Why the secret to success is setting the right goals | John Doerr | TED

Translator: ๋๋๋Jutamas Phattarapimoltham Reviewer: Thipnapa Huansuriya

We're at a critical moment.

พวกเรากำลังมาถึงจุดวิกฤต

Our leaders,

ผู้นำของเรา

some of our great institutions

สถาบันที่ยิ่งใหญ่บางแห่งของเรา

are failing us.

กำลังทำให้เราผิดหวัง

Why?

ทำไมล่ะ

In some cases, it's because they're bad

บางครั้งก็เป็นเพราะเขาแย่

or unethical,

หรือไร้จรรยาบรรณ

but often, they've taken us to the wrong objectives.

แต่บ่อยครั้ง เป็นเพราะเขาชักนำเรา ไปสู่วัตถุประสงค์ที่ผิด

And this is unacceptable.

ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้

This has to stop.

และควรจะต้องหยุดได้แล้ว

How are we going to correct these wrongs?

เราจะทำสิ่งผิดเหล่านี้ให้ถูกต้องได้อย่างไร

How are we going to choose the right course?

เราจะเลือกเส้นทางที่ถูกต้องได้อย่างไร

It's not going to be easy.

มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย

For years, I've worked with talented teams

ผมได้ทำงานร่วมกับทีมเก่ง ๆ มาหลายปี

and they've chosen the right objectives and the wrong objectives.

พวกเขาได้เลือกทั้งจุดประสงค์ที่ถูกและผิด

Many have succeeded, others of them have failed.

หลายอย่างก็สำเร็จ หลายอย่างก็ล้มเหลว

And today I'm going to share with you

และในวันนี้ผมจะมาแบ่งปันกับคุณ

what really makes a difference --

อะไรที่ทำให้เกิดความแตกต่างจริง ๆ

that's what's crucial,

อะไรที่สำคัญสูงสุด

how and why

เพราะอะไร และทำอย่างไร

they set meaningful and audacious goals,

พวกเขาจึงตั้งเป้าหมาย ที่มีความหมายและกล้าหาญได้

the right goals for the right reasons.

เป้าที่ถูกต้อง ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง

Let's go back to 1975.

เราจะย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1975

Yep, this is me.

ใช่ นั่นแหละผมเอง

I've got a lot to learn, I'm a computer engineer,

ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ผมเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์

I've got long hair,

เคยไว้ผมยาว

but I'm working under Andy Grove,

ตอนนั้นผมทำงานให้กับ แอนดี้ โกรฟ

who's been called the greatest manager of his or any other era.

ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้บริหาร ที่เจ๋งที่สุดในยุคของเขา หรือยุคใด ๆ

Andy was a superb leader and also a teacher,

แอนดี้เป็นผู้นำที่สุดยอด และก็เป็นครูด้วย

and he said to me, "John, it almost doesn't matter what you know.

เขาพูดกับผมว่า "จอห์น อะไรที่คุณรู้มา มันแทบจะไม่สำคัญเลย

Execution is what matters the most."

การลงมือทำต่างหากที่สำคัญที่สุด"

And so Andy invented a system called "Objectives and Key Results."

ดังนั้นแอนดี้จึงได้คิดค้นระบบที่เรียกว่า วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก (OKRs)

It kind of rolls off the tongue, doesn't it?

ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ

And it's all about excellent execution.

OKRs นั้นว่าด้วยการลงมือปฏิบัติที่ยอดเยี่ยม

So here's a classic video from the 1970s

นี่เป็นวิดีโอดั้งเดิมในปี ค.ศ. 1975

of professor Andy Grove.

ของศาสตราจารย์แอนดี้ โกรฟ

(Video) Andy Grove: The two key phrases of the management by objective systems

(วิดีโอ) แอนดี้ โกรฟ : สองวลีหลักของ การจัดการด้วยระบบเป้าประสงค์

are the objectives and the key results, and they match the two purposes.

คือวัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก ซึ่งสอดคล้องกับสองเป้าหมาย

The objective is the direction.

วัตถุประสงค์คือทิศทาง

The key results have to be measured,

และผลลัพธ์หลักจะต้องถูกตรวจวัด

but at the end you can look and without any argument say,

แต่สุดท้ายแล้วคุณจะสามารถ เห็นได้โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ

"Did I do that, or did I not do that?" Yes. No. Simple.

ฉันทำได้แล้ว หรือ ฉันยังไม่ได้ทำ ทำ ไม่ได้ทำ ง่าย ๆ ครับ

John Doerr: That's Andy.

จอห์น โดเออร์ : นั่นแหละครับแอนดี้

Yes. No. Simple.

ใช่ ไม่ใช่ ง่ายๆ

Objectives and Key Results,

วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลัก

or OKRs,

หรือ OKRs

are a simple goal-setting system

เป็นระบบการตั้งเป้าหมายที่เรียบง่าย

and they work for organizations, they work for teams,

และใช้ได้ผลดีในหลายองค์กร ในการทำงานเป็นทีม

they even work for individuals.

และยังได้ผลดีกับตัวบุคคลด้วย

The objectives are what you want to have accomplished.

วัตถุประสงค์ คือ อะไรก็ตาม ที่คุณต้องการจะทำให้สำเร็จ

The key results are how I'm going to get that done.

ผลลัพธ์หลัก คือ ฉันจะทำอย่างไร ให้สิ่งนั้นสำเร็จ

Objectives. Key results.

วัตถุประสงค์ ผลลัพธ์หลัก

What and how.

อะไร และ อย่างไร

But here's the truth:

แต่ความจริงเป็นอย่างนี้ครับ

many of us are setting goals wrong,

พวกเราหลายคนตั้งเป้าหมายผิด

and most of us are not setting goals at all.

และส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งเป้าด้วยซ้ำ

A lot of organizations set objectives and meet them.

หลายองค์กรตั้งวัตถุประสงค์และทำมันได้

They ship their sales, they introduce their new products,

พวกเขาขนส่งสินค้าที่ขายได้ แนะนำสินค้าตัวใหม่สู่ตลาด

they make their numbers,

พวกเขาทำยอดได้

but they lack a sense of purpose to inspire their teams.

แต่พวกเขาขาดเป้าหมายที่มีคุณค่า ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีม

So how do you set these goals the right way?

แล้วคุณจะสร้างเป้าหมาย ให้ถูกทางได้อย่างไร

First, you must answer the question, "Why?"

อย่างแรก คุณจะต้องตอบคำถามว่า ทำไม

Why?

ทำไม

Because truly transformational teams

เพราะทีมที่นำการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

combine their ambitions to their passion and to their purpose,

จะผสานความทะเยอทะยานเข้ากับ สิ่งที่เขาหลงใหลและจุดมุ่งหมายของตนเอง

and they develop a clear and compelling sense of why.

ทีมเหล่านี้ทำให้คนรับรู้ถึงเหตุผล เบื้องหลังสิ่งที่ทำได้ชัดเจนและโดนใจ

I want to tell you a story.

ผมอยากจะเล่าเรื่องหนึ่ง

I work with a remarkable entrepreneur.

ผมทำงานกับผู้ประกอบการที่โดดเด่นคนหนึ่ง

Her name is Jini Kim.

เธอชื่อ จีนี่ คิม

She runs a company called Nuna.

เธอตั้งบริษัทที่ชื่อว่า นูน่า

Nuna is a health care data company.

นูน่าเป็นบริษัทข้อมูลด้านการดูแลสุขภาพ

And when Nuna was founded,

เมื่อบริษัทนี้ตั้งขึ้น

they used data to serve the health needs of lots of workers at large companies.

พวกเขาได้ใช้ข้อมูลทำประโยชน์ให้กับพนักงาน จำนวนมากในบริษัทใหญ่ ๆ

And then two years into the company's life,

เมื่อตั้งบริษัทมาได้สองปีให้หลัง

the federal government issued a proposal

รัฐบาลกลางเปิดรับข้อเสนอโครงการ

สร้างฐานข้อมูลคลาว์ด สำหรับโครงการ Medicaid

to build the first ever cloud database for Medicaid.

คุณคงจำได้ว่า Medicaid คือโครงการ

Now, you'll remember that Medicaid is that program

ที่รองรับคนอเมริกันกว่า 70 ล้านคน

that serves 70 million Americans,

คนยากจน เด็ก ๆ ของพวกเรา

our poor, our children

และคนพิการ

and people with disabilities.

Nuna at the time was just 15 people

ในเวลานั้นนูน่ามีคนเพียง 15 คน

and this database had to be built in one year,

ฐานข้อมูลนี้ต้องสร้างเสร็จภายในหนึ่งปี

and they had a whole set of commitments that they had to honor,

และพวกเขายังมีงานอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งต้องทำให้เสร็จตามที่รับปากไว้

and frankly, they weren't going to make very much money on the project.

และว่ากันตามตรงแล้ว พวกเขาจะไม่ได้เงินมากมายจากโครงการนี้หรอก

This was a bet-your-company moment,

นี่เป็นช่วงเวลาเดิมพันของบริษัท

และจีนี่คว้ามันไว้

and Jini seized it.

She jumped at the opportunity. She did not flinch.

เธอพุ่งใส่โอกาส ไม่ได้ถอยไป

Why?

เพราะอะไรล่ะ

Well, it's a personal why.

นี่เป็นเหตุผลส่วนบุคคล

Jini's younger brother Kimong has autism.

น้องชายของจีนี่ คีมอง เป็นออทิสติก

ตอนที่ที่เขาอายุเจ็ดขวบ

And when he was seven,

he had his first grand mal seizure

เขาชักอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก

at Disneyland.

ที่ดิสนีย์แลนด์

He fell to the ground. He stopped breathing.

เขาล้มลงบนพื้น หยุดหายใจ

Jini's parents are Korean immigrants.

พ่อแม่ของจีนี่เป็นผู้อพยพจากเกาหลี

They came to the country with limited resources

พวกเขาเข้าประเทศมาด้วยทรัพย์ที่จำกัด

speaking little English,

พูดภาษาอังกฤษได้เพียงเล็กน้อย

so it was up to Jini to enroll her family in Medicaid.

ดังนั้นจีนี่จึงต้องรับหน้าที่ลงทะเบียน ครอบครัวของเธอในโครงการ Medicaid

She was nine years old.

ตอนนั้นเธออายุแค่เก้าขวบ

That moment defined her mission,

ช่วงเวลานั้นทำให้เธอตั้งพันธกิจ

and that mission became her company,

และพันธกิจนั้นกลายมาเป็นบริษัทของเธอ

and that company bid on, won and delivered on that contract.

และบริษัทนั้นก็ชนะประมูล และได้เซ็นสัญญาทำโครงการนี้

Here's Jini to tell you why.

จีนี่จะมาบอกคุณว่าทำไม

(Video) Jini Kim: Medicaid saved my family from bankruptcy,

โครงการประกันสุขภาพ Medicaid ช่วยครอบครัวฉันไม่ให้ล้มละลาย

and today it provides for Kimong's health and for millions of others.

วันนี้มันช่วยให้คีมองและอีกหลายล้านคน เข้าถึงบริการด้านสุขภาพ

Nuna is my love letter to Medicaid.

นูน่าคือจดหมายรักของฉันถึงโครงการ Medicaid

Every row of data is a life

ข้อมูลทุกแถวคือชีวิตที่ล้วนมีเรื่องราว

whose story deserves to be told with dignity.

ที่ควรจะถูกเล่าขานอย่างมีเกียรติ

และเรื่องของจีนี่ได้บอกเรา

JD: And Jini's story tells us

that a compelling sense of why can be the launchpad for our objectives.

เหตุผลที่จับใจจะจุดประกาย ให้กับวัตถุประสงค์ของเรา

Remember, that's what we want to have accomplished.

จำไว้ว่า นั่นคือสิ่งที่พวกเรา ต้องการทำให้สำเร็จ

And objectives are significant,

วัตถุประสงค์จะต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ

they're action-oriented,

นำไปสู่การกระทำ

they are inspiring,

และสร้างแรงบันดาลใจ

and they're a kind of vaccine against fuzzy thinking.

มันเป็นวัคซีนช่วยต้านความคิดที่คลุมเครือ

You think a rockstar

คุณอาจคิดว่านักร้องเพลงร็อกชื่อดัง

would be an unlikely user of Objectives and Key Results,

ไม่น่าจะใช้ระบบวัตถุประสงค์ และผลลัพธ์หลักใช่ไหมครับ

but for years, Bono has used OKRs

แต่โบโนได้ใช้ OKRs มาหลายปีแล้ว

to wage a global war against poverty and disease,

เพื่อทำสงครามต่อต้านความจน และโรคร้ายในระดับโลก

and his ONE organization has focused on two really gorgeous,

และองค์กร ONE ของเขา ได้มุ่งไปที่สองวัตถุประสงค์

audacious objectives.

อันงดงามและยิ่งใหญ่

The first is debt relief

อย่างแรกคือการบรรเทาหนี้

สำหรับประเทศยากจนที่สุดในโลก

for the poorest countries in the world.

The next is universal access to anti-HIV drugs.

อีกอย่างคือสิทธิการเข้าถึง ยาต้านไวรัสเอชไอวีถ้วนหน้า

Now, why are these good objectives?

ทำไมสองข้อนี้จึงเป็นวัตถุประสงค์ที่ดี

Let's go back to our checklist.

ลองกลับมาดูเกณฑ์ตรวจสอบของเรา

Significant? Check. Concrete? Yes.

ความสำคัญ? ใช่ เป็นรูปธรรม? ใช่เลย

Action-oriented? Yes.

เน้นการกระทำ? ใช่

Inspirational?

สร้างแรงบันดาลใจไหม?

Well, let's just listen to Bono.

งั้นมาฟังโบโน่กัน

(Video) Bono: So you're passionate?

(วิดีโอ) โบโน: คุณหลงใหลอะไรบ้างไหม

หลงใหลมากแค่ไหน

How passionate?

สิ่งที่คุณหลงใหลกระตุ้นให้คุณทำอะไรบ้าง

What actions does your passion lead you to do?

If the heart doesn't find a perfect rhyme with the head,

หากหัวใจไม่สอดประสานกับความคิด อย่างสมบูรณ์แบบ

then your passion means nothing.

งั้นความหลงใหลของคุณก็ไม่มีความหมายอะไร

The OKR framework cultivates the madness,

แนวคิด OKRs บ่มเพาะให้เกิดความบ้า

the chemistry contained inside it.

เหมือนสารเคมีที่ก่อตัวจากภายใน

It gives us an environment for risk,

ทำให้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เรากล้าเสี่ยง

for trust,

พร้อมจะเชื่อใจกัน

where failing is not a fireable offense.

ที่ที่การล้มเหลว ไม่ใช่การกระทำผิดที่มีโทษไล่ออก

And when you have that sort of structure and environment

เมื่อคุณมีโครงสร้าง และสิ่งแวดล้อมแบบนี้

and the right people,

พร้อมทั้งคนที่ใช่

magic is around the corner.

เวทย์มนตร์ก็อยู่ไม่ไกล

JD: I love that.

จอห์น : ผมชอบมันนะ

OKRs บ่มเพาะให้เกิดความบ้า

OKRs cultivate the madness,

and magic is right around the corner.

และเวทย์มนตร์ก็อยู่ไม่ไกล

This is perfect.

มันช่างสมบูรณ์แบบ

So with Jini we've covered the whys,

เอาล่ะครับ จากเรื่องราวของจีนี่ เราพูดถึงเหตุผลไปแล้ว

with Bono the whats of goal-setting.

ส่วนเรื่องของโบโน่ก็คือ จะตั้งเป้าหมายอะไร

Let's turn our attention to the hows.

ทีนี้ เรามาดูวิธีการกันเถอะ

Remember, the hows are the key results.

จำไว้ว่าวิธีการคือผลลัพธ์หลัก

That's how we meet our objectives.

นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราบรรลุวัตถุประสงค์

และผลลัพธ์ที่ดีควรจะเจาะจง และมีกำหนดเวลาแน่นอน

And good results are specific and time-bound.

They're aggressive but realistic.

มันดูยากแต่ว่าเป็นจริงได้

They're measurable, and they're verifiable.

มันสามารถวัดได้และพิสูจน์ได้

Those are good key results.

ทั้งหมดนั้นคือผลลัพธ์หลักที่ดี

In 1999, I introduced OKRs to Google's cofounders,

ปี 1999 ผมแนะนำ OKRs ให้กับ

ผู้ก่อตั้งกูเกิล แลร์รี่และเซอร์เกย์

Larry and Sergey.

Here they are, 24 years old in their garage.

นี่คือพวกเขาตอนอายุ 24 ปี ในโรงรถ

And Sergey enthusiastically said he'd adopt them.

เซอร์จีย์บอกอย่างกะตือรือร้น ว่าเขานำ OKRs มาปรับใช้

Well, not quite.

อืม จริง ๆ ก็ไม่เชิง

What he really said was,

ที่จริงสิ่งที่เขาพูดคือ

"We don't have any other way to manage this company,

"พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น ในการบริหารบริษัทนี้

so we'll give it a go."

เราเลยลองทำดู"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And I took that as a kind of endorsement.

ผมถือว่านั่นเป็นการสนับสนุนอย่างนึง

But every quarter since then,

ตั้งแต่นั้นมาทุกสามเดือน

every Googler has written down her objectives and her key results.

ที่พนักงานกูเกิลได้เขียนวัตถุประสงค์ กับผลลัพธ์หลัก

พวกเขาได้ประเมินมัน

They've graded them,

and they've published them for everyone to see.

และได้ประกาศให้ทุกคนเห็น

And these are not used for bonuses or for promotions.

โดยไม่ได้ใช้เพื่อให้โบนัสหรือเลื่อนตำแหน่ง

They're set aside.

สองเรื่องนี้ถูกกันออกไป

They're used for a higher purpose,

แต่ OKRs มีจุดประสงค์ที่สำคัญกว่านั้น

and that's to get collective commitment

นั่นคือ เพื่อสร้างข้อตกลง ที่ทุกคนยึดมั่นร่วมกัน

to truly stretch goals.

ว่าจะทำเป้าหมายที่ท้าทายให้สำเร็จ

In 2008, a Googler, Sundar Pichai, took on an objective

ในปี 2008 พนักงานกูเกิลคนหนึ่ง ชื่อซุนดาร์ พิชัย ตั้งวัตถุประสงค์ข้อหนึ่ง

which was to build the next generation client platform

นั่นคือ การสร้างแพลตฟอร์มรุ่นใหม่

for the future of web applications --

เพื่อรองรับเว็บแอพพลิเคชั่นในอนาคต

in other words, build the best browser.

พูดง่าย ๆ ก็คือ การสร้างเบราว์เซอร์ที่ดีที่สุดนั่นล่ะครับ

เขารอบคอบมากในการเลือกผลลัพธ์หลัก

He was very thoughtful about how he chose his key results.

How do you measure the best browser?

คุณจะวัดยังไงว่าเบราว์เซอร์ไหนดีที่สุด

It could be ad clicks or engagement.

อาจเป็นการคลิกโฆษณาหรือการมีส่วนร่วม

No. He said: numbers of users,

ไม่ เขากล่าวว่า จำนวนผู้ใช้ต่างหาก

because users are going to decide

เพราะผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจว่า

if Chrome is a great browser or not.

Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่ดีที่สุดหรือไม่

So he had this one three-year-long objective:

ดังนั้นเขาจึงมีวัตถุประสงค์หนึ่ง ที่ใช้เวลายาวถึงสามปี

build the best browser.

นั่นคือ สร้างเบราว์เซอร์ที่ดีที่สุด

And then every year he stuck to the same key results,

และทุกปี เขาจะยึดอยู่ที่ผลลัพธ์เดิม

numbers of users, but he upped the ante.

คือจำนวนผู้ใช้ แต่เขาเพิ่ม ความท้าทายมากขึ้น

In the first year, his goal was 20 million users

ปีแรก เป้าหมายคือมีผู้ใช้ 20 ล้านคน

and he missed it.

และเขาก็พลาด

He got less than 10.

มีผู้ใช้น้อยกว่า 10 ล้าน

Second year, he raised the bar to 50 million.

ปีที่ 2 เขาเพิ่มเป้าเป็น 50 ล้าน

He got to 37 million users.

เขาได้ผู้ใช้ 37 ล้านคน

Somewhat better.

ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

In the third year,

ปีที่ 3

he upped the ante once more to a hundred million.

เขาเพิ่มเป้าขึ้นไปถึง 100 ล้าน

He launched an aggressive marketing campaign,

เขาปล่อยแคมเปญการตลาดที่ดุดัน

broader distribution, improved the technology, and kaboom!

กระจายวงกว้างขึ้น ปรับปรุงเทคโนโลยี และ ตู้มมม

He got 111 million users.

เขาได้ยอดผู้ใช้ 111 ล้านคน

Here's why I like this story,

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมชอบเรื่องนี้

not so much for the happy ending,

ไม่ใช้เพราะตอนจบที่สวยงาม

but it shows someone carefully choosing the right objective

แต่เพราะมันแสดงให้เห็นถึง คนที่เลือกวัตถุประสงค์ถูกต้อง

and then sticking to it year after year after year.

อย่างรอบคอบและยึดอยู่กับมัน ปีแล้วปีเล่า

It's a perfect story for a nerd like me.

นี่เป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม สำหรับเนิร์ดอย่างผม

ตอนนี้ผมเปรียบ OKRs เป็นดังเรือที่โปร่งใส

Now, I think of OKRs as transparent vessels

that are made from the whats and hows of our ambitions.

ที่สร้างขึ้นด้วยเป้าหมายและเหตุผล จากความปรารถนาของเรา

What really matters is the why that we pour into those vessels.

สิ่งที่สำคัญจริงๆ คือเหตุผล ที่เราใส่ลงไปในเรือเหล่านี้

That's why we do our work.

เหตุผลว่าทำไมเราถึงทำงานนี้

OKRs are not a silver bullet.

OKRs ไม่ใช่ยาวิเศษ

มันจะไม่สามารถแทนที่ วัฒนธรรมที่เข้มแข็ง

They're not going to be a substitute for a strong culture

or for stronger leadership,

หรือ ภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งได้

but when those fundamentals are in place, they can take you to the mountaintop.

แต่เมื่อปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้พร้อม OKRs จะช่วยพาคุณขึ้นไปถึงยอดเขาได้

I want you to think about your life for a moment.

ผมอยากให้คุณคิดถึงชีวิตของคุณสักครู่หนึ่ง

Do you have the right metrics?

คุณมีตัววัดที่ใช่หรือเปล่า

Take time to write down your values,

ใช้เวลาเขียนคุณค่าของคุณลงไป

วัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลักของคุณ

your objectives and your key results.

Do it today.

ลงมือเขียนเลยวันนี้

If you'd like some feedback on them, you can send them to me.

ถ้าคุุณอยากได้ข้อเสนอแนะ ส่งมาให้ผมได้ที่

[email protected]

I'm [email protected].

If we think of the world-changing goals

หากเราคิดถึงเป้าหมายที่เปลี่ยนโลก

of an Intel, of a Nuna, of Bono,

ของอินเทล นูน่า โบโน่

of Google,

ของกูเกิล

they're remarkable:

พวกเขาช่างยอดเยี่ยม

ubiquitous computing,

การเขียนโปรแกรมที่แพร่หลาย

บริการสาธารณะสุขที่เข้าถึงได้ คุณภาพสูง

affordable health care, high-quality for everyone,

ending global poverty,

หยุดยั้งความยากจนของโลก

access to all the world's information.

การเข้าถึงข้อมูลได้ทั่วโลก

Here's the deal:

นี่คือข้อเสนอ

every one of those goals is powered today by OKRs.

ทุกเป้าหมายที่ว่ามา ขับเคลื่อนด้วย OKRS

Now, I've been called the Johnny Appleseed of OKRs

ตอนนี้มีคนเรียกผมว่า จอห์นนี่แอปเปิ้ลซีดแห่งOKRs

for spreading the good gospel according to Andy Grove,

ที่เผยแพร่คำสอนมาจากแอนดี้ โกรฟ

but I want you to join me in this movement.

แต่ผมต้องการคุณมาช่วยในการขับเคลื่อนนี้

มาร่วมกันสู้เพื่อสิ่งที่สำคัญจริงๆ

Let's fight for what it is that really matters,

because we can take OKRs beyond our businesses.

เพราะว่าเราสามารถใช้หลัก OKRs นอกเหนือจากเรื่องธุรกิจ

We can take them to our families,

เราใช้มันกับครอบครัวของเรา

to our schools,

โรงเรียนของเรา

even to our governments.

หรือแม้แต่รัฐบาลของเรา

We can hold those governments accountable.

เรากำกับให้รัฐบาลรับผิดชอบ และอธิบายสิ่งที่ทำได้

We can transform those informations.

เราสามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านั้นได้

We can get back on the right track

เราสามารถกลับไปยังเส้นทางที่ถูกได้

if we can and do measure what really matters.

หากเราสามารถ และลงมือวัด สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง

ขอบคุณครับ

Thank you.

(Applause)

(เสียงปรบมือ)