What time is it on Mars? | Nagin Cox

Translator: Varoj Khamboot Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

So many of you have probably seen the movie "The Martian."

หลาย ๆ คนคงเคยดูหนังเรื่อง "The Martian"

But for those of you who did not, it's a movie about an astronaut

สำหรับใครที่ไม่เคยดู หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับมนุษย์อวกาศ

who is stranded on Mars, and his efforts to stay alive

ที่ติดอยู่บนดาวอังคาร และเรื่องราว ความพยายามของเขาที่จะเอาชีวิตรอดให้ได้

until the Earth can send a rescue mission to bring him back to Earth.

จนกว่าทีมบนโลกจะส่งคนมาช่วย และนำเขากลับมายังโลกได้

Gladly, they do re-establish communication

ยังดีที่พวกเขาสามารถติดต่อสื่อสาร

with the character, astronaut Watney, at some point

กับตัวเอกคนนี้ นักบินอวกาศ วัทนีย์ (Watney) ได้ในบางเวลา

so that he's not as alone on Mars until he can be rescued.

เขาจึงไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่บนดาวอังคาร จนถึงตอนที่เขาได้รับการช่วยเหลือ

So while you're watching the movie, or even if you haven't,

ฉะนั้น ระหว่างที่คุณดูหนังเรื่องนี้ หรือถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคย

when you think about Mars,

เมื่อคุณนึกถึงดาวอังคาร

you're probably thinking about how far away it is and how distant.

คุณคงคิดว่าดาวดวงนี้ห่างออกไปเท่าไร และไกลแค่ไหน

And, what might not have occurred to you is,

และสิ่งที่คุณอาจไม่ได้นึกถึงก็คือ

what are the logistics really like of working on another planet --

ระบบโลจิสติกส์มันจะเป็นอย่างไร เมื่อทำงานอยู่บนดาวเคราะห์อีกดวง

of living on two planets

เมื่อใช้ชีวิตอยู่บนดาวสองดวง

when there are people on the Earth and there are rovers or people on Mars?

เมื่อมีผู้คนอยู่บนโลกและ มียานสำรวจและผู้คนบนดาวอังคาร

So think about when you have friends, families and co-workers

ลองคิดถึงเวลาที่คุณมีเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน

in California, on the West Coast or in other parts of the world.

ในแคลิฟอร์เนีย ทางฝั่งตะวันตก หรือในส่วนอื่น ๆ ของโลก

When you're trying to communicate with them,

เมื่อคุณกำลังพยายามที่จะสื่อสารกับพวกเขา

one of the things you probably first think about is:

สิ่งหนึ่งที่คุณอาจคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ

wait, what time is it in California?

เดี๋ยวนะ ตอนนี้ที่แคลิฟอร์เนียกี่โมงแล้ว

Will I wake them up? Is it OK to call?

ฉันจะปลุกพวกเขาหรือเปล่า โทรไปได้ใช่ไหม

So even if you're interacting with colleagues who are in Europe,

แม้ว่าคุณจะกำลังโต้ตอบกัน กับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในยุโรป

you're immediately thinking about:

คุณก็จะคิดทันทีว่า

What does it take to coordinate communication when people are far away?

อะไรบ้างที่ช่วยเชื่อมต่อการสื่อสาร เมื่อมนุษย์อยู่ไกลกัน

So we don't have people on Mars right now, but we do have rovers.

ตอนนี้เรายังไม่มีผู้คนบนดาวอังคาร แต่เรามียานสำรวจ

And actually right now, on Curiosity, it is 6:10 in the morning.

และจริง ๆ แล้วที่ยานคิวริโอซิตี (Curiosity) ตอนนี้เวลา 6.10 น. ในตอนเช้า

So, 6:10 in the morning on Mars.

ซึ่งก็คือ 6.10 น. ในตอนเช้า บนดาวอังคารเช่นกัน

We have four rovers on Mars.

เรามียานสำรวจสี่คันอยู่บนดาวอังคาร

The United States has put four rovers on Mars since the mid-1990s,

สหรัฐฯ ได้นำยานสำรวจไปไว้บนดาวอังคาร ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1990

and I have been privileged enough to work on three of them.

และเป็นมันเกียรติอย่างมาก ที่ฉันได้ทำงานกับยานสำรวจสามจากสี่คันนี้

So, I am a spacecraft engineer, a spacecraft operations engineer,

ฉันคือวิศวกรยานอวกาศ วิศวกรด้านการเดินเครื่องยานอวกาศ

at NASA's Jet Propulsion Laboratory in Los Angeles, California.

ที่ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศของนาซ่า (JPL) ในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย

And these rovers are our robotic emissaries.

และยานสำรวจเหล่านี้ เป็นหุ่นยนต์ตัวแทนของเรา

So, they are our eyes and our ears, and they see the planet for us

พวกมันจึงเป็นทั้งหูและตาของเรา และช่วยสังเกตดาวเคราะห์ให้กับเรา

until we can send people.

จนกว่าที่เราจะส่งผู้คนไปได้

So we learn how to operate on other planets through these rovers.

เราจึงเรียนรู้ที่จะดำเนินการ บนดาวเคราะห์อื่นผ่านยานสำรวจเหล่านี้

So before we send people, we send robots.

ฉะนั้นก่อนที่เราจะส่งคนไป เราส่งหุ่นยนต์ไปค่ะ

So the reason there's a time difference on Mars right now,

สาเหตุของความแตกต่างเวลา บนดาวอังคารในตอนนี้

from the time that we're at

กับเวลาที่เราอยู่ตอนนี้

is because the Martian day is longer than the Earth day.

เพราะว่าหนึ่งวันบนดาวอังคาร ยาวนานกว่าหนึ่งวันบนโลก

Our Earth day is 24 hours,

หนึ่งวันบนโลกของเรามี 24 ชั่วโมง

because that's how long it takes the Earth to rotate,

เพราะว่านั่นคือระยะเวลา ที่โลกหมุนรอบตัวเอง

how long it takes to go around once.

เป็นระยะเวลาที่โลกหมุนไปหนึ่งรอบ

So our day is 24 hours.

หนึ่งวันของเราจึงมี 24 ชั่วโมง

It takes Mars 24 hours and approximately 40 minutes to rotate once.

ดาวอังคารใช้เวลา 24 ชั่วโมง กับอีกประมาณ 40 นาทีในการหมุนหนึ่งรอบ

So that means that the Martian day is 40 minutes longer than the Earth day.

นั่นหมายความว่าหนึ่งวันบนดาวอังคาร ยาวกว่าหนึ่งวันบนโลก 40 นาที

So teams of people who are operating the rovers on Mars, like this one,

ดังนั้น กลุ่มคนที่กำลังทำงานกับ ยานสำรวจบนดาวอังคาร เช่นกลุ่มนี้

what we are doing is we are living on Earth, but working on Mars.

สิ่งที่เรากำลังทำคือ เรากำลังอยู่บนโลก แต่ทำงานบนดาวอังคาร

So we have to think as if we are actually on Mars with the rover.

เราจึงต้องคิดเหมือนว่าเรากำลัง ทำงานกับยานสำรวจอยู่บนดาวอังคารจริง ๆ

Our job, the job of this team, of which I'm a part of,

งานของเรา งานของทีมนี้ ทีมที่ฉันอยู่ด้วย

is to send commands to the rover to tell it what to do the next day.

คือการส่งคำสั่งไปที่ยานสำรวจ เพื่อบอกว่าให้ยานทำอะไรในวันต่อไป

To tell it to drive or drill or tell her whatever she's supposed to do.

เพื่อบอกมันให้ขับเคลื่อนหรือขุดเจาะ หรือบอกว่ามันควรทำอะไร

So while she's sleeping -- and the rover does sleep at night

ดังนั้น ตอนที่มันกำลังหลับ และยานสำรวจหลับตอนกลางคืน

because she needs to recharge her batteries

เพราะว่ามันจำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่

and she needs to weather the cold Martian night.

และอยู่รอดในคืนหนาวเหน็บบนดาวอังคาร

And so she sleeps.

และมันจึงนอนหลับ

So while she sleeps, we work on her program for the next day.

ดังนั้น ขณะที่มันกำลังหลับ พวกเราทำโปรแกรมสำหรับมันในวันถัดไป

So I work the Martian night shift.

ดังนั้น ฉันทำงานกะกลางคืนบนดาวอังคารค่ะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So in order to come to work on the Earth at the same time every day on Mars --

เพื่อที่จะมาทำงานบนโลก ในเวลาเดิมทุกวันตามเวลาดาวอังคาร

like, let's say I need to be at work at 5:00 p.m.,

เช่น สมมติว่าฉันต้องเข้างาน 5:00 ตอนเย็น

this team needs to be at work at 5:00 p.m. Mars time every day,

ทีมนี้จะต้องเข้างาน 5:00 ตอนเย็น ทุกวันตามเวลาดาวอังคาร

then we have to come to work on the Earth 40 minutes later every day,

ดังนั้น เราต้องมาทำงานช้าไป 40 นาที บนโลกในทุก ๆ วัน

in order to stay in sync with Mars.

เพื่อที่จะปรับเวลาให้ตรงกับบนดาวอังคาร

That's like moving a time zone every day.

เหมือนกับการเปลี่ยนเขตเวลาทุกวัน

So one day you come in at 8:00, the next day 40 minutes later at 8:40,

วันหนึ่งคุณมาทำงาน 8.00 ตอนเช้า วันต่อไปคุณมาสายขึ้น 40 นาที เป็น 8.40 ตอนเช้า

the next day 40 minutes later at 9:20,

และวันต่อไปสายขึ้นอีก 40 นาที เป็น 9.20 ตอนเช้า

the next day at 10:00.

และวันต่อไปก็ 10.00 ตอนเช้า

So you keep moving 40 minutes every day,

คือคุณต้องขยับเวลาไปอีก 40 นาทีทุกวัน

until soon you're coming to work in the middle of the night --

จนไม่นานนัก คุณจะเริ่มเข้างานในตอนกลางคืน

the middle of the Earth night.

กลางคืนบนโลก

Right? So you can imagine how confusing that is.

ค่ะ คุณคงนึกออกว่ามันน่าสับสนแค่ไหน

Hence, the Mars watch.

ดังนั้น นี่ค่ะ นาฬิกาดาวอังคาร

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

This weights in this watch have been mechanically adjusted

น้ำหนักของนาฬิกาเรือนนี้ถูกปรับในเชิงกลไก

so that it runs more slowly.

เพื่อให้มันวิ่งช้าลง

Right? And we didn't start out --

ค่ะ และเราไม่ได้ตั้งใจแต่แรกเลยค่ะ

I got this watch in 2004

ฉันได้นาฬิกาเรือนนี้มาในปี ค.ศ. 2004

when Spirit and Opportunity, the rovers back then.

เมื่อยานสำรวจฝาแฝด Spirit กับ Opportunity ยังอยู่เลย

We didn't start out thinking

เราไม่ได้ตั้งใจคิดเอาไว้แต่แรกเลย

that we were going to need Mars watches.

ว่าเราจะต้องมีนาฬิกาดาวอังคาร

Right? We thought, OK, we'll just have the time on our computers

ค่ะ เราคิดว่า โอเคเราคงมีแค่เวลา ที่แสดงอยู่บนจอคอมพิวเตอร์

and on the mission control screens, and that would be enough.

และบนแผงหน้าจอควบคุมภารกิจ และเราคิดว่าแค่นั้นคงพอ

Yeah, not so much.

ใช่ค่ะ มันไม่ได้มากมาย

Because we weren't just working on Mars time,

เพราะเราไม่ได้แค่ทำงานตามเวลาของดาวอังคาร

we were actually living on Mars time.

เราอาศัยอยู่ตามเวลาของดาวอังคารจริง ๆ

And we got just instantaneously confused about what time it was.

และเราก็สับสนกันทันทีเลย ว่าตอนนี้เวลากี่โมงแล้ว

So you really needed something on your wrist to tell you:

ดังนั้นคุณจึงต้องมีบางสิ่งอยู่บนข้อมือ เพื่อบอกว่า

What time is it on the Earth? What time is it on Mars?

ตอนนี้บนโลกกี่โมงแล้ว ตอนนี้บนดาวอังคารกี่โมงแล้ว

And it wasn't just the time on Mars that was confusing;

และไม่ใช่แค่เรื่องเวลาบนดาวอังคาร ที่น่าเวียนหัว

we also needed to be able to talk to each other about it.

เรายังต้องสามารถคุยกับคนอื่น เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

So a "sol" is a Martian day -- again, 24 hours and 40 minutes.

ดังนั้น "sol (ซอล)" คือวันบนดาวอังคาร ซึ่งก็คือ 24 ชั่วโมงกับอีก 40 นาที

So when we're talking about something that's happening on the Earth,

ดังนั้น เมื่อเรากำลังพูดถึงบางสิ่ง ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก

we will say, today.

เราจะพูดว่า วันนี้ (today)

So, for Mars, we say, "tosol."

สำหรับดาวอังคาร เราจะพูดว่า "ซอลนี้( tosol)"

(Laughter)

Yesterday became "yestersol" for Mars.

เมื่อวานนี้ (Yesterday) กลายเป็น "ซอลวานนี้ (yestersol)"

Again, we didn't start out thinking, "Oh, let's invent a language."

และอีกครั้ง เราไม่ได้ตั้งใจแต่แรกว่า "โอ้ เรามาสร้างภาษากันเถอะ"

It was just very confusing.

มันน่าสับสนมากค่ะ

I remember somebody walked up to me and said,

ฉันจำได้ว่าใครสักคนเดินมาหาฉันและบอกว่า

"I would like to do this activity on the vehicle tomorrow, on the rover."

"ฉันอยากจะทำกิจกรรมนี้บนยานพรุ่งนี้ บนยานสำรวจ"

And I said, "Tomorrow, tomorrow, or Mars, tomorrow?"

และฉันพูดว่า "พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ หรือ พรุ่งนี้ของดาวอังคาร"

We started this terminology because we needed a way to talk to each other.

เราจึงเริ่มมีศัพท์บัญญัติ เพราะเราต้องมีวิธีเอาไว้คุยกันเอง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Tomorrow became "nextersol" or "solorrow."

พรุ่งนี้ (tomorrow) กลายเป็น ซอลถัดไป (nextersol) หรือ ซอลพรุ่ง (solorrow)

Because people have different preferences for the words they use.

เพราะคนเรานิยมใช้คำในแบบที่แตกต่างกัน

Some of you might say "soda" and some of you might say "pop."

พวกคุณบางคนอาจเรียกน้ำอัดลมว่า "โซดา" และบางคนอาจเรียกว่า "ป๊อป"

So we have people who say "nextersol" or "solorrow."

เราจึงมีคนที่พูดว่า ซอลถัดไป หรือ ซอลพรุ่ง

And then something that I noticed after a few years of working on these missions,

จากนั้น สิ่งที่ฉันสังเกตเห็น หลังจากปฏิบัติภารกิจไปหลายปี

was that the people who work on the rovers, we say "tosol."

ก็คือคนที่ทำงานกับยานสำรวจ พูดว่า "ซอลนี้"

The people who work on the landed missions that don't rove around,

ส่วนคนที่ทำภารกิจเกี่ยวกับการลงจอด ที่ไม่ได้เคลื่อนตระเวนที่ไปไหน

they say "tosoul."

พวกเขาพูดว่า "โซลนี้ (tosoul)"

So I could actually tell what mission you worked on from your Martian accent.

ฉะนั้น ฉันจึงบอกได้ค่ะว่า คุณทำงานในภารกิจไหน โดยฟังจากสำเนียงดาวอังคารของคุณ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So we have the watches and the language, and you're detecting a theme here, right?

เอาล่ะ เรามีนาฬิกาและภาษา และคุณคงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศใช่ไหมคะ

So that we don't get confused.

เพื่อที่เราจะได้ไม่สับสน

But even the Earth daylight could confuse us.

แต่แม้แต่แสงในตอนกลางวันบนโลก ก็อาจทำให้เราสับสนได้

If you think that right now, you've come to work

คุณลองคิดว่า ตอนนี้คุณออกไปทำงาน

and it's the middle of the Martian night

และมันเป็นตอนกลางดึกบนดาวอังคาร

and there's light streaming in from the windows

และมันก็มีลำแสงส่องเข้ามาทางหน้าต่าง

that's going to be confusing as well.

นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าสับสนเหมือนกัน

So you can see from this image of the control room

คุณจึงเห็นได้จากรูปของห้องควบคุมนี้

that all of the blinds are down.

ว่าม่านบังแดดทั้งหมดถูกดึงลงมา

So that there's no light to distract us.

เพื่อที่จะไม่มีแสงมารบกวนพวกเรา

The blinds went down all over the building about a week before landing,

ม่านบังแดดทั่วทั้งตึกถูกดึงลงมา ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนยานลงจอด

and they didn't go up until we went off Mars time.

และมันไม่ถูกเอาขึ้นเลย จนกว่าเราจะออกมาจากเวลาตามดาวอังคาร

So this also works for the house, for at home.

วิธีนี้ใช้ได้ทั้งที่บ้าน เมื่ออยู่บ้าน

I've been on Mars time three times, and my husband is like,

ฉันเคยอยู่ในเวลาตามดาวอังคารอยู่สามครั้ง และสามีของฉันบอกว่า

OK, we're getting ready for Mars time.

โอเค เรากำลังเตรียมพร้อม สำหรับเวลาตามดาวอังคารแล้วนะ

And so he'll put foil all over the windows and dark curtains and shades

แล้วเขาก็จะเอากระดาษฟอยล์แปะหน้าต่าง และผ้าม่านทึบ และที่บังแดดทั้งหมด

because it also affects your families.

เพราะมันมีผลต่อครอบครัวของคุณด้วย

And so here I was living in kind of this darkened environment, but so was he.

ฉันจึงอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มืดทึบ และเขาก็เช่นกัน

And he'd gotten used to it.

และเขาก็เริ่มที่จะชินกับมันแล้ว

But then I would get these plaintive emails from him when he was at work.

แต่หลังจากนั้นฉันก็ได้รับอีเมลน่าเศร้า จากเขาเมื่อเขาทำงานอยู่ที่นั่น

Should I come home? Are you awake?

ผมควรกลับบ้านไหม คุณตื่นอยู่หรือเปล่า

What time is it on Mars?

ตอนนี้บนดาวอังคารกี่โมงแล้ว

And I decided, OK, so he needs a Mars watch.

และฉันก็เลยตัดสินใจได้ว่า เอาล่ะ เขาก็ต้องการนาฬิกาดาวอังคาร

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But of course, it's 2016, so there's an app for that.

แต่แน่นอน นี่มันเป็นปี ค.ศ. 2016 เรามีแอพฯ สำหรับมันค่ะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So now instead of the watches, we can also use our phones.

ดังนั้น ตอนนี้แทนที่จะมีนาฬิกา เราใช้โทรศัพท์ของเราได้ด้วย

But the impact on families was just across the board;

แต่ผลกระทบต่อครอบครัว นั้นมีอย่างทั่วถึงค่ะ

it wasn't just those of us who were working on the rovers

ไม่ได้มีแค่พวกเรา ที่ทำงานกับยานสำรวจเท่านั้น

but our families as well.

แต่กับครอบครัวของพวกเราด้วย

This is David Oh, one of our flight directors,

นี่คือ เดวิด โฮ (David Oh) หนึ่งในผู้กำกับการบินของเรา

and he's at the beach in Los Angeles with his family at 1:00 in the morning.

และเขาอยู่ที่ชายหาดในลอสแอนเจลิส กับครอบครัวของเขา ตอนตีหนึ่งค่ะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So because we landed in August

เพราะเราจอดยานตอนเดือนสิงหาคม

and his kids didn't have to go back to school until September,

และกว่าลูก ๆ ของเขาจะกลับไปโรงเรียน ก็เดือนกันยายน

they actually went on to Mars time with him for one month.

พวกเขาได้อยู่ตามเวลาของดาวอังคาร กับเขาตลอดหนึ่งเดือน

They got up 40 minutes later every day.

พวกเขาตื่นสายขึ้น 40 นาทีในทุก ๆ วัน

And they were on dad's work schedule.

และพวกเขาทำตามตารางานของพ่อ

So they lived on Mars time for a month and had these great adventures,

พวกเขาจึงอยู่ตามเวลาของดาวอังคาร ตลอดหนึ่งเดือน และได้มีโอกาสเจ๋ง ๆ แบบนี้

like going bowling in the middle of the night

เช่น ไปเล่นโบว์ลิ่งตอนกลางดึก

or going to the beach.

หรือไปชายหาด

And one of the things that we all discovered

และหนึ่งในสิ่งที่พวกเราทุกคนค้นพบ

is you can get anywhere in Los Angeles

คือคุณสามารถไปไหนก็ได้ในลอสแอนเจลิส

at 3:00 in the morning when there's no traffic.

ตอนตีสาม ซึ่งไม่มีจราจรที่ติดขัด

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So we would get off work,

ดังนั้น เราออกจากที่ทำงาน

and we didn't want to go home and bother our families,

และเราไม่อยากกลับบ้าน และรบกวนครอบครัวของเรา

and we were hungry, so instead of going locally to eat something,

และเราก็หิว ดังนั้น แทนที่เราจะกินอะไรแถวบ้าน

we'd go, "Wait, there's this great all-night deli in Long Beach,

เราอาจจะเสนอ "เดี๋ยวนะ มีร้านโต้รุ่ง ที่ ลองบีช (Long Beach) นี่

and we can get there in 10 minutes!"

และเราสามารถไปถึงได้ภายใน 10 นาที!"

So we would drive down -- it was like the 60s, no traffic.

เราจึงขับรถไป ซึ่งมันเหมือนกับยุค 60 ไม่มีจราจรที่ติดขัดเลย

We would drive down there, and the restaurant owners would go,

เราขับไปที่นั่นและเจ้าของร้านก็บอกว่า

"Who are you people?

"พวกคุณเป็นใครเนี่ย

And why are you at my restaurant at 3:00 in the morning?"

แล้วทำไมพวกคุณมาอยู่ ที่ร้านของฉันตอนตีสาม?"

So they came to realize that there were these packs of Martians,

แล้วพวกเขาก็เริ่มรู้ตัวว่า ยังมีกลุ่มคนชาวดาวอังคารนี้อยู่

roaming the LA freeways, in the middle of the night --

ตะลอนไปบนถนนของแอลเอตอนกลางดึก

in the middle of the Earth night.

ตอนกลางดึกตามเวลาโลก

And we did actually start calling ourselves Martians.

และพวกเราก็เริ่มเรียกตัวเองว่า ชาวดาวอังคารจริง ๆ

So those of us who were on Mars time would refer to ourselves as Martians,

คนในกลุ่มเราที่อยู่ตามเวลาของดาวอังคาร ก็จะเรียกตัวเองว่าชาวดาวอังคาร

and everyone else as Earthlings.

และเรียกคนอื่น ๆ ว่าชาวโลก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And that's because when you're moving a time-zone every day,

และนั่นเพราะ เมื่อคุณเปลี่ยนเขตเวลาทุกวัน

you start to really feel separated from everyone else.

คุณจะเริ่มรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่น ๆ

You're literally in your own world.

คุณอยู่ในโลกของคุณเองจริง ๆ

So I have this button on that says, "I survived Mars time. Sol 0-90."

ฉันจึงมีเข็มกลัดนี้ที่บอกว่า "ฉันใช้ชีวิต ตามเวลาของดาวอังคาร ซอล 0-90"

And there's a picture of it up on the screen.

และนั่นคือภาพของมันบนจอค่ะ

So the reason we got these buttons is because we work on Mars time

เหตุผลที่เราได้เข็มกลัดเหล่านี้ คือเพราะเราทำงานตามเวลาของดาวอังคาร

in order to be as efficient as possible with the rover on Mars,

เพื่อที่จะให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการทำงานกับยานสำรวจบนดาวอังคาร

to make the best use of our time.

เพื่อที่จะใช้เวลาของเรา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

But we don't stay on Mars time for more than three to four months.

แต่เราไม่อยู่ตามเวลาของดาวอังคาร มากเกินสามถึงสี่เดือนได้

Eventually, we'll move to a modified Mars time, which is what we're working now.

ในที่สุด เราจึงปรับเวลาตามของดาวอังคาร ซึ่งเรากำลังทำอยู่

And that's because it's hard on your bodies, it's hard on your families.

และนั้นเพราะว่ามันไม่ดีต่อร่างกายของคุณ มันไม่ดีต่อครอบครัวของคุณ

In fact, there were sleep researchers who actually were studying us

จริง ๆ แล้ว มีนักวิจัยการนอนหลับ ที่กำลังศึกษาพวกเราอยู่

because it was so unusual for humans to try to extend their day.

เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับมนุษย์ ที่พยายามจะยืดวันของตัวเองออกไป

And they had about 30 of us

และเขาก็ใช้พวกเราประมาณ 30 คน

that they would do sleep deprivation experiments on.

ในการทดลองการอดนอน

So I would come in and take the test and I fell asleep in each one.

ฉันก็จะเข้าไปแล้วก็ทดสอบ แล้วก็หลับในแต่ละการทดลอง

And that was because, again, this eventually becomes hard on your body.

และนั่นก็เพราะว่ามันจะกลายเป็นสิ่ง ที่ไม่ดีกับร่างกายคุณในที่สุดอีกเช่นกัน

Even though it was a blast.

แม้ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ ที่แสนจะน่าตื่นเต้นก็ตาม

It was a huge bonding experience with the other members on the team,

มันเป็นประสบการณ์ที่สร้างความผูกพัน อันยิ่งใหญ่ให้กับกลุ่มของเรา

but it is difficult to sustain.

แต่มันก็ยากที่จะทำไปตลอด

So these rover missions are our first steps out into the solar system.

ภารกิจยานสำรวจเหล่านี้ จึงเป็นก้าวแรกของเราสู่ระบบสุริยะ

We are learning how to live on more than one planet.

เรากำลังเรียนรู้วิธีดำรงชีวิต บนดาวเคราะห์มากกว่าหนึ่งดวง

We are changing our perspective to become multi-planetary.

เรากำลังเปลี่ยนมุมมอง ให้เป็นแบบนานาดาวเคราะห์

So the next time you see a Star Wars movie,

ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณดูหนังเรื่อง สตาร์ วอร์ส (Star Wars)

and there are people going from the Dagobah system to Tatooine,

และมีผู้คนเดินทางจากระบบเดโกบาห์ ไปทาทูอีน

think about what it really means to have people spread out so far.

ให้นึกว่าจริง ๆ แล้วมันแปลว่าอะไร ที่มีคนกระจายตัวออกไปไกลโพ้น

What it means in terms of the distances between them,

มันแปลว่าอะไร ในเงื่อนไขเรื่องระยะห่างระหว่างกัน

how they will start to feel separate from each other

พวกเขารู้สึกอย่างไร ที่อยู่ห่างจากกัน

and just the logistics of the time.

และมีแค่ระบบโลจิสติกส์ของเวลา

We have not sent people to Mars yet, but we hope to.

เรายังไม่เคยส่งคนไปดาวอังคาร แต่เราหวังว่าจะได้ทำ

And between companies like SpaceX and NASA

และองค์กรต่าง ๆ อย่างเช่น SpaceX และ NASA

and all of the international space agencies of the world,

และทุกหน่วยงานอวกาศนานาชาติทั่วโลก

we hope to do that in the next few decades.

เราหวังที่จะทำสิ่งนั้น ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า

So soon we will have people on Mars, and we truly will be multi-planetary.

ดังนั้น อีกไม่นานเราจะมีผู้คนบนดาวอังคาร และเราจะเป็นผู้อยู่บนหลายดาวเคราะห์อย่างแท้จริง

And the young boy or the young girl

และเด็กหนุ่มหรือเด็กสาว

who will be going to Mars could be in this audience or listening today.

ผู้ที่จะไปยังดาวอังคาร อาจอยู่ในกลุ่มผู้ชมหรือที่กำลังฟังวันนี้ก็ได้

I have wanted to work at JPL on these missions since I was 14 years old

ฉันเคยอยากทำงานที่ JPL ในภารกิจเหล่านี้ มาตั้งแต่ตอนฉันอายุ 14 ปี

and I am privileged to be a part of it.

และฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วม

And this is a remarkable time in the space program,

และนี่คือเวลาที่พิเศษของโครงการด้านอวกาศ

and we are all in this journey together.

และพวกเราทุกคนได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน

So the next time you think you don't have enough time in your day,

ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าคุณคิดว่า วันหนึ่ง ๆ คุณมีเวลาไม่พอ

just remember, it's all a matter of your Earthly perspective.

จงจำไว้ว่า มันเป็นแค่เรื่องของมุมมอง ในแบบโลกของคุณ

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)