What young women believe about their own sexual pleasure | Peggy Orenstein

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

For several years now,

เป็นเวลานานหลายปีถึงปัจจุบัน

we've been engaged in a national debate about sexual assault on campus.

เราวุ่นอยู่ในการถกเถียงระดับชาติ เกียวกับการทำร้ายทางเพศในบริเวณมหาวิทยาลัย

No question --

ไม่ต้องสงสัย --

it's crucial that young people understand the ground rules for consent,

ว่ามันสำคัญยิ่ง ที่คนหนุ่มสาวต้องเข้าใจ หลักพื้นฐานว่าด้วยการยินยอมเห็นพ้อง

but that's where the conversation about sex is ending.

แต่นั่นเป็นที่ซึ่งการสนทนา เกี่ยวกับเรื่องเพศ กำลังจะสิ้นสุดลง

And in that vacuum of information

และในสุญญากาศของข้อมูลนั่น

the media and the Internet --

สื่อและอินเทอร์เน็ต --

that new digital street corner --

ซึ่งเป็นธุรกิจดิจิทัลยุคใหม่ --

are educating our kids for us.

กำลังสั่งสอนลูก ๆ ของเราแทนพวกเรา

ถ้าเราต้องการให้คนหนุ่มสาว สร้างสัมพันธ์กันอย่างปลอดภัย มีจริยธรรม

If we truly want young people to engage safely, ethically,

และ ใช่ค่ะ เพลิดเพลินไปด้วยในตัว

and yes, enjoyably,

it's time to have open honest discussion about what happens after "yes,"

ถึงเวลาที่ต้องมีการอภิปรายอย่างตรงไปตรงมา ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากตอบว่า "ตกลง"

and that includes breaking the biggest taboo of all

และนั่นรวมไปถึงการทำลาย สิ่งต้องห้ามที่ใหญ่ยิ่งที่สุดของทั้งหมด

and talking to young people

และการพูดคุยกับคนหนุ่มสาว

about women's capacity for and entitlement to sexual pleasure.

เกี่ยวกับความสามารถ และสิทธิโดยชอบธรรม ของผู้หญิงที่จะมีความพึงพอใจทางเพศ

Yeah.

ค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Come on, ladies.

เถอะน่ะ สุภาพสตรีทั้งหลาย

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

I spent three years talking to girls ages 15 to 20

ฉันได้ใช้เวลานานสามปี พูดคุยกับหญิงสาว อายุระหว่าง 15-20 ปี

about their attitudes and experience of sex.

ว่าด้วยทัศนคติและประสบการณ์ เกี่ยวกับเซ็กซ์ของพวกเธอ

And what I found was

สิ่งที่ฉันค้นพบก็คือ

that while young women may feel entitled to engage in sexual behavior,

ในขณะที่หญิงสาวอาจรู้สึกถึงสิทธิ์ ที่จะมีพฤติกรรมทางเพศ

they don't necessarily feel entitled to enjoy it.

พวกเธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกถึงสิทธิ์ ที่จะสนุกกับมัน

มาดูนักศึกษาปีสอง จากมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวีลีก

Take this sophomore at the Ivy League college

who told me,

ที่บอกฉันว่า

"I come from a long line of smart, strong women.

"ฉันสืบเชื้อสายอันยาวนาน มาจากผู้หญิงที่เข็มแข็งและฉลาด

My grandmother was a firecracker,

คุณยายฉันเป็นคนที่โดดเด่น สวยน่าตื่นตาตื่นใจ

my mom is a professional,

แม่ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ

my sister and I are loud, and that's our form of feminine power."

พี่สาวและตัวฉันก็ฉูดฉาดจัดจ้าน และนั่นเป็นรูปแบบของพลังอำนาจสตรี"

She then proceeded to describe her sex life to me:

แล้วเธอก็เล่าให้ฉันฟังต่อ เรื่องชีวิตเซ็กซ์ของเธอ:

a series of one-off hookups,

เรื่องราวว่าด้วยการหลับนอน กับผู้ชายเพียงคืนเดียว

starting when she was 13,

เรื่อยมาตั้งแต่เธออายุ 13 ปี

that were ...

นั่นมัน...

not especially responsible,

ไม่มีความรับผิดชอบอย่างยิ่ง

not especially reciprocal

ไม่ใช่การตอบแทนซึ่งกันและกัน

and not especially enjoyable.

และไม่มีความสุขเอาเสียเลย

She shrugged.

เธอยักไหล่

"I guess we girls are just socialized to be these docile creatures

"ฉันว่า ผู้หญิงอย่างเราเป็นสัตว์สังคม ทำตัวเป็นมนุษย์ที่ว่านอนสอนง่าย

who don't express our wants or needs."

ซึ่งไม่แสดงออกถึงความต้องการ หรือความจำเป็นของเรา"

"Wait a minute," I replied.

"เดี๋ยวก่อนนะ" ฉันบอก

"Didn't you just tell me what a smart, strong woman you are?"

"เธอไม่ได้เพิ่งจะบอกฉันหรอกหรือ เธอเป็นหญิงที่ฉลาด เข้มแข็ง"

She hemmed and hawed.

เธอพึมพัมอยู่ในลำคอ

"I guess," she finally said,

"ฉันคิดว่า ไม่มีใครบอกฉันว่า

"no one told me that that smart, strong image applies to sex."

ภาพลักษณ์ของความฉลาด และเข้มแข็งนั้น ใช้กับเรื่องเพศได้ด้วย"

I should probably say right up top that despite the hype,

ฉันน่าจะต้องบอกไปตอนนั้นแน่ ๆ ว่า ถึงแม้จะมีการหลอกลวงอย่างนั้น

teenagers are not engaging in intercourse more often or at a younger age

พวกวัยรุ่นปัจจุบันไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน บ่อยกว่า หรือเมื่อมีอายุน้อยลงกว่าเดิม

than they were 25 years ago.

เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน

They are, however, engaging in other behavior.

แต่พวกเขากำลังทำพฤติกรรมอื่น

And when we ignore that,

และเมื่อเราไม่สนใจสิ่งที่ว่านั้น

when we label that as "not sex,"

เราบอกว่ามัน "ไม่ใช่การมีเซ็กซ์"

that opens the door to risky behavior and disrespect.

เท่ากับว่าเราเปิดประตู ให้กับพฤติกรรมที่เสี่ยงและหยาบโลน

That's particularly true of oral sex,

มันเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับออรัลเซ็กซ์

which teenagers consider to be less intimate than intercourse.

ซึ่งวัยรุ่นเห็นกันว่า มันใกล้ชิดกันน้อยกว่าการร่วมเพศ

Girls would tell me, "it's no big deal,"

เด็กสาวก็จะบอกฉันว่า "ไม่ใช่เรื่องใหญ่"

like they'd all read the same instruction manual --

เหมือนกับว่าพวกเธอทั้งหมด อ่านคู่มือเล่มเดียวกัน --

at least if boys were on the receiving end.

อย่างน้อยที่สุด ถ้าฝ่ายชายอยู่ฝั่งผู้รับ

Young women have lots of reasons for participating.

เด็กสาวมีเหตุผลหลายอย่าง ในการที่จะเข้าร่วม

It made them feel desired;

มันทำให้พวกเธอรู้สึกว่า เป็นที่ต้องการ

it was a way to boost social status.

มันเป็นวิธีที่จะส่งเสริมสถานะทางสังคม

Sometimes, it was a way to get out of an uncomfortable situation.

บางครั้ง มันก็เป็นการหาทางออก จากสถานการณ์ที่ไม่สบายใจ

As a freshman at a West Coast college said to me,

เด็กปีหนึ่งจากวิทยาลัยเวสต์โคสต์ บอกกับฉันว่า

"A girl will give a guy a blow job at the end of the night

"ท้ายที่สุดแล้ว ฝ่ายหญิงจะยอมทำออรัลเซ็กซ์ให้กับฝ่ายชาย

because she doesn't want to have sex with him,

เพราะว่าเธอไม่ต้องการร่วมเพศกับเขา

and he expects to be satisfied.

และฝ่ายชายก็คาดหมายว่าจะพึงพอใจ

So, if I want him to leave

ดังนั้น ถ้าฉันต้องการให้เขาจากไปเสีย

and I don't want anything to happen ... "

และไม่ต้องการที่จะให้มีอะไรเกิดขึ้น..."

I heard so many stories of girls performing one-sided oral sex

ฉันได้ยินได้ฟังเรื่องราวมามากมาย เกี่ยวกับฝ่ายหญิงที่ทำออรัลเซ็กซ์ข้างเดียว

that I started asking,

จนกระทั่งต้องเริ่มตั้งคำถาม

"What if every time you were alone with a guy,

"สมมุติว่าทุกครั้ง ที่คุณอยู่ตามลำพังกับผู้ชาย

he told you to get him a glass of water from the kitchen,

และเขาบอกให้คุณ เดินไปหยิบน้ำมาจากในครัว

and he never got you a glass of water --

โดยที่เขาก็ไม่เคยไปเอานํ้ามาให้คุณเลย --

or if he did, it was like ...

หรือถ้าเขาทำ ก็จะเป็นแบบนี้...

'you want me to uh ...?'"

'คุณอยากให้ฉัน เอ่อ... ' "

You know, totally begrudging.

มันน่ารังเกียจมาก

You wouldn't stand for it.

คุณน่าจะทนมันไม่ได้

But it wasn't always that boys didn't want to.

แต่มันไม่ใช่เสมอไปว่า เด็กผู้ชายไม่ต้องการ

It was that girls didn't want them to.

มันเป็นว่าเด็กสาวไม่ต้องการให้พวกผู้ชายทำ

Girls expressed a sense of shame around their genitals.

เด็กสาวมีความรู้สึกอับอาย เกี่ยวกับอวัยวะเพศของเธอ

A sense that they were simultaneously icky and sacred.

มันคือความรู้สึกนึกคิด ว่าทั้งเหนอะหนะและแตะต้องมิได้

ความรู้สึกที่ผู้หญิง มีต่ออวัยวะเพศของเธอ

Women's feelings about their genitals

have been directly linked to their enjoyment of sex.

ได้ถูกเชื่อมโยงโดยตรงเข้ากับ ความสนุกทางเพศของพวกเธอ

Yet, Debby Herbenick, a researcher at Indiana University,

เด็บบี เฮอเบนิก นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยอินเดียนา

believes that girls' genital self-image is under siege,

เชื่อว่าภาพลักษณ์ต่ออวัยวะเพศของตัวเอง ของเด็กสาวนั้นกำลังถูกโจมตีอย่างรุนแรง

with more pressure than ever

ด้วยความกดดันมากกว่าที่เคย

to see them as unacceptable in their natural state.

ทำให้คิดว่า พวกมันไม่ได้รับการยอมรับ ในสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ

According to research,

จากงานวิจัย

about three-quarters of college women remove their pubic hair -- all of it --

ประมาณสามในสี่ของนักศึกษาหญิง โกนขนหัวหน่าว -- ออกทั้งหมด--

อย่างน้อยที่สุดก็เป็นครั้งคราว

at least on occasion,

and more than half do so regularly.

และกว่าครึ่งทำอย่างนั้นเป็นประจำ

เธอจะบอกฉันว่า การกำจัดขน ทำให้พวกเธอรู้สึกว่าสะอาดขึ้น

Girls would tell me that hair removal made them feel cleaner,

that it was a personal choice.

และบอกว่าเป็นทางเลือกส่วนตัว

Though, I kind of wondered if left alone on a desert island,

แต่ฉันก็รู้สึกสงสัยอยู่ว่า หากถูกทิ้งไว้คนเดียวบนเกาะร้าง

if this was how they would choose to spend their time.

เธอจะเลือกใช้เวลาไปกับ การทำสิ่งนี้มั้ย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And when I pushed further,

และเมื่อฉันเร่งเร้าถามต่อ

a darker motivation emerged:

แรงจูงใจที่หม่นหมองลงก็ปรากฏขึ้น:

avoiding humiliation.

เพื่อหลีกเลี่ยงความอับอายขายหน้า

"Guys act like they would be disgusted by it,"

"พวกผู้ชายทำตัวเหมือนกับจะรังเกียจมัน"

one young woman told me.

หญิงสาวคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟัง

"No one wants to be talked about like that."

"ไม่มีใครต้องการจะถูกพูดถึงอย่างนั้น"

The rising pubic hair removal reminded me of the 1920s,

การโกนขนหัวหน่าวที่เพิ่มขึ้น ทำให้นึกถึงยุค 1920s

when women first started regularly shaving their armpits and their legs.

ช่วงที่ผู้หญิงเริ่มที่จะ โกนขนรักแร้และที่ขาเป็นประจำ

That's when flapper dresses came into style,

นั่นเป็นตอนที่แฟชันแฟลปเปอร์เริ่มเข้ามา

and women's limbs were suddenly visible,

และทันใดนั้น แขนขาของผู้หญิงก็มองเห็นได้

open to public scrutiny.

เปิดให้สาธารณชนเพ่งพินิจ

There's a way that I think that this too is a sign.

ฉันคิดว่านี่เป็นสัญญาณ

That a girl's most intimate part is open to public scrutiny,

ที่เปิดช่องให้สังคมมาร่วมพิจารณา ของสงวนของผู้หญิง

open to critique,

เปิดให้วิพากวิจารณ์

to becoming more about how it looks to someone else

เพื่อจะให้กลายเป็นว่า มันดูเป็นอย่างไรสำหรับคนอื่น

than how it feels to her.

มากกว่าที่ว่าเธอรู้สึกกับมันอย่างไร

The shaving trend has sparked another rise in labiaplasty.

แนวโน้มในการโกนได้จุดประกาย ให้เกิดศัลยกรรมตกแต่งแคมอวัยวะเพศขึ้นมา

Labiaplasty, which is the trimming of the inner and outer labia,

ศัลยกรรมตกแต่งแคม ซึ่งก็คือ การเล็มอวัยวะเพศด้านในและด้านนอก

is the fastest-growing cosmetic surgery among teenage girls.

เป็นศัลยกรรมตกแต่งที่เติบโตเร็วที่สุด ในท่ามกลางเด็กสาววัยรุ่น

It rose 80 percent between 2014 and 2015,

พุ่งสูงขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี คศ 2014 และ 2015

and whereas girls under 18 comprise two percent of all cosmetic surgeries,

ขณะที่เด็กสาวอายุตํ่ากว่า 18 ปี มีอยู่สองเปอร์เซ็นต์ ของศัลยกรรมตกแต่ง

they are five percent of labiaplasty.

เด็กสาววัยรุ่น เป็นห้าเปอร์เซ็นต์ ของศัลยกรรมตกแต่งแคมอวัยวะเพศ

The most sought-after look, incidentally,

ภาพลักษณ์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดนั้น

in which the outer labia appear fused like a clam shell,

ซึ่งแคมด้านในดูเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมือนกับหอยกาบ

is called ...

เรียกว่า ...

wait for it ...

คอยหน่อยนะ ...

"The Barbie."

"ตุ๊กตาบาบี"

(Groan)

(เสียงคราง)

I trust I don't have to tell you

ฉันเชื่อใจว่า ไม่ต้องบอกคุณก็ได้ว่า

that Barbie is a) made of plastic

บาบีนั้น อย่างแรก ทำมาจากพลาสติก

and b) has no genitalia.

และอย่างที่สอง ไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

The labiaplasty trend has become so worrisome

แนวโน้มศัลยกรรมตกแต่งแคมอวัยวะเพศ ได้กลายเป็นเรื่องน่าวิตก

that the American College of Obstetricians and Gynecologists

มากเสียจนกระทั่งวิทยาลัยแห่งสูติกรรม และนรีเวชอเมริกา

has issued a statement on the procedure,

ได้ออกแถลงการณ์เรื่องกระบวนการทำ

which is rarely medically indicated,

ซึ่งไม่ค่อยจะมีระบุไว้ทางการแพทย์

has not been proven safe

กระบวนการซึ่งไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าปลอดภัย

and whose side effects include scarring, numbness, pain

และผลข้างเคียงของมันรวมถึง แผลเป็น อาการชา ความเจ็บปวด

and diminished sexual sensation.

และความรู้สึกทางเพศที่ลดถอยลงไป

Now, admittedly,

ปัจจุบัน ยอมรับกัน

and blessedly,

และโล่งใจไปได้ว่า

the number of girls involved is still quite small,

จำนวนหญิงสาวที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ยังคงค่อนข้างน้อย

but you could see them as canaries in a coal mine,

แต่คุณก็น่าจะเห็นมันเป็น การเตือนภัยล่วงหน้า

telling us something important about the way girls see their bodies.

บอกเราถึงบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับ เรื่องที่ผู้หญิงมองร่างกายของตนเองอย่างไร

Sara McClelland,

ซาร่า แม็คเคลแลนด์

a psychologist at the University of Michigan,

นักจิตวิทยา ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน

coined what is my favorite phrase ever in talking about all of this:

คิดคำขึ้นมา ซึ่งเป็นคำที่ฉันชอบตลอดมา ในการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด

"Intimate justice."

คำว่า "ความเป็นธรรมที่ใกล้ชิดสนิทสนม"

That's the idea that sex has political, as well as personal implications,

นั่นคือ แนวคิดที่ว่าเพศมีนัยทางการเมือง เท่าๆ กับนัยส่วนตัว

just like, who does the dishes in your house,

ก็เหมือนกับ ใครเป็นคนล้างจานในบ้านของคุณ

or who vacuums the rug.

หรือไม่ก็ ใครเป็นคนดูดฝุ่นพรม

And it raises similar issues about inequality,

และมันชูปัญหาที่คล้ายกันขึ้นมา เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกัน

about economic disparity,

เกี่ยวกับความไม่เสมอกันทางเศรษฐกิจ

violence,

ความรุนแรง

physical and mental health.

สุขภาพทางร่างกายและจิตใจ

Intimate justice asks us to consider

ความเป็นธรรมที่ใกล้ชิดสนิทสนม ขอให้เราพิจารณา

who is entitled to engage in an experience.

ว่าใครได้รับสิทธิเพื่อร่วมกระทำ ในประสบการณ์หนึ่ง

Who is entitled to enjoy it?

ใครได้รับสิทธิที่จะสนุกสนานกับมัน

Who is the primary beneficiary?

ใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์อันดับแรก

And how does each partner define "good enough"?

จะให้คำจำกัดความแก่ผู้ร่วมกระทำแต่ละคนว่า "ดีพอ" อย่างไร

Honestly, I think those questions are tricky and sometimes traumatic

อย่างสัตย์ซื่อ ฉันคิดว่าคำถามเหล่านั้น เจ้าเล่ห์ และบางครั้งก็ทำให้บอบชํ้า

for adult women to confront,

สำหรับผู้หญิงที่เติบใหญ่จะเผชิญ

but when we're talking about girls,

แต่เมื่อเราพูดถึงเด็กสาว

I just kept coming back to the idea that their early sexual experience

ฉันก็แค่ยังคงกลับมาที่แนวคิดว่า ประสบการณ์ทางเพศตอนต้นๆ

shouldn't have to be something that they get over.

ไม่ควรจะต้องเป็นบางอย่างที่พวกเธอผ่านพ้นไป

In her work,

ในงานของเธอ

McClelland found that young women were more likely than young men

แม็คเคลแลนด์พบว่า หญิงสาวดูน่าจะใช้ ความสุขของคู่ขาของเธอ

to use their partner's pleasure as a measure of their satisfaction.

เป็นวิธีวัดความพึงพอใจของเขาทั้งสอง มากกว่าพวกเด็กหนุ่ม

So they'd say things like,

พวกเธอจึงพูดบางอย่าง เช่น

"If he's sexually satisfied,

"ถ้าหากเขาพึงพอใจทางเพศ

then I'm sexually satisfied."

แล้วละก็ ฉันก็จะพึงพอใจทางเพศ"

Young men were more likely to measure their satisfaction by their own orgasm.

เด็กหนุ่มน่าจะวัดพึงพอใจของเขามากกว่า จากการถึงจุดสุดยอดของความรู้สึกทางเพศของตน

Young women also defined bad sex differently.

หญิงสาวยังให้คำจำกัดความของ การมีสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่ดี แตกต่างออกไป

In the largest ever survey

การสำรวจครั้งใหญ่สุดเท่าที่มี

ever conducted on American sexual behavior,

ที่เคยทำกันมา ในเรื่องพฤติกรรมทางเพศ ของคนอเมริกัน

they reported pain in their sexual encounters

พวกเขารายงานถึงความเจ็บปวด ในการคบกันทางเพศของพวกเขา

30 percent of the time.

30 เปอร์เซ็นของเวลาเหล่านั้น

They also used words like "depressing,"

พวกเขายังใช้คำเช่น "ห่อเหี่ยวใจ"

"humiliating,"

"น่าอับอายขายหน้า"

"degrading."

"เสื่อมเสีย"

The young men never used that language.

คนหนุ่มไม่เคยใช้ภาษาเหล่านั้น

So when young women report sexual satisfaction levels

ดังนั้นเมื่อหญิงสาวรายงาน ระดับความพึงพอใจทางเพศ

that are equal to or greater than young men's --

ว่าเท่าเทียมหรือยิ่งใหญ่กว่าของคนหนุ่ม --

and they do in research --

เธอบอกอย่างนั้น ในวิจัย --

that can be deceptive.

นั่นสามารถหลอกลวงได้

If a girl goes into an encounter hoping that it won't hurt,

ถ้าเด็กสาวเข้าไปคบกันทางเพศ หวังว่าจะไม่เจ็บชํ้า

wanting to feel close to her partner

ต้องการจะรู้สึกใกล้ชิดกับคู่ขาของเธอ

and expecting him to have an orgasm,

และคาดหมายว่าเขาจะถึงจุดสุดยอดทางเพศ

she'll be satisfied if those criteria are met.

เธอก็จะพอใจถ้าบรรลุถึงเกณฑ์เหล่านั้น

And there's nothing wrong with wanting to feel close to your partner,

และก็ไม่มีอะไรผิด กับความต้องการ ที่จะรู้สึกใกล้ชิดกับคู่ขาของคุณ

or wanting him to be happy,

หรือต้องการจะให้เขามีความสุข

and orgasm isn't the only measure of an experience ...

การถึงจุดสุดยอดทางเพศ ไม่ได้เป็นการวัดเพียงอย่างเดียว

but absence of pain --

แต่การไม่มีความเจ็บปวด --

that's a very low bar for your own sexual fulfillment.

ก็เป็นมาตรฐานขั้นตํ่ามาก สำหรับความสำเร็จทางเพศของตัวคุณเอง

Listening to all of this and thinking about it,

เมื่อฟังทั้งหมดนี้แล้ว และคิดเกี่ยวกับมัน

I began to realize that we performed a kind of psychological clitoridectomy

ฉันเริ่มตระหนักว่า เราได้กระทำรูปแบบหนึ่ง ของการขลิบปุ่มกระสันเชิงจิตวิทยา

on American girls.

กับเด็กสาวอเมริกัน

Starting in infancy,

เริ่มต้นในวัยทารก

parents of baby boys are more likely to name all their body parts,

พ่อแม่ของเด็กชาย ดูน่าจะเป็นไปได้มากกว่า ที่จะบอกชื่อส่วนของร่างกายเด็กทั้งหมด

at least they'll say, "here's your pee-pee."

อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็จะพูด "ตรงนี้ ฉี่นะ"

Parents of baby girls go right from navel to knees,

พ่อแม่ของเด็กเพศหญิง ก็จะออกไปจากสะดือ ถึงหัวเข่า

and they leave this whole situation in here unnamed.

และพวกเขาก็จะทิ้งสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ตรงนี้ ไม่มีชื่อเรียก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

There's no better way to make something unspeakable

ไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้ เพื่อทำให้บางสิ่งบางอย่างที่พูดถึงไม่ได้

than not to name it.

กว่าการไม่เรียกชื่อมัน

Then kids go into their puberty education classes

แล้วเด็กๆ ก็เข้าเรียนวิชา ภาวะการเข้าสู่วัยหนุ่มสาว

and they learn that boys have erections and ejaculations,

และก็เรียนรู้ว่า เด็กชายจะมี อวัยวะเพศตั้งตรงและการพุ่งของอสุจิ

and girls have ...

และเด็กหญิงจะมี ...

periods and unwanted pregnancy.

ประจำเดือนและการตั้งท้อง ที่ไม่เป็นที่ต้องการ

And they see that internal diagram of a woman's reproductive system --

และพวกเขาก็เห็นว่าแผนภูมิภายใน ของระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง --

you know, the one that looks kind of like a steer head --

อย่างที่รู้กัน แผนภูมิที่ดูเหมือนอย่างกับ หัววัวตัวผู้

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And it always grays out between the legs.

และมันก็จะเป็นสีเทาๆออกมาระหว่างขาเสมอ

So we never say vulva,

เราจึงไม่เคยพูดคำว่า แคมช่องคลอด

we certainly never say clitoris.

และแน่นอน เราไม่เคยพูดว่า ปุ่มกระสัน

No surprise,

ไม่ต้องสงสัย

fewer than half of teenage girls age 14 to 17

น้อยกว่าครึ่งของเด็กหญิงวัยรุ่น อายุ 14-17 ปี

have ever masturbated.

เคยสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

And then they go into their partnered experience

แล้วพวกเธอก็เข้าไปหาประสบการณ์ จากคู่ขาของตน

and we expect that somehow they'll think sex is about them,

และเราก็คาดหมายว่า จะยังไงก็ตาม พวกเขาก็จะคิดว่า เพศสัมพันธ์เกี่ยวกับเขา

that they'll be able to articulate their needs, their desires, their limits.

ซึ่งเขาสามารถจะพูดออกมาชัดเจนได้ถึง ความ ต้องการ ความรู้สึกทางเพศ ขอบเขตจำกัดของเขา

It's unrealistic.

มันไม่เป็นความจริง

Here's something, though.

แต่ ตรงนี้เป็นบางอย่าง

Girls' investment in their partner's pleasure remains

การลงทุนของเด็กสาว ในเรื่องความพึงพอใจของคู่ขา ก็ยังคงมีอยู่

regardless of the gender of the partner.

โดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศของคู่ขาคนนั้น

So in same-sex encounters,

ดังนั้น ในการคบกันของเพศเดียวกัน

the orgasm gap disappears.

ช่องว่างของการถึงจุดสุดยอดทางเพศ จึงหายไป

And young women climax at the same rate as men.

และหญิงสาวถึงจุดสุดยอด ที่อัตราเร็วเท่าๆ กับผู้ชาย

Lesbian and bisexual girls would tell me

สาวที่ชอบเพศเดียวกัน และที่ตอบสนองทั้งสองเพศ

that they felt liberated to get off the script --

บอกฉันว่า พวกเขารู้สึกว่าเป็นอิสระ ที่ออกมาเสียได้จากที่ได้ถูกคาดหมายไว้ --

free to create an encounter that worked for them.

เป็นอิสระที่จะสร้างขึ้นมา การคบกันที่ใช้การได้ สำหรับพวกเขา

Gay girls also challenged the idea of first intercourse

หญิงร่วมเพศยังท้าทายแนวคิด เรื่องการร่วมเพศกันครั้งแรก

as the definition of virginity.

ว่าคือ ความหมายของความเป็นหญิงพรหมจารี

Not because intercourse isn't a big deal,

ไม่ใช่เพราะว่าการร่วมเพศไม่ใช่เรื่องใหญ่

but it's worth questioning why we consider this one act,

แต่มันคุ้มค่าที่จะตั้งคำถามว่า ทำไม เราจึงเห็นเรื่องนี้ว่า สั้นๆ แค่ฉากเดียว

which most girls associate with discomfort or pain,

ซึ่งเด็กสาวส่วนใหญ่เชื่อมเข้ากับ ความไม่สบาย หรือความเจ็บปวด

to be the line in the sand of sexual adulthood --

เป็นเส้นที่ขีดเขียนไว้บนพื้นทราย ของความเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้านเพศ --

so much more meaningful,

มีความหมายมากมายเหลือเกิน

so much more transformative than anything else.

เปลี่ยนแปลงได้มากกว่าสิ่งอื่นๆมากมายนัก

And it's worth considering how this is serving girls;

และมันก็คุ้มค่าที่จะพิจารณาเห็นได้ว่า มันกำลังรับใช้เด็กสาวอยู่อย่างไร

whether it's keeping them safer from disease,

ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันพวกเขา จากโรคภัย

coercion, betrayal, assault.

การบีบบังคับขู่เข็ญ การทรยศหักหลัง การข่มขีน

Whether it's encouraging mutuality and caring;

ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมความผูกพันซึ่งกัน และกัน ความสนใจใยดี

what it means about the way they see other sex acts;

มันหมายถึงอะไร เกี่ยวกับวิธีที่เขาเห็น การร่วมเพศอื่นๆ

whether it's giving them more control over

ไม่ว่าจะเป็น มันช่วยให้พวกเขา ควบคุมตัวเอง

and joy in their experience,

และสนุกในประสบการณ์ ของพวกเขามากขึ้น

and what it means about gay teens,

และมันหมายถึงอะไรเกี่ยวกับ พวกรักร่วมเพศวัยรุ่น

who can have multiple sex partners without heterosexual intercourse.

ผู้ที่สามารถมีคู่ขาเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม

So I asked a gay girl that I met,

ฉันจึงถามเด็กสาวรักร่วมเพศที่พบคนหนึ่ง

"How'd you know you weren't a virgin anymore?"

"จะรู้ได้อย่างไรว่า ไม่เป็นสาวพรหมจรรย์แล้ว"

She said she had to Google it.

เธอบอก ต้องเข้าไปค้นดูในกูเกิล

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And Google wasn't sure.

และกูเกิลก็ไม่แน่ใจ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

She finally decided that she wasn't a virgin anymore

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ว่า เธอไม่ได้เป็นสาวพรหมจรรย์แล้ว

after she'd had her first orgasm with a partner.

หลังจากที่เธอรู้สึกถึงจุดสุดยอดทางเพศ กับคู่ขาของเธอ

And I thought --

และฉันก็คิด --

whoa.

ว้าว

What if just for a second

สมมุติว่าแค่วินาทีเดียว

we imagined that was the definition?

เราจินตนาการดูว่า นั่นเป็นคำจำกัดความหรือ

Again, not because intercourse isn't a big deal --

นั่นเหละ ไม่ใช่เพราะการร่วมเพศ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ --

of course it is --

แน่นอน มันเป็นเรื่องใหญ่ --

but it isn't the only big deal,

แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เพียงเรื่องเดียว

and rather than thinking about sex as a race to a goal,

และแทนที่จะคิดถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ ว่าเป็นการแข่งขันไปให้ถึงเป้าหมาย

this helps us reconceptualize it as a pool of experiences

ให้คิดว่าสิ่งนี้ช่วยเรา สร้างกรอบความคิด ขึ้นมาใหม่ เหมือนสระที่สะสมประสบการณ์

that include warmth, affection, arousal,

ที่มีความอบอุ่น ความรักใคร่ ความเร้าอารมณ์

desire, touch, intimacy.

ความปรารถนา สัมผัส ความใกล้ชิด

And it's worth asking young people:

และมันคุ้มค่าที่จะถามคนหนุ่มสาวว่า

who's really the more sexually experienced person?

ใครที่แท้จริงแล้ว เป็นบุคคล ที่มีประสบการณ์ทางเพศมากกว่า

The one who makes out with a partner for three hours

คนที่มีเพศสัมพันธ์เล้าโลมคู่ขา ได้นานสามชั่วโมง

and experiments with sensual tension and communication,

และทดลองเรื่อง ความตึง ในการกระตุ้นความรู้สึก และการสื่อสารถึงกัน

or the one who gets wasted at a party and hooks up with a random

หรือ ใครที่เมาแอ๋ในงานปาร์ตี้ และก็เริ่มสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น

in order to dump their "virginity" before they get to college?

เพื่อที่จะทิ้ง "ความเป็นสาวพรหมจรรย์" ไปเสีย ก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

The only way that shift in thinking can happen though

อย่างไรก็ตาม วิธีเดียวที่เปลี่ยน ในเรื่องความคิด สามารถเกิดขึ้นได้

is if we talk to young people more about sex --

คือ หากเราพูดคุยกับเด็กหนุ่มสาวให้มากขึ้น เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์

if we normalize those discussions,

ถ้าเราทำให้การถกเถียงกันนั้นเป็นเรื่องปกติ

integrating them into everyday life,

ผสมผสานมันเข้าไปในชีวิตประจำวัน

talking about those intimate acts in a different way --

คุยกันเรื่องการปฏิบัติที่ใกล้ชิดสนิท เหล่านั้น ด้วยวิธีที่ต่างออกไป --

the way we mostly have changed

วิธีการที่พวกเราส่วนมากได้เปลี่ยนมันไป

in the way that we talk about women in the public realm.

ในแบบที่เราพูดคุยกับผู้หญิง ในขอบเขตของสาธารณะ

Consider a survey of 300 randomly chosen girls

ลองพิจารณา การสำรวจเด็กสาว ที่คัดเลือกมา 300 คน โดยวิธีการสุ่มเลือก

from a Dutch and an American university,

จากมหาวิทยาลัยดัช และอเมริกา

two similar universities,

สองมหาวิทยาลัยที่คล้ายคลึงกัน

talking about their early experience of sex.

พูดคุยกันเกี่ยวกับประสบการณ์เพศสัมพันธ์ ตอนแรกๆ ของพวกเขา

The Dutch girls embodied everything we say we want from our girls.

เด็กสาวชาวดัชมีรวมอยู่ทุกอย่าง ที่เราบอกว่า เราต้องการจากเด็กสาวของเรา

They had fewer negative consequences,

พวกเธอมีผลพวงที่ตามในเชิงลบน้อยกว่า

like disease, pregnancy, regret --

เช่น โรคภัย การตั้งครรภ์ ความเสียใจ --

more positive outcomes

มีผลพวงที่ตามมาในเชิงบวกมากกว่า

like being able to communicate with their partner,

เช่น สามารถสื่อสารกับคู่ขาได้

who they said they knew very well;

คนที่พวกเธอบอกว่ารู้จักเป็นอย่างดี

preparing for the experience responsibly;

เตรียมตัวเพื่อประสบการณ์ที่ว่านั้น อย่างรับผิดชอบ

enjoying themselves.

ตัวเองก็สนุกสนาน

What was their secret?

อะไรคือเคล็ดลับของเธอหรือ

The Dutch girls said that their doctors, teachers and parents

เด็กสาวชาวดัชบอกว่า แพทย์ของพวกเธอ ครู และพ่อแม่

talked to them candidly,

พูดคุยกับพวกเธออย่างตรงไปตรงมา

from an early age,

มาตั้งแต่อายุยังน้อย

about sex, pleasure and the importance of mutual trust.

เกี่ยวกับเรื่องเพศ ความพึงพอใจ และความสำคัญของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

What's more,

นอกจากนี้แล้ว

while American parents weren't necessarily less comfortable talking about sex,

ในขณะที่พ่อแม่ของคนอเมริกันไม่จำเป็นต้อง รู้สึกอึดอัดน้อยกว่า เมื่อพูดเรื่องทางเพศ

we tend to frame those conversations

พวกเรามีแนวโน้วที่จะวางกรอบการสนธนา

entirely in terms or risk and danger,

ทั้งหมดไป ในแง่ของความเสี่ยงและอันตราย

whereas Dutch parents talk about balancing responsibility and joy.

ขณะที่พ่อแม่ชาวดัช พูดคุยเรื่องความสมดุล ระหว่างความรับผิดชอบกับความสนุก

I have to tell you,

ฉันเองต้องบอกคุณ

as a parent myself,

ในฐานะที่ตนเองเป็นแม่

that hit me hard,

ว่า กระทบอารมณ์ความรู้สึกอย่างแรง

because I know,

เพราะฉันรู้ว่า

had I not delved into that research,

ถ้าไม่ได้ขุดคุ้ยงานวิจัยนั้น

I would have talked to my own child about contraception,

ฉันก็คงจะพูดคุยกับลูกของตน เกี่ยวกับการคุมกำเนิด

about disease protection,

เกี่ยวกับการป้องกันโรค

about consent because I'm a modern parent,

เกี่ยวกับการยินยอม เพราะว่า ฉันเป็นแม่สมัยใหม่

and I would have thought ...

และฉันก็คงจะคิดไปว่า --

job well done.

ทำงานได้ดี

Now I know that's not enough.

ขณะนี้ฉันรู้ว่า นั่นยังไม่พอ

I also know what I hope for for our girls.

ยังรู้อีกด้วยถึงสิ่งที่ฉันหวังไว้ สำหรับลูกสาวของเรา

I want them to see sexuality as a source of self-knowledge,

ฉันต้องการให้พวกเธอนั้น เห็นเรื่องทางเพศ เป็นแหล่งของการรู้จักตนเอง

creativity and communication,

การสร้างสรรค์ และการสื่อสาร

despite its potential risks.

แม้จะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากมัน

I want them to be able to revel in their bodies' sensuality

ฉันต้องการให้พวกเธอสามารถ สนุกสนานเฮฮาในกามารมณ์

without being reduced to it.

โดยไม่มีการถูกทำให้ลดลงไป

I want them to be able to ask for what they want in bed,

ฉันต้องการให้พวกเธอสามารถขอ ในสิ่งที่เธอต้องการบนเตียงได้

and to get it.

และให้ได้ที่ต้องการ

I want them to be safe from unwanted pregnancy,

ฉันต้องการให้พวกเธอปลอดภัย จากการตั้งครรภ์ ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ

disease,

โรค

cruelty,

ความทารุณโหดร้าย

dehumanization,

การลดทอนความเป็นมนุษย์ลงไป

violence.

ความรุนแรง

If they are assaulted,

ถ้าพวกเธอถูกทำร้าย

I want them to have recourse from their schools,

ฉันต้องการให้พวกเธอขอความช่วยเหลือ จากโรงเรียนของเธอ

their employers,

ผู้จ้างงานของเธอ

the courts.

ศาล

It's a lot to ask,

มากมายนักที่จะขอได้

but it's not too much.

แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป

As parents, teachers, advocates and activists,

ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ครู ผู้สนับสนุน และ นักปฏิบัติการ

we have raised a generation of girls to have a voice,

พวกเราได้เลี้ยงดูเด็กสาวขึ้นมารุ่นหนึ่ง ให้มีเสียงแสดงความคิดเห็น

to expect egalitarian treatment in the home,

ให้คาดหมายการดูแลโดยยึดหลักความเสมอภาค ในบ้าน

in the classroom,

ในชั้นเรียน

in the workplace.

ในที่ทำงาน

Now it's time to demand that intimate justice

ขณะนี้ถึงเวลาแล้ว ที่จะเรียกร้องในเรื่อง ความเป็นธรรมที่ใกล้ชิดสนิทสนม

in their personal lives as well.

ในชีวิตส่วนตัวของพวกเธอ เช่นกัน

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)