Mitch Resnick: Let's teach kids to code

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Uzma Daraman Reviewer: Chana Chananukul

It was a Saturday afternoon in May,

มันเป็นวันเสาร์ตอนบ่ายพฤษภาคม

and I suddenly realized

ที่จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่า

that the next day was Mother's Day,

วันถัดไปเป็นวันแม่

and I hadn't gotten anything for my mom,

และผมยังไม่ได้ซื้ออะไรเป็นของขวัญสำหรับแม่เลย

so I started thinking about

ดังนั้น ผมก็เริ่มคิดว่า

what should I get my mom for Mother's Day?

วันแม่ปีนี้ควรจะให้อะไรกับท่านดี?

I thought, why don't I make her

ผมคิดได้ว่าทำไมไม่ลองทำ

an interactive Mother's Day card

การ์ดวันแม่แบบแสดงออกความรู้สึกสองทางให้ท่านดูล่ะ

using the Scratch software that I'd been developing

ใช้ซอฟต์แวร์สแครตช์(Scratch software) ที่ผมกำลังพัฒนาอยู่

with my research group at the MIT Media Lab?

ลและกลุ่มวิจัยของผมที่ เอ็มไอที มีเดีย แลบ? (MIT Media Lab)

We developed it so that people could easily create

เราพัฒนาก็เพื่อให้คนทั่วไปสามารถสร้าง

their own interactive stories and games and animations,

เรื่องราวแสดงความรู้สึกของตนเอง เกม และภาพเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย

and then share their creations with one another.

และแบ่งปันผลงานให้กับผู้อื่น

So I thought, this would be an opportunity to use Scratch

ดังนั้นผมคิดว่า นี่เป็นโอกาสที่จะได้ใช้ โปรแกรมสแครตช์

to make an interactive card for my mom.

ที่จะทำให้การ์ดแบบแสดงออกความรู้สึกสำหรับแม่

Before making my own Mother's Day card,

ก่อนที่จะทำการ์ดวันแม่ของฉันเอง

I thought I would take a look

ฉันคิดว่าฉันจะใช้เวลาดู

at the Scratch website.

ที่เว็บไซต์สแครตช์

So over the last several years, kids around the world

ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเด็ก ๆ ทั่วโลก

ages 8 and up, have shared their projects,

อายุ 8 ขึ้นไป ได้ทำโปรเจกร่วมกัน

and I thought, I wonder if, of those three million projects,

ฉันคิดว่า และสงสัยว่า ถ้าสามล้านโปรเจกเหล่านั้น

whether anyone else has thought to put up Mother's Day cards.

ว่ามีใครที่จะนำความคิดขึ้นมาทำการ์ดวันแม่

So in the search box I typed in

ดังนั้น ฉันพิมพ์ค้นหาในช่อง search

"Mother's Day,"

"วันแม่." ("Mother's Day")

and I was surprised and delighted to see a list

และที่ผมประหลาดใจ และปิติที่เห็นรายการที่แสดง

of dozens and dozens of Mother's Day cards

มากเป็นโหล ๆ ของการ์ดวันแม่

that showed up on the Scratch website,

ที่แสดงบนเว็บไซต์สแครตซ์

many of them just in the past 24 hours

มากมายแค่ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

by procrastinators just like myself.

โดย ไม่รีรอ เป็นอุปนิสัยของตัวผมเอง

So I started taking a look at them. (Music)

ดังนั้น ผมเริ่มต้นมองตรวจดู (ดนตรี)

I saw one of them that featured a kitten

ฉันเห็นการ์ดใบหนึ่งที่เป็นภาพจุดเด่นของลูกแมว

and her mom and wishing her mom a happy Mother's Day.

และแม่ของเธอส่งคำอวยพรให้แม่ของเธอ ให้มีความสุขในวันแม่

And the creator very considerately

และผู้สร้างโปรแกรมมีน้ำใจมาก

offered a replay for her mom.

เสนอมีการเล่นซ้ำ อวยพรให้แม่ของเธอ

Another one was an interactive project where,

อีกหนึ่งโปรเจกแบบแสดงออกความรู้สึก

when you moved the mouse over the letters of "Happy Mom Day,"

เมื่อคุณย้ายเมาส์(mouse) ผ่านตัวอักษร "Happy Mom Day,"

it reveals a special happy Mother's Day slogan.

มันแสดงให้เห็นสโลแกนวันให่แม่มีความสุขพิเศษ

(Music) In this one, the creator told a narrative

(ดนตรี) ในนี้ ผู้สร้างยังบอกเรื่อง

about how she had Googled to find out

เกี่ยวกับวิธีการที่เธอมี Googled เพื่อค้นหา

when Mother's Day was happening.

เมื่อมีวันแม่เกิดขึ้น

(Typing) And then once she found out when Mother's Day was happening,

(เสียงพิมพ์ดีด) แล้วทันทีที่เธอพบเมื่อไรที่มีวันแม่กิดขึ้น

she delivered a special Mother's Day greeting

เธอส่งการ์ดอวยพรวันแม่เป็นพิเศษ

of how much she loved her mom.

ว่าเธอรักแม่ของเธอมากเพียงใด

So I really enjoyed looking at these projects

ฉันเพลิดเพลินจริง ๆ กับการดูที่โปรเจกเหล่านี้

and interacting with these projects.

และสนใจกับโปรเจกเหล่านี้

In fact, I liked it so much that, instead of making my own project,

ในความเป็นจริง ฉันชอบมันมาก แทนที่จะทำโปรเจกของตนเอง

I sent my mom links to about a dozen of these projects. (Laughter)

ส่งฉัน links เป็นโหลเกี่ยวกับโปรเจกเหล่านี้ (หัวเราะ)

And actually, she reacted exactly the way that I hoped that she would.

และจริง ๆ เธอสนใจ เหมือนดังตามที่ฉันได้หวังใว้

She wrote back to me and she said,

เธอเขียนกลับมาให้ฉัน และเธอพูด ว่า

"I'm so proud to have a son that created the software

"ฉันภูมิใจที่มีบุตรชายสร้างซอฟต์แวร์

that allowed these kids to make Mother's Day cards for their mothers."

ที่อนุญาตเด็ก ๆ เหล่านี้ ทำการ์ดวันแม่สำหรับแม่ของพวกเขา"

So my mom was happy, and that made me happy,

แม่ของผมมีสุข และทำผมมีความสุขด้วย

but actually I was even happier for another reason.

แต่จริง ๆ ผมมีความสุขมากกว่านั้น เหตุผลคือ

I was happy because these kids were using Scratch

ผมมีความสุขเนื่องจากเด็กเหล่านี้ใช้โปรแกรม สแครตซ์

just in the way that we had hoped that they would.

ในทางที่เรามีได้หวังว่าพวกเขาจะเพียงแค่

As they created their interactive Mother's Day cards,

ขณะที่พวกเขาสร้างการ์ดวันแม่แบบแสดงออกความรู้สึก

you could see that they were really

คุณสามารถดูว่า พวกเขาจริง ๆ

becoming fluent with new technologies.

กลายเป็นผู้ใข้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างคล่องแคล่ว

What do I mean by fluent?

ฉันหมายถึงอะไร โดยอย่างคล่องแคล่ว?

I mean that they were able to start expressing themselves

หมายถึง ที่ จะได้สามารถเริ่ม แสดงออกของตนเอง

and to start expressing their ideas.

และเริ่มแสดงความคิดของตนเอง

When you become fluent with language,

เมื่อคุณรู้ภาษาอย่างเชี่ยวชาญ

it means you can write an entry in your journal

นั่นหมายความว่า คุณสามารถเขียนบันทึกในสมุดประจำวันได้

or tell a joke to someone or write a letter to a friend.

หรือพูดล้อเล่นกับคนอื่น หรือเขียนจดหมายถึงเพื่อน

And it's similar with new technologies.

และก็คล้ายกับเทคโนโลยีใหม่

By writing, be creating these interactive Mother's Day cards,

ด้วยการเขียน ได้สร้างการ์ดวันแม่เหล่านี้แบบแสดงออกความรู้สึก

these kids were showing that they were really fluent

เด็กเหล่านี้ได้แสดงว่า พวกเขาเขี่ยวชาญจริง ๆ

with new technologies.

ด้วยเทคโนโลยีใหม่

Now maybe you won't be so surprised by this,

บางทีคุณไม่ประหลาดใจในตอนนี้

because a lot of times people feel that

เพราะคนส่วนมากเวลาที่รู้สึก

young people today can do all sorts of things with technology.

เยาวชนวันนี้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ กับเทคโนโลยี

I mean, all of us have heard young people referred to as "digital natives."

ฉันหมายถึง ทั้งหมดของเราได้ยินเยาวชนที่เรียกว่า "ดิจิทัลเนทิฟ" (digital natives)

But actually I'm sort of skeptical about this term.

แต่จริง ๆ ผมมีข้อกังขาต่าง ๆ เกี่ยวกับคำนี้

I'm not so sure we should be thinking of young people as digital natives.

ไม่แน่ดังนั้นเราควรจะคิดดิจิทัลเนทิฟ ของเยาวชน

When you really look at it, how is it that young people

เมื่อคุณดูมันจริง ๆ ที่เยาวชนเหล่านั้น

spend most of their time using new technologies?

ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเขากับการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างไร?

You often see them in situations like this,

คุณมักจะเห็นได้ในสถานการณ์ เช่นนั้น

or like this,

หรือ เช่นนี้

and there's no doubt that young people

และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเยาวชน

are very comfortable and familiar browsing

สะดวกสบายและ เรียกดูอย่างคุ้นเคย

and chatting and texting and gaming.

ร่วมสนทนา ส่งข้อความ และเล่นเกม

But that doesn't really make you fluent.

แต่ที่จริง ๆ ไม่ได้ทำให้เยาวชนเชี่ยวชาญกับเทคโนโลยีใหม่

So young people today have lots of experience

เยาวชนเป็นจำนวนมากที่มีประสบการณ์ในวันนี้

and lots of familiarity with interacting with new technologies,

และคุ้นเคยกับการแสดงออกความรู้สึกกับเทคโนโลยีใหม่

but a lot less so of creating with new technologies

แต่มีน้อยมากที่จะริเริ่มสร้างเทคโนโลยีใหม่

and expressing themselves with new technologies.

และ แสดงตนเองออกมา ด้วยเทคโนโลยีใหม่

It's almost as if they can read

มันเกือบเสมือนกับเขาเหล่านั้นสามารถอ่าน

but not write with new technologies.

แต่ไม่เขียน ด้วยเทคโนโลยีใหม่

And I'm really interested in seeing, how can we help young people become fluent

และฉันสนใจจริง ๆ ทีจะเห็น วิธีการให้ช่วยทำเยาวชนเป็นผู้เชี่ยวชาญ

so they can write with new technologies?

เพื่อให้เขาสามารถเขียนออกมา ด้วยเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างไร?

And that really means that they need to be able to

และหมายความจริง ๆ ว่า เยาวชนต้องการที่จะสามารถทำได้

write their own computer programs, or code.

ในการเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ของตนเองหรือเขียนโค๊ด

So, increasingly, people are starting to recognize

ดังนั้น เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนกำลังเริ่มตระหนักถึง

the importance of learning to code.

ความสำคัญของการเรียนรู้การเขียนโค๊ด

You know, in recent years, there have been

คุณทราบ ในปีล่าสุด มีการ

hundreds of new organizations and websites

ร้อยกว่าขององค์กรใหม่ และเว็บไซต์

that are helping young people learn to code.

ที่จะช่วยให้เยาวชนเรียนรู้การเขียนโค๊ด

You look online, you'll see places like Codecademy

คุณดูออนไลน์ คุณจะเห็นสถาบันการศึกษา โค๊ดเอเคเดมี่(codecademy)

and events like CoderDojo

และแม้กระทั้งเช่น สถานฝึกหัด โค๊ดเด้อดูโจ (CoderDojo)

and sites like Girls Who Code,

และเช่นเว็บไซต์ เกิลส์ฮูโค๊ด (Girls Who Code)

or Black Girls Code.

หรือ แบลคเกิลส์โค๊ด (Black Girls Code)

It seems that everybody is getting into the act.

เหมือนว่า ทุกคนการเข้าไปมีบทบาท

You know, just at the beginning of this year,

คุณทราบว่า เวลาเริ่มต้นของปีนี้ เพียง

at the turn of the new year,

เวลาเริ่มต้นของปีใหม่

New York City Mayor Michael Bloomberg

นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ไมเคิล บลูมเบิก(Michael Bloomberg)

made a New Year's resolution that he was going to learn

ได้มีปณิธานปีใหม่ว่าเขาจะเรียนรู้

to code in 2012.

การเขียนโค๊ดในปี 2012

A few months later, the country of Estonia decided that

ไม่กี่เดือนหลัง ประเทศเอสโตเนีย(Estonia) ตัดสินใจ

all of its first graders should learn to code.

ให้นักเรียนทั้งหมดของเกรดหนึ่งควรเรียนรู้การเขียนโค๊ด

And that triggered a debate in the U.K.

และถูกกระตุ้นในการอภิปรายในประเทศอังกฤษ (U.K).

about whether all the children there should learn to code.

เกี่ยวกับว่าการเรียนทั้งหมดให้เด็กเรียนเกียวกับการเขียนโค๊ด

Now, for some of you, when you hear about this,

ตอนนี้ สำหรับคุณบางคน เมื่อคุณได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้

it might seem sort of strange about everybody learning to code.

มันอาจดูแปลกเกี่ยวกับทุกคนเรียนรู้การเขียนโค๊ด

When many people think of coding, they think of it

เมื่อหลายคนคิดว่า การเขียนเขียนโค๊ด พวกเขาคิดว่ามัน

as something that only a very narrow sub-community

เป็นบางสิ่งที่เฉพาะกลุ่มย่อยชุมชน

of people are going to be doing,

ของคนจะไปที่จะทำการนี้

and they think of coding looking like this.

และพวกเขาคิดว่า การเขียนโค๊ดเช่นนี้

And in fact, if this is what coding is like,

และในความเป็นจริง ถ้านี่คือสิ่งที่เป็นเหมือนเขียนโค๊ด

it will only be a narrow sub-community of people

มันจะเป็นเฉพาะกลุ่มย่อยชุมชน

with special mathematical skills and technological background

มีทักษะทางคณิตศาสตร์พิเศษและพื้นฐานเทคโนโลยี

that can code.

ที่สามารถเขียนโค๊ด

But coding doesn't have to be like this.

แต่การโค๊ดไม่จำเป็นต้องเหมือนอย่างนี้

Let me show you about what it's like to code in Scratch.

ให้ฉันแสดงคุณเกี่ยวกับอะไรเหมือนกับโค๊ดในสแครตส์

So in Scratch, to code, you just snap blocks together.

ดังนั้น ในแสแครตซ์ โปรแกรม คุณเพียงเคลื่อนย้ายบล็อกเข้าด้วยกัน

In this case, you take a move block,

ในกรณีนี้ คุณย้ายบล็อก

snap it into a stack,

ย้ายเข้าไปในซ้อนกัน

and the stacks of blocks control the behaviors

และแถวของบล็อกจะควบคุมการทำงาน

of the different characters in your game or your story,

ของตัวแสดงที่แตกต่างกันในเกมหรือเรื่องของคุณ

in this case controlling the big fish.

ในกรณีนี้การควบคุมปลาใหญ่

After you've created your program, you can click on "share,"

หลังจากที่คุณได้สร้างโปรแกรมของคุณ คุณสามารถคลิก "แบ่งปัน" ("share")

and then share your project with other people,

แล้ว แบ่งปันโปรเจกของคุณกับคนอื่น

so that they can use the project

เพื่อให้คนอื่น ๆ สามารถใช้โปรเจกได้

and start working on the project as well.

และเริ่มการทำงานในโปรเจกด้วย

So, of course, making a fish game isn't the only thing

ดังนั้น แน่นอน ทำเกมปลาไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำได้

you can do with Scratch.

ที่คุณสามารถทำกับโปรแกรมสแกรตส์

Of the millions of projects on the Scratch website,

กว่าล้านของโปรเจกในเว็บไซต์สแกรตส์

there's everything from animated stories

มีทุกอย่างจากเรื่องราวที่เคลื่อนไหว

to school science projects

โปรเจกวิทยาศาสตร์ของโรงเรียน

to anime soap operas

การการ์ตูนละคร

to virtual construction kits

กับเครื่องมือการก่อสร้างเสมือนจริง

to recreations of classic video games

เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจกับวิดีโอเกมคลาสสิก

to political opinion polls

การสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง

to trigonometry tutorials

การช่วยสอนตรีโกณมิติ

to interactive artwork, and, yes,

งานศิลป์แบบแสดงออกความรู้สึก และ ใช่

interactive Mother's Day cards.

การ์ดวันแม่ที่แสดงออกความรู้สึก

So I think there's so many different ways

ดังนั้นฉันคิดว่า มีวิธีที่มากมาย

that people can express themselves using this,

เยาวชนสามารถ ที่จะแสดงออกได้โดยใช้วิธีนี้

to be able to take their ideas and share their ideas with the world.

เพื่อให้สามารถนำความคิดของตนเอง และแบ่งปันความคิดของตนเองกับโลก

And it doesn't just stay on the screen.

และไม่เพียงยังคงอยู่บนหน้าจอ

You can also code to interact with the physical world around you.

คุณสามารถสร้างโค๊ด เพื่อแสดงความรู้สึกกับโลกทางสัมผัสรอบตัวคุณ

Here's an example from Hong Kong,

นี่คือตัวอย่างจากฮ่องกง

where some kids made a game

ซึ่งเด็กบางคนทำเกม

and then built their own physical interface device

แล้ว สร้างอุปกรณ์เชื่อมต่อทางกายภาพของตนเอง

and had a light sensor, so the light sensor

มีแสงเซ็นเซอร์ ดังนั้นแสงเซ็นเซอร์

detects the hole in the board,

ตรวจพบรูในกระดาษแข็ง

so as they move the physical saw,

ดังนั้นขณะที่พวกเขาย้ายเลื่อนกระดาษแข็ง

the light sensor detects the hole

แสงเซ็นเซอร์ตรวจพบรู

and controls the virtual saw on the screen

ตัวควบคุมภาพที่เห็นเสมือนบนหน้าจอ

and saws down the tree.

เลื่อยตัดต้นไม้ลง

We're going to continue to look at new ways

เรากำลังจะไปให้ดูที่วิธีการใหม่ต่อไป

of bringing together the physical world and the virtual world

นำเข้าด้วยกันในโลกจริงและโลกเสมือนจริง

and connecting to the world around us.

และเชื่อมต่อกับโลกที่อยู่รอบตัวเรา

This is an example from a new version of Scratch

นี่คือตัวอย่างจากการสร้างโปรแกรมสแคร์ตรุ่นใหม่

that we'll be releasing in the next few months,

ว่า เราจะเผยแพร่ออกมาในสอง-สามเดือนหน้า

and we're looking again to be able

และเรากำลังมองอีกครั้งว่ามันจะสามารถ

to push you in new directions.

ผลักดันคุณไปในทิศทางใหม่

Here's an example.

นี่คือตัวอย่าง

It uses the webcam.

ใช้เว็บแคม

And as I move my hand, I can pop the balloons

และเมื่อผมย้ายมือของผม ผมสามารถ ทำให้ลูกโป่งแตก

or I can move the bug.

หรือสามารถไล่แมลง

So it's a little bit like Microsoft Kinect,

ดังนั้นจึงเป็นเหมือนคล้าย ๆ กับ ไมโครซอฟท์ คินเนค( Microsoft Kinect)

where you interact with gestures in the world.

ที่คุณโต้ตอบกับรูปแบบอัปกิริยาที่แสดงออกต่อโลก

But instead of just playing someone else's game,

ซึ่งแทนที่จะเพียงแค่เล่นเกมของคนอื่น

you get to create the games,

คุณได้ทำการสร้างเกม

and if you see someone else's game,

และถ้าคุณเห็นเกมของคนอื่น

you can just say "see inside,"

คุณสามารถแต่พูด "เห็นภายในเกม

and you can look at the stacks of blocks that control it.

คุณสามารถดูแถวของบล็อกที่ควบคุมการใช้งาน

So there's a new block that says how much video motion there is,

ดังนั้น มีบล็อกใหม่ที่ระบุว่า จำนวนครั้งของการเคลื่อนไหว

and then, if there's so much video motion,

ถ้ามีการเคลื่นไหวในวิดีโอมาก

it will then tell the balloon to pop.

แล้วมันจะสั่งให้ บอลลูนแตก

The same way that this uses the camera

วิธีเดียวกันกับที่ใช้กล้อง

to get information into Scratch,

ได้เอารายละเอียดที่ สแครตซ์

you can also use the microphone.

นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ไมโครโฟน

Here's an example of a project using the microphone.

นี่คือตัวอย่างของโปรเจกโดยใช้ไมโครโฟน

So I'm going to let all of you control this game

ดังนั้น คุณจะเป็นผู้ควบคุมเกมนี้ทั้งหมด

using your voices.

จากการใช้เสียงของคุณ

(Crickets chirping) (Shouts) (Chomping)

เสียงจิ้งหรีด เสียงลูกไก่ เสียงตะโกน เสียงแสดงความดีใจ

(Laughter)

(หัวเราะ)

(Applause)

(ปรบมือ)

As kids are creating projects like this,

ขณะที่เด็กกำลังสร้างโปรเจกเช่นนี้

they're learning to code,

เขากำลังเรียนรู้ที่จะโค๊ด

but even more importantly, they're coding to learn.

แต่แม้ยิ่ง พวกเขากำลังเขียนโค้ดเพื่อเรียนรู้

Because as they learn to code,

เนื่องจากพวกเขาเรียนรู้ที่จะโค๊ด

it enables them to learn many other things,

ช่วยให้การเรียนรู้หลายสิ่งอื่น ๆ

opens up many new opportunities for learning.

เปิดโอกาสมากขึ้นในโอกาสการเรียนรู้

Again, it's useful to make an analogy to reading and writing.

อีกครั้ง จะมีประโยชน์เพื่อทำการ เปรียบเทียบการอ่าน และการเขียน

When you learn to read and write, it opens up

เมื่อคุณได้เรียนรู้การอ่าน และเขียน มันเปิดให้

opportunities for you to learn so many other things.

โอกาสสำหรับเยาวชนที่จะเรียนรู้สิ่งอื่น ๆ มาก

When you learn to read, you can then read to learn.

เมื่อคุณได้เรียนรู้การอ่าน คุณสามารถอ่านเพื่อการเรียนรู้

And it's the same thing with coding.

และเป็นสิ่งเดียวกันกับการเขียนโค๊ด

If you learn to code, you can code to learn.

ถ้าคุณเรียนรู้โค๊ด คุณสามารถโค๊ดเพื่อการเรียนรู้

Now some of the things you can learn are sort of obvious.

ขณะนี้ บางสิ่งคุณสามารถเรียนรู้ต่าง ๆ ได้อย่างเข้าใจ

You learn more about how computers work.

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของคอมพิวเตอร์

But that's just where it starts.

แต่นี่เป็นเพียงที่จะเริ่มต้น

When you learn to code, it opens up for you to learn

เมื่อคุณเรียนรู้โค๊ด เปิดขึ้นให้คุณสามารถเรียนรู้

many other things.

หลายสิ่งอื่น ๆ

Let me show you an example.

ให้ผมแสดงตัวอย่าง

Here's another project,

นี่คืออีกโปรเจก

and I saw this when I was visiting

และที่เห็นนี้เมื่อผมไปเยี่ยมชม

one of the computer clubhouses.

แห่งหนึ่งใน คลับเฮ้าส์ คอมพิวเตอร์

These are after-school learning centers that we helped start

เหล่านี้เป็นศูนย์การเรียนรู้ นอกเวลาเรียน ที่เราได้ช่วยเริ่มต้น

that help young people from low-income communities

ที่ช่วยเหลือเยาวชนจากชุมชน ที่มีรายได้ต่ำ

learn to express themselves creatively with new technologies.

เรียนรู้การแสดงออกของเยาวชนเอง คิดสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีใหม่

And when I went to one of the clubhouses a couple years ago,

และเมื่อผมไป คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่ง ในสองสามปีที่ผ่านมา

I saw a 13-year-old boy who was using our Scratch software

เห็นเด็กชายอายุ 13 ปี ที่กำลังใช้ซอฟต์แวร์สแครตส์ของเรา

to create a game somewhat like this one,

สร้างเกมอะไรเหมือนอันนี้

and he was very happy with his game and proud of his game,

เด็กมีความสุขกับเกม และภูมิใจกับเกมของเขาของเขามาก

but also he wanted to do more.

แต่นอกจากนี้ เขายังต้องการทำอีก

He wanted to keep score.

เขาต้องการทำคะแนนเก็บ

So this was a game where the big fish eats the little fish,

ดัง นี้เป็นเกมที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

but he wanted to keep score, so that each time

แต่เขาต้องการคะแนนเก็บ ดังนั้นซึ่งแต่ละครั้ง

the big fish eats the little fish,

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

the score would go up and it would keep track,

คะแนนจะขึ้น และก็จะบันทึกเพื่อการติดตาม

and he didn't know how to do that.

และเขาไม่ทราบวิธีการทำ

So I showed him.

ดังนั้นผมจึงแสดงวิธีให้เขา

In Scratch, you can create something called a variable.

ใน สแกรตซ์ คุณสามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่าตัวแปร

I'll call it score.

เรียกว่าตัวเก็บคะแนน

And that creates some new blocks for you,

ได้มีการสร้างบล็อกใหม่บางอย่างสำหรับคุณ

and also creates a little scoreboard that keeps track of the score,

และยัง สร้างช่องบอกคะแนนเล็กๆ เก็บผลของคะแนน

so each time I click on "change score," it increments the score.

ดังนั้นทุกครั้งที่คลิก "เปลี่ยนคะแนน เพิ่มคะแนนให้

So I showed this to the clubhouse member --

ดังนั้น ผมแสดงวิธีนี้ให้แก่สมาชิก คลับเฮ้าส์

let's call him Victor -- and Victor,

ผมเรียกชื่อเขาว่า วิคเตอร์ - และ วิคเตอร์

when he saw that this block would let him increment the score,

เขาเห็นบล็อกนี้ช่วยให้เขาเพิ่มค่าคะแนน

he knew exactly what to do.

เขารู้แน่นอนว่า สิ่งไรที่ต้องทำ

He took the block

เขาได้เอาบล็อก

and he put it into the program

และเขาใส่ลงในโปรแกรม

exactly where the big fish eats the little fish.

ตรงที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

So then, each time the big fish eats the little fish,

ดังนั้นแล้ว แต่ละครั้งปลาใหญ่กินปลาเล็ก

he will increment the score, and the score will go up by one.

เขาจะเพิ่มค่าคะแนน และจะเพิ่มหนึ่งคะแนน

And it's in fact working.

และในความเป็นจริง ทำงานได้ผล

And he saw this, and he was so excited,

เขาเห็น และตื่นเต้นมาก

he reached his hand out to me,

เขายื่นมือของเขาออกมาให้ฉัน

and he said, "Thank you, thank you, thank you."

และเขากล่าวคำ "ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ"

And what went through my mind was,

และสิ่งที่ได้ติดใจของผมคือ

how often is it that teachers are thanked by their students

กี่ครั้งที่ครูจะรับการขอบคุณ จากนักเรียนของตนเอง

for teaching them variables? (Laughter)

สำหรับไว้สอนตัวแปร (หัวเราะ)

It doesn't happen in most classrooms,

มันไม่เกิดขึ้นในห้องเรียนส่วนใหญ่

but that's because in most classrooms, when kids learn about variables,

แต่นั่นเป็นเพราะว่าในห้องเรียนส่วนใหญ่ เมื่อเด็กเรียนรู้เกี่ยวกับตัวแปร

they don't know why they're learning it.

พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาต้องเรียนรู้มัน

It's nothing that, really, they can make use of.

มันไม่มีอะไรที่ จริง ๆ เขาได้ใช้ประโยชน์จากเรียนรู้

When you learn ideas like this in Scratch,

เมื่อคุณเรียนรู้ความคิดเช่นนี้ใน สแครตซ์

you can learn it in a way that's really meaningful and motivating for you,

คุณสามารถเรียนรู้ในลักษณะที่จะสื่อความหมายจริง ๆ และสร้างแรงจูงใจ

that you can understand the reason for learning variables,

ว่า คุณสามารถเข้าใจเหตุผลสำหรับตัวแปร จากการเรียนรู้

and we see that kids learn it more deeply

และเราเห็นว่า เด็กเรียนมันได้อย่างลึกซึ้งมาก

and learn it better.

และเรียนรู้ดีขึ้น

Victor had, I'm sure, been taught about variables in schools,

วิคเตอร์ ได้รับ ซึ่งผมแน่ใจว่า ได้รับการสอนเกี่ยวกับตัวแปรในโรงเรียน

but he really didn't -- he wasn't paying attention.

แต่จริง ๆ ไม่ได้ - เขาไม่ได้ให้ความสนใจ

Now he had a reason for learning variables.

ตอนนี้ เขามีเหตุผลสำหรับการเรียนรู้ตัวแปร

So when you learn through coding, and coding to learn,

ดังนั้นเมื่อคุณได้เรียนรู้ผ่านการเขียนโค๊ด การเขียนโค้ดเพื่อเรียนรู้

you're learning it in a meaningful context, and that's the best way of learning things.

ที่กำลังเรียนรู้ในบริบทที่มีการสื่อความหมาย เป็นวิธีที่ดีที่สุดของสิ่งที่เรียนรู้

So as kids like Victor are creating projects like this,

ดังนั้น เป็นเด็กที่เหมือน วิคเตอร์ กำลังสร้างโปรเจก เช่นนี้

they're learning important concepts like variables,

เขากำลังเรียนรู้แนวคิดที่สำคัญเช่นตัวแปร

but that's just the start.

แต่นี่เป็นเพียงเพิ่งเริ่มต้น

As Victor worked on this project and created the scripts,

วิคเตอร์ สร้างโปรเจกนี้ และสร้างคำเขียนบรรยาย

he was also learning about the process of design,

เขาถูกยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการออกแบบ

how to start with the glimmer of an idea

วิธีการเริ่มต้น ด้วยประกายแห่งความคิด

and turn it into a fully-fledged, functioning project

ทำให้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น โปรเจกงาน

like you see here.

เหมือนกับที่คุณเห็นที่นี่

So he was learning many different core principles of design,

ดังนั้น เขาได้เรียนพื้นฐานของการออกแบบต่าง ๆ

about how to experiment with new ideas,

เกี่ยวกับวิธีการทดลองแนวคิดใหม่

how to take complex ideas and break them down into simpler parts,

วิธีการใช้ความคิดที่ซับซ้อน และแบ่งแยกให้เป็นส่วนที่เรียบง่าย

how to collaborate with other people on your projects,

วิธีการทำงานร่วมกับผู้อื่นในโปรเจก

about how to find and fix bugs when things go wrong,

เกี่ยวกับวิธีการค้นหา และแก้ไขข้อผิดพลาดเมื่อมีสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

how to keep persistent and to persevere

วิธีการเก็บถาวรและจะสานต่อ

in the face of frustrations when things aren't working well.

เมื่อเผชิญกับการผิดหวัง เมื่อมันทำงานไม่ได้ดี

Now those are important skills

สิ่งเหล่านั้นมีความสำคัญต่อทักษะ

that aren't just relevant for coding.

ซึ่งไม่เพียงที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโค๊ด

They're relevant for all sorts of different activities.

พวกที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ นานา

Now, who knows if Victor is going to grow up and become

ตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่า ถ้าวิคเตอร์ กำลังจะโตขึ้นเขาจะเป็น

a programmer or a professional computer scientist?

โปรแกรมเมอร์ หรือนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์มืออาชีพ?

It's probably not so likely,

มันซึ่งเป็นไปได้ อาจะไม่ก็ได้

but regardless of what he does,

แต่ คำนึงถึงสิ่งที่เขาสนใจทำ

he'll be able to make use of these design skills that he learned.

จะสามารถทำให้ใช้ทักษะเหล่านี้ออกแบบที่จะเรียนรู้

Regardless of whether he grows up to be a marketing manager

คำนึงถึง ไม่ว่าเขาโตขึ้นไปเป็นผู้จัดการการตลาด

or a mechanic or a community organizer,

หรือการช่างกล หรือการจัดแผนระเบียบชุมชน

that these ideas are useful for everybody.

ความคิดเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับทุกคน

Again, it's useful to think about this analogy with language.

อีกครั้ง จะมีประโยชน์กับความคิดนี้ เปรียบเทียบกับภาษา

When you become fluent with reading and writing,

เมื่อคุณเป็น ผู้เขี่ยวชาญในการอ่าน และการเขียน

it's not something that you're doing

นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังทำ

just to become a professional writer.

ที่จะก้าวมาเป็น นักเขียนแบบมืออาชีพ

Very few people become professional writers.

เพียงไม่กี่คนกลายเป็น นักเขียนมืออาชีพ

But it's useful for everybody to learn how to read and write.

แต่จะมีประโยชน์สำหรับทุกคนเรียนรู้วิธีการอ่าน และเขียน

Again, the same thing with coding.

อีกครั้ง เหมือนกับการเขียนโค๊ด

Most people won't grow up to become professional

คนส่วนใหญ่จะโตขึ้นกลายเป็นมืออาชีพ

computer scientists or programmers,

นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมเมอร์

but those skills of thinking creatively,

แต่ทักษะเหล่านั้นเป็นของความคิดสร้างสรรค์

reasoning systematically, working collaboratively --

ใช้เหตุผลเชิงทฤษฎีอย่างเป็นระบบเหตุผล ทำงานร่วมกัน -

skills you develop when you code in Scratch --

ทักษะที่คุณพัฒนาเมื่อคุณโค๊ด ในสแครตซ์-

are things that people can use no matter what they're doing in their work lives.

เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถใช้ ไม่ว่าพวกเขากำลังทำอะไรในชีวิตการทำงาน

And it's not just about your work life.

และไม่เพียงเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน

Coding can also enable you to

เขียนโค้ดสามารถยังช่วยให้คุณสามารถ

express your ideas and feelings in your personal life.

แสดงออก ความคิดและความรู้สึกในชีวิตส่วนตัวของคุณ

Let me end with just one more example.

ขอจบ ด้วยการให้เห็นอีกหนึ่งตัวอย่าง

So this is an example that came from

นี้เป็นตัวอย่างที่มาจาก

after I had sent the Mother's Day cards to my mom,

หลังจากที่ฉันได้ส่งการ์ดวันแม่ให้แม่ของฉัน

she decided that she wanted to learn Scratch.

เธอตัดสินใจว่า เธอต้องการเรียนรู้การใช้ สแครตซ์

So she made this project for my birthday

ดังนั้น เขาทำโปรเจคนี้สำหรับวันเกิดของฉัน

and sent me a happy birthday Scratch card.

และส่งบัตรอวยพรสุขสันต์วันเกิด สแครตซ์การ์ด

Now this project is not going to win any prizes for design,

ขณะนี้ โปรเจคนี้จะไม่ไปชนะรางวัลใด ๆ สำหรับการออกแบบ

and you can rest assured that my 83-year-old mom

และคุณสามารถมั่นใจได้ แม่ของผมอายุ 83

is not training to become a professional programmer or computer scientist.

ไม่มีการฝึกอบรมให้กลายเป็น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมเมอร์ในระดับมืออาชีพ

But working on this project enabled her

แต่สามารถทำให้เธอได้โปรเจคนี้มา

to make a connection to someone that she cares about

เพื่อทำการเชื่อมต่อกับคนที่เธอให้ความสำคัญ

and enabled her to keep on learning new things

และเธอจะเรียนรู้สิ่งใหม่ต่อไป

and continuing to practice her creativity

และดำเนินการฝึกความคิดสร้างสรรค์ของเธอ

and developing new ways of expressing herself.

และพัฒนาวิธีการใหม่ การแสดงออกของเธอ

So as we take a look and we see that

ดังนั้นเรามาดู และเราเห็นว่า

Michael Bloomberg is learning to code,

ไมเคิล บรูมเบิก กำลังเรียนรู้โค๊ด

all of the children of Estonia learn to code,

เด็กของเอสโตเนีย ทั้งหลายเรียนรู้โค๊ด

even my mom has learned to code,

แม้แต่แม่ของฉันได้เรียนรู้โค๊ด

don't you think it's about time that you might be

คุณไม่คิดว่า มันเป็นสมควรเวลาที่คุณอาจจะ

thinking about learning to code?

คิดเกี่ยวกับการเรียนรู้โค๊ด?

If you're interested in giving it a try,

ถ้าคุณสนใจให้ไปทดลอง

I'd encourage you to go to the Scratch website.

ฉันอยากจะกระตุ้นให้คุณไปเว็บไซต์สแครตซ์

It's scratch.mit.edu,

scratch.mit.edu

and give a try at coding.

และทดลองในการเขียนโค้ด

Thanks very much. (Applause)

ขอบคุณมากครับ (ปรบมือ)