How cancer cells communicate — and how we can slow them down | Hasini Jayatilaka

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Jirapon Saksucharit

Cancer.

มะเร็ง

It's a devastating disease that takes an enormous emotional toll.

เป็นโรคร้ายที่ทำให้เกิด ความเสียหายทางอารมณ์อย่างมากมาย

Not only on the patient, but the patient's loved ones, as well.

ไม่ใช่เฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น แต่คนที่ผู้ป่วยรักอีกด้วย

It is a battle that the human race has been fighting for centuries.

เป็นการสู้รบที่เผ่าพันธุ์ุมนุษย์ ได้ต่อสู้มาอย่่างต่อเนื่องนานหลายศตวรรษ

And while we've made some advancements,

และในขณะที่เราได้ก้าวหน้าไปบ้างแล้ว

we still haven't beaten it.

เราก็ยังคงเอาชนะมันไม่ได้

Two out of five people in the US will develop cancer in their lifetime.

สองในห้าคนในสหรัฐอเมริกา จะพัฒนาเป็นโรคมะเร็งในช่วงชีวิตของเขา

Of those, 90 percent will succumb to the disease due to metastases.

ในจำนวนนั้น 90% จะตายไปเพราะโรค เนื่องมาจากเมทาสทะซิสส์

Metastasis is a spread of cancer from a primary site to a distal site,

เมทาสทะซิส คือการแพร่กระจายของเนื้อร้าย จากเซลล์หลักไปยังเซลล์อื่น

through the circulatory or the lymphatic system.

ผ่านระบบหมุนเวียนของเลือด หรือระบบน้ำเหลือง

For instance, a female patient with breast cancer

ตัวอย่างเช่น ผู้ปวยหญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม

doesn't succumb to the disease simply because she has a mass on her breast.

ไม่ได้ยอมจำนนต่อโรค เพียงเพราะเธอมีก้อนอยู่ที่เต้านมของเธอ

She succumbs to the disease because it spreads

เธอพ่ายแพ้ต่อโรคเพราะมันแพร่กระจายไป

to the lungs, liver, lymph nodes, brain, bone,

ที่ปอด ตับ ต่อมน้ำเหลือ สมอง กระดูก

where it becomes unresectable or untreatable.

ที่ซึ่งผ่าตัดออกไปไม่ได้ หรือรักษาไม่ได้

Metastasis is a complicated process.

การแพร่กระจายของเนื้อร้าย เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน

One that I've studied for several years now.

เป็นกระบวนการที่ฉันได้ศึกษามานานหลายปีแล้ว

And something that my team and I discovered recently

และสิ่งที่ฉันและทีมงาน ได้ต้นพบเมื่อไม่นานมานี้ คือ

was that cancer cells are able to communicate with each other

เซลล์มะเร็งสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้

and coordinate their movement,

และร่วมประสานการเคลื่อนที่กัน

based on how closely packed they are in the tumor microenvironment.

ขึ้นอยู่กับวิธีที่มันอัดตัวกันแน่น อยู่ในสภาวะแวดล้อมจุลภาคของเนื้องอก

They communicate with each other through two signaling molecules

พวกมันสื่อสารกันด้วย การหลั่งโมเลกุลสัญญาณสองตัว

called Interleukin-6 and Interleukin-8.

ที่เรียกว่า อินเทอร์ลิวคิน-6 และอินเทอร์ลิวคิน-8

Now, like anything else in nature,

ค่ะ ก็เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ ในธรรมชาติ

when things get a little too tight, the signal is enhanced,

เมื่อสิ่งต่าง ๆ แน่นมากไปหน่อย สัญญาณที่ว่านั้นก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

causing the cancer cells to move away faster from the primary site

ทำให้เซลล์มะเร็งนั้น เคลื่อนตัวจากที่เดิมได้เร็วยิ่งขึ้น

and spread to a new site.

แล้วก็ขยายออกไปยังที่ใหม่

So, if we block this signal, using a drug cocktail that we developed,

ดังนั้น ถ้าเราสกัดกั้นสัญญาณนี้ไว้ โดยใช้ ตัวยาผสมที่เราได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว

we can stop the communication between cancer cells

เราก็จะสามารถหยุดการสื่อสาร ระหว่างเซลล์มะเร็งที่ว่านั้นได้

and slow down the spread of cancer.

และทำให้การแพร่กระจายของมะเร็งนั้นช้าลงได้

Let me pause here for a second

ฉันขอหยุดไว้ตรงนี้สักประเดี๋ยว

and take you back to when this all began for me in 2010,

และนำคุณกลับไปที่เมื่อตอน เรื่องทั้งหมดนี้เริ่มต้นสำหรับฉันในปี 2010

when I was just a sophomore in college.

ตอนที่ฉันเพิ่งจะเรียนอยู่ปีที่สอง ในมหาวิทยาลัย

I had just started working in Dr Danny Wirtz's lab

ฉันเพิ่งจะเริ่มทำงานในห้องทดลอง ของหมอแดนนี่ เวิร์ทซ์

at Johns Hopkins University.

ที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์

And I'll be honest: I was a young, naive, Sri Lankan girl,

ฉันขอพูดตรง ๆ ว่าตอนนั้นฉันยังเป็น เด็กสาวหน่อมแน้ม ชาวศรีลังกา

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

who had no previous research experience.

ที่ยังไม่มีประสบการณ์งานวิจัยมาก่อน

And I was tasked to look at how cancer cells move

และฉันก็ได้รับมอบหมายงานให้ไปดูว่า เซลล์มะเร็งเคลื่อนตัวไปอย่างไร

in a 3D collagen I matrix

ในโครงสร้างสามมิติของคอลลาเจน 1

that recapsulated, in a dish,

ที่ถูกห่อหุ้มไว้ในรูปแคปซูลซึ่งอยู่ในจาน

the conditions that cancer cells are exposed to in our bodies.

ซึ่งเป็นสภาวะที่เซลล์มะเร็ง อยู่ในร่างกายของเรา

This was new and exciting for me,

เป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้นสำหรับฉัน

because previous work had been done on 2D, flat, plastic dishes

เพราะงานก่อนหน้านั้น ก็ทำบนจานพลาสติกสองมิติแบน ๆ

that really weren't representative

ที่จริง ๆ แล้ว ไม่ได้เป็นตัวแทน

of what the cancer cells are exposed to in our bodies.

ของเซลล์มะเร็งที่อยู่ในร่างกายของเรา

Because, let's face it,

เพราะว่า ยอมรับกันเถอะค่ะ

the cancer cells in our bodies aren't stuck onto plastic dishes.

เซลล์มะเร็งในร่างกายของเรานั้น ไม่ได้เกาะติดอยู่บนจานพลาสติก

It was during this time that I attended a seminar

มันเป็นช่วงเวลาตอนน้้นเอง ที่ฉันไปร่วมประชุมสัมมนา

conducted by Dr Bonnie Bassler from Princeton University,

ที่จัดขึ้นโดยคุณหมอบอนนี่ บาสส์เลอร์ จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน

where she talked about how bacteria cells communicate with each other,

เธอพูดถึงวิธีการที่เชื้อแบคทีเรีย สื่อสารซึ่งกันและกัน

based on their population density, and perform a specific action.

ซึ่งขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของประชากร และวิธีการปฏิบัติแบบจำเพาะ

It was at this moment that a light bulb went off in my head, and I thought,

มันคือช่วงเวลานั้นเองที่ฉันคิดออกและคิดว่า

"Wow, I see this in my cancer cells every day,

"ว้าว ฉันก็เห็นสิ่งนี้ในเซลล์มะเร็งของฉัน อยู่ทุกวันนี่นะ"

when it comes to their movement."

"ถ้าพูดถึงเรื่องการเคลื่อนที่ของมัน"

The idea for my project was thus born.

ด้วยเหตุนี้ แนวคิดโครงการของฉัน จึงเกิดขึ้นมา

I hypothesized that cancer cells are able to communicate with each other

ฉันตั้งสมมุติฐานไว้ว่า เซลล์มะเร็ง สามารถสื่อสารซึ่งกันและกันได้

and coordinate their movement,

และร่วมมือกันเคลื่อนที่ไป

based on how closely packed they are in the tumor microenvironment.

ขึ้นอยู่กับวิธีที่มันอัดตัวกันแน่น อยู่ในสภาวะแวดล้อมจุลภาคของเนื้องอก

I became obsessed with pursuing this hypothesis.

ฉันจึงได้มาหมกมุ่นอยู่กับการพยายามทำตาม สมมุติฐานนี้

And fortunately, I work for someone

และก็โชคดีค่ะ ฉันทำงานให้กับ

who is open to running with my crazy ideas.

ผู้ที่เปิดโอกาสให้ทำ ตามแนวคิดที่แปลกประหลาดของฉัน

So, I threw myself into this project.

ฉันจึงทุ่มตัวไปกับโครงการนี้

However, I couldn't do it by myself.

อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถทำโครงการนี้ ตามลำพังคนเดียว

I needed help.

ฉันต้องการความช่วยเหลือ

I definitely needed help.

แน่นอนค่ะ ฉันต้องการความช่วยเหลือ

So we recruited undergraduate students, graduate students,

เราจึงประกาศรับนักศึกษาปริญญาตรี นักศึกษาปริญญาโท

postdoctoral fellows and professors

นักวิจัยที่จบปริญญาเอกแล้ว และศาตราจารย์

from different institutions and multiple disciplines

จากสถาบันต่าง ๆ และจากหลากหลายสาขาวิชา

to come together and work on this idea

เข้ามาร่วมกันและทำงานตามแนวความคิดนี้

that I conceived as a sophomore in college.

ซึ่งฉันก่อกำเนิดมันขึ้นมา ขณะเป็นนักศึกษาปีที่สองในมหาวิทยาลัย

After years of conducting experiments together

หลังจากหลายต่อหลายปี ของการทดลองร่วมกัน

and merging different ideas and perspectives,

แนวคิดและมุมมองต่าง ๆ ก็ได้ผุดขึ้นมา

we discovered a new signaling pathway

เราพบช่องทางการส่งสัญญาณใหม่

that controls how cancer cells communicate with each other and move,

ที่ควบคุมการสื่อสาร และเคลื่อนที่ของเซลล์มะเร็ง

based on their cell density.

โดยขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเซลล์

Some of you might have heard this,

บางท่านอาจจะได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว

because most of social media knows it as the Hasini effect.

เพราะสื่อสังคมส่วนใหญ่รู้กัน ในนามว่า ผลกระทบฮาสินิ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And we weren't done yet.

แต่เรายังทำไม่เสร็จค่ะ

We then decided that we wanted to block this signaling pathway

เราตัดสินใจว่า เราต้องการจะปิดกั้น ช่องทางส่งสัญญาณนี้

and see if we could slow down the spread of cancer.

และดูว่าจะสามารถทำให้การแพร่กระจาย ของมะเร็งนั้นช้าลงได้หรือไม่

Which we did, in preclinical animal models.

ซึ่งเราก็ทำได้แล้ว ในการทดลองกับสัตว์

We came up with a drug cocktail consisting of tocilizumab,

เราได้ส่วนผสมของตัวยาที่ประกอบด้วย โทซิลิซูแมบ

which is currently used to treat rheumatoid arthritis,

ซึ่งปัจจุบันใช้เพื่อรักษา โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

and reparixin, which is currently in clinical trials against breast cancer.

และ รีพาริซิน ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วง ทดลองใช้รักษามะเร็งเต้านม

And interestingly, what we found was that this cocktail of drugs

และที่น่าสนใจ สิ่งที่เราพบแล้ว คือ ตัวยาผสมนี้

really had no effect on tumor growth,

จริง ๆ แล้วไม่มีผลกระทบต่อ การเติบโตของเนื้องอก

but directly targeted metastases.

แต่มันตั้งเป้าตรงไปที่ การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

This was a significant finding,

นี่เป็นการค้นพบที่มีนัยสำคัญ

because currently, there aren't any FDA-approved therapeutics

เพราะปัจจุบัน ไม่มีการรักษาโรคที่ได้รับ การยอมรับจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ

that directly target the spread of cancer.

ที่มุ่งตรงเป้าหมายไปที่ การแพร่กระจายของมะเร็ง

In fact, the spread of cancer, metastasis,

ที่จริงแล้ว การแพร่กระจายของมะเร็ง หรือเมทาสทะซิสนี้

is thought of as a byproduct of tumor growth.

ถูกคิดกันว่าเป็นผลพวง ของการเติบโตของเนื้องอก

Where the idea is, if we can stop the tumor from growing,

ซึ่งแนวคิดก็คือ ถ้าหากเราสามารถหยุดยั้ง ไม่ให้เนื้องอกเติบโต

we can stop the tumor from spreading.

เราก็จะสามารถหยุดยั้งเนื้องอก ไม่ให้แพร่กระจายออกไปได้

However, most of us know that this is not true.

อย่างไรก็ตาม พวกเราส่วนใหญ่ก็รู้ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

We, on the other hand, came up with the drug cocktail

แต่อีกแง่หนึ่ง เราก็ได้ตัวยาผสมมา

that targets metastasis not by targeting tumor growth,

ที่เล็งเป้าไปที่การแพร่กระจายของเนื้องอก ไม่ได้เล็งไปที่การเติบโตของเนื้องอก

but by targeting the complex mechanisms that govern it,

แต่ด้วยการเล็งเป้าไปที่ กลไกซับซ้อนที่ควบคุณมันอยู่นั้น

through the targeting of the Hasini effect.

ผ่านทางการเล็งเป้าของ "ผลกระทบฮาสินิ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

This work was recently published in "Nature Communications,"

งานวิจัยชิ้นนี้เพิ่งได้ตีพิมพ์เผยแพร่ ในวารสาร "เนเจอร์ คอมมิวนิเคชั่นส์"

and my team and I received an overwhelming response from around the world.

ทีมงานพร้อมกับตัวฉัน ได้รับการตอบรับ อย่างท่วมท้นจากทั่วโลก

Nobody on my team could have predicted this sort of response.

ไม่มีใครในทีมงานที่สามารถคาดถึง การตอบรับแบบนี้ได้

We seem to have struck a nerve.

พวกเราดูจะไม่พอใจจากคำวิจารณ์

Looking back, I am extremely grateful for the positive response that I received,

เมื่อมองย้อนไป ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง กับการตอบรับเชิงบวก ที่ฉันได้รับ

not only from academia, but also patients,

ไม่ใช่จากเพียงแค่มหาวิทยาลัย แต่จากผู้ป่วยอีกด้วย

and people around the world affected by this terrible disease.

และจากผู้คนทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากโรคร้ายนี้

As I reflect on this success I've encountered with the Hasini effect,

เมื่อมาคิดพิจารณาถึงความสำเร็จนี้ ฉันก็ได้เผชิญหน้ากับ "ผลกระทบฮาสินิ"

I keep coming back to the people that I was fortunate enough to work with.

ฉันยังคงกลับไปถึงผู้คน ที่ฉันโชคดีที่ได้ทำงานด้วยกันกับเขา

The undergraduate students

นักศึกษาปริญญาตรีเหล่านั้น

who demonstrated superhuman powers through their hard work and dedication.

ที่แสดงออกมาซึ่งพลังยอดมนุษย์ ผ่านทางงานหนักและการอุทิศทุ่มเทของพวกเขา

The graduate students and the postdoctoral fellows,

นักศึกษาปริญญาโท และนักวิจัยที่จบปริญญาเอกแล้ว

my fellow Avengers, who taught me new techniques

เพื่อน ๆ กลุ่ม อเวนเจอร์ ที่สอนเทคนิคใหม่ ๆ ให้ฉัน

and always made sure I stayed on track.

และก็คอยดูให้แน่ใจว่า ฉันยังคงก้าวหน้าไปอย่างถูกต้อง

The professors, my Yodas and my Obi-Wan Kenobis,

ท่านศาสตราจารย์ เหล่าโยดา และเหล่าโอบิ-วาน เคโนบิของฉัน

who brought their expertise into making this work into what it is today.

ซึ่งได้นำความเชี่ยวชาญของพวกเขาเข้ามา ทำให้งานนี้เป็นสิ่งที่เห็นอยู่ในวันนี้

The support staff, the friends and family,

คณะทำงานสนับสนุน เพื่อน ๆ และครอบครัว

people who lifted our spirits,

ผู้คนทั้งหลายที่คอยให้กำลังใจ

and never let us give up on our ambitious endeavors.

และไม่เคยที่จะให้เราเลิกล้ม ในความพยายามที่ยากยิ่งของเรา

The best kind of sidekicks we could have asked for.

เหล่าผู้ช่วยที่ดีที่สุดที่เราจะขอได้

It took a village to help me study metastasis.

ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้านมาช่วยฉันศึกษา เรื่องการแพร่กระจายของโรค

And believe me, without my village, I wouldn't be here.

เชื่อเถอะค่ะ ถ้าไม่มีหมู่บ้านของฉัน ฉันคงจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้

Today, our team has grown,

ในวันนี้ ทีมงานของเราได้เติบโตขึ้นมา

and we are using the Hasini effect to develop combination therapies

และเราก็กำลังใช้ "ผลกระทบเฮสินิ" อยู่ เพื่อพัฒนาการรักษาแบบใช้ยาหลาย ๆ ชนิดผสมกัน

that will effectively target tumor growth and metastases.

ที่เล็งเป้าไปที่การเติบโตและการแพร่กระจาย ของเนื้องอก อย่างมีประสิทธิภาพ

We are engineering new anticancer therapeutics,

เรากำลังสรรสร้าง วิธีบำบัดรักษาที่ต่อต้านมะร็งแบบใหม่ ๆ

to limit toxicity and to reduce drug resistance.

เพื่อจำกัดความเป็นพิษ และเพื่อลดการต้านยา

And we are developing groundbreaking systems

และเรากำลังพัฒนาระบบแบบใหม่

that will help for the development of better human clinical trials.

ที่จะช่วยในการพัฒนาเรื่องการทดลองใช้ยา กับมนุษย์ที่ดียิ่งขึ้น

It blows my mind to think that all this,

มันทำให้ฉันตื่นเต้นและประหลาดใจ ที่คิดว่าทั้งหมดนี้

the incredible work that I'm pursuing --

งานซึ่งไม่น่าเชื่อ ที่ฉันกำลังพยายามทำอยู่นี้

and the fact that I'm standing here, talking to you today --

และความจริงที่ว่า ฉันกำลังยืนอยู่ตรงนี้ กำลังพูดกับคุณวันนี้

all came from this tiny idea

ทั้งหมดนั้นมาจากแนวความคิดเล็กน้อย

that I had when I was sitting at the back of a seminar

ที่ฉันมีเมื่อตอนกำลังนั่งอยู่ที่ ด้านหลังของการประชุมสัมมนา

when I was just 20 years old.

เมื่อตอนฉันอายุแค่ 20 ปี

I recognize that right now, I am on this incredible journey

ฉันยังจำเรื่องนั้นได้ ขณะที่ฉันอยู่บนเส้นทางที่เหลือเชื่อนี้

that allows me to pursue work that I am extremely passionate about,

ที่ทำให้ฉันได้ทำงานที่ฉันลุ่มหลงจนสำเร็จ

and something that feeds my curiosity on a daily basis.

และเป็นสิ่งที่บำรุงหล่อเลี้ยง ความอยากรู้อยากเห็นของฉันในแต่ละวัน

But I have to say, my favorite part of all of this --

แต่ฉันก็ต้องบอกว่า ส่วนที่โปรดปรานของฉันในทั้งหมดนี้ ..

other than, of course, being here, talking to you, today --

นอกเหนือจาก แน่นอนค่ะ การมาอยู่ตรงนี้ พูดคุยกับคุณในวันนี้

is the fact that I get to work with a diverse group of people,

ก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า ฉันได้ทำงาน กับกลุ่มคนหลากหลาย

who make my work stronger, better and just so much more fun.

ที่ทำให้งานของฉันแข็งแรงยิ่งขึ้น ดียิ่งขึ้น และก็สนุกสนานยิ่งขึ้นอย่างมาก

And because of this, I have to say

และเพราะเหตุนี้ ฉันก็ต้องขอบอกว่า

that collaboration is my favorite superhuman power.

การร่วมมือกันเป็น พลังยอดมนุษย์ที่ฉันโปรดปราน

And what I love about this power is that it's not unique to me.

และสิ่งที่ฉันรักเกี่ยวกับพลังที่ว่านี้ คือ มันไม่ได้มีเฉพาะสำหรับฉันเท่านั้น

It's within all of us.

มันอยู่ในพวกเราทุกคน

My work shows that even cancer cells

งานของฉันแสดงให้เห็นว่า แม้กระทั่งเซลล์มะเร็ง

use collaboration to invade our bodies and spread their wrath.

ก็ใช้การร่วมมือกันนี้ รุกลํ้าร่ายกายของเรา และแพร่ขยายความโกรธเคืองคั่งแค้นของมัน

For us humans, it is a superpower that has produced incredible discoveries

สำหรับพวกมนุษย์เรานั้น พลังยอดมนุษย์นี้เอง ที่ได้ทำให้เกิดการค้นพบที่เหลือเชื่อขึ้นมา

in the medical and scientific field.

ในสาขาวิชาการแพทย์และวิทยาศาสตร์

And it is the superpower that we can all turn to

และมันก็พลังยอดมนุษย์นี้เอง ที่เราทุกคนสามารถหันไปหา

to inspire us to create something bigger than ourselves,

เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้าง สิ่งที่ขนาดใหญ่กว่าตัวเราเอง

that will help make the world a better place.

ที่ช่วยทำให้โลกเป็นที่ที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

Collaboration is the superpower that I turn to, to help me fight cancer.

การร่วมมือกันเป็นยอดพลัง ที่ฉันหันไปหา เพื่อช่วยฉันต่อสู้กับมะเร็ง

And I am confident that with the right collaborations,

และฉันก็มั่นใจว่า ด้วยการร่วมมือกันที่ถูกต้องนั้น

we will beat this terrible disease.

เราจะเอาชนะโรคร้ายนี้ได้

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)