History vs. Christopher Columbus - Alex Gendler

ประวัติศาสตร์ ปะทะ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส - อเล็กซ์ เจนด์เลอร์ (Alex Gendler)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Thitiporn Ratanapojnard

Many people in the United States and Latin America

คนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและลาตินอเมริกา

have grown up celebrating the anniversary of Christopher Columbus's voyage,

เติบโตขึ้นมากับการฉลองวันครบรอบ การเดินทางของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

but was he an intrepid explorer who brought two worlds together

แต่เขาเป็นนักสำรวจผู้กล้าหาญ ผู้นำโลกทั้งสองมาพบกัน

or a ruthless exploiter who brought colonialism and slavery?

หรือเป็นนักแสวงผลประโยชน์ไร้ปรานี ผู้นำมาซึ่งการล่าอาณานิคมและระบบทาส

And did he even discover America at all?

และเขาเป็นผู้ค้นพบอเมริกาจริงๆ หรือ

It's time to put Columbus on the stand in History vs. Christopher Columbus.

ถึงเวลาที่จะนำโคลัมบัสมาขึ้นแท่น ใน ประวัติศาสตร์ ปะทะ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

"Order, order in the court.

"อยู่ในความสงบ ให้ความเคารพต่อศาลด้วย

Wait, am I even supposed to be at work today?"

เดี๋ยว วันนี้ฉันต้องมาทำงานด้วยหรอเนี่ย"

Cough

อะแฮ่ม

"Yes, your Honor.

"ครับท่าน

From 1792, Columbus Day was celebrated in many parts of the United States

ตั้งแต่ ค.ศ. 1792 มีการเฉลิมฉลองวันโคลัมบัส ในหลายส่วนของสหรัฐอเมริกา

on October 12th, the actual anniversary date.

ในวันที่ 12 ตุลาคม วันครบรอบจริงๆ

But although it was declared an official holiday in 1934,

แต่แม้ว่ามันจะได้รับการประกาศ เป็นวันหยุดอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1934

individual states aren't required to observe it.

แต่ละรัฐก็ไม่จำเป็นต้องฉลองกันในวันนั้น

Only 23 states close public services,

มีเพียง 23 รัฐ ที่รัฐหยุดทำงาน

and more states are moving away from it completely."

และรัฐอื่นๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิด"

Cough

อะแฮ่ม

"What a pity.

"น่าเสียดายนะ

In the 70s, we even moved it to the second Monday in October

ในยุค 70 เราย้ายวันไปเป็น จันทร์ที่สองของเดือนตุลาคม

so people could get a nice three-day weekend,

ให้คนได้หยุดสุดสัปดาห์ยาวสามวัน

but I guess you folks just hate celebrations."

แต่ผมคิดว่าพวกคุณ คงจะไม่ชอบเฉลิมฉลองล่ะมั้ง"

"Uh, what are we celebrating again?"

"อืม เราฉลองอะไรกันนะ"

"Come on, Your Honor, we all learned it in school.

"ไม่เอาน่า ศาลที่เคารพ เราทุกคนก็เรียนกันที่โรงเรียน

Christopher Columbus convinced the King of Spain to send him on a mission

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสโน้มน้าวกษัตริย์แห่งสเปน ให้ส่งเขาไปปฏิบัติภารกิจ

to find a better trade route to India,

เพื่อหาเส้นทางการค้าไปอินเดียที่ดีกว่า

not by going East over land but sailing West around the globe.

โดยไม่เดินทางข้ามแผ่นดินไปทางตะวันออก แต่ให้แล่นเรือไปทางตะวันตกรอบโลก

Everyone said it was crazy because they still thought the world was flat,

ทุกคนบอกว่า มันบ้าบอ เพราะว่าพวกเขายังคิดว่าโลกแบน

but he knew better.

แต่เขารู้ดีกว่า

And when in 1492 he sailed the ocean blue,

และในปี ค.ศ. 1492 เขาแล่นเรือออกมหาสมุทรสีคราม

he found something better than India:

เขาพบอะไรบางอย่างที่ดีกว่าอินเดีย

a whole new continent."

ทวีปใหม่"

"What rubbish.

"ไร้สาระ

First of all, educated people knew the world was round since Aristotle.

ประการแรก คนที่มีการศึกษา รู้ว่าโลกกลมตั้งแต่ยุคอริสโตเติล

Secondly, Columbus didn't discover anything.

ประการที่สอง โคลัมบัสไม่ได้ค้นพบอะไรเลย

There were already people living here for millennia.

มีคนอาศัยอยู่ที่นั่นมาเป็นพันๆ ปีแล้ว

And he wasn't even the first European to visit.

และเขาก็ไม่ได้เป็นคนยุโรปคนแรก ที่ไปที่นั่นอีกด้วย

The Norse had settled Newfoundland almost 500 years before."

ชาวนอร์สตั้งถิ่นฐานที่นิวฟาวแลนด์ เกือบ 500 ปีก่อน

"You don't say, so how come we're not all wearing those cow helmets?"

"พูดอย่างนี้ได้อย่างไรกัน แล้วทำไมเราไม่ใส่หมวกหัววัวกันล่ะ"

"Actually, they didn't really wear those either."

"อันที่จริง พวกเขาไม่ได้ใส่มันหรอก"

Cough

อะแฮ่ม

"Who cares what some Vikings did way back when?

"ใครจะไปสนว่าพวกไวกิ้งทำอะไรในตอนนั้น

Those settlements didn't last, but Columbus's did.

พวกที่ตั้งรกรากไม่ได้อยู่ถาวร ไม่เหมือนพวกของโคลัมบัส

And the news he brought back to Europe spread far and wide,

และข่าวที่เขานำกลับไปยังยุโรป ก็ขจรขจายออกไป

inspiring all the explorers and settlers who came after.

สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักสำรวจ และผู้ตั้งรกรากถิ่นฐานที่เข้ามาหลังจากนั้น

Without him, none of us would be here today."

ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็คงจะไม่มีวันนี้"

"And because of him, millions of Native Americans aren't here today.

"และก็เพราะเขา ชาวอเมริกันพื้นเมืองหลายล้าน เลยไม่ได้มีวันนี้

Do you know what Columbus did in the colonies he founded?

คุณรู้ไหมว่าโคลัมบัสทำอะไรลงไป กับอาณานิคมที่เขาสร้างขึ้น

He took the very first natives he met prisoner

เขาจับชาวพื้นเมืองคนแรกที่เขาพบเป็นนักโทษ

and wrote in his journal about how easily he could conquer and enslave all of them."

และเขียนในบันทึกของเขาว่า มันง่ายเพียงใดที่เขาสามารถพิชิตและกดขี่พวกเขา"

"Oh, come on. Everyone was fighting each other back then.

"โอ้ ไม่เอาน่า ตอนนั้นทุกคนก็สู้กันไปสู้กันมาแหละ

Didn't the natives even tell Columbus

ไม่ใช่ว่าชาวพื้นเมืองถึงกับบอกโคลัมบัส

about other tribes raiding and taking captives?"

เกี่ยวกับเรื่องการโจมตีเผ่าอื่น และการจับพวกเขางั้นหรือ"

"Yes, but tribal warfare was sporadic and limited.

"ใช่ แต่สงครามระหว่างเผ่า ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยและอยู่ในวงจำกัด

It certainly didn't wipe out 90% of the population."

มันไม่ได้ล้างบางประชากรถึง 90% แน่ๆ"

"Hmm. Why is celebrating this Columbus so important to you, anyway?"

"อืม แล้วทำไมการฉลองให้โคลัมบัสคนนี้ ถึงสำคัญกับคุณนักหนาล่ะ"

"Your Honor, Columbus's voyage was an inspiration

"ข้าแต่ศาลที่เคารพ การเดินทางของโคลัมบัส เป็นแรงบันดาลใจ

to struggling people all across Europe, symbolizing freedom and new beginnings.

ให้กับผู้คนที่ต่อสู้ดิ้นรนทั่วทวีปยุโรป เป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพและการเริ่มต้นใหม่

And his discovery gave our grandparents and great-grandparents

และการค้นพบของเขาได้มอบโอกาสให้กับ ปู่ย่าตายายและทวดของพวกเรา

the chance to come here and build better lives for their children.

ที่มาที่นี่และสร้างชีวิตที่ดีกว่า ให้กับลูกหลาน

Don't we deserve a hero to remind everyone that our country

ไม่ควรแล้วหรอกหรือที่เราจะมีวีรบุรุษ ไว้คอยย้ำเตือนเราทุกคนว่า

was build on the struggles of immigrants?"

ประเทศของเราสร้างมาด้วยความยากลำบาก ของผู้อพยพ"

"And what about the struggles of Native Americans

"แล้วความยากลำบากของชาวอเมริกันพื้นเมือง

who were nearly wiped out and forced into reservations

ที่เกือบจะโดนล้างเผ่าพันธ์ุ แถมถูกบับบังคับให้อยู่ในเขตอนุรักษ์

and whose descendants still suffer from poverty and discrimination?

และลูกหลานของพวกเขาก็ยังได้รับความทุกข์ จากความยากจนและการเหยียดผิวอีกล่ะ

How can you make a hero out of a man who caused so much suffering?"

คุณจะให้คนที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์มากมาย มาเป็นวีรบุรุษได้อย่างไรกัน"

"That's history. You can't judge a guy in the 15th century by modern standards.

"นั่นมันเป็นประวัติศาสตร์ คุณไม่อาจตัดสิน คนในศตวรรษที่ 15 ด้วยมาตรฐานปัจจุบันได้หรอก

People back then even thought spreading

คนในสมัยนั้นคิดกระทั่งว่า

Christianity and civilization across the world was a moral duty."

การเผยแพร่ศาสนาคริสต์และอารยธรรมไปทั่วโลก เป็นหน้าที่ทางศีลธรรม"

"Actually, he was pretty bad, even by old standards.

"อันที่จริง เขาเลวร้ายทีเดียว แม้ว่าจะใช้มาตรฐานในอดีต

While governing Hispaniola, he tortured and mutilated

ในขณะที่เขาปกครองฮีสปานิโอลา เขาทรมานและตัดแขนขา

natives who didn't bring him enough gold

ชาวพื้นเมืองที่เอาทองมาให้เขาไม่พอ

and sold girls as young as nine into sexual slavery,

และขายเด็กหญิงอายุน้อยๆ เก้าขวบก็มี ให้ไปเป็นทาสกาม

and he was brutal even to the other colonists he ruled,

กระทั่งยังโหดร้ายต่อผู้อยู่ในนิคม ที่เขาปกครองอยู่

to the point that he was removed from power and thrown in jail.

จนถึงขั้นที่เขาถูกยึดอำนาจ และถูกโยนเข้าคุก

When the missionary, Bartolomé de las Casas,

เมื่อบาทหลวงสอนศาสนา บาร์โทโลเมร์ เดอร์ ลาส คาซาส

visited the island, he wrote,

มาเยื่ยมที่เกาะ เขาบันทึกไว้ว่า

'From 1494 to 1508, over 3,000,000 people had perished

"จากปี ค.ศ. 1494 ถึง 1508 คนกว่า 3,000,000 รายเสียชีวิต

from war, slavery and the mines. Who in future generations will believe this?'"

จากสงคราม การค้าทาส และการทำเหมือง คนรุ่นหลังจะเชื่อเรื่องพวกนี้หรือ'"

"Well, I'm not sure I believe those numbers."

"อืม ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่าผมเชื่อตัวเลขพวกนี้"

"Say, aren't there other ways the holiday is celebrated?"

"บอกมา มีการฉลองงานนี้แบบอื่นไหม"

"In some Latin American countries,

"ในประเทศลาตินอเมริกาบางประเทศ

they celebrate the same date under different names, such as Día de la Raza.

พวกเขาเฉลิมฉลองวันเดียวกัน ในชื่อต่างออกไป เช่น เดีย เดอร์ ลา ราซา

In these places, it's more a celebration of the native and mixed cultures

ในสถานที่เหล่านี้ มันเป็นการเฉลิมฉลอง วัฒนธรรมพื้นเมืองและวัฒนธรรมผสมผสาน

that survived through the colonial period.

ที่รอดพ้นช่วงการล่าอาณานิคมมาได้

Some places in the U.S. have also renamed the holiday,

บางที่ในสหรัฐฯ ยังมีการตั้งชื่อวันหยุดใหม่

as Native American Day or Indigenous People's Day

เป็นวันอเมริกันพื้นเมือง หรือวันชนพื้นเมือง

and changed the celebrations accordingly."

และเปลี่ยนการฉลองตามไปด้วย"

"So, why not just change the name if it's such a problem?"

"ฉะนั้น ทำไมไม่แค่เปลี่ยนชื่อล่ะ ถ้ามันเป็นปัญหาขนาดนั้น"

"Because it's tradition.

"เพราะว่ามันเป็นประเพณี

Ordinary people need their heroes and their founding myths.

คนทั่วไปต้องการวีรบุรุษ และตำนานการก่อตั้งของพวกเขา

Can't we just keep celebrating the way we've been doing for a century,

ทำไมเราจะฉลองกันต่อไป ในแบบที่เราทำกันมาเป็นศตวรรษ

without having to delve into all this serious research?

โดยไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ ขุดเรื่องเครียดๆ พวกนี้ขึ้นมาไม่ได้หรือ

It's not like anyone is actually celebrating genocide."

ใช่ว่าทุกคนกำลังฉลอง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันซะเมื่อไร"

"Traditions change, and the way we choose to keep them alive

"การเปลี่ยนแปลงประเพณี และวิธีการ ที่เราเลือกให้มันยังคงอยู่

says a lot about our values."

ก็บอกอะไรมากมายถึงคุณค่าของเรา"

"Well, it looks like giving tired judges a day off isn't one of those values, anyway."

"สงสัยว่าการให้วันหยุดกับผู้พิพากษาผู้เหน็ดเหนื่อย ไม่ได้เป็นหนึ่งในคุณค่าที่ว่านี้อยู่ดี"

Traditions and holidays are important to all cultures,

ประเพณีและวันหยุด มีความสำคัญต่อทุกวัฒนธรรม

but a hero in one era may become a villain in the next

แต่วีรบุรุษในยุคหนึ่ง อาจเป็นผู้ร้ายในยุคถัดไป

as our historical knowledge expands and our values evolve.

เมื่อความรู้ทางประวัติศาสตร์ของเรากว้างขึ้น และคุณค่าของเราพัฒนาไป

And deciding what these traditions should mean today

และการตัดสินว่า ประเพณีควรมีความหมายอย่างไรในปัจจุบัน

is a major part of putting history on trial.

เป็นส่วนสำคัญ ของการนำประวัติศาสตร์มาพิจารณา