What is the tragedy of the commons? - Nicholas Amendolare

Translator: Rawee Ma Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

Imagine as a thought experiment that you live in a small village

ลองจินตนาการ ว่าคุณอาศัยอยู่ใน หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

and depend on the local fish pond for food.

ทุกคนต่างหาปลามาเป็นอาหาร จากสระน้ำของหมู่บ้าน

You share the pond with three other villagers.

คุณใช้สระน้ำนี้ร่วมกับชาวบ้านอีกสามคน

The pond starts off with a dozen fish, and the fish reproduce.

แรกเริ่มในสระน้ำมีปลาสิบสองตัว จากนั้นพวกมันเริ่มออกลูกออกหลาน

For every two fish, there will be one baby added each night.

ปลาแต่ละคู่ จะออกลูกปลาหนึ่งตัวทุกครั้ง

So, in order to maximize your supply of food,

ดังนั้น เพื่อจะให้มีปลาเหลือไว้เป็นอาหาร ได้มากที่สุด

how many fish should you catch each day?

คุณควรจะตกปลาวันละกี่ตัว

Take a moment to think about it.

ลองใช้เวลาคิดเรื่องนี้

Assume baby fish grow to full size immediately

ให้คิดว่าลูกปลาโตเต็มวัยในทันที

and that the pond begins at full capacity,

และในสระน้ำจะมีปลามากที่สุดแค่สิบสองตัว

and ignore factors like the sex of the fish you catch.

และไม่รวมปัจจัยอื่นๆ เช่น เพศของปลา ที่คุณจับได้

The answer? One, and it's not just you.

คำตอบคือ หนึ่งตัว และไม่ใช่แต่เฉพาะคุณ

The best way to maximize every villager's food supply

วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทุกคน มีอาหารกินได้นานที่สุด

is for each fisherman to take just one fish each day.

คือ ให้ทุกคนจับปลาแค่วันละหนึ่งตัว

Here's how the math works.

ผมจะคำนวณให้คุณดูว่าเป็นอย่างไร

If each villager takes one fish, there will be eight fish left over night.

ถ้าทุกคนในหมู่บ้านจับปลาแค่คนละหนึ่งตัว จะมีปลาเหลือแปดตัวในสระนำ้ทุกคืน

Each pair of fish produces one baby,

ปลาแต่ละคู่จะออกลูกคู่ละหนึ่งตัว

and the next day, the pond will be fully restocked with twelve fish.

ในวันต่อไปก็จะมีปลาในสระน้ำทั้งหมด อีกสิบสองตัว

If anyone takes more than one, the number of reproductive pairs drops,

ถ้ามีใครจับปลาเกินไปแค่หนึ่งตัว จำนวนพ่อแม่ปลาที่จะออกลูกก็จะน้อยลง

and the population won't be able to bounce back.

แล้วประชากรปลาก็จะไม่มีวันกลับมาเท่าเดิม

Eventually, the fish in the lake will be gone,

ในที่สุดก็จะไม่มีปลาเหลืออีกเลย

leaving all four villagers to starve.

ทิ้งให้ชาวบ้านทั้งสี่คนอดตาย

This fish pond is just one example of a classic problem

บ่อปลาเป็นแค่หนึ่งในปัญหาคลาสสิคที่มีมานาน

called the tragedy of the commons.

เรียกว่า โศกนาฏกรรมของสาธารณสมบัติ (the tradegy of the commons)

The phenomenon was first described in a pamphlet

โศกนาฏกรรมของสาธารณสมบัติ ถูกพูดถึงครั้งแรกในจุลสาส์น

by economist William Forster Lloyd in 1833

โดยนักเศรษฐศาสตร์วิลเลียม ฟอร์สเตอร์ ลอยด์ ในปีค.ศ.1833

in a discussion of the overgrazing of cattle

ในการถกปัญหาเรื่อง การกินหญ้าที่มากเกินไป ของปศุสัตว์

on village common areas.

ในพื้นที่ส่วนรวมของหมู่บ้าน

More than 100 years later, ecologist Garrett Hardin revived the concept

กว่า 100 ปีต่อมา นักนิเวศวิทยา การ์เรตต์ ฮาร์ดิน นำแนวคิดมาพูดอีกครั้ง

to describe what happens when many individuals

เพื่อใช้อธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนหลายคนมาอยู่รวมกัน

all share a limited resource,

และต้องแบ่งปันทรัพยากรอันมีอยู่จำกัด

like grazing land,

เช่น ทุ่งเลี้ยงสัตว์

fishing areas,

แหล่งหาปลา

living space,

พื้นที่อยู่อาศัย

even clean air.

หรือแม้แต่อากาศที่สะอาด

Hardin argued that these situations pit short-term self-interest

ฮาร์ดิน ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์เหล่านี้ เป็นความเห็นแก่ตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ

against the common good,

ที่เป็นผลเสียต่อส่วนรวม

and they end badly for everyone,

และจบลงอย่างเลวร้ายสำหรับทุกคน

resulting in overgrazing,

ผลจากการเลี้ยงปศุสัตว์มากไป

overfishing,

การทำประมงเกินขนาด

overpopulation,

ประชากรมากเกินไป

pollution,

มลพิษ

and other social and environmental problems.

และปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

The key feature of a tragedy of the commons

กุญแจสำคัญของโศกนาฏกรรมของสาธารณสมบัติ

is that it provides an opportunity for an individual to benefit him or herself

คือ มันสร้างโอกาสให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง สามารถทำประโยชน์ให้ตนเอง

while spreading out any negative effects across the larger population.

ขณะที่กระจายผลกระทบทางลบออกไปในวงกว้าาง

To see what that means, let's revisit our fish pond.

เพื่อให้เข้าใจว่ามันคืออะไร กลับไปที่บ่อปลาของเรา

Each individual fisherman is motivated

ชาวบ้านแต่ละคนล้วนแต่มุ่งมั่น

to take as many fish as he can for himself.

ที่จะจับปลากลับไปให้ได้มากที่สุด

Meanwhile, any decline in fish reproduction

ขณะเดียวกัน การลดลงของประชากรปลาในบ่อปลา

is shared by the entire village.

ส่งผลกระทบไปทั้งหมู่บ้าน

Anxious to avoid losing out to his neighbors,

ทุกคนต่างกลัวที่จะสูญเสียปลา ให้กับเพื่อนบ้าน

a fisherman will conclude that it's in his best interest to take an extra fish,

ชาวประมงจึงคิดว่าผลประโยชน์ที่ดีที่สุดคือ ต้องจับปลากลับไปเพิ่มอีกหนึ่งตัว

or two,

หรือสอง

or three.

หรือสาม

Unfortunately, this is the same conclusion reached by the other fisherman,

โชคร้ายที่ชาวประมงคนอื่น ๆ ต่างก็คิดเหมือน ๆ กัน

and that's the tragedy.

และนั่นคือ โศกนาฏกรรม

Optimizing for the self in the short term isn't optimal for anyone in the long term.

การคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนในระยะสั้น ไม่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนในระยะยาว

That's a simplified example, but the tragedy of the commons

นั่นคือตัวอย่างที่ไม่ซับซ้อนของโศกนาฏกรรม ของสาธารณสมบัติ

plays out in the more complex systems of real life, too.

มีให้เห็นในระบบที่สลับซับซ้อน มากกว่าในชีวิตจริงเช่นกัน

The overuse of antibiotics has led to short-term gains in livestock production

การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินขนาดได้นำไปสู่ การเพื่มขึ้นของปศุสัตว์ในระยะสั้น

and in treating common illnesses,

และการรักษาการเจ็บป่วยทั่วไป

but it's also resulted in the evolution of antibiotic-resistant bacteria,

แต่มันเป็นผลทำให้แบคทีเรียดื้อยามากขึ้น

which threaten the entire population.

ซึ่งคุกคามประชากรโดยรวม

A coal-fired power plant produces cheap electricity for its customers

โรงงานไฟฟ้าถ่านหินผลิตไฟฟ้าราคาถูก ให้กับผู้บริโภค

and profits for its owners.

และสร้างผลกำไรให้กับผู้ประกอบการ

These local benefits are helpful in the short term,

ซึ่งผลประโยชน์เหล่านั้นให้ผลดีในระยะสั้น

but pollution from mining and burning coal is spread across the entire atmosphere

แต่มลพิษจากเหมืองและการเผาถ่านหินนั้น กระจายไปทั่วทั้งชั้นบรรยากาศ

and sticks around for thousands of years.

และจะคงอยู่อีกเป็นพัน ๆ ปี

There are other examples, too.

ตัวอย่างอื่นก็มีเช่นกัน

Littering,

การทิ้งขยะเรี่ยราด

water shortages,

การขาดแคลนน้ำ

deforestation,

การทำลายป่า

traffic jams,

ปัญหารถติด

even the purchase of bottled water.

หรือแม้กระทั่ง การซื้อน้ำขวด

But human civilization has proven it's capable of doing something remarkable.

แต่เผ่าพันธ์มนุษย์ได้พิสูจน์ถึงความสามารถ ในการทำสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ

We form social contracts,

เราสร้างสัญญาประชาคม

we make communal agreements,

เรามีฉันทามติ

we elect governments,

เรามีการเลือกตั้งรัฐบาล

and we pass laws.

และเราออกกฎหมาย

All this to save our collective selves from our own individual impulses.

ทั้งหมดนี้เพื่อปกป้องสิ่งที่เราเลือกสรร จากแรงผลักดันส่วนตัวของพวกเราเอง

It isn't easy, and we certainly don't get it right nearly all of the time.

มันไม่ง่าย และแน่นอนว่าหลายครั้ง สิ่งที่เราทำนั้นไม่ถูกต้อง

But humans at our best have shown that we can solve these problems

แต่เมื่อมนุษย์พยายามทำอย่างดีที่สุดได้แสดง ให้เห็นว่า เราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้

and we can continue to do so if we remember Hardin's lesson.

และเราสามารถช่วยกันแก้ปัญหาต่อไป ถ้าเรายังจำบทเรียนของฮาร์ดินได้

When the tragedy of the commons applies,

เมื่อโศกนาฏกรรมของสาธารณสมบัติ เกิดขึ้น

what's good for all of us is good for each of us.

อะไรที่ดีสำหรับพวกเราทุกคน ล้วนดีสำหรับเราทุก ๆ คน