Why are blue whales so enormous? - Asha de Vos

ทำไมวาฬสีนำ้เงินถึงตัวใหญ่ - อัชชา เดอ วอส (Asha de Vos)

Transcriber: Andrea McDonough Reviewer: Bedirhan Cinar

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Unnawut Leepaisalsuwanna

วาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

Blue whales are the largest animals that have ever roamed the planet.

ที่เคยเพ่นพล่านอยู่บนโลกใบนี้

They’re at least two times as big as the biggest dinosaurs—

อย่างน้อยๆ พวกมันมีขนาดใหญ่กว่าไดโนเสาร์สักสองเท่า

"ใหญ่ขนาดนั้นเลย"

“that’s big!“—

the length of a basketball court,

ความยาวเท่ากับสนามบาสเก็ตบอล

and as heavy as 40 African elephants.

และหนักราวๆ ช้างแอฟริกัน 40 ตัว

If that’s not enough to make you marvel, here’s something that will.

ถ้าเท่านี้ยังไม่พอที่จะทำให้คุณทึ่ง

นี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณทึ่งแน่

They’ve grown to this enormous size

พวกมันเติบโตจนมีขนาดใหญ่ยักษ์ขนาดนี้

by feeding exclusively on tiny shrimp-like creatures called krill—

โดยการกินเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ หน้าตาคล้ายกุ้งที่เรียกว่า ตัวเคย (krill)

that are no bigger than your little finger.

ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่านิ้วก้อยของคุณ

In many ways, the sheer size of krill

ขนาดของตัวเคยนั้น

seems to have driven the evolution of the blue whale.

มีบทบาทในการขับเคลื่อนวิวัฒนาการ ของวาฬสีน้ำเงิน

See, krill are so small but are found in dense patches.

เห็นไหม ตัวเคยนั้นขนาดเล็กมาก

แต่พวกมันอยู่กันเป็นกลุ่มหนาแน่น

For increased efficiency,

เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ

blue whales have evolved to use a feeding strategy called lunge feeding.

และวาฬสีน้ำเงินได้มีวิวัฒนาการ

จนมีแผนการในการล่า

ที่เรียกว่า การล่าแบบพุ่งเข้าใส่ (lunge feeding)

Basically, the whale accelerates towards a prey patch

ตามหลักแล้ว วาฬจะเร่งความเร็ว เข้าสู่ฝูงของเหยื่อ

and opens its mouth wide.

และอ้าปากออกกว้าง

และเพื่อเพิ่มปริมาตร ปากของมันจะยืดขยายออก

To increase the capacity, its mouth expands.

The special, accordion-like blubber layer

ชั้นไขมันพิเศษลักษณะคล้ายหีบเพลง

that extends from its snout to its belly button

ที่กินบริเวณตั้งแต่จมูกถึงสะดือของมัน

enables the whale to engulf large quantities of prey-laden water.

ทำให้วาฬสามารถเขมือบเหยื่อในน้ำ

ได้เป็นปริมาณมาก

With each giant gulp,

ปริมาตรการเขมือบแต่ละครั้ง

the whale takes in 125% of its body weight in water and krill.

คิดเป็น 125% ของน้ำหนักตัววาฬ

ที่เต็มไปด้วยน้ำและตัวเคย

The whale must then expel the water while retaining the yummy krill.

วาฬต้องทำการกำจัดน้ำ

โดยยังต้องเก็บตัวเคยแสนอร่อยไว้

To do this, it uses its baleen,

เพื่อการนี้ มันใช้ ฟันกรองกิน (baleen)

the comb-like structure made of the same stuff our nails and hair are made of,

ที่มีลักษณะคล้ายหวี ที่มีองค์ประกอบพิ้นฐาน

เหมือนกับเล็บและผมของเรา

and its tongue.

และลิ้นของมัน

It’s pretty crazy that the blue whale’s heart is as big as a small car,

มันฟังดูประหลาดที่หัวใจของวาฬสีน้ำเงินนั้น

มีขนาดใหญ่พอๆกับรถเล็กๆ

a child could crawl through its arteries,

เด็กสามารถคลานเข้าไปในเส้นเลือดแดงได้เลย

its tongue weighs as much as an elephant,

ลิ้นของมันมีน้ำหนักมากพอๆกับช้าง

but its esophagus is so small,

แต่หลอดอาหารของมันเล็กมาก

the whale could choke on a loaf of bread.

ซึ่งอาจทำให้วาฬสำลักขนมปังกระโหลกได้

These whales are really not designed to feed on anything larger than krill.

วาฬพวกนี้ไม่ได้ถูกออกแบบ

มาให้กินอะไรที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเคย

It’s estimated that blue whales eat four tons of krill per day.

มีการคาดคะเนกันว่า วาฬสีน้ำเงินกินตัวเคยสี่ตันต่อวัน

Because of their incredible design,

เพราะว่าการออกแบบอันชาญฉลาด

แต่ละครั้งที่วาฬสีน้ำเงินดำน้ำ

each dive provides the blue whale with 90 times as much energy as is used.

มันได้พลังงานกว่าที่ใช้ไปถึง 90 เท่า

Every mouthful of krill provides almost 480,000 calories,

แต่ละคำที่เต็มไปด้วยตัวเคย วาฬได้พลังงานเกือบๆ 480,000 แคลอรี่

the same amount you get from eating 1,900 hamburgers.

ซึ่งมากพอๆกับที่คุณกิน แฮมเบอร์เกอร์ 1,900 อัน

But, why are blue whales so big?

แต่ ทำไมวาฬสีน้ำเงินถึงตัวใหญ่นัก

Blue whales are considerably larger than the largest living land animal,

วาฬสีน้ำเงินนั้น เทียบกันแล้ว

มีขนาดใหญ่กว่าช้าง ซึ่งเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุด

the elephant.

The heavier an animal is,

เมื่อสัตว์ยิ่งมีน้ำหนักมากเท่าไร

the greater its relative surface area.

มันยิ่งมีอัตราส่วนพื้นผิวร่างกายมากขึ้นเท่านั้น

As weight increases,

เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้น

there’s a point at which the legs of that animal would simply collapse.

มันไปถึงจุดๆ หนึ่ง ซึ่งขาของสัตว์

ต้องเป็นอันล้มพับ

That explains why elephants don’t stand on the delicate legs of a horse.

ซึ่งนั่นอธิบายว่าทำไม

ช้างจึงไม่มีขาเรียวบางอย่างม้า

They need legs shaped like stout pedestals

พวกมันต้องการขาที่รูปร่างเหมือนแท่นเสาบึกบึน

to hold their bodies up against gravity.

ที่จะค้ำยันร่างกายต้านกับแรงโน้มถ่วง

In water, the situation is quite different.

ในน้ำ สถานการณ์มันต่างออกไป

Buoyancy counteracts the gravitational pull on the body

แรงลอยตัวนั้นหักล้างกับแรงโน้มถ่วงที่ดึงร่างกายลง

and their great bulk is therefore partially supported by the water.

และร่างกายเทอะทะของมันก็ได้รับการพยุงส่วนหนึ่ง

จากน้ำ

So, the ocean is a great place for species that want to grow bigger.

ดังนั้น มหาสมุทรเป็นสถานที่วิเศษสำหรับสิ่งมีชีวิต

ที่ต้องการจะเติบโตตัวใหญ่

The other secret to their size is their diet.

และความลับอีกอย่าง ของขนาดของพวกมัน ก็คือการกิน

By evolving such a huge mouth,

ด้วยวิวัฒนาการที่ทำให้มันมีปากขนาดยักษ์

the whale’s have specialized to catch enormous quantities

วาฬจึงมีความสามารถพิเศษในการจับเหยื่อ

of highly abundant and nutritious prey,

ที่มีจำนวนและคุณค่าทางอาหารสูง ได้เป็นจำนวนมาก

which provides the energy needed to grow so big.

ซึ่งให้พลังงานสำหรับการเติบโตได้จนมีขนาดใหญ่

But, now maybe you’re wondering why blue whales aren’t any bigger?

แต่ทีนี้ คุณอาจสงสัย

ว่าทำไมวาฬสีน้ำเงิน ตัวไม่ใหญ่ไปกว่านี้

ไม่ว่าอย่างไรก็ดี มหาสมุทรนั้นเป็นดั่งแดนสวรรค์

สำหรับสัตว์ที่กำลังเติบโต

After all, the ocean sounds like nirvana for any growing beast.

ในขณะที่การพุ่งเข้ากินเหยื่อนั้น เอื้อประโยชน์

Well, while lunge feeding may have allowed blue whales

ต่อการเติบโตของวาฬ

จนเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมาบนโลก

to become the biggest animal to have ever roamed the planet,

โดยทำให้มันสามารถกินเหยื่อที่อยู่กันอย่างหนาแน่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

by enabling them to feed efficiently in dense prey patches,

แต่นั่นไม่ได้มาฟรีๆ

นักวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบสิ่งที่วาฬต้องลงทุนในการล่า

it isn't cost free.

Scientists compared all the costs involved with lunge feeding

กับพลังงานที่ได้มาจากการกินตัวเคย

to the energy gained from the krill they eat.

สิ่งที่พวกเขาพบก็คือเมื่อวาฬมีขนาดใหญ่ขึ้น

What they found is that when the whale’s body increases in size,

พลังงานที่ร่างกายต้องการนั้นเพิ่มขึ้นเร็วมาก

the energy that body demands rises faster

เกินกว่าที่พลังงานส่วนเกิน ที่มันได้จากอาหาร

than the extra energy they get from their food.

วาฬต้องการพลังงานมากขึ้น 15 เท่า เมื่ออยู่เฉยๆ

Feeding whales needs 15 times the energy required to remain still

และมากกว่านั้นอีก 5 เท่า เมื่อมันว่ายน้ำ

and 5 times more energy than used when swimming.

การคำนวนทำให้เห็นว่า

ผู้ล่าในลักษณะดังกล่าวสามารถเติบโตได้ประมาณ 33 เมตร

ซึ่งก็เป็นขนาดราวๆ วาฬสีน้ำเงิน

Calculations show that the largest a lunge feeder can grow is 33 meters,

กลายเป็นว่า วาฬสีน้ำเงินนั้น มีอะไรที่จะต้องขอบคุณตัวเคยเยอะ

การปรับตัวโดยวิวัฒนาการอันปราณีต

pretty much blue whale size.

มิอาจเป็นไปได้เลย ถ้าตัวเคยไม่ได้เล็กจิ๋วเช่นนั้น

Turns out blue whales have a lot to thank krill for:

มันน่าทึ่งว่า สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ เหล่านี้

neat, evolutionary adaptations that would not have been possible

ได้ให้โอกาสวาฬสีน้ำเงินเติบโตไปถึงขีดสุด

if krill were not so small.

ของขนาดที่เป็นไปได้บนโลกนี้

It’s incredible that these tiny creatures have allowed blue whales

สงสัยจริงๆ ถึงคำกล่าวเก่าๆที่ว่า

"คุณกินอะไรก็เป็นอย่างนั้น"

to really push the limits of size on our planet.

มันเป็นจริงในโลกของวาฬสีน้ำเงินไหมหนอ

Makes you wonder if that old adage, “you are what you eat,”

really does apply in blue whale world.