How to build a resilient future using ancient wisdom | Julia Watson

Translator: Chayada Beungmum Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

When you imagine the architectural wonders of the world,

เมื่อจินตนาการถึงสิ่งมหัศจรรย์ ทางสถาปัตยกรรมของโลก

what do you see?

คุณมองเห็นอะไร

The greatness of the Pyramids of Giza

ความยิ่งใหญ่ของพีระมิดแห่งกีซา

or maybe the amazing aqueducts of Ancient Rome?

หรืออาจจะเป็นท่อส่งน้ำอันน่าทึ่ง ของชาวโรมัน

Both of these are amazing feats of human innovation.

ทั้งสองอย่างนี้คือความสำเร็จสุดมหัศจรรย์ จากการออกแบบของมนุษย์

As an architect,

ในฐานะสถาปนิกคนหนึ่ง

I've often wondered why do we monumentalize the ancient wonders

ฉันมักสงสัยว่าทำไมเราต้องระลึกถึง สิ่งมหัศจรรย์โบราณ

of civilizations that collapsed such a long time ago?

ของอารยธรรมต่าง ๆ ที่ล่มสลายไปนานแล้ว

I've traveled the world studying ancient innovation,

ฉันออกเดินทางไปรอบโลก เพื่อศึกษาวิธีการออกแบบอันเก่าแก่

and what I've found are Indigenous technologies from living cultures

และก็ได้พบวิทยาการพื้นเมือง จากวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิต

that are still in use.

ที่ยังคงใช้กันอยู่

And some of these cultures you may have never heard of.

คุณอาจจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ วัฒนธรรมเหล่านี้มาก่อน

They live in the most remote places on earth,

คนพวกนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสุดขอบโลก

facing environmental extremes like desert drought and frequent flooding

เผชิญกับภัยธรรมชาติอันร้ายแรง เช่น ภัยแล้งกลางทะเลทรายและอุทกภัยบ่อยครั้ง

for generations.

มานานหลายชั่วอายุคน

A couple of years ago, I traveled to northern India

สองสามปีที่แล้ว ฉันเดินทางไปอินเดียเหนือ

to a place overlooking the plains of Bangladesh

ไปยังดินแดนที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพ ของที่ราบบังคลาเทศ

where the Khasi people live

ที่คนคาซีอาศัยอยู่

in a forest that receives more rainfall than anywhere else on earth.

ภายในป่าที่มีฝนตกชุกกว่าที่อื่นบนโลก

And during the monsoon season,

ในช่วงฤดูมรสุม

travel between villages is cut off by these floods,

การเดินทางระหว่างหมู่บ้าน ถูกตัดขาดเนื่องจากน้ำท่วม

which transform this entire landscape

ซึ่งเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทั้งหมด

from a forested canopy into isolated islands.

จากพื้นที่ปกคลุมด้วยผืนป่า กลายเป็นเกาะที่ถูกตัดขาด

This hill tribe has evolved living root bridges

ชาวเขาเหล่านี้ค่อย ๆ พัฒนาสะพานรากไม้ขึ้น

that are created by guiding and growing tree roots

โดยคิดค้นจากรากของต้นไม้ ที่ยื่นและเติบโตไปตามทาง

that you can barely wrap your arms around

ที่คุณไม่สามารถใช้เพียงแขนโอบรอบได้

through a carefully woven scaffolding.

สร้างด้วยการใช้นั่งร้าน ที่สานขึ้นอย่างระมัดระวัง

Multiple generations of the Khasi men and the women and the children,

คนคาซีหลายรุ่น ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก

they'll take care of these roots

ต่างดูแลรากไม้เหล่านี้

as they grow to the other side of that bank,

จนพวกมันเหยียดยาว ไปจนถึงอีกฝั่งของตลิ่ง

where they're then planted to make a structure

ที่ต่อมาปลูกขึ้นเพื่อทำเป็นสิ่งปลูกสร้าง

that will get stronger with age.

ที่แข็งแรงขึ้นตามอายุ

This 1,500-year-old tradition of growing living root bridges

ธรรมเนียมที่มีมากว่า 1,500 ปี ในการปลูกสะพานรากไม้นี้

has produced 75 of these incredible structures.

ได้รังสรรค์สิ่งปลูกสร้าง 75 แห่ง ที่น่าเหลือเชื่อขึ้น

And while they take 50 years to grow,

ในขณะที่รากไม้เหล่านี้ใช้เวลาปลูก 50 ปี

in this landscape they actually last for centuries.

พวกมันสามารถยืนยงอยู่ได้หลายศตวรรษ ในภูมิประเทศแห่งนี้

All across the globe,

ทั่วทุกแห่งบนผืนโลก

I've seen cultures who have been living with floods for thousands of years

ฉันได้พบกับวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่กับ อุทกภัยมานานหลายพันปี

by evolving these ancient technologies that allow them to work with the water.

โดยการพัฒนาวิทยาการแบบดั้งเดิม เพื่อให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกับน้ำได้

In the southern wetlands of Iraq,

ในพื้นที่ชุ่มน้ำทางตอนใต้ของอิรัก

which are formed by the confluence of the Tigris and the Euphrates rivers,

ซึ่งเกิดจากการบรรจบกันของ แม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส

a unique, water-based civilization lives.

มีอารยธรรมอันมีเอกลักษณ์ ในการใช้น้ำเพื่อดำรงชีพเป็นหลัก

For 6,000 years, the Maʿdān have floated villages

เป็นเวลา 6,000 ปี ที่ชาวมาดานมีหมู่บ้านลอยน้ำ

on man-made islands that are constructed from a single species of reed

บนเกาะที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ จากต้นกกสายพันธ์ุหนึ่ง

that grows around them.

ที่เกิดอยู่โดยรอบ

And the Qasab reed is integral to every aspect of life.

ต้นกกสายพันธุ์คาซาบนี้ มีความจำเป็นต่อชีวิตอย่างมาก

It is food for water buffalo,

มันเป็นอาหารของกระบือ

flour for humans

เป็นแป้งอาหารสำหรับมนุษย์

and building material for these biodegradable, buoyant islands

และยังเป็นวัสดุในการสร้าง เกาะที่ย่อยสลายและลอยน้ำได้แห่งนี้

and their cathedral-like houses

รวมทั้งบ้านเรือนที่ทรงคล้ายวิหาร

that they construct in as little as three days.

ที่พวกเขาสร้างขึ้นเพียงสามวัน

And this dried Qasab reed,

ต้นคาซาบตากแห้ง

it can be bundled into columns,

ยังสามารถมัดรวมกันเป็นเสา

it can be woven into floors or roofs or walls,

สานเป็นพื้น หลังคา หรือผนัง

and it can also be twisted into a rope

และยังสามารถบิดเกลียวเป็นเชือก

that's used to bind these buildings without the use of any nails.

เพื่อใช้มัดอาคารเหล่านี้แทนการใช้ตะปู

The Maʿdān villages are constructed in the marsh,

หมู่บ้านมาดานสร้างขึ้นกลางหนองน้ำ

as they have been for generations,

พวกเขาอยู่อาศัยมาหลายต่อหลายรุ่น

on islands that stay afloat for over 25 years.

บนเกาะลอยน้ำที่ใช้งานได้มากกว่า 25 ปี

Although global attention is focused on the pandemic,

แม้ทั่วโลกต่างเพ่งความสนใจไปที่โรคระบาด

cities are still sinking and sea levels are still rising.

ยังคงมีหลายเมืองที่จมดิ่งลงเรื่อย ๆ และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

And high-tech solutions

การแก้ไขด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ

are definitely going to help us solve some of these problems,

จะช่วยให้เราแก้ปัญหาบางส่วนได้อย่างแน่นอน

but in our rush towards the future,

แต่การที่เรารีบร้อนมุ่งสู่อนาคต

we tend to forget about the past.

อาจทำให้เราหลงลืมอดีตไป

In other parts of the world, where rivers are contaminated with sewage,

ในบริเวณอื่นของโลก ที่แม่น้ำปนเปื้อนด้วยสิ่งปฏิกูล

a city of 15 million people cleans its waste water with its flood plains.

เมืองหนึ่งที่มีประชากร 15 ล้านคน ทำความสะอาดน้ำเสียด้วยพื้นที่ราบน้ำท่วม

On the edges of Calcutta,

ที่ชายแดนของเมืองกัลกัตตา

flanked by a smoking escarpment of the city's trash

ขนาบข้างไปด้วยควันเผาไหม้ที่ลอยตัวสูง จากบ่อขยะของเมือง

and ribboned by its highways,

และมีทางหลวงพาดผ่าน

an Indigenous technology of 300 fish ponds

มีแนวคิดพื้นเมืองที่ใช้บ่อปลา 300 บ่อ

cleans its water while producing its food.

เพื่อทำความสะอาดน้ำในระหว่าง ที่เกิดกระบวนการผลิตอาหารขึ้น

And through a combination of sunshine and sewage

โดยการผสานกันของแสงอาทิตย์และน้ำเสีย

and a symbiosis between algae and bacteria,

รวมถึงการพึ่งพาอาศัยกัน ของตะไคร่น้ำและแบคทีเรีย

the wastewater is broken down.

ทำให้น้ำเสียหายไปในที่สุด

Fish ponds continue this cleaning of the water

มีการใช้บ่อปลาทำความสะอาด น้ำอย่างต่อเนื่อง

in a process that takes around 30 days.

โดยใช้เวลาดำเนินการประมาณ 30 วัน

And this innovation,

วิธีการนี้

it's not just a model for chemical and coal-power-free purification.

ไม่ได้เป็นเพียงต้นแบบในการชำระล้าง สารเคมีโดยปราศจากการใช้พลังงานถ่านหิน

เนื่องจากมลภาวะหลักของเมืองกัลกัตตา ยังไม่มีวิธีบำบัดอย่างเป็นทางการ

Since Calcutta's core has no formal treatment,

it's the city's only way of cleaning the water downstream

วิธีนี้จึงเป็นทางเดียว ที่ใช้ทำความสะอาดกระแสน้ำ

before it enters the Bay of Bengal.

ก่อนไหลลงสู่อ่าวเบงกอล

What I find so unbelievable about this infrastructure

ฉันพบเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เกี่ยวกับการใช้ระบบนี้

is that as cities across the world in Asia and in Europe

นั่นคือ หลายเมืองทั่วโลก ทั้งในเอเชียและยุโรป

begin to replicate this exact system,

เริ่มหันมาใช้ระบบแบบเดียวกันนี้

Calcutta is now struggling to save it from being displaced by development.

เมืองกัลกัตตาพยายามรักษามันไว้ ไม่ให้ถูกแทนที่ด้วยการพัฒนา

And then to deal with flooding in a completely other way,

นอกจากนี้ยังมีการจัดการ กับปัญหาน้ำท่วมอีกวิธีหนึ่ง

the Tofinu tribe has developed the largest lake city in Africa.

ชนเผ่าโทฟินุได้พัฒนาเมืองทะเลสาบ ขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา

Ganvié, meaning "We survived,"

Ganvié หมายความว่า "เราคือผู้รอดชีวิต"

is built of stilted houses that are organized around a canal system

เป็นการสร้างบ้านยกสูงเรียงรายโดยรอบ ระบบขนส่งทางคลองน้ำ

that you can navigate by dugout canoe.

คุณสามารถเดินทาง ด้วยเรือแคนูที่ขุดจากต้นไม้

And the royal square stands amongst 3,000 stilted buildings

จัตุรัสหลวงตั้งอยู่ท่ามกลาง อาคารยกสูง 3,000 แห่ง

that include a post office,

ประกอบด้วย ที่ทำการไปรษณีย์

a bank, a mosque

ธนาคาร มัสยิด

and even a couple of bars

และมีแม้แต่บาร์สองสามแห่ง

that are all surrounded by 12,000 individual fish paddocks,

ที่รายล้อมไปด้วย แหล่งเพาะเลี้ยงปลา 12,000 แห่ง

or mangrove acadjas.

หรือการส้รางแนวปะการังเพาะเลี้ยงตามชายเลน

This chemical-free artificial reef covers almost half of the lagoon

แนวปะการังเทียมปลอดสารเคมีนี้ ครอบคลุมพื้นที่เกือบครึ่งของทะเลสาบ

and feeds one million people that are living around it.

และยังเป็นแหล่งอาหารให้กับคนจำนวนหนึ่งล้าน ที่อาศัยอยู่โดยรอบ

What amazes me

สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือ

is that while an individual acadja is pretty insignificant,

ขณะที่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแต่ละแห่ง ตามแนวปะการังไม่ค่อยมีความสำคัญมากนัก

when it's multiplied by 12,000,

แต่เมื่อมันเพิ่มทวีขึ้นกว่า 12,000 เท่า

it creates an Indigenous technology the scale of industrial aquaculture,

จึงเกิดแนวคิดท้องถิ่นที่ทำให้อุตสาหกรรม การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น

which is the greatest threat to our mangrove ecosystems ...

ซึ่งถือเป็นการคุกคามที่ใหญ่ที่สุด ต่อระบบนิเวศป่าชายเลน

but this technology --

แต่วิธีการนี้กลับ

it builds more biodiversity than before.

ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

Just earlier this year, when I was back home in Australia,

เมื่อต้นปีนี้เอง ตอนฉันเดินทางกลับบ้านที่ออสเตรเลีย

the craziest thing happened.

สิ่งที่บ้าบอที่สุดได้เกิดขึ้น

The burned ash from the bushfires surrounding Sydney rained down on us

เถ้าถ่านจากไฟป่าที่ล้อมรอบเมืองซิดนีย์ ตกกระหน่ำใส่พวกเรา

on Bondi Beach.

ที่หาดบอนได

And worried about carbon emissions --

การปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นเรื่องที่น่าวิตก

not viral transmissions --

ไม่ใช่เรื่องการแพร่เชื้อไวรัส

we were already wearing masks.

พวกเราต่างก็ต้องสวมใส่หน้ากากกันก่อนแล้ว

The air was so choked by a plume of smoke

อากาศปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันหนา

that was so big that it reached as far away as New Zealand.

ซึ่งมีขนาดใหญ่มากจนครอบคลุม ไปไกลถึงนิวซีแลนด์

Then in the midst of these wildfires,

ท่ามกลางไฟป่า

which were the worst we'd ever seen on record,

ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

something unexpected happened,

มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

but incredibly amazing.

แต่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก

The ancestral lands in Australia,

ดินแดนบรรพบุรุษที่ออสเตรเลีย

where Indigenous fire-stick farming was practiced,

ที่มีการทำเกษตรกรรมแบบติดไฟในท้องถิ่น

were saved as these fires raged around them.

สามารถรอดชีวิตมาได้ในขณะที่ไฟป่า ลุกโหมกระหน่ำล้อมรอบพื้นที่

And these ancient forests --

และป่าเก่าแก่แห่งนี้

they survived because of seasonal, generational burning,

สามารถอยู่รอดได้เพราะมีการเผาไหม้ ตามฤดูกาลที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น

which is an Aboriginal practice of lighting small, slow and cool fires.

เป็นธรรมเนียมของชาวอะบอริจิน

ที่จะจุดไฟจากหย่อมเล็ก ๆ ให้เกิดการเผาไหม้ช้าและเป็นการเผาแบบเย็น

So though wildfires are a natural disaster,

ถึงแม้ว่าไฟป่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ

as a consequence of climate change,

อันเป็นผลมาจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

they're also man-made.

ล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์เช่นกัน

And what's so amazing about this is we have the ancient technology

สิ่งที่น่าทึ่งมาก คือเรามีวิทยาการแบบดั้งเดิม

that we know can help prevent them,

ที่สามารถช่วยป้องกันภัยพิบัติ

and we've used it for thousands of years.

และเราต่างก็ใช้มันมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว

And what I find so fascinating about these technologies

สิ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับวิทยาการเหล่านี้

is how complex they are

คือความซับซ้อนของมัน

and how attuned they are to nature.

และความกลมกลืนกับธรรมชาติ

And then, how resilient we could all become

เราสามารถฟื้นคืนสภาพได้

by learning from them.

โดยเรียนรู้จากพวกเขา

Too often when we are faced with a crisis, we build walls in defense.

บ่อยครั้งมากที่ต้องเผชิญกับวิกฤติ เราต่างสร้างกำแพงขึ้นเพื่อป้องกัน

I'm an architect,

ฉันเป็นสถาปนิก

and I've been trained to seek solutions in permanence --

และผ่านการฝึกฝนให้ค้นหา วิธีแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

concrete, steel, glass --

คอนกรีต เหล็ก แก้ว

these are all used to build a fortress against nature.

สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อสร้าง ป้อมปราการต่อต้านธรรมชาติ

But my search for ancient systems and Indigenous technologies

แต่การสำรวจระบบวิธีการแบบดั้งเดิม และวิทยาการในท้องถิ่นของฉัน

has been different.

ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง

It's been inspired by an idea that we can seed creativity in crisis.

โดยได้แรงบันดาลใจจากแนวคิดว่าเราควรบ่มเพาะ ความคิดสร้างสรรค์ในยามวิกฤต

We have thousands of years of ancient knowledge

เรามีภูมิปัญญาเก่าแก่หลายพันปี

that we just need to listen to

ที่พวกเราควรให้ความสนใจ

and allow it to expand our thinking about designing symbiotically with nature.

และให้พวกมันมาช่วยขยายความคิดเรื่อง การออกแบบเพื่อให้เกิดความสมดุลกับธรรมชาติ

And by listening,

หากรับฟัง

we'll only become wiser

เราจะมีความรอบรู้มากขึ้น

and ready for those 21st-century challenges

และพร้อมรับมือกับสิ่งท้าทายต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21

that we know will endanger our people and our planet.

ที่อาจเป็นอันตราย ต่อผู้คนและดาวเคราะห์ของเรา

And I've seen it.

ฉันมองเห็น

I know that it's possible.

และรู้ว่ามันสามารถเป็นไปได้