของคุณ ในสิ่งที่พวกคุณทำ

The world needs people like you. Thank you.

โลกต้องการคนอย่างคุณครับ ขอบคุณครับ

SB: Thank you.

ซีท: ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)