How does your body process medicine? - Céline Valéry

ร่างกายของเรานำยาไปใช้ได้อย่างไร - เซลีน วาเลรี (Céline Valéry)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

Have you ever wondered what happens to a painkiller, like ibuprofen,

คุณเคยสงสัยไหมว่าเกิดอะไรขึ้น กับยาแก้ปวดอย่าง ไอบูโพรเฟน

after you swallow it?

หลังจากที่คุณกลืนมันลงไป

Medicine that slides down your throat can help treat a headache,

ยาที่ไหลผ่านคอของคุณลงไป ช่วยบำบัดอาการปวดหัว

a sore back,

ปวดหลัง

or a throbbing sprained ankle.

หรืออาการปวดเคล็ดขัดยอกที่ข้อเท้าได้

But how does it get where it needs to go in the first place?

แต่มันไปยังที่เหล่านั้นได้อย่างไร

The answer is that it hitches a ride in your circulatory blood stream,

คำตอบก็คือ มันขอติดตามไปกับ ระบบไหลเวียนโลหิตของคุณ

cycling through your body in a race to do its job

ที่หมุนเวียนไปทั่วร่างกาย เพื่อทำตามหน้าที่ของมัน

before it's snared by organs and molecules designed to neutralize

ก่อนที่มันจะถูกจับเอาไว้โดยอวัยวะ และโมเลกุลที่ถูกออกแบบมา

and expel foreign substances.

เพื่อทำให้สารแปลกปลอมเป็นกลาง และถูกกำจัดออกไปได้

This process starts in your digestive system.

กระบวนการนี้เริ่มขึ้นในระบบย่อยอาหารของคุณ

Say you swallow an ibuprofen tablet for a sore ankle.

สมมติว่าคุณกลืนเม็ดยาไอบูโพรเฟนลงไป เพื่อแก้ปวดข้อ

Within minutes, the tablet starts disintegrating in the acidic fluids

ภายในไม่กี่นาที เม็ดยาก็เริ่มที่จะละลาย ในของไหลที่เป็นกรด

of your stomach.

ที่อยู่ในกระเพาะของคุณ

The dissolved ibuprofen travels into the small intestine

ไอบูโพรเฟนที่ละลายแล้ว จะเดินทางไปยังลำไส้เล็ก

and then across the intestinal wall into a network of blood vessels.

และจากนั้นก็จะเดินทางผ่านผนังลำไส้ เข้าสู่ระบบเส้นเลือด

These blood vessels feed into a vein,

เส้นเลือดเหล่านี้ต่อไปยังเส้นเลือดดำ

which carries the blood, and anything in it, to the liver.

ซึ่งนำส่งเลือดและอะไรก็ตามในนั้นไปยังตับ

The next step is to make it through the liver.

ขั้นต่อไปคือการทำให้มันผ่านตับ

As the blood and the drug molecules in it travel through liver blood vessels,

เมื่อเลือดและโมเลกุลของยา เดินทางผ่านหลอดเลือดของตับ

enzymes attempt to react with the ibuprofen molecules

เอนไซม์ต่าง ๆ พยายามที่จะเข้าไปหา โมเลกุลของไอบูโพรเฟน

to neutralize them.

เพื่อทำให้มันเป็นกลาง

The damaged ibuprofen molecules, called metabolites,

โมเลกุลของไอบูโพรเฟนที่ได้รับความเสียหาย ที่เรียกว่า เมตาบอไลท์

may no longer be effective as painkillers.

ไม่อาจทำหน้าที่เป็นยาแก้ปวดได้อีกต่อไป

At this stage, most of the ibuprofen makes it through the liver unscathed.

ณ สถานะนี้ ไอบูโพรเฟนส่วนใหญ่ จะผ่านตับออกไปโดยไม่ได้รับความเสียหาย

It continues its journey out of the liver,

มันเดินทางออกจากตับ

through veins,

ผ่านเส้นเลือดดำ

into the body's circulatory system.

เข้าสู่ระบบการไหลเวียนโลหิตของร่างกาย

Half an hour after you swallow the pill,

ครึ่งชั่วโมงหลังจากที่คุณกลืนยาลงไป

some of the dose has already made it into the circulatory blood stream.

โดสบางส่วนก็ได้ไปถึงระบบไหลเวียนโลหิต

This blood loop travels through every limb and organ,

เลือดที่เดินทางเป็นวงจรนี้ เดินทางไปยังทุกระยางค์และอวัยวะ

including the heart, brain, kidneys, and back through the liver.

รวมถึง หัวใจ สมอง ไต และกลับมายังตับอีกครั้ง

When ibuprofen molecules encounter a location

เมื่อโมเลกุลของไอบูโพรเฟนพบกับตำแหน่ง

where the body's pain response is in full swing,

ที่ความเจ็บปวดของร่างกาย ตอบสนองถึงขีดสุด

they bind to specific target molecules that are a part of that reaction.

พวกมันจับกับโมเลกุลเป้าหมายจำเพาะ ที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิกิริยานั้น

Painkillers, like ibuprofen, block the production of compounds

ยาแก้ปวดอย่างไอบูโพรเฟน ขัดขวางการผลิตสารประกอบ

that help the body transmit pain signals.

ที่ช่วยให้ร่างกายส่งผ่านสัญญาณความเจ็บปวด

As more drug molecules accumulate,

เมื่อโมเลกุลยาเข้ามาสะสมมากขึ้น

the pain-cancelling affect increases,

ผลที่ต้านความเจ็บปวดก็เพิ่มขึ้น

reaching a maximum within about one or two hours.

จนถึงขึดสุดภายในหนึ่งถึงสองชั่วโมง

Then the body starts efficiently eliminating ibuprofen,

จากนั้น ร่างกายก็เริ่มกำจัดไอบูโพรเฟน อย่างมีประสิทธิภาพ

with the blood dose decreasing by half every two hours on average.

โดยโดสในเลือดจะลดลงโดยเฉลี่ยคิดเป็น ครึ่งหนึ่งในทุก ๆ สองชั่วโมง

When the ibuprofen molecules detach from their targets,

เมื่อโมเลกุลไอบูโพรเฟนพบกับเป้าหมายของมัน

the systemic blood stream carries them away again.

การหมุนเวียนของเลือดที่เป็นระบบ จะนำมันออกไป

Back in the liver, another small fraction of the total amount of the drug

กลับมายังตับ ส่วนเล็ก ๆ อีกส่วนหนึ่ง ของปริมาณทั้งหมดของยา

gets transformed into metabolites,

ถูกเปลี่ยนไปเป็นเมตาบอไลท์

which are eventually filtered out by the kidneys in the urine.

ซึ่งสุดท้ายแล้วจะถูกกรอง ออกไปสู่ปัสสาวะโดยไต

The loop from liver to body to kidneys continues at a rate

วงจรจากตับสู่ร่างกายสู่ไต ดำเนินต่อเนื่องกันไป

of about one blood cycle per minute,

ด้วยอัตราประมาณหนึ่งรอบการไหลเวียนโลหิต ต่อหนึ่งนาที

with a little more of the drug neutralized and filtered out in each cycle.

ด้วยยาที่ถูกทำให้เป็นกลางทีละน้อย และที่ถูกกรองออกไปในแต่ละรอบ

These basic steps are the same for any drug that you take orally,

ขั้นตอนที่เรียบง่ายเหล่านี้ก็เหมือน ๆ กัน สำหรับยาใด ๆ ก็ตามที่ใช้รับประทาน

but the speed of the process

แต่ความเร็วของกระบวนการ

and the amount of medicine that makes it into your blood stream

และปริมาณตัวยาสำคัญ ที่เข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิตของคุณนั้น

varies based on drug,

แตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับยา

person,

ตัวบุคคล

and how it gets into the body.

และวิถีที่มันเข้าสู่ร่างกาย

The dosing instructions on medicine labels can help,

คำแนะนำเรื่องปริมาณการให้โดส บนฉลากยาสามารถช่วยได้

but they're averages based on a sample population

แต่พวกมันเป็นค่าเฉลี่ยตามกลุ่มตัวอย่าง

that doesn't represent every consumer.

ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกราย

And getting the dose right is important.

และการให้โดสได้อย่างถูกต้องนั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญ

If it's too low, the medicine won't do its job.

ถ้าให้น้อยเกินไป ยานั้นก็อาจไม่ได้ผล

If it's too high, the drug and its metabolites can be toxic.

ถ้าให้มากเกินไป ยาและเมตาบอไลท์ของมันก็อาจเป็นพิษได้

That's true of any drug.

นั่นเป็นข้อเท็จจริงสำหรับยาทุกชนิด

One of the hardest groups of patients to get the right dosage for are children.

กลุ่มผู้ป่วยที่กำหนดปริมาณโดสให้ยากที่สุด ก็คือเด็ก ๆ

That's because how they process medicine changes quickly, as do their bodies.

นั่นเป็นเพราะว่าการตอบสนองต่อยาเปลี่ยนแปลง ไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับร่างกาย

For instance, the level of liver enzymes that neutralize medication

ยกตัวอย่างเช่น ระดับของเอนไซม์ในตับ ที่จำให้ตัวยาสำคัญเป็นกลาง

highly fluctuates during infancy and childhood.

เปลี่ยนแปลงขึ้นลง ระหว่างช่วงที่เป็นทารกและเด็ก

And that's just one of many complicating factors.

และนั่นก็เป็นเพียง หนึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยที่ซับซ้อน

Genetics,

พันธุกรรม

age,

อายุ

diet,

disease,

การบริโภคอาหาร

โรคภัยไข้เจ็บ

and even pregnancy influence the body's efficiency of processing medicine.

และแม้แต่ภาวะตั้งครรภ์ ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการนำยาไปใช้

Some day, routine DNA tests may be able to dial in the precise dose of medicine

สักวันหนึ่ง การตรวจดีเอ็นเอที่รวดเร็ว อาจสามารถปรับโดสยาได้อย่างแม่นยำ

personalized to your liver efficiency and other factors,

ให้เข้ากับประสิทธิภาพตับ และปัจจัยอื่น ๆ ของแต่ละบุคคลได้

but in the meantime,

แต่ระหว่างนี้

your best bet is reading the label

สิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดคือการอ่านฉลากยา

or consulting your doctor or pharmacist,

หรือปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

and taking the recommended amounts with the recommended timing.

และใช้ยาในปริมาณและระยะเวลา ที่ได้รับคำแนะนำ