What causes an economic recession? - Richard Coffin

Translator: Supphasake SAPPHASORN Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

For millennia,

หลายพันปีมาแล้ว

the people of Britain had been using bronze to make tools and jewelry,

ผู้คนในอังกฤษใช้โลหะสัมฤทธิ์ ในการสร้างเครื่องมือและเครื่องประดับ

and as a currency for trade.

และเพื่อเป็นสกุลเงิน ในการแลกเปลี่ยน

But around 800 BCE, that began to change:

แต่ในราว 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้น

the value of bronze declined, causing social upheaval and an economic crisis—

มูลค่าของสัมฤทธิ์ตกต่ำ ก่อให้เกิดความโกลาหลและวิกฤตเศรษฐกิจ

what we would call a recession today.

ซึ่งในทุกวันนี้เราเรียกว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

What causes recessions?

อะไรคือสาเหตุของภาวะเศรษฐกิจถดถอย

This question has long been the subject of heated debate among economists,

คำถามนี้เป็นประเด็นถกเถียง อย่างเผ็ดร้อนในหมู่นักเศรษฐศาสตร์

and for good reason.

เพื่อหาเหตุผลดีๆ

A recession can be a mild decline in economic activity

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเป็น กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างไม่รุนแรง

in a single country that lasts months,

ในประเทศหนึ่งซึ่งกินเวลานานเป็นเดือน ๆ

a long-lasting downturn with global ramifications that last years,

หรือตกต่ำในระดับโลกที่กินเวลานานเป็นปี ๆ

or anything in between.

หรือระดับอื่น ๆ ในระหว่างนั้น

Complicating matters further,

ในความซับซ้อนมากไปกว่านั้น

there are countless variables that contribute to an economy’s health,

มีปัจจัยอีกนับไม่ถ้วน ที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ

making it difficult to pinpoint specific causes.

ซึ่งเป็นการยากที่จะหาสาเหตุที่เฉพาะเจาะจง

So it helps to start with the big picture:

ดังนั้นเป็นการง่ายหากเราเริ่มมองจากภาพรวม

recessions occur when there is a negative disruption

ภาวะถดถอยปรากฎขึ้นเมื่อมีความปั่นป่วน

to the balance between supply and demand.

ในการรักษาสมดุล ระหว่างความต้องการซื้อและขาย

There’s a mismatch between how many goods people want to buy,

มีความไม่สอดคล้องกันระหว่าง จำนวนสินค้าที่ผู้คนต้องการซื้อ

how many products and services producers can offer,

กับจำนวนสินค้าและบริการ ที่ผู้ผลิตสามารถเสนอขาย

and the price of the goods and services sold, which prompts an economic decline.

และราคาขายของสินค้าและบริการ นั้นเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจตกต่ำ

An economy’s relationship between supply and demand

ความสัมพันธ์ระหว่าง เศรษฐกิจกับความต้องการซื้อและขาย

is reflected in its inflation rates and interest rates.

สะท้อนภาพให้เห็นใน อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

Inflation happens when goods and services get more expensive.

ภาวะเงินเฟ้อ เกิดขึ้นเมื่อราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น

Put another way, the value of money decreases.

ในอีกด้านหนึ่ง มูลค่าของเงินลดลง

Still, inflation isn’t necessarily a bad thing.

ถึงกระนั้น เงินเฟ้อไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป

In fact, a low inflation rate is thought to encourage economic activity.

ในความเป็นจริงแล้ว อัตราเงินเฟ้อต่ำ เป็นการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

But high inflation that isn’t accompanied with high demand

แต่อัตราเงินเฟ้อสูง ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการซื้อที่สูง

can both cause problems for an economy and eventually lead to a recession.

สามารถสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งนำไปสู่ภาวะถดถอยได้

Interest rates, meanwhile,

ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ย

reflect the cost of taking on debt for individuals and companies.

สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนของการก่อหนี้ สำหรับบุคคลหรือบริษัท

The rate is typically an annual percentage of a loan

อัตรดอกเบี้ยโดยทั่วไป เป็นอัตราร้อยละต่อปีของเงินกู้

that borrowers pay to their creditors until the loan is repaid.

ที่ลูกหนี้จ่ายให้เจ้าหนี้ จนกว่าจะชำระหนี้ครบ

Low interest rates mean that companies can afford to borrow more money,

อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำนั้นหมายถึง บริษัทสามารถกู้ยืมเงินได้มากขึ้น

which they can use to invest in more projects.

นั่นทำให้พวกเขาสามารถนำไปลงทุน ในหลายโครงการมากขึ้น

High interest rates, meanwhile, increase costs for producers and consumers,

ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยสูง จะเพิ่มต้นทุนของผู้ผลิตและผู้บริโภค

slowing economic activity.

ฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ช้าลง

Fluctuations in inflation and interest rates

ความผันผวนของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

can give us insight into the health of the economy,

ช่วยให้เราเข้าใจสภาพเศรษฐกิจดียิ่งขึ้น

but what causes these fluctuations in the first place?

ว่าแต่อะไรคือสาเหตุ ของความผันผวนตั้งแต่ต้น

The most obvious causes are shocks like natural disaster, war,

สาเหตุที่ชัดที่สุดคือเรื่องคาดไม่ถึง อย่างภัยพิบัติทางธรรมชาติ สงคราม

and geopolitical factors.

และปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์

An earthquake, for example,

ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหว

can destroy the infrastructure needed to produce important commodities such as oil.

สามารถทำลายสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญ เช่น น้ำมัน

That forces the supply side of the economy to charge more for products that use oil,

ทำให้ฝั่งผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจ ต้องขึ้นราคาสินค้าที่พึ่งพิงการใช้น้ำมัน

discouraging demand and potentially prompting a recession.

ส่งผลให้ความต้องการซื้อสินค้าต่ำลง และเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

But some recessions occur in times of economic prosperity—

แต่ในบางครั้ง ภาวะถดถอยเกิดขึ้นได้ ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรือง

possibly even because of economic prosperity.

เป็นไปได้แม้กระทั่งเนื่องจาก เศรษฐกิจรุ่งเรือง

Some economists believe that business activity from a market’s expansion

นักเศรษฐศาสตร์บางท่านเชื่อว่า กิจกรรมทางธุรกิจจากการขยายตลาด

can occasionally reach an unsustainable level.

มีโอกาสไปถึงระดับที่ไม่ยั่งยืน

For example, corporations and consumers may borrow more money

ตัวอย่างเช่น บริษัทและผู้บริโภค อาจกู้ยืมเงินมากขึ้น

with the assumption that economic growth will help them handle the added burden.

โดยคาดว่าเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต จะช่วยให้รับมือกับภาระหนี้สินที่มากขึ้นได้

But if the economy doesn’t grow as quickly as expected,

แต่หากเศรษฐกิจไม่โตเร็วดังที่คาดไว้

they may end up with more debt than they can manage.

ในท้ายที่สุดพวกเขาอาจจมอยู่กับกองหนี้ ที่พวกเขาไม่อาจรับมือได้

To pay it off, they’ll have to redirect funds from other activities,

เพื่อการชำระหนี้พวกเขาจำเป็นต้อง เปลี่ยนทิศทางเงินทุนจากส่วนอื่นๆ ในธุรกิจ

reducing business activity.

หรือลดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจลง

Psychology can also contribute to a recession.

ในด้านจิตวิทยาก็เป็นปัจจัยสนับสนุน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เช่นกัน

Fear of a recession can become a self-fulfilling prophecy

ความกลัวว่าเศรษฐกิจจะถดถอย จะเป็นดังการพยากรณ์ที่ย้ำความเชื่อของตน

if it causes people to pull back investing and spending.

หากความกลัวทำให้ผู้คน ยับยั้งการใช้จ่ายและลงทุน

In response, producers might cut operating costs

ในการรับมือกับเรื่องนี้ ผู้ผลิตอาจตัดลดต้นทุนการดำเนินการ

to help weather the expected decline in demand.

เพื่อช่วยรับมือกับความต้องการซื้อสินค้า ที่ลดลงตามที่คาดการณ์ไว้

That can lead to a vicious cycle as cost cuts eventually lower wages,

ซึ่งจะนำไปสู่วงจรการตัดลดต้นทุน แม้กระทั่งการลดค่าจ้าง

leading to even lower demand.

นำไปสู่ความต้องการซื้อสินค้าที่ต่ำลงไปอีก

Even policy designed to help prevent recessions can contribute.

แม้กระทั่งนโยบายที่ถูกออกแบบเพื่อป้องกัน ภาวะถดถอยสามารถเป็นปัจจัยสนับสนุน

When times are tough, governments and central banks may print money,

ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก รัฐบาลและธนาคารกลางอาจพิมพ์เงินเพิ่ม

increase spending, and lower central bank interest rates.

เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางลง

Smaller lenders can in turn lower their interest rates,

ผู้ให้กู้ขนาดเล็กลงไป สามารถลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง

effectively making debt “cheaper” to boost spending.

ส่งผลให้การก่อหนี้ ”ถูกลง” เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย

But these policies are not sustainable and eventually need to be reversed

แต่นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ผลเสมอไป และอาจจำเป็นต้องกลับทิศทางของนโยบาย

to prevent excessive inflation.

เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อที่เกินจำเป็น

That can cause a recession if people have become too reliant on cheap debt

ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของภาวะถดถอย หากผู้คนไว้วางใจในหนี้ราคาถูก

and government stimulus.

และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมากเกินไป

The Bronze recession in Britain eventually ended when the adoption of iron

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุคสัมฤทธิ์ ในที่สุดก็จบลงเมื่อเหล็กถูกนำมาใช้

helped revolutionize farming and food production.

ส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติทางการเกษตร และการผลิตอาหาร

Modern markets are more complex,

การค้าในยุคปัจจุบันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

making today’s recessions far more difficult to navigate.

ทำให้การค้นหา ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันยากขึ้น

But each recession provides new data to help anticipate and respond

แต่ทุกๆภาวะถดถอยได้ให้ข้อมูลใหม่ๆกับเรา ในการช่วยคาดการณ์และรับมือ

to future recessions more effectively.

กับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น