Mark Kendall: Demo: A needle-free vaccine patch that's safer and way cheaper

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Pongsapak Vanichrundorn

It's a pleasure to be here

เป็นเกียรติมากครับที่ได้มาที่นี่

in Edinburgh, Scotland,

ณ กรุงเอดินบะระ สกอตแลนด์

the birthplace of the needle and syringe.

ถิ่นที่กำเนิดของเข็มและหลอดฉีดยา

Less than a mile from here in this direction,

ห่างออกไปจากตรงนี้ไม่ถึงไมล์

in 1853 a Scotsman

ในปี ค.ศ. 1853 ชาวสกอตคนหนึ่ง

filed his very first patent on the needle and syringe.

ได้จดสิทธิบัตรฉบับแรกๆ ของเขา สำหรับเข็มและหลอดฉีดยา

His name was Alexander Wood,

ชื่อของเขาคือ อเล็กซานเดอร์ วูด

and it was at the Royal College of Physicians.

และที่นั่นก็คือ ราชวิทยาลัยแพทย์แห่งกรุงเอดินบะระ

This is the patent.

นี่คือสิทธิบัตรที่ว่า

What blows my mind when I look at it even today

สิ่งที่กระตุกความคิดผมเมื่อเห็นมันในวันนี้

is that it looks almost identical

ก็คือ มันเกือบที่จะเหมือน

to the needle in use today.

กับเข็มที่เราใช้ในปัจจุบัน

Yet, it's 160 years old.

ถึงแม้ว่ามันมีอายุ 160 ปี

So we turn to the field of vaccines.

เรามาพูดถึงเรื่องของวัคซีนกัน

Most vaccines are delivered with

วัคซีนส่วนใหญ่นั้นถูกให้

the needle and syringe, this 160-year-old technology.

ผ่านเข็มและหลอดฉีดยา เทคโนโลยีอายุ 160 ปี

And credit where it's due -- on many levels,

แล้วจะว่าไป

vaccines are a successful technology.

วัคซีนก็เป็นเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในหลายระดับ

After clean water and sanitation,

ถ้าไม่นับเรื่องน้ำสะอาดและสุขอนามัยที่ดี

vaccines are the one technology that has increased

วัคซีนนั้นเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สุด

our life span the most.

ที่ได้ช่วยยืดชีวิตของเรา

That's a pretty hard act to beat.

มันเป็นผลงานที่ยากจะหาใครต่อกรได้

But just like any other technology,

แต่ก็เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่นๆ

vaccines have their shortcomings,

วัคซีนมีจุดอ่อนของมัน

and the needle and syringe

และเข็มกับหลอดฉีดยา

is a key part within that narrative --

ก็เป็นกุญแจสำคัญของจุดอ่อนนั้น

this old technology.

ของเทคโนโลยีเก่าๆ นี้

So let's start with the obvious:

เรามาเริ่มจากจุดที่เห็นได้ชัดก่อน

Many of us don't like the needle and syringe.

พวกเราหลายๆ คนไม่ชอบเข็มและหลอดฉีดยา

I share that view.

ผมก็ด้วยครับ

However, 20 percent of the population

แต่อย่างไรก็ดี ร้อยละ 20 ของประชากร

have a thing called needle phobia.

มีพฤติกรรมที่เรียกว่า อาการกลัวเข็ม

That's more than disliking the needle;

นั่นมันยิ่งกว่าไม่ชอบเข็มเสียอีก

that is actively avoiding being vaccinated

นั่นจะทำให้คนหลีกเลี่ยงการรับวัคซีน

because of needle phobia.

เพราะว่ากลัวเข็ม

And that's problematic in terms of the rollout of vaccines.

และนั้นก็เป็นปัญหาต่อการขยายการใช้วัคซีน

Now, related to this is another key issue,

ทีนี้ อีกเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกัน

which is needlestick injuries.

ก็คือ การเกิดแผลจากการใช้เข็ม

And the WHO has figures

และองค์การอนามัยโลกรายงานว่า

that suggest about 1.3 million deaths per year

มีการเสียชีวิตประมาณ 1.3 ล้านรายต่อปี

take place due to cross-contamination

ที่เกิดขึ้นเพราะการติดเชื้อ

with needlestick injuries.

จากแผลที่เกิดจากการใช้เข็ม

These are early deaths that take place.

นี่คือ การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

Now, these are two things that you probably may have heard of,

ครับ มันมีสองสิ่งที่คุณอาจเคยได้ยิน

but there are two other shortcomings

แต่เข็มและหลอดฉีดยา

of the needle and syringe you may not have heard about.

ยังมีข้อด้อยอีกสองอย่างที่คุณอาจไม่เคยได้ยิน

One is it could be holding back

อย่างแรกก็คือ มันอาจลดประสิทธิภาพ

the next generation of vaccines

ของวัคซีนแบบใหม่

in terms of their immune responses.

ในเรื่องของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน

And the second is that it could be responsible

และอย่างที่สองก็คือ มันอาจเป็นตัวการ

for the problem of the cold chain that I'll tell you about as well.

ของปัญหาเรื่องการขนส่งด้วยระบบแช่เย็น ที่ผมจะเล่าให้คุณฟังเช่นกัน

I'm going to tell you about some work

ผมจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับงานบางส่วน

that my team and I are doing in Australia

ที่ทีมของผมและผมกำลังวิจัยกันอยู่ในออสเตรเรีย

at the University of Queensland

ณ มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์

on a technology designed to tackle those four problems.

เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมา เพื่อที่จะต่อกรปัญหาทั้งสี่

And that technology is called the Nanopatch.

และเทคโนโลยีนั้นก็เรียกว่า นาโนแพทช์ (Nanopatch)

Now, this is a specimen of the Nanopatch.

นี่คือตัวอย่างของนาโนแพทช์

To the naked eye

เมื่อมองด้วยตาเปล่า

it just looks like a square

มันเหมือนจะเป็นเพียงผืนสี่เหลี่ยม

smaller than a postage stamp,

ที่เล็กว่าแสตมป์

but under a microscope

แต่ภายใต้กล้องจุลทรรศน์

what you see are thousands of tiny projections

สิ่งที่คุณเห็นคือหนามเล็กๆ เป็นพันๆ

that are invisible to the human eye.

ที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า

And there's about 4,000 projections

และมันก็มีปลายแหลมนั่นประมาณ 4,000 อัน

on this particular square compared to the needle.

บนผื่นสี่เหลี่ยมนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเข็ม

And I've designed those projections

และผมได้ออกแบบปลายแหลมเหล่านั้น

to serve a key role, which is to work with the skin's immune system.

ให้ทำหน้าที่สำคัญ ซึ่งก็คือทำงานร่วมกับระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนัง

So that's a very important function

นั่นเป็นหน้าที่ที่สำคัญมากๆ

tied in with the Nanopatch.

ที่เป็นคุณสมบัติของนาโนแพทช์

Now we make the Nanopatch

เราสร้างนาโนแพทช์

with a technique

ด้วยเทคโนโลยี

called deep reactive ion etching.

ที่เรียกว่า deep reactive ion etching

And this particular technique is one that's been borrowed

และเทคนิคดังกล่าวก็เป็นเทคนิค

from the semiconductor industry,

ที่ได้มาจากอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์กึ่งตัวนำ

and therefore is low cost

ฉะนั้นมันจึงใช้ทุนต่ำ

and can be rolled out in large numbers.

และสามารถที่จะทำออกมาได้เป็นจำนวนมาก

Now we dry-coat vaccines to the projections of the Nanopatch

ทีนี้ เราก็เคลือบวัคซีนแบบแห้ง ไว้บนปลายแหลมของนาโนแพทช์

and apply it to the skin.

และวางมันลงบนผิวหนัง

Now, the simplest form of application

รูปแบบการใช้ที่ง่ายที่สุด

is using our finger,

คือการใช้นิ้วของเรานี่แหละ

but our finger has some limitations,

แต่นิ้วของเราก็มีข้อจำกัด

so we've devised an applicator.

เราก็เลยมีอุปกรณ์สำหรับมัน

And it's a very simple device --

และมันก็เป็นอุปกรณ์ง่ายๆ

you could call it a sophisticated finger.

จะเรียกว่านิ้วพิเศษก็ได้

It's a spring-operated device.

มันเป็นอุปกรณ์ที่งานด้วยสปริง

What we do is when we apply the Nanopatch to the skin as so --

เมื่อเราวางนาโนแพทช์ลงไปบนผิวหนัง

(Click) --

(คลิ๊ก)

immediately a few things happen.

มีบางอย่างที่เกิดขึ้นในทันที

So firstly, the projections on the Nanopatch

อย่างแรก ปลายแหลมบนนาโนแพทช์

breach through the tough outer layer

ผ่านผิวหนังหนาๆ ชั้นนอกลงไป

and the vaccine is very quickly released --

และวัคซีนก็ถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว

within less than a minute, in fact.

ในเพียงไม่ถึงนาที

Then we can take the Nanopatch off

จากนั้นเรานำสามารถเอานาโนแพทช์ออกได้

and discard it.

และทิ้งมันไป

And indeed we can make a reuse of the applicator itself.

และอันที่จริง เราสามารถที่จะนำอุปกรณ์ช่วย กลับมาใช้ใหม่ได้

So that gives you an idea of the Nanopatch,

นั่นก็คงทำให้คุณรู้จักนาโนแพทช์มากขึ้น

and immediately you can see some key advantages.

และคุณก็คงได้เห็นจุดเด่นหลักๆ ของมันในทันที

We've talked about it being needle-free --

เราได้บอกว่ามันไร้เข็ม

these are projections that you can't even see --

ปลายแหลมเหล่านี้ที่คุณมองไม่เห็น

and, of course, we get around

และแน่นอน เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยง

the needle phobia issue as well.

อาการกลัวเข็มได้ด้วย

Now, if we take a step back and think about

ตอนนี้ ถ้าเราย้อนกลับไปคิดเกี่ยวกับ

these other two really important advantages:

จุดเด่นอีกสองข้อที่สำคัญมากๆ

One is improved immune responses through delivery,

อย่างหนึ่งก็คือมันเพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ผ่านวิธีการให้วัคซีน

and the second is getting rid of the cold chain.

และอย่างที่สองก็คือ กำจัดระบบระบบแช่เย็น

So let's start with the first one, this immunogenicity idea.

เอาล่ะ มาเริ่มที่อย่างแรกก่อน แนวคิดเรื่องการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

It takes a little while to get our heads around,

มันต้องใช้เวลาสักนิดก่อนที่จะเข้าใจ

but I'll try to explain it in simple terms.

แต่ผมจะลองอธิบายแบบง่ายๆ ครับ

So I'll take a step back and explain to you

ถ้าผมลองย้อนกลับไป และอธิบายให้คุณฟังง่ายๆ

how vaccines work in a simple way.

ว่าวัคซีนทำงานอย่างไร

So vaccines work by introducing into our body

วัคซีนทำงานโดย การนำสิ่งที่เรียกว่าแอนติเจน

a thing called an antigen

เข้าสู่ร่างกายของเรา

which is a safe form of a germ.

ซึ่งแอนติเจนนั้น คือรูปแบบของเชื้อโรคที่ไม่มีอันตราย

Now that safe germ, that antigen,

ทีนี้ เชื้อโรคที่ไม่อันตราย เจ้าแอนติเจนนั่น

tricks our body into mounting an immune response,

หลอกร่างกายของเราให้เพิ่มการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

learning and remembering how to deal with intruders.

เรียนรู้และจดจำ ว่าจะจัดการอย่างไรกับผู้บุกรุก

When the real intruder comes along

เมื่อผู้บุกรุกตัวจริงเข้ามา

the body quickly mounts an immune response

ร่างกายสามารถที่จะตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน

to deal with that vaccine

ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

and neutralizes the infection.

และยับยั้งการเกิดโรค

So it does that well.

มันทำเช่นนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Now, the way it's done today with the needle and syringe,

ทีนี้ วิธีการที่เราทำกันในปัจจุบัน ด้วยเข็มและหลอดฉีดยา

most vaccines are delivered that way --

ก็คือ วัคซีนส่วนใหญ่นั้นถูกให้ด้วยวิธีนั้น

with this old technology and the needle.

โดยใช้เทคโนโลยีเก่า และเข็ม

But it could be argued that the needle is holding back our immune responses;

แต่มันอาจเป็นที่โต้แย้งได้ว่า เข็มนั้นลดประสิทธิภาพของการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน

it's missing our immune sweet spot in the skin.

มันพลาดจุดที่ภูมิคุ้มกันโปรดปรานในผิวหนัง

To describe this idea,

เพื่อที่จะอธิบายแนวคิดนี้

we need to take a journey through the skin,

พวกเราต้องเดินทางลงไปยังผิวหนัง

starting with one of those projections

เริ่มจากหนึ่งในปลายแหลมพวกนั้น

and applying the Nanopatch to the skin.

และการวางนาโนแพทช์ลงบนผิวหนัง

And we see this kind of data.

และพวกเราก็เห็นข้อมูลรูปแบบนี้

Now, this is real data --

ทีนี้ นี่คือข้อมูลจริงๆ

that thing that we can see there is one projection

สิ่งที่เราเห็นคือ ปลายแหลมหนึ่ง

from the Nanopatch that's been applied to the skin

จากนาโนแพทช์ที่วางลงบนผิวหนัง

and those colors are different layers.

และชั้นสีต่างๆ กัน

Now, to give you an idea of scale,

เพื่อที่จะให้คุณเข้าใจถึงขนาด

if the needle was shown here, it would be too big.

ถ้าเอาเข็มมาแสดงตรงนี้ มันอาจจะดูใหญ่เกินไป

It would be 10 times bigger

มันน่าจะมีขนาดใหญ่เป็น 10 เท่า

than the size of that screen, going 10 times deeper as well.

ของขนาดจอ และลึกกว่า 10 เท่าเช่นกัน

It's off the grid entirely.

มันเกินกรอบนี้

You can see immediately that we have those projections in the skin.

คุณเห็นได้ทันทีว่าเรามีปลายแหลมเหล่านี้ในผิวหนัง

That red layer is a tough outer layer of dead skin,

ชั้นสีแดงเป็นชั้นหนาของผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้ว

but the brown layer and the magenta layer

แต่ชั้นสีน้ำตาลและบานเย็น

are jammed full of immune cells.

เต็มไปด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกัน

As one example, in the brown layer

ดังเช่นตัวอย่างนี้ ในชั้นสีน้ำตาล

there's a certain type of cell called a Langerhans cell --

มีเซลล์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แลงเกอร์ฮานเซลล์

every square millimeter of our body

ทุกๆ ตารางมิลลิเมตรของร่างกายของเรา

is jammed full of those Langerhans cells,

เต็มไปด้วยแลงเกอร์ฮานเซลล์เหล่านั้น

those immune cells, and there's others shown as well

เซลล์ภูมิคุ้มกันเหล่านั้นและเซลล์อื่นๆ ด้วย

that we haven't stained in this image.

ที่เราไม่ได้ย้อมสีให้เห็นในภาพนี้

But you can immediately see that the Nanopatch

แต่คุณคงจินตนาการได้ว่า นาโนแพทช์

achieves that penetration indeed.

ทะลวงเข้าไปถึงจริงๆ

We target thousands upon thousands of these particular cells

เราพุ่งเป้าไปยังเซลล์ที่ว่านี้เป็นพันๆ

just residing within a hair's width

ที่อยู่บนผิวหนังช่วงแคบๆ

of the surface of the skin.

ไม่เกินกว่าความกว้างของเส้นผม

Now, as the guy that's invented this thing and designed it to do that,

เรื่องที่ว่าชายผู้ประดิษฐ์สิ่งนั้น และออกแบบมันให้ทำงานนั้น

I found that exciting. But so what?

ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้น ทำไมน่ะหรือ

So what if you've targeted cells?

จะเป็นยังไง ถ้าคุณได้กำหนดเซลล์เป้าหมาย

In the world of vaccines, what does that mean?

ในโลกของวัคซีน นั่นหมายความว่าอย่างไร

The world of vaccines is getting better.

โลกของวัคซีนนั้นเริ่มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ

It's getting more systematic.

มันเป็นระบบระเบียบมากขึ้น

However, you still don't really know

แต่อย่างไรก็ดี คุณยังไม่รู้จริงๆ หรอก

if a vaccine is going to work

ว่าวัคซีนจะใช้การได้หรือเปล่า

until you roll your sleeves up

จนกว่าคุณจะถลกแขนเสื้อขึ้น

and vaccinate and wait.

และให้วัคซีน และรอ

It's a gambler's game even today.

มันเป็นเหมือนเกมส์เสี่ยงโชค แม้กระทั่งในปัจจุบัน

So, we had to do that gamble.

ดังนั้น เราต้องเล่นเกมส์เสี่ยงดวงนั้น

We obtained an influenza vaccine,

เรานำวัคซีนโรคหวัดมา

we applied it to our Nanopatches

เราเคลือบมันบนนาโนแพทช์

and we applied the Nanopatches to the skin,

และเราวางแผ่นนาโนแพทช์บนผิวหนัง

and we waited --

และเราก็รอ

and this is in the live animal.

นี่คือ ภายในสัตว์ที่มีชีวิต

We waited a month,

เรารอหนึ่งเดือน

and this is what we found out.

และนี่คือสิ่งที่เราค้นพบ

This is a data slide showing the immune responses

นี่เป็นผลการทดลอง ที่แสดงถึงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน

that we've generated with a Nanopatch

ที่เราได้จากนาโนแพทช์

compared to the needle and syringe into muscle.

เทียบกับที่ได้จากการฉีดยาให้กับกล้ามเนื้อ ด้วยเข็มและหลอดฉีดยา

So on the horizontal axis we have the dose shown in nanograms.

ที่แกนนอน แสดงขนาดของยาในหน่วยนาโนกรัม

On the vertical axis we have the immune response generated,

ที่แกนตั้ง แสดงระดับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน

and that dashed line indicates the protection threshold.

และเส้นประ บ่งบอกระดับการป้องกัน

If we're above that line it's considered protective;

เหนือขึ้นไปจากเส้นนั้น ถือว่ามันให้การป้องกันได้

if we're below that line it's not.

แต่ถ้ามันอยู่ใต้นั้น แสดงว่ามันไม่ได้ผล

So the red line is mostly below that curve

ดังนั้น เส้นแดงนั้นเกือบจะอยู่ใต้เส้นประนั่น

and indeed there's only one point that is achieved with the needle that's protective,

และเมื่อใช้เข็ม เรากระตุ้นจนถึงระดับการป้องกัน ได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น

and that's with a high dose of 6,000 nanograms.

ด้วยปริมาณยาสูงถึง 6000 นาโนกรัม

But notice immediately the distinctly different curve

แต่ลองสังเกตความแตกต่างที่ชัดเจน

that we achieve with the blue line.

จากเส้นสีฟ้า

That's what's achieved with the Nanopatch;

นั่นเป็นสิ่งที่เราได้จากการใช้นาโนแพทช์

the delivered dose of the Nanopatch is

ปริมาณยาที่ใช้สำหรับนาโนแพทช์นั้น

a completely different immunogenicity curve.

ให้ข้อมูลทางการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิง

That's a real fresh opportunity.

นี่เป็นเหมือนโอกาสทอง

Suddenly we have a brand new lever

อยู่ดีๆ เราก็ได้คานงัดใหม่เอี่ยม

in the world of vaccines.

ในโลกแห่งวัคซีน

We can push it one way,

เราผลักมันไปทางหนึ่ง

where we can take a vaccine that works but is too expensive

เราก็จะใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และให้การป้องกันได้

and can get protection

แต่ราคาแพง

with a hundredth of the dose compared to the needle.

ด้วยปริมาณยาที่น้อยกว่าการใช้เข็ม 100 เท่า

That can take a vaccine that's suddenly 10 dollars down to 10 cents,

นั่นจะทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับวัคซีนลดจาก 10 ดอลล่าร์ เป็น 10 เซนต์ทันที

and that's particularly important within the developing world.

และนั่นก็สำคัญอย่างมากต่อประเทศกำลังพัฒนา

But there's another angle to this as well --

แต่อีกมุมมองหนึ่งสำหรับสิ่งนี้คือ

you can take vaccines that currently don't work

เราสามารถจะนำวัคซีนซึ่งตอนนี้ยังไร้ประสิทธิภาพ

and get them over that line

แล้วทำให้มันเลยเส้นนั้นขึ้นไป

and get them protective.

และทำให้พวกมันมีคุณสมบัติในการปกป้อง

And certainly in the world of vaccines

และแน่ล่ะครับ ในโลกของวัคซีน

that can be important.

นั่นมันก็สำคัญ

Let's consider the big three:

ลองคิดดูถึงโรคร้ายทั้งสาม

HIV, malaria, tuberculosis.

เอชไอวี มาลาเรีย วัณโรค

They're responsible for about 7 million deaths per year,

พวกมันคร่าประมาณ 7 ล้านชีวิตต่อปี

and there is no adequate vaccination method for any of those.

และไม่มีวัคซีนไหนที่ได้ผลกับพวกมัน

So potentially, with this new lever that we have with the Nanopatch,

ดังนั้น ด้วยคานงัดใหม่ที่เราได้จากนาโนแพทช์

we can help make that happen.

เราน่าจะช่วยให้มันเกิดขึ้นได้

We can push that lever to help get those candidate vaccines over the line.

เราสามารถที่จะกดคานนั้นให้ช่วยยกว่าที่วัคซีนเหล่านี้ ให้พ้นเส้นกำกับ

Now, of course, we've worked within my lab

และแน่นอนครับ พวกเราได้ทำวิจัยในห้องทดลอง

with many other vaccines that have attained

กับวัคซีนต่างๆ ก็เห็นผลลัพธ์คล้ายๆ กัน

similar responses and similar curves to this,

ได้กราฟคล้ายๆ กันนี้

what we've achieved with influenza.

กับที่เราทดสอบกับวัคซีนโรคหวัด

I'd like to now switch to talk about

ผมอยากจะเปลี่ยนมาพูดถึง

another key shortcoming of today's vaccines,

ข้อด้อยอีกอย่างของวัคซีนในปัจจุบัน

and that is the need to maintain the cold chain.

และนั่นก็คือ ความจำเป็นของระบบให้ความเย็น

As the name suggests -- the cold chain --

อย่างชื่อของมันเลยครับ ระบบให้ความเย็น

it's the requirements of keeping a vaccine right from production

มันจำเป็นที่วัคซีนจะต้องอยู่ในสภาพที่เหมาะสม ตั้งแต่การผลิต

all the way through to when the vaccine is applied,

ตลอดไปจนถึงตอนนำไปใช้

to keep it refrigerated.

มันต้องถูกแช่เย็น

Now, that presents some logistical challenges

ครับ นั่นเป็นอุปสรรค์ในการขนส่งที่ท้าทาย

but we have ways to do it.

แต่เรามีวีธีการครับ

This is a slightly extreme case in point

นี่ค่อนข้างจะสุดโต่งทีเดียว

but it helps illustrate the logistical challenges,

แต่มันช่วยให้คุณจินตนาการออก

in particular in resource-poor settings,

โดยเฉพาะในที่ซึ่งยากแก่การเข้าถึง

of what's required to get vaccines

เครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็น

refrigerated and maintain the cold chain.

ต่อการแช่เย็นวัคซีน

If the vaccine is too warm the vaccine breaks down,

ถ้าวัคซีนอุ่นเกินไป วัคซีนก็จะเสื่อมสภาพ

but interestingly it can be too cold

แต่น่าสนใจครับ ถ้ามันเย็นเกินไป

and the vaccine can break down as well.

วัคซีนก็เสื่อมสภาพได้เหมือนกัน

Now, the stakes are very high.

เอาล่ะ เดิมพันเราสูงมากครับ

The WHO estimates that within Africa,

องค์อนามัยโลกคาดว่าในทวีปแอฟริกา

up to half the vaccines used there

ประเมินว่า กว่าครึ่งของวัคซีนที่ใช้

are considered to not be working properly

มีประสิทธิภาพไม่สมบูรณ์

because at some point the cold chain has fallen over.

เพราะว่า ในบางช่วงระบบแช่เย็นเสีย

So it's a big problem, and it's tied in with the needle and syringe

ดังนั้นมันจึงเป็นปัญหาใหญ่ และมันก็เกี่ยวข้องกับเข็มและหลอดฉีดยา

because it's a liquid form vaccine, and when it's liquid it needs the refrigeration.

เพราะว่ามันเป็นวัคซีนในรูปของเหลว และเมื่อมันเป็นของเหลว มันก็ต้องแช่เย็น

A key attribute of our Nanopatch

คุณสมบัติสำคัญของนาโนแพทช์ ก็คือ

is that the vaccine is dry,

วัคซีนนั้นแห้ง

and when it's dry it doesn't need refrigeration.

และเมื่อมันแห้ง มันก็ไม่ต้องแช่เย็น

Within my lab we've shown that we can keep

ที่ห้องทดลองของผม เราได้แสดงให้เห็นว่า

the vaccine stored at 23 degrees Celsius

เราสามารถเก็บวัคซีนไว้ที่ 23 องศาเซลเซียส

for more than a year without any loss in activity at all.

ได้นานกว่าหนึ่งปี โดยไม่เสียประสิทธิภาพเลย

That's an important improvement.

นั่นเป็นการพัฒนาที่สำคัญยิ่งครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

We're delighted about it as well.

พวกเราดีใจ เหมือนกันครับ

And the thing about it is that we have well and truly proven

ที่เราได้พิสูจน์การทำงานของนาโนแพทช์

the Nanopatch within the laboratory setting.

อย่างถึ่ถ้วนในสภาพแวดล้อมของห้องทดลอง

And as a scientist, I love that and I love science.

และในฐานะนักวิทยาศาสตร์ ผมชอบครับ และผมก็รักวิทยาศาสตร์

However, as an engineer,

อย่างไรก็ดี ในฐานะวิศวกร

as a biomedical engineer

ในฐานะวิศวกรชีวการแพทย์

and also as a human being,

และในฐานะคนคนหนึ่ง

I'm not going to be satisfied

ผมคงจะไม่พอใจหรอกครับ

until we've rolled this thing out, taken it out of the lab

จนกว่าเราจะได้นำมันออกไปใช้นอกห้องทดลอง

and got it to people in large numbers

และให้มันเข้าถึงคนจำนวนมาก

and particularly the people that need it the most.

โดยเฉพาะคนที่ต้องการมันมากที่สุด

So we've commenced this particular journey,

ดังนั้น เราได้เริ่มต้นการเดินทางนี้

and we've commenced this journey in an unusual way.

และเราได้เริ่มต้นการเดินทางนี้ในวิถึที่ต่างออกไป

We've started with Papua New Guinea.

เราเริ่มต้นที่ปาปัว นิว กินี

Now, Papua New Guinea is an example of a developing world country.

เอาล่ะ ปาปัว นิว กินี เป็นตัวอย่างของประเทศกำลังพัฒนา

It's about the same size as France,

มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับฝรั่งเศส

but it suffers from many of the key barriers

แต่มีปัญหาจากอุปสรรค์สำคัญมากมาย

existing within the world of today's vaccines.

ที่ปรากฏอยู่ในโลกของวัคซีนในปัจจุบัน

There's the logistics:

มีเรื่องการขนส่ง

Within this country there are only 800 refrigerators to keep vaccines chilled.

ภายในประเทศนี้ มีตู้เย็นที่ใช้แช่วัคซีนเพียง 800 ตู้

Many of them are old, like this one in Port Moresby, many of them are breaking down

มีหลายตู้ที่เก่าแล้ว เช่นตู้นี้ในพอร์ต มอเรสบี หลายๆ ตู้ก็กำลังจะพัง

and many are not in the Highlands where they are required.

และอีกหลายตู้ก็ไม่ได้อยู่ทางเหนือ พื้นที่ที่พวกมันเป็นที่ต้องการ

That's a challenge.

นั่นคือความท้าทาย

But also, Papua New Guinea has the world's highest incidence of HPV,

นอกจากนั้น ปาปัว นิว กินี ยังมีการเกิดโรคเอชพีวี มากที่สุดในโลก

human papillomavirus, the cervical cancer [risk factor].

ฮิวเมน พาปิโลมาไวรัส (human papillomavirus) ปัจจัย [ที่ทำให้เกิดความเสี่ยง] โรคมะเร็งปากมดลูก

Yet, that vaccine is not available in large numbers

ถึงกระนั้น วัคซีนก็ยังไม่แพร่หลาย

because it's too expensive.

เพราะว่ามันแพงเกินไป

So for those two reasons, with the attributes of the Nanopatch,

จากสองเหตุผลนั้น และคุณสมบัติของนาโนแพทช์

we've got into the field and worked with the Nanopatch,

พวกเราลงภาคสนามและนำนาโนแพทช์ไปทดสอบ

and taken it to Papua New Guinea

ที่ปาปัว นิว กินี

and we'll be following that up shortly.

และเราจะติดตามผลนั้นในอีกไม่ช้า

Now, doing this kind of work is not easy.

ครับ การทำงานแนวนี้มันไม่ง่ายเลย

It's challenging,

มันท้าทายครับ

but there's nothing else in the world I'd rather be doing.

แต่ไม่มีสิ่งใดอื่นในโลกนี้ที่ผมควรจะทำ

And as we look ahead

และเมื่อเรามองไปเบื้องหน้า

I'd like to share with you a thought:

ผมอยากจะแบ่งปันความคิดกับคุณ

It's the thought of a future where

มันเป็นความคิดเกี่ยวกับอนาคต

the 17 million deaths per year

ที่ซึ่งอัตราการตาย 17 ล้านรายต่อปี

that we currently have due to infectious disease

จากโรคคิดต่อที่เรากำลังประสบในขณะนี้

is a historical footnote.

เป็นหมายเหตุทางประวัติศาสตร์

And it's a historical footnote that has been achieved

และเป็นหมายเหตุทางประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จได้

by improved, radically improved vaccines.

จากวัคซีนที่มีพัฒนาไปอย่างมาก

Now standing here today in front of you

ครับ ผมยืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้ต่อหน้าพวกคุณ

at the birthplace of the needle and syringe,

ในสถานที่กำเนิดของเข็มและหลอดฉีดยา

a device that's 160 years old,

อุปกรณ์ที่มีอายุ 160 ปี

I'm presenting to you an alternative approach

ผมนำเสนอวิธีการใหม่

that could really help make that happen --

ที่อาจช่วยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้จริงๆ

and it's the Nanopatch with its attributes of being needle-free, pain-free,

และมันก็คือ นาโนแพทช์ ซึ่งมีคุณสมบัติปลอดเข็ม ปลอดความเจ็บปวด

the ability for removing the cold chain and improving the immunogenicity.

ไม่ต้องพึ่งพาระบบให้ความเย็น และคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)