What happens if you cut down all of a city's trees? - Stefan Al

Translator: Panitan Suvannaroj Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

This is the tale of two ancient cities

นี่คือตำนานของสองเมืองในอดีต

and the trees that determined their destinies.

และต้นไม้ ที่กำหนดชะตาของ ทั้งสองเมืองนั้น

In 3,000 BC Uruk was more densely populated than modern day New York City.

3000 ปีก่อนคริสตกาล เมืองอูรุค มีประชากรหนาแน่นกว่านิวยอร์คในปัจจุบัน

This crowded capital had to continually expand their irrigation system

เมืองหลวงที่หนาแน่นนี้จำเป็นต้องขยาย ระบบชลประทานอย่างต่อเนื่อง

to feed its growing population.

เพื่อเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้น

2,500 years later in Sri Lanka, the city of Anuradhapura had a similar problem.

2,500 ปีต่อมา ในศรีลังกา เมืองอนุราธปุระ ประสบกับปัญหาเดียวกัน

They were also growing constantly,

พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

and like Uruk, their city relied heavily on an elaborate irrigation system.

และเหมือนอูรุค เมืองของพวกเขาต้องพึ่งพา อย่างมากกับระบบชลประทานที่ซับซ้อน

As Uruk grew, its farmers began chopping down trees to make space for more crops.

ขณะที่อูรุคเติบโตขึ้น ชาวนาก็เริ่มตัดต้นไม้เพื่อ สร้างที่ว่างสำหรับการเพาะปลูก

In Anuradhapura, however, trees were sacred.

อย่างไรก็ตาม ในอนุราธปุระ ต้นไม้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

Their city housed an offshoot of the Bodhi tree

เมืองของพวกเขามีกิ่งก้านของต้นโพธิ์

under which Buddha himself was said to have attained enlightenment.

ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ภายใต้ต้นโพธ์นั้น

Religious reverence slowed farmer’s axes

ความเคารพในศาสนาทำให้ขวานของชาวนาช้าลง

and even led the city to plant additional trees in urban parks.

และนำไปสู่การที่เมืองปลูกต้นไม้เพิ่มเติมใน สวนในเมือง

Initially, Uruk’s expansion worked well.

ในตอนแรก การขยายตัวของอูรุคเป็นไปอย่างดี

But without trees to filter their water supply,

แต่เมื่อไม่มีต้นไม้ในการกรองทรัพยากรน้ำ

Uruk’s irrigation system became contaminated.

ระบบชลประทานของอูรุคก็มีสิ่งเจือปน

Evaporating water left mineral deposits,

น้ำที่เหลือใช้จากแหล่งแร่

which rendered the soil too salty for agriculture.

ที่ทำให้ดินเค็มเกินไปสำหรับการเพาะปลูก

Conversely, Anuradhapura’s irrigation system was designed to work

ในทางกลับกัน ระบบชลประทานของอนุราธปุระ ถูกออกแบบมาเพื่อเพื่อทำงาน

in concert with the surrounding forest.

ร่วมกับป่าไม้โดยรอบ

Their city eventually grew to more than twice Uruk’s population,

ในสุดท้าย เมืองของพวกเขาเติบโตขึ้นมากกว่า สองเท่าของประชากรเมืองอูรุค

and today, Anuradhapura still cares for a tree planted over 2,000 years ago.

และวันนี้ อนุราธปุระยังคงดูแล ต้นไม้ที่ปลูกไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อน

We may think of nature as being unconnected to our urban spaces,

พวกเราอาจคิดว่าธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เมือง

but trees have always been an essential part of successful cities.

แต่ต้นไม้เป็นส่วนสำคัญ ของความสำเร็จของเมืองมาโดยตลอด

Trees act like a natural sponge, absorbing storm water runoff

ต้นไม้ทำตัวเมือนฟองน้ำโดยธรรมชาติ ที่ดูดซับน้ำฝนจากพายุ

before releasing it back into the atmosphere.

ก่อนปล่อยมันกลับไปสู่บรรยากาศ

The webs of their roots protect against mudslides

โครงข่ายของรากของพวกมันปกป้องโคลนถล่ม

while allowing soil to retain water and filter out toxins.

ในขนะที่ทำให้ดินอุ้มน้ำและกรองสารพิษ

Roots help prevent floods,

รากช่วยป้องกันน้ำท่วม

while reducing the need for storm drains and water treatment plants.

ในขณะที่ลดความจำเป็นของการระบายน้ำ ในเวลาน้ำท่วมและโรงบำบัดน้ำเสีย

Their porous leaves purify the air by trapping carbon and other pollutants,

ใบที่มีรูพรุนของมันทำให้อากาศบริสุทธิ์โดย ดักจับคาร์บอนและมลพิษอื่นๆ

making them essential in the fight against climate change.

ทำให้พวกมันเป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้กับ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

Humanity has been uncovering these arboreal benefits for centuries.

มนุษย์ได้ทราบถึงประโยชน์ของต้นไม้ มาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว

But trees aren’t just crucial to the health of a city’s infrastructure;

แต่ต้นไม้ไม่เพียงแต่สำคัญต่อสุขภาพ ของโครงสร้างพื้นฐานของเมือง

they play a vital role in the health of its citizens as well.

พวกมันมีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพของประชาชนเช่นกัน

In the 1870’s, Manhattan had few trees outside the island’s parks.

ในปี 1870 เมืองแมนฮัตตันมีต้นไม้เล็กน้อย ด้านนอกสวนสาธารณะของเกาะ

Without trees to provide shade,

เมื่อไม่มีต้นไม้ให้ร่มเงา

buildings absorbed up to nine times more solar radiation

สิ่งปลูกสร้างก็ได้ดูดซับรังสี ของดวงอาทิตย์ถึงเก้าเท่า

during deadly summer heat waves.

ในระหว่างที่มีคลื่นความร้อนในช่วงหน้าร้อน

Combined with the period’s poor sanitation standards,

ร่วมกับระบบสาธารณสุขที่ด้อยมาตรฐาน

the oppressive heat made the city a breeding ground for bacteria like cholera.

ความร้อนทำให้เมืองเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรีย เช่น เชื้ออหิวาตกโรค

In modern day Hong Kong, tall skyscrapers and underground infrastructure

ฮ่องกงในปัจจุบัน ตึกระฟ้าและโครงสร้าง พื้นฐานใต้ดิน

make it difficult for trees to grow.

ทำให้เป็นการยากที่ต้นไม้จะเติบโต

This contributes to the city’s dangerously poor air quality,

สิ่งนี้ทำให้เมืองมีคุณภาพอากาศต่ำ อย่างเป็นอันตราย

which can cause bronchitis and diminished lung function.

ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบและ ลดประสิทธิภาพการทำงานของปอด

Trees affect our mental health as well.

ต้นไม้ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของเราเช่นกัน

Research indicates that the presence of green foliage increases attention spans

การศึกษาระบุว่า การมีสีเขียวของต้นไม้ เพิ่มระยะเวลาการมีสมาธิ

and decreases stress levels.

และลดระดับความเครียด

It’s even been shown that hospital patients with views of brick walls

มีการแสดงว่า ผู้ป่วยของโรงพยาบาล ที่เห็นกำแพงอิฐ

recover more slowly than those with views of trees.

จะฟื้นตัวช้ากว่าผู้ป่วยที่มองเห็นต้นไม้

Fortunately, many cities are full of views like this—

โชคดี หลายเมืองได้เล็งเห็นเรื่องนี้

and that’s no accident.

และไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

As early as the 18th century,

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18

city planners began to embrace the importance of urban trees.

นักวางผังเมืองเริ่มที่จะยอมรับ ความสำคัญของต้นไม้ในเมือง

In 1733, Colonel James Oglethorpe planned the city of Savannah, Georgia

ในปี 1733 ผู้พันเจมส์ โอเกลโธรป วางผังเมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย

to ensure that no neighborhood was more than a 2-minute walk from a park.

เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบ้านไหนต้องใช้เวลาเดิน ไปที่สวนสาธารณะเกินกว่า 2 นาที

After World War II, Copenhagen directed all new development along five arteries—

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองโคเปนเฮเกนส์ กำหนดการพัฒนาใหม่ตามแนว 5 แขนง

each sandwiched between a park.

ในแต่ละส่วนจะถูกขนาบด้วยสวนสาธารณะ

This layout increased the city’s resilience

การออกแบบนี้เพิ่มความยืดหยุ่นของเมืองในการรับมือ

to pollution and natural disasters.

กับมลภาวะและภัยธรรมชาติ

And urban trees don’t just benefit people.

และต้นไม้ของเมืองไม่เพียง มีประโยชน์ต่อประชาชน

Portland’s Forest Park preserves the region’s natural biodiversity,

สวนป่าของพอร์ตแลนด์สงวนรักษา ความหลากหลายทางชีวภาพตามธรรมชาติในพื้นที่

making the city home to various local plants,

ทำให้เมืองเป็นบ้าน ของพืชท้องถิ่นหลายสายพันธุ์

112 bird species, and 62 species of mammals.

นก 112 สายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 62 สายพันธุ์

No city is more committed to trees than Singapore.

ไม่มีเมืองใดมีความรับผิดชอบต่อต้นไม้ มากกว่าสิงคโปร์

Since 1967, Singapore’s government has planted over 1.2 million trees,

ตั้งแต่ปี 1967 รัฐบาลสิงคโปร์ได้ปลูกต้นไม้ มากกว่า 1.2 ล้านต้น

including those within 50-meter tall vertical gardens called supertrees.

รวมถึงต้นไม้ในสวนแนวดิ่งที่สูง 50 เมตร ที่เรียกว่าสุดยอดต้นไม้

These structures sustain themselves and nearby conservatories

โครงสร้างนี้สนับสนุนตัวเอง และเรือนกระจกข้างเคียง

with solar energy and collected rainwater.

ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และการกักเก็บน้ำฝน

Trees and vegetation currently cover over 50% of Singapore’s landmass,

ในปัจจุบัน ต้นไม้และผัก ครอบคลุมพื้นที่ 50% ของประเทศสิงคโปร์

reducing the need for air conditioning

ซึ่งช่วยลดความจำเป็น ของการใช้เครื่องปรับอากาศ

and encouraging low-pollution transportation.

และช่วยสนับสนุนการขนส่งที่มีมลพิษต่ำ

By 2050, it’s estimated that over 65% of the world will be living in cities.

ภายในปี 2050 มีการคาดการณ์ว่า มากกว่า 65% ของประชากรโลกจะอยู่อาศัยในเมือง

City planners can lay an eco-friendly foundation,

นักวางผังเมืองสามารถสร้างรากฐาน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

but it’s up to the people who live in these urban forests

แต่มันก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ที่อาศัยอยู่ในป่าของเมือง

to make them homes for more than humans.

ที่จะทำให้มันเป็นบ้าน ของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย