How do ocean currents work? - Jennifer Verduin

Translator: Nuttikarn P Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

In 1992,

ในปี 1992

a cargo ship carrying bath toys got caught in a storm.

เรือส่งสินค้าที่บรรจุของเล่นในห้องน้ำ เจอกับพายุเข้า

Shipping containers washed overboard,

ตู้สินค้าตกลงในทะเล

and the waves swept 28,000 rubber ducks and other toys into the North Pacific.

และคลื่นได้ซัดตุ๊กตาเป็ดยาง 28,000 ตัว และของเล่นอื่นลงมหาสมุทรแปซิฟิก

But they didn’t stick together.

แต่พวกมันไม่ได้เกาะกลุ่มกัน

Quite the opposite–

ตรงข้ามเลย

the ducks have since washed up all over the world,

เป็ดนั้นลอยไปทั่วโลก

and researchers have used their paths

และนักวิจัยได้ใช้การเดินทางของเป็ด

to chart a better understanding of ocean currents.

เพื่อทำความเข้าใจกระแสน้ำให้มากขึ้น

Ocean currents are driven by a range of sources:

กระแสมหาสมุทรเป็นผลมาจากหลายสิ่ง

the wind, tides, changes in water density,

ลม น้ำขึ้นน้ำลง ความหนาแน่นของน้ำที่เปลี่ยนไป

and the rotation of the Earth.

และการหมุนของโลก

The topography of the ocean floor and the shoreline modifies those motions,

ภูมิประเทศของพื้นมหาสมุทร และชายฝั่งเปลี่ยนการเคลื่อนไหว

causing currents to speed up,

ทำให้กระแสน้ำเร็วขึ้น

slow down, or change direction.

ช้าลง หรือเปลี่ยนทิศทาง

Ocean currents fall into two main categories:

กระแสมหาสมุทรมี 2 ประเภท

surface currents and deep ocean currents.

กระแสผิวน้ำ และกระแสน้ำลึก

Surface currents control the motion

กระแสผิวน้ำควบคุมการเคลื่อนไหว

of the top 10 percent of the ocean’s water,

10% ด้านบนของน้ำทะเล

while deep-ocean currents mobilize the other 90 percent.

ขณะที่กระแสน้ำลึกเคลื่อนไหว ในพื่นที่อีก 90%

Though they have different causes,

แม้จะมีต้นกำเนิดต่างกัน

surface and deep ocean currents influence each other

กระแสผิวน้ำ และกระแสน้ำลึก มีอิทธิพลต่อกันและกัน

in an intricate dance that keeps the entire ocean moving.

เป็นการโยกไหวแสนซับซ้อน ที่ทำให้มหาสมุทรทั้งหมดเคลื่อนไหวได้

Near the shore,

ใกล้ชายฝั่ง

surface currents are driven by both the wind and tides,

กระแสผิวน้ำถูกควบคุมโดยลมและน้ำขึ้นน้ำลง

which draw water back and forth as the water level falls and rises.

ทำให้น้ำไหลไปกลับ ตามที่ระดับน้ำขึ้นและลง

Meanwhile, in the open ocean, wind is the major force behind surface currents.

ขณะเดียวกัน ในทะเลเปิดนั้น แรงลมเป็นปัจจัยหลักของกระแสผิวน้ำ

As wind blows over the ocean,

เมื่อลมพัดเหนือมหาสมุทร

it drags the top layers of water along with it.

มันได้กวาดชั้นบนของน้ำไปด้วย

That moving water pulls on the layers underneath,

น้ำด้านบนดึงชั้นน้ำใต้มัน

and those pull on the ones beneath them.

และดึงชั้นถัดลงไปต่อ ๆ กัน

In fact, water as deep as 400 meters

ที่จริงแล้ว น้ำที่ลึกถึง 400 เมตร

is still affected by the wind at the ocean’s surface.

ก็ยังได้รับผลจากแรงลมบนผิวน้ำอยู่

If you zoom out to look at the patterns of surface currents all over the earth,

ถ้าคุณถอยออกมา มองรูปแบบของกระแสพื้นผิวทั่วโลก

you’ll see that they form big loops called gyres,

คุณจะเห็นรูปแบบวงแหวนขนาดใหญ่ เรียกว่า ไจเรส

which travel clockwise in the northern hemisphere

ที่เคลื่อนที่ตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ

and counter-clockwise in the southern hemisphere.

และทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้

That’s because of the way the Earth’s rotation

นั่นเป็นเพราะการหมุนของโลก

affects the wind patterns that give rise to these currents.

กระทบรูปแบบของลมที่พัดกระแสน้ำ

If the earth didn’t rotate,

ถ้าโลกไม่หมุน

air and water would simply move back and forth

อากาศและน้ำจะเพียงเคลื่อนที่ไปกลับ

between low pressure at the equator

ระหว่างพื้นที่ความกดอากาศต่ำ ที่เส้นศุนย์สูตร

and high pressure at the poles.

และพื้นที่ความกดอากาศสูงที่ขั้วโลก

But as the earth spins,

แต่เพราะโลกหมุน

air moving from the equator to the North Pole is deflected eastward,

อากาศเคลื่อนตัวจากเส้นศูนย์สูตร ไปยังขั้วโลกเหนือนั้นเบี่ยงไปทางตะวันออก

and air moving back down is deflected westward.

และอากาศที่เคลื่นไปทางใต้เบี่ยงด้านตะวันตก

The mirror image happens in the southern hemisphere,

ภาพสะท้อนเกิดขึ้นในซีกโลกใต้

so that the major streams of wind

ดังนั้นลมกระแสหลัก

form loop-like patterns around the ocean basins.

สร้างรูปแบบวงแหวนรอบแอ่งมหาสมุทร

This is called the Coriolis Effect.

นี่เรียกว่า ปรากฏการณ์คอริออลิส

The winds push the ocean beneath them into the same rotating gyres.

ลมผลักมหาสมุทรด้านล่างตามการหมุนไจเรส

And because water holds onto heat more effectively than air,

และเพราะน้ำเก็บกักความร้อนได้ดีกว่าอากาศ

these currents help redistribute warmth around the globe.

กระแสน้ำเหล่านี้จึงช่วย กระจายความร้อนไปทั่วโลก

Unlike surface currents,

ต่างจากกระแสผิวน้ำ

deep ocean currents are driven primarily by changes in the density of seawater.

กระแสน้ำลึกถูกกำหนดโดยการเปลี่ยนแปลง ความหนาแน่นของน้ำเค็มเป็นหลัก

เมื่อน้ำเคลื่อนไปทางขั้วโลกเหนือ

As water moves towards the North Pole,

it gets colder.

มันเย็นลง

It also has a higher concentration of salt,

น้ำยังมีความเข้มข้นของเกลือมากขึ้นด้วย

because the ice crystals that form trap water while leaving salt behind.

เพราะเกล็ดน้ำแข็งควบรวมกัน โดยปล่อยเกลือทิ้งไว้

This cold, salty water is more dense,

น้ำเย็นและเค็มนี้มีความหนาแน่นมาก

so it sinks,

มันจึงจม

and warmer surface water takes its place,

และผิวน้ำที่อุ่นกว่า

setting up a vertical current called thermohaline circulation.

จึงสร้างกระแสในแนวดิ่ง เรียกว่า การหมุนเวียนของเทอร์โมฮาลีน

Thermohaline circulation of deep water and wind-driven surface currents

การหมุนเวียนของเทอร์โมฮาลีน ของน้ำลึก และลมควบคุมกระแสผิวน้ำ

combine to form a winding loop called the Global Conveyor Belt.

รวมกันเป็นลมวงแหวน เรียกว่า สายพานแห่งมหาสมุทร

As water moves from the depths of the ocean to the surface,

เมื่อน้ำเคลื่อนจากใต้มหาสมุทรขึ้นมาผิวน้ำ

it carries nutrients that nourish the microorganisms

มันนำพาสารอาหารที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์

which form the base of many ocean food chains.

ที่สร้างพื้นฐาของวงจรอาหารในมหาสมุทร

The global conveyor belt is the longest current in the world,

สายพานแห่งมหาสมุทร เป็นกระแสน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

snaking all around the globe.

แทรกซึมไปทั่วโลก

But it only moves a few centimeters per second.

แต่มันขยับแค่ไม่กี่เซนติเมตรต่อวินาที

It could take a drop of water a thousand years to make the full trip.

น้ำหนึ่งหยดอาจจะใช้เวลาเป็นพันปี กว่าจะเคลื่อนไปได้รอบโลก

However, rising sea temperatures are causing the conveyor belt

อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้สายพานแห่งมหาสมุทร

to seemingly slow down.

เดินทางช้าลง

Models show this causing havoc with weather systems

แบบจำลองแสดงให้เห็นความหายนะทางภูมิอากาศ

on both sides of the Atlantic,

ทั้งสองฝั่งแอตแลนติก

and no one knows what would happen if it continues to slow

และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันยังช้าลงไปเรื่อยๆ

or if it stopped altogether.

หรือมันจะหยุดไปเลย

The only way we’ll be able to forecast correctly and prepare accordingly

ทางเดียวที่เราจะทำนายได้ถูก และเตรียมตัว

will be to continue to study currents and the powerful forces that shape them.

ก็คือศึกษากระแสน้ำ และปัจจัยที่ส่งผลต่อมัน