How working couples can best support each other | The Way We Work, a TED series

Transcriber: TED Translators Admin Reviewer: Camille Martínez

It may sound strange to bring up work,

Translator: TED Translators Admin Reviewer: Dollaya Piumsuwan

อาจฟังดูแปลกถ้าพูดถึงเรื่องงาน

but when we fall in love,

แต่เมื่อเราตกหลุมรัก

we often consider what that love will do to our life,

เรามักจะสงสัยว่า ความรักนั้นจะส่งผลยังไงต่อชีวิตเรา

and our work and careers are a big part of that.

งานและอาชีพของเรา คือองค์กรประกอบสำคัญของเรื่องนั้น

[The Way We Work]

[วิถีการทำงานของเรา]

[Made possible with the support of Dropbox]

[เกิดขึ้นได้ด้วยความสนับสนุนจาก Dropbox]

All working couples face hard choices,

คู่รักวัยทำงานทุกคู่ ล้วนเผชิญกับตัวเลือก ที่ลำบากใจ

and these can feel like a zero-sum game.

และมันเหมือนเกม ที่ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ

One partner gets offered a job in another city,

คนหนึ่งได้รับการเสนองานจากเมืองอื่น

so the other needs to leave their job and start over.

อีกคนเลยจำเป็นต้องออกจากงาน แล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง

One partner takes on more childcare and puts their career on hold

คนหนึ่งต้องดูแลลูก และพักเรื่องงานเอาไว้

so the other can pursue an exciting promotion.

เพื่ออีกคนจะสามารถคว้าโอกาส เลื่อนตำแหน่งที่น่าตื่นเต้นได้

One gains and one loses.

คนหนึ่งได้ อีกคนเสีย

And while some couples who make these choices are satisfied,

และขณะที่บางคู่พึงพอใจกับตัวเลือกพวกนี้

others regret them bitterly.

คู่อื่น ๆ กลับรู้สึกเสียดายอย่างขื่นขม

What makes the difference?

อะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่างกันล่ะ

I've spent the last seven years studying working couples,

ฉันใช้เวลาเจ็ดปีศึกษาคู่รักวัยทำงาน

and I've found that it's not what couples choose,

และฉันพบว่า มันไม่ใช่ว่าคู่รักเลือกอะไร

it's how they choose.

แต่คือ พวกเขาเลือกอย่างไร

Of course, we can't control our circumstances,

แน่นอน เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

nor do we have limitless choices.

และเราไม่ได้มีทางเลือกมากนัก

But for those we do,

แต่สำหรับคู่ที่มีตัวเลือก

how can couples choose well?

คู่รักเหล่านั้นจะเลือกให้ดีได้อย่างไร ?

First: start early, long before you have something to decide.

อย่างแรก เริ่มต้นให้เร็ว เร็วก่อนที่คุณจะมีบางอย่างให้ตัดสินใจ

The moment you're faced with a hard choice,

ตอนที่คุณได้เผชิญหน้ากับตัวเลือกที่ลำบากใจ

say, whether one of you should go back to school

เช่น ไม่ว่าใครสักคนควรกลับไปเรียน

or take a risky job offer,

หรือรับงานที่มีความเสี่ยง

it's too late.

มันช้าเกินไปแล้ว

Choosing well begins with understanding each other's aspirations early on --

การเลือกให้ดี เริ่มต้นด้วยการเข้าใจ ความต้องการของกันและกันให้เร็ว

aspirations like wanting to start a small business,

ความต้องการ เหมือนความต้องการ ที่จะเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ

live close to extended family,

อาศัยใกล้กับครอบครัวใหญ่

save enough money to buy a house of our own

เก็บเงินให้พอที่จะซื้อบ้านของตัวเองสักหลัง

or have another child.

หรือมีลูกอีกคน

Many of us measure our lives by comparing what we're doing

เราหลายคนที่วัดค่าชีวิต ด้วยการเปรียบเทียบสิ่งที่เรากำลังทำ

กับความต้องการของเรา

with our aspirations.

When the gap is small,

เมื่อช่องว่างยังเล็ก

we feel content.

เราจะรู้สึกพอใจ

When it's large,

เมื่อมันใหญ่ขึ้น

we feel unhappy.

เราจะรู้สึกไม่มีความสุข

And if we're part of a couple,

และถ้าเราเป็นหนึ่งในคู่รัก

we place at least some of that blame with our partner.

เราจะโยนความผิดบางส่วนให้กับคนรัก

Set aside time at least twice a year

หาเวลาอย่างน้อยสองครั้งต่อปี

to discuss your aspirations.

พูดคุยถึงความต้องการของคุณ

I'm a big fan of keeping a written record of these conversations.

ฉันเป็นแฟนตัวยงในการเขียนบันทึก บทสนทนาเหล่านั้น

Putting pen to paper with our partners

การจับปากกาและเริ่มเขียนพร้อมคู่รักของเรา

helps us remember each other's aspirations

ช่วยให้เราจำความต้องการของกันและกันได้

and that we're writing the story of our lives together.

และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังเขียน เรื่องราวชีวิตที่อยู่ด้วยกัน

Next: eliminate options

ต่อไป กำจัดตัวเลือก

that don't support the life you want to live together.

ที่ไม่ได้ช่วยให้คุณกับคู่รัก มีชีวิตคู่อย่างที่ต้องการ

You can do this agreeing on boundaries that make hard choices easier.

คุณสามารถสร้างขอบเขตที่เห็นตรงกัน เพื่อทำให้ทางเลือกยาก ๆ ง่ายขึ้นได้

Boundaries like geography: Where would you like to live and work?

ขอบเขตอย่างเรื่องสถานที่ ฃที่คุณอยากอาศัยและทำงานที่ไหน

Time: How many working hours a week will make family life possible?

เรื่องเวลา ต้องทำงานกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ถึงจะมีเวลาครอบครัวได้

Travel: How much work travel can you really stand?

เรื่องการเดินทาง คุณเดินทาง ระหว่างทำงานได้มากแค่ไหน

Once you've agreed to your boundaries, the choice becomes easy

เมื่อคุณได้ตกลงกันเรื่องขอบเขตแล้ว ตัวเลือกจะง่ายขึ้น

when faced with an opportunity that falls outside of them.

เมื่อต้องเผชิญกับโอกาส ที่นอกเหนือจากขอบเขตเหล่านั้น

"I'm not going to interview for that job,

"ฉันไม่ไปสัมภาษณ์งานนั้นหรอก

because we've agreed we don't want to move across country."

เพราะเราตกลงกันแล้ว ว่าเราไม่อยากย้ายไปประเทศอื่น”

Or, "I'm going to cut back on my overtime

หรือ "ฉันจะลดการทำงานนอกเวลา

because we've agreed it's essential we spend more time together as a family."

เพราะเราตกลงกันแล้วว่ามันจำเป็นมาก ในการใช้เวลาด้วยกันอย่างครอบครัว”

Couples who understand each other's aspirations

คู่รักที่เข้าใจความต้องการของกันและกัน

and commit to strong boundaries

และมุ่งมั่นอยู่ในขอบเขตที่ตั้งไว้

can let go of seemingly attractive opportunities without regret.

สามารถปล่อยโอกาส ที่ดูน่าดึงดูดไปได้อย่างไม่เสียดาย

If you're faced with an opportunity that falls within your boundaries,

ถ้าคุณได้เจอกับโอกาสที่อยู่ในขอนเขตของคุณ

then what matters is that the choices you make

สิ่งที่สำคัญคือ ตัวเลือกที่คุณเลือก

keep your couple in balance over time,

จะทำให้ชีวิตรักของคุณสมดุลแม้เวลาจะผ่านไป

even if they don't perfectly align with both partners' aspirations

แม้ตัวเลือกพวกนั้นไม่ได้ไปใน ทางเดียวกันกับความต้องการของทั้งสองฝ่าย

at the same time.

ในเวลาเดียวกัน

If your choices are mainly driven by one partner

ถ้าหลัก ๆ แล้ว ตัวเลือกของคุณ ได้รับอิทธิพลมาจากคนรัก

or support one partner's aspirations more than the other,

หรือสนับสนุนความต้องการ ของฝ่ายหนึ่งมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง

an imbalance of power will develop.

ความไม่สมดุลทางอำนาจก็จะเกิดขึ้น

ความไม่สมดุลนั้น ที่ฉันเจอมา

That imbalance, I've found,

is the reason most working couples who fail do so.

คือเหตุผลที่คู่รักวัยทำงานส่วนมาก ล้มเหลว

Eventually, one gets fed up with being a prop

ท้ายที่สุด มีฝ่ายหนึ่งหัวเสีย เพราะเป็นแค่คนสนับสนุน

rather than a partner.

มากกว่าจะเป็นคนรัก

To avoid this,

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

track your decisions over time.

จงสำรวจการตัดสินใจของคุณให้ดีอยู่เสมอ

Unlike your aspirations and boundaries,

ต่างกับความต้องการและขอบเขตของคุณ

there's no need to keep a detailed record of every decision you make.

ไม่จำเป็นต้องเก็บบันทึกรายละเอียด ของทุกการตัดสินใจหรอกค่ะ

Just keep an open conversation going about how able each of you feel

แค่หมั่นสนทนากันอย่างเปิดอก เกี่ยวกับสิ่งที่คุณแต่ละคนรู้สึก

to shape decisions that affect you both.

ว่าสามารถตัดสินใจ สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อคุณทั้งคู่ยังไง

How will you know you've chosen well?

คุณจะรู้ได้ยังไงว่าคุณได้เลือกดีแล้ว

One common misunderstanding

การเข้าใจผิดที่พบบ่อย

is that you can only know what choice is right in hindsight.

คือคุณจะรู้ว่าตัวเลือกนั้นถูกต้อง ก็ต่อเมื่อมันได้เกิดขึ้นแล้ว

And maybe it's true we judge life backwards,

บางทีมันก็จริง เมื่อเราตัดสินชีวิตด้วยการมองย้อนหลับไป

but we must live it forwards.

แต่เราต้องใช้ชีวิตไปข้างหน้า

I've found that couples who look back on a choice as a good one

ฉันพบว่าคู่รักที่มองกลับไปยังตัวเลือกที่ดี

did so not just because of the outcome eventually;

ไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะผลลัพธ์ ที่ได้ท้ายสุด

they did it because that choice empowered them individually and as a couple

แต่พวกเขาทำเพราะตัวเลือกนั้น ให้พลังแก่พวกเขา ในฐานะบุคคลและคู่รัก

as they made it.

เมื่อตอนตัดสินใจ

It wasn't what they chose,

ประเด็นไม่ใช่ว่าพวกเขาเลือกอะไร

it was that they were choosing deliberately,

แต่คือการที่พวกเขาเลือกอย่างรอบคอบ

and that made them feel closer and freer together.

และนั่นทำให้พวกเขารู้สึกใกล้ชิด และเป็นอิสระมากขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน