Dan Pacholke: How prisons can help inmates live meaningful lives

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Patarapen Manorompatrasal

We're seen as the organization that is the bucket for failed social policy.

เราถูกมองเป็นถังรับนโยบายสังคมที่ล้มเหลว

I can't define who comes to us or how long they stay.

เราระบุไม่ได้ว่าใครจะอยู่กับเรา หรือนานแค่ไหน

We get the people for whom nothing else has worked,

เราได้คนที่ไม่มีอะไรที่ใช้ได้ผลกับเขาแล้ว

people who have fallen through all

ผู้คนที่ไม่ผ่านการคัดกรอง

of the other social safety nets.

โดยเครื่องมือความปลอดภัยทางสังคม ทุกรูปแบบมาแล้ว

They can't contain them, so we must.

เครื่องมือพวกนั้นเอาคนเหล่านี้ไว้ไม่อยู่ เราจึงต้องรับ

That's our job:

นั่นคืองานของเรา ซึ่งได้แก่

contain them, control them.

กักพวกเขาไว้ ควบคุมพวกเขาไว้

Over the years, as a prison system,

หลายปีที่ผ่านมาเราพัฒนาเรื่องระบบเรือนจำ

as a nation, and as a society,

เรื่องประเทศชาติ และ สังคม

we've become very good at that,

เราพัฒนาไปได้มาก

but that shouldn't make you happy.

แต่นั่นไม่ควรจะทำให้คุณเป็นสุขได้

Today we incarcerate more people per capita

ตอนนี้เรามีจำนวนผู้ต้องขังต่อจำนวนพลเมือง

than any other country in the world.

มากกว่าประเทศไหนๆ ในโลก

We have more black men in prison today

ปัจจุบันเรามีคนผิวดำในคุกมากขึ้น

than were under slavery in 1850.

มากกว่าภายใต้ระบบทาส ในปี 1850 ซะอีก

We house the parents of almost three million

เราให้ที่อยู่กับพ่อแม่ของเด็กๆ

of our community's children,

เกือบสามล้านคน ในชุมชนของเรา

and we've become the new asylum,

เราได้กลายเป็นที่ลี้ภัยแบบใหม่

the largest mental health provider in this nation.

เป็นผู้ดูแลสุขภาพจิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

When we lock someone up,

เมื่อเราจับใครไปขัง

that is no small thing.

นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

And yet, we are called the Department of Corrections.

แต่ เราก็ถูกเรียกว่า กระทรวงปรับปรุงพฤติกรรม (กรมราชทัณฑ์)

Today I want to talk about

ในวันนี้ ผมต้องการจะพูดถึง

changing the way we think about corrections.

การเปลี่ยนวิธีที่เราคิดเกี่ยวกับการลงโทษ

I believe, and my experience tells me,

ผมเชื่อ และประสบการณ์ก็บอกผม

that when we change the way we think,

ว่าเมื่อเราเปลี่ยนวิธีที่เราคิด

we create new possibilities, or futures,

เราสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ หรืออนาคตขึ้นมา

and prisons need a different future.

และคุกก็ต้องการอนาคตใหม่

I've spent my entire career in corrections, over 30 years.

ผมใช้เวลากว่า 30 ปีตลอดอาชีพ การทำงานในกรมราชทัณฑ์

I followed my dad into this field.

ผมดำเนินรอยตามคุณพ่อในอาชีพนี้

He was a Vietnam veteran. Corrections suited him.

พ่อเป็นทหารผ่านศึกเวียดนาม งานนี้จึงเหมาะกับพ่อ

He was strong, steady, disciplined.

พ่อแข็งแรง หนักแน่น มีระเบียบวินัย

I was not so much any of those things,

ผมไม่ได้มีสิ่งเหล่านั้นมากนัก

and I'm sure that worried him about me.

และผมแน่ใจว่า มันทำให้พ่อเป็นห่วงผม

Eventually I decided, if I was going to end up in prison,

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่าจะไปจบลงในคุก หรือ

I'd better end up on the right side of the bars,

ควรไปด้านที่ถูกต้องของตะราง

so I thought I'd check it out,

ผมจึงคิดว่า ลองไปดูก่อนซิ

take a tour of the place my dad worked,

ไปเที่ยวชมสถานที่ๆ คุณพ่อทำงาน

the McNeil Island Penitentiary.

สถานดัดสันดาน แม็กนีล ไอส์แลนด์

Now this was the early '80s,

ตอนนั้นเป็นตอนต้นทศวรรษที่ 80

and prisons weren't quite what you see

และคุกก็ไม่ค่อยเหมือนที่คุณเห็น

on TV or in the movies.

ในโทรทัศน์ หรือในภาพยนตร์

In many ways, it was worse.

มันแย่ยิ่งกว่านั้นในหลายๆ ด้าน

I walked into a cell house that was five tiers high.

ผมก็เดินเข้าไปในห้องขัง ที่สูงห้าชั้น

There were eight men to a cell.

มีชายแปดคนอยู่ในหนึ่งห้องขัง

there were 550 men in that living unit.

มีชาย 550 คนในอาคารพักอาศัยนั้น

And just in case you wondered,

และถ้าในกรณีที่คุณสงสัย

they shared one toilet in those small confines.

พวกเขาใช้สุขาร่วมกันในห้องขังเล็กนั้น

An officer put a key in a lockbox,

เจ้าพนักงานใส่กุญแจในกล่องล็อก

and hundreds of men streamed out of their cells.

และชายหลายร้อยคน ก็หลั่งไหลออกมาจากห้องขัง

Hundreds of men streamed out of their cells.

ชายหลายร้อยคนหลั่งไหลออกจากห้องขังของเขา

I walked away as fast as I could.

ผมรีบเดินถอยออกไป เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

Eventually I went back and I started as an officer there.

ในที่สุด ผมก็กลับไปเป็นเจ้าหน้าที่ที่นั่น

My job was to run one of those cell blocks

งานของผมคือ คุมห้องขังแดนหนึ่ง

and to control those hundreds of men.

และควบคุมชายหลายร้อยคนเหล่านั้น

When I went to work at our receptions center,

เมื่อผมไปทำงานที่ศูนย์ต้อนรับของคุก

I could actually hear the inmates roiling from the parking lot,

ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายของนักโทษจากที่จอดรถ

shaking cell doors, yelling,

เสียงสั่นประตูห้องขัง เสียงตะโกน

tearing up their cells.

เสียงดึงทึ้งห้องขัง

Take hundreds of volatile people and lock them up,

เอาคนอารมณ์ร้อนเป็นร้อยๆมาขัง

and what you get is chaos.

สิ่งที่คุณได้ก็คือ ความชุลมุนวุ่นวาย

Contain and control — that was our job.

จำกัดและควบคุม นั่นคืองานของเรา

One way we learned to do this more effectively

วิธีที่เราเรียนรู้การทำงานนี้ ให้ได้ผลขึ้น

was a new type of housing unit

คือ หน่วยห้องพักแบบใหม่

called the Intensive Management Unit, IMU,

เรียกว่า หน่วยจัดการแบบเข้ม หรือ IMU

a modern version of a "hole."

รูปแบบสมัยใหม่ของ "คุกมืด"

We put inmates in cells behind solid steel doors

เราขังนักโทษในห้องขัง หลังประตูเหล็กกล้า

with cuff ports so we could restrain them

กับช่องส่งอาหาร เพื่อยับยั้งพวกเขาไว้ได้

and feed them.

และให้อาหารพวกเขาได้

Guess what?

เดาสิครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น

It got quieter.

มันเงียบลง

Disturbances died down in the general population.

ความวุ่นวายหายไป ในประชากรคุกทั่วไป

Places became safer

สถานที่ปลอดภัยมากขึ้น

because those inmates who were most violent or disruptive

เพราะนักโทษที่รุนแรง หรือก่อกวนมากที่สุด

could now be isolated.

ถูกแยกออกไปได้แล้วในตอนนี้

But isolation isn't good.

แต่การขังเดี่ยวไม่ใช่เรื่องดี

Deprive people of social contact and they deteriorate.

การตัดขาดจากสังคม ทำให้พวกเขาเสื่อมทรามลง

It was hard getting them out of IMU,

เป็นเรื่องยากที่จะให้เขาออกมาจาก IMU

for them and for us.

สำหรับพวกเขา และสำหรับเรา

Even in prison, it's no small thing

แม้ในคุกเอง มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก

to lock someone up.

ที่จะขังผู้ใดไว้

My next assignment was to one of the state's deep-end prisons

งานต่อมาของผม คือ ไปที่คุกก้นบึ้งสุดของรัฐ

where some of our more violent or disruptive inmates are housed.

ที่นักโทษรุนแรงและก่อกวนมากกว่านั้นอยู่กัน

By then, the industry had advanced a lot,

ถึงตอนนั้น งานด้านนี้ได้ก้าวหน้าไปมาก

and we had different tools and techniques

และเราก็มีเครื่องมือและเทคนิคต่างๆ

to manage disruptive behavior.

ที่จะจัดการกับพฤติกรรมก่อกวน

We had beanbag guns and pepper spray

เรามีปืนกระสุนถุงถั่ว และสเปรย์พริกไทย

and plexiglass shields,

และเกราะกระจกเพล็กซี่กลาส

flash bangs, emergency response teams.

มีระเบิดแสง ทีมรับเหตุฉุกเฉิน

We met violence with force

เราสู้กับความรุนแรง ด้วยกำลัง

and chaos with chaos.

และกับการชุลมุน ด้วยการชุลมุน

We were pretty good at putting out fires.

เราเก่งมากในเรื่องการดับไฟ

While I was there, I met two experienced correctional workers

ตอนนั้น ได้พบคนงานคุกที่เชี่ยวชาญสองคน

who were also researchers,

ซึ่งก็เป็นทั้ง นักวิจัย

an anthropologist and a sociologist.

นักมานุษยวิทยา และนักสังคมวิทยา

One day, one of them commented to me and said,

คนหนึ่งให้ข้อคิดเห็นกับผม ว่า

"You know, you're pretty good at putting out fires.

"รู้ไหม คุณเก่งมากเรื่องดับไฟ

Have you ever thought about how to prevent them?"

แต่คุณเคยคิด เรื่องวิธีป้องกันไฟไหม้ไหม"

I was patient with them,

ผมอดทนอธิบายให้พวกเขาฟัง ถึงวิธีการ

explaining our brute force approach

ใช้กำลังที่โหดเหี้ยมของเรา

to making prisons safer.

เพื่อทำให้คุกปลอดภัยขึ้น

They were patient with me.

พวกเขาก็อดทนกับผม

Out of those conversations grew some new ideas

จากการคุยกัน ความคิดใหม่บางอย่างก็เกิดขึ้น

and we started some small experiments.

และเราก็เริ่มการทดลองเล็กๆ บางอย่าง

First, we started training our officers in teams

เราเริ่มฝึกเจ้าหน้าที่ของเราเป็นทีม

rather than sending them one or two at a time to the state training academy.

แทนที่จะส่งเขาทีละคนสองคน ไปฝึกที่สถาบัน

Instead of four weeks of training, we gave them 10.

ของรัฐนานสี่สัปดาห์ เราให้ฝึก 10 สัปดาห์

Then we experimented with an apprenticeship model

แล้วเราก็ทดลองโมเดลการฝึกงาน โดยวิธีจับคู่

where we paired new staff with veteran staff.

พนักงานใหม่ กับพนักงานชำนาญการ

They both got better at the work.

ทั้งสองฝ่ายทำงานได้ดีขึ้น

Second, we added verbal de-escalation skills

ถัดมา เราเพิ่มทักษะลดความรุนแรงทางการพูด

into the training continuum

เข้าไปในการฝึกที่ต่อเนื่องกัน ตามลำดับ

and made it part of the use of force continuum.

และทำให้เป็นส่วนของการใช้กำลังที่ต่อเนื่อง

It was the non-force use of force.

มันเป็นการใช้กำลังโดยไม่ใช้กำลัง

And then we did something even more radical.

แล้วเราก็ทำสิ่งที่สุดๆ ยิ่งกว่า

We trained the inmates on those same skills.

เราฝึกนักโทษในทักษะเดียวกันเหล่านั้น

We changed the skill set,

เราเปลี่ยนกลุ่มทักษะ

reducing violence, not just responding to it.

โดยลดความรุนแรง ไม่ใช่เพียงแค่ตอบโต้ไป

Third, when we expanded our facility, we tried a new type of design.

ข้อสาม เมื่อเราขยายขึ้น เราลองแบบชนิดใหม่

Now the biggest and most controversial component

แต่องค์ประกอบสำคัญ และที่เป็นโต้แย้งกันมากที่สุด

of this design, of course, was the toilet.

ของแบบที่ออกใหม่นี้ แน่นอนครับ คือโถส้วม

There were no toilets.

ไม่มีโถส้วม

Now that might not sound significant to you here today,

อาจฟังดูไม่สำคัญสำหรับท่านที่นี่ ในวันนี้

but at the time, it was huge.

แต่ในตอนนั้น มันใหญ่มาก

No one had ever heard of a cell without a toilet.

ไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องห้องขังที่ไม่มีส้วม

We all thought it was dangerous and crazy.

เราทั้งหมดคิดว่า มันอันตรายและบ้าไปแล้ว

Even eight men to a cell had a toilet.

แม้ชายแปดคนในห้องขัง ก็ยังมีส้วม

That small detail changed the way we worked.

รายละเอียดเล็กๆ นั้น เปลี่ยนวิธีที่เราทำงาน

Inmates and staff started interacting

นักโทษและพนักงาน เริ่มปฏิสัมพันธ์กัน

more often and openly and developing a rapport.

บ่อยๆ และเปิดเผยขึ้น และพัฒนามิตรไมตรีกัน

It was easier to detect conflict and intervene

เราเจอความขัดแย้งและไปแทรกแซงง่ายขึ้น

before it escalated.

ก่อนที่มันจะขยายใหญ่ขึ้น

The unit was cleaner, quieter, safer and more humane.

หน่วยก็สะอาด เงียบ ปลอดภัย เป็นมิตรกันมากขึ้น

This was more effective at keeping the peace

สิ่งนี้มีผลในการรักษาความสงบ ดีกว่า

than any intimidation technique I'd seen to that point.

เทคนิคข่มขู่ใดๆ ที่ผมเคยเห็นจนถึงขณะนั้น

Interacting changes the way you behave,

การมีปฏิสัมพันธ์กันเปลี่ยนพฤติกรรม

both for the officer and the inmate.

ทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง

We changed the environment and we changed the behavior.

เราได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม และพฤติกรรม

Now, just in case I hadn't learned this lesson,

ถ้าผมไม่ได้เรียนรู้บทเรียนนี้

they assigned me to headquarters next,

เมื่อเขาให้ผมไปทำงานที่กองบัญชาการ

and that's where I ran straight up against system change.

ที่นั่นผมพบความลำบาก ในการเปลี่ยนแปลงระบบ

Now, many things work against system change:

ครับ การเปลี่ยนระบบต้องต่อสู้กับหลายๆ อย่าง

politics and politicians, bills and laws,

การเมืองและนักการเมือง ร่างกฎหมายและกฎหมาย

courts and lawsuits, internal politics.

ศาลและคดีความ การเมืองภายใน

System change is difficult and slow,

การเปลี่ยนระบบนั้นยาก และเชื่องช้า

and oftentimes it doesn't take you

และบ่อยครั้ง มันไม่ได้นำคุณไปสู่

where you want to go.

ที่ๆ คุณต้องการจะไป

It's no small thing to change a prison system.

ไม่ใช่เรื่องเล็ก ที่จะเปลี่ยนระบบเรือนจำ

So what I did do is I reflected on my earlier experiences

สิ่งที่ผมทำคือ ย้อนไปคิดถึงประสบการณ์ก่อนๆ

and I remembered that when we interacted with offenders, the heat went down.

และจำได้ว่าความร้อนแรงลดลง เมื่อเรามี

When we changed the environment, the behavior changed.

ปฏิสัมพันธ์กับผู้กระทำผิด พฤติกรรมเปลี่ยน

And these were not huge system changes.

เมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน พวกนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนระบบใหญ่

These were small changes, and these changes

แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

created new possibilities.

แต่ก็ได้สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ขึ้นมา

So next, I got reassigned as superintendent of a small prison.

ถัดมาผมได้รับงานอีก เป็นผู้ควบคุมคุกเล็กๆ

And at the same time, I was working on my degree

และในเวลาเดียวกัน ก็เรียนเอาปริญญาไปด้วย

at the Evergreen State College.

ที่เอเวอร์กรีน สเตท คอลเลจ

I interacted with a lot of people who were not like me,

ผมมีปฏิสัมพันธ์กับคนมากมาย ที่ไม่เหมือนผม

people who had different ideas

ผู้คนที่มีแนวคิดที่ต่างกันไป

and came from different backgrounds.

และมาจากพื้นฐานต่างๆ กัน

One of them was a rainforest ecologist.

มีคนหนึ่ง เป็นนักนิเวศวิทยาป่าฝน

She looked at my small prison and what she saw

เธอมาดูคุกเล็กๆ ของผม สิ่งที่เธอเห็น

was a laboratory.

ก็คือ ห้องทดลองวิทยาศาสตร์

We talked and discovered how prisons and inmates

เราพูดคุยกัน และค้นพบว่า คุกและนักโทษ

could actually help advance science

สามารถช่วยวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้าไปได้จริง

by helping them complete projects

โดยช่วยให้พวกเขาทำโครงการจนเสร็จ

they couldn't complete on their own,

พวกเขาไม่สามารถทำให้เสร็จด้วยตัวเองได้

like repopulating endangered species:

เช่น การเพิ่มจำนวนสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์

frogs, butterflies, endangered prairie plants.

กบ ผีเสื้อ พืชในทุ่งที่ใกล้สูญพันธ์ุ

At the same time, we found ways to make

ในเวลาเดียวกัน เราก็พบวิธี

our operation more efficient

ทำให้ปฏิบัติการของเรามีผลดีขึ้น

through the addition of solar power,

ผ่านทางการเพิ่มพลังงานจากแสงอาทิตย์

rainwater catchment, organic gardening, recycling.

การเก็บกักนํ้าฝน ทำสวนอินทรีย์ การรีไซเคิล

This initiative has led to many projects

การริเริ่มนี้ ได้นำไปสู่โครงการหลายอย่าง

that have had huge system-wide impact,

ที่มีผลกระทบเชิงระบบที่กว้างขวางมาก

not just in our system, but in other state systems as well,

ไม่เพียงแต่ระบบของเรา ระบบอื่นๆ ของรัฐด้วย

small experiments making a big difference

การทดลองเล็กๆ ทำให้เกิดความแตกต่างที่ใหญ่

to science, to the community.

ต่อวิทยาศาสตร์ ต่อชุมชน

The way we think about our work changes our work.

วิธีคิดต่องานของเรา เปลี่ยนแปลงงานนั้นได้

The project just made my job more interesting and exciting.

โครงการนั้นทำให้งานของผมน่าสนใจ และ

I was excited. Staff were excited.

น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ผมและทีมงานตื่นเต้น

Officers were excited. Inmates were excited.

เจ้าพนักงานก็ตื่นเต้น นักโทษก็ตื่นเต้น

They were inspired.

พวกเขาเกิดแรงบันดาลใจ

Everybody wanted to be part of this.

ทุกคนอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของงาน

They were making a contribution, a difference,

พวกเขาเข้ามาร่วม เป็นความแตกต่าง

one they thought was meaningful and important.

ที่พวกเขาคิดว่า มีความหมาย และสำคัญ

Let me be clear on what's going on here, though.

อย่างไรก็ตาม ผมอยากจะอธิบาย ในสิ่งที่กำลังเกิดอยู่นี้

Inmates are highly adaptive.

นักโทษนั้นปรับตัวเก่ง

They have to be.

พวกเขาต้องเป็นอย่างนั้น

Oftentimes, they know more about our own systems

บ่อยครั้งที่ พวกเขารู้ถึงระบบของเรามากกว่า

than the people who run them.

ผู้คนที่ทำงานในระบบ

And they're here for a reason.

และพวกเขาก็มีเหตุที่ต้องอยู่ที่นี่

I don't see my job as to punish them or forgive them,

ผมไม่ได้มองงานของผมว่าเป็นการลงโทษ

but I do think they can have

หรือให้อภัย แต่ผมคิดว่าพวกเขา

decent and meaningful lives even in prison.

มีชีวิตที่ดีและมีความหมายได้ แม้อยู่ในคุก

So that was the question:

ดังนั้น นั่นแหละคือคำถาม

Could inmates live decent and meaningful lives,

นักโทษจะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และมีความหมายได้มั้ย

and if so, what difference would that make?

ถ้าได้ นั่นจะทำให้มีความต่างอะไร

So I took that question back to the deep end,

ผมจึงเอาคำถามนั้น กลับไปยังก้นบึ้ง

where some of our most violent offenders are housed.

ที่ซึ่งผู้กระทำผิดรุนแรง ส่วนใหญ่อยู่กัน

Remember, IMUs are for punishment.

จำไว้นะครับ IMU นั้นมีไว้สำหรับลงโทษ

You don't get perks there, like programming.

คุณไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่นั่น เช่น เรียนเขียนโปรแกรม

That was how we thought.

นั่นคือวิธีที่เราคิด

But then we started to realize that if any inmates

แล้วเราก็เริ่มตระหนักว่า ถ้าต้องมีนักโทษคนใด

needed programming, it was these particular inmates.

ที่ต้องเขียนโปรแกรม ก็ควรเป็นนักโทษกลุ่มนี้แหละ

In fact, they needed intensive programming.

ที่จริงแล้ว พวกเขาต้องเข้าคอร์สเรียนแบบติวเข้ม

So we changed our thinking 180 degrees,

เราจึงเปลี่ยนความคิดของเราอย่างสิ้นเชิง

and we started looking for new possibilities.

และเริ่มมองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ

What we found was a new kind of chair.

สิ่งที่เราพบก็คือ เก้าอี้ชนิดใหม่

Instead of using the chair for punishment,

แทนที่จะใช้เก้าอี้นั้นเพื่อการลงโทษ

we put it in classrooms.

เราเอามันไปไว้ในชั้นเรียน

Okay, we didn't forget our responsibility to control,

ใช่ครับ เราไม่ลืมความรับผิดชอบในการควบคุม

but now inmates could interact safely, face-to-face

แต่ตอนนี้ นักโทษมีปฏิสัมพันธ์ได้ อย่างปลอดภัย

with other inmates and staff,

กับนักโทษอื่นๆ และเจ้าหน้าที่

and because control was no longer an issue,

และเพราะการควบคุม ไม่เป็นปัญหาแล้ว

everybody could focus on other things,

ทุกคนสามารถมุ่งไปที่สิ่งอื่นๆได้

like learning. Behavior changed.

เช่น การเรียน ผลคือพฤติกรรมเปลี่ยนไป

We changed our thinking, and we changed what was possible, and this gives me hope.

เราเปลี่ยนความคิดของเราและเราเปลี่ยนสิ่งที่เคยทำ และนั่นทำให้ผมมีความหวัง

Now, I can't tell you that any of this stuff will work.

ตอนนี้ผมบอกไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะได้ผลหรือไม่

What I can tell you, though, it is working.

แต่สิ่งที่ผมบอกได้คือ มันเริ่มเห็นผลแล้ว

Our prisons are getting safer for both staff and inmates,

คุกปลอดภัยขึ้น ทั้งพนักงาน และนักโทษ

and when our prisons are safe,

และเมื่อคุกปลอดภัย

we can put our energies into a lot more than just controlling.

เราเอาแรงไปใช้ในสิ่งที่มากกว่าการควบคุม

Reducing recidivism may be our ultimate goal,

การลดการทำผิดซํ้าซากอาจเป็นเป้าหมายสูงสุด

but it's not our only goal.

แต่ไม่ได้เป็นเป้าหมายเดียวของเรา

To be honest with you, preventing crime

พูดกันตรงๆ นะครับ การป้องกันอาชญากรรม

takes so much more from so many more people

ต้องใช้แรงอีกมากมายจากคนอีกมาก

and institutions.

และสถาบันอีกมากมายกว่านี้

If we rely on just prisons to reduce crime,

ถ้าเราพึ่งพาแค่เพียงคุก เพื่อลดอาชญากรรม

I'm afraid we'll never get there.

ผมเกรงว่า เราจะไปถึงที่นั่นไม่ได้เลย

But prisons can do some things

แต่คุกก็สามารถทำบางอย่าง

we never thought they could do.

ที่เราไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะทำได้

Prisons can be the source of innovation

คุกเป็นแหล่งนวัตกรรม และความยั่งยืนได้

and sustainability,

เช่น การเพิ่มจำนวนสัตว์ที่

repopulating endangered species and environmental restoration.

ใกล้จะสูญพันธ์ และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

Inmates can be scientists and beekeepers,

นักโทษเป็นนักวิทยาศาสตร์ และคนเลี้ยงผึ้ง

dog rescuers.

หรือคนช่วยชีวิตสุนัขได้

Prisons can be the source of meaningful work

คุกสามารถเป็นแหล่งของงานที่มีความหมาย

and opportunity for staff

และโอกาสที่ดีสำหรับพนักงาน

and the inmates who live there.

และนักโทษที่อยู่ในนั้นได้

We can contain and control

เราสามารถจำกัดและควบคุม

and provide humane environments.

และจัดหาสภาพแวดล้อมที่มีมนุษยธรรมให้ได้

These are not opposing qualities.

เหล่านี้ไม่ได้เป็นคุณสมบัติที่ตรงข้ามกัน

We can't wait 10 to 20 years to find out

เรารอไปอีก 10 ถึง 20 ปี ไม่ได้ เพื่อจะหาคำตอบว่า

if this is worth doing.

ว่าสิ่งนี้ทำแล้วคุ้มค่าหรือไม่

Our strategy is not massive system change.

กลยุทธของเรา ไม่ใช่การรื้อระบบใหม่

Our strategy is hundreds of small changes

กลยุทธของเราเปลี่ยนส่วนเล็กๆ เป็นร้อยๆ

that take place in days or months, not years.

ที่เกิดในหลายวันหรือเดือน แต่ไม่ใช่หลายๆ ปี

We need more small pilots where we learn as we go,

เราต้องการโครงการนำร่องเล็กๆ ที่เราเรียนรู้

pilots that change the range of possibility.

ขณะทำงานไป โครงการนำร่องที่เปลี่ยน ขอบเขตความเป็นไปได้

We need new and better ways to measure impacts

เราต้องการวิธีการใหม่ๆ เพื่อ

on engagement, on interaction,

วัดผลกระทบด้านความผูกพันธ์ ปฏิสัมพันธ์

on safe environments.

กับสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย

We need more opportunities to participate in

เราต้องการโอกาสในการเข้าร่วมให้มากขึ้น

and contribute to our communities,

และการเข้ามาช่วยชุมชนของเรา

your communities.

ชุมชนของคุณ

Prisons need to be secure, yes, safe, yes.

เรื่องจำต้องมั่นคง ใช่ครับ ปลอดภัย ใช่ครับ

We can do that.

เราทำสิ่งนั้นได้

Prisons need to provide humane environments

คุกต้องจัดให้มีสิ่งแวดล้อมที่มีมนุษยธรรม

where people can participate, contribute,

ที่ๆ คนสามารถเข้ามาร่วม เข้ามามีส่วนช่วย

and learn meaningful lives.

และเรียนรู้การมีชีวิตที่มีความหมาย

We're learning how to do that.

เรากำลังเรียนรู้วิธีที่จะทำสิ่งนั้น

That's why I'm hopeful.

นั่นคือ ทำไมผมจึงมีความหวัง

We don't have to stay stuck in old ideas about prison.

เราไม่ต้องติดยึดกับแนวคิดเก่าๆ เกี่ยวกับคุก

We can define that. We can create that.

เราให้ความหมายกับสิ่งนั้น และสร้างมันได้

And when we do that thoughtfully and with humanity,

เมื่อเราทำอย่างรอบคอบ ด้วยมนุษยธรรม

prisons can be more than the bucket

คุกก็สามารถเป็นได้มากกว่าถังขยะ

for failed social policy.

สำหรับใส่นโยบายสังคมที่ล้มเหลว

Maybe finally, we will earn our title:

บางที สุดท้ายเราจะสมควรกับชื่อของเรา

a department of corrections.

ว่า กระทรวงปรับปรุงพฤติกรรม (Department of Corrections)

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)