How do your kidneys work? - Emma Bryce

Translator: Thitiporn Ratanapojnard Reviewer: Rawee Ma

It's a hot day,

มันเป็นวันที่อากาศร้อน

and you've just downed several glasses of water,

และคุณเพิ่งจะดื่มน้ำเข้าไปหลายแก้ว

one after the other.

แก้วแล้วแก้วเล่า

Behind the sudden urge that follows are two bean-shaped organs

เบื้องหลังความอยากเข้าห้องน้ำที่ตามมา เกิดจากอวัยวะรูปร่างเหมือนถั่วสองอัน

that work as fine-tuned internal sensors.

ที่ทำงานเหมือนตัวตรวจจับภายในอันละเอียดอ่อน

They balance the amount of fluid in your body,

มันปรับสมดุลย์ของปริมาณน้ำในร่างกายของคุณ

detect waste in your blood,

ตรวจจับของเสียในเลือด

and know when to release the vitamins, minerals,

และรู้ว่าเมื่อไรจะปลดปล่อยวิตามิน เกลือแร่

and hormones you need to stay alive.

และฮอร์โมนที่คุณต้องการในการดำรงชีวิต

Say hello to your kidneys.

ทักทายไตของคุณหน่อย

The main role of these organs is to dispose of waste products

หน้าที่หลักของอวัยวะนี้คือ การกำจัดของเสีย

and to turn them into urine.

และเปลี่ยนมันเป็นปัสสาวะ

The body's eight liters of blood pass through the kidneys

เลือดจำนวนแปดลิตรในตัวเราไหลผ่านไต

between 20 and 25 times each day,

ประมาณ 20-25 เที่ยวในแต่ละวัน

meaning that, together, these organs filter about 180 liters every 24 hours.

หมายความว่า เมื่อรวมกันแล้วอวัยวะนี้ กรองเลือด 180 ลิตร ทุก 24 ชั่วโมง

The ingredients in your blood are constantly changing

ส่วนประกอบในเลือดคุณ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

as you ingest food and drink,

ขณะที่คุณกินอาหารและน้ำ

which explains why the kidneys need to be on permanent duty.

ซึ่งอธิบายว่าทำไมไตถึงต้องทำงานตลอดเวลา

Blood enters each kidney through arteries that branch and branch,

เลือดผ่านเข้าไตทางเส้นเลือดแดง ที่แตกแขนงออกไป

until they form tiny vessels that entwine with special internal modules,

จนกลายเป็นเส้นเลือดเล็กๆ ที่พันรอบหน่วยพิเศษภายใน

called nephrons.

ที่เรียกว่า หน่วยไต (nephron)

In each kidney,

ในไตแต่ละข้าง

1 million of these nephrons form a powerful array of filters and sensors

หนึ่งล้านหน่วยไตรวมกันเป็น ชุดเครื่องกรองและตัวตรวจจับอันทรงพลัง

that carefully sift through the blood.

ที่กรองเลือดอย่างพิถีพิถัน

This is where we see just how refined

นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ระบบรับสัญญาณภายใน

and accurate this internal sensing system is.

ละเอียดอ่อนและแม่นยำเพียงใด

To filter the blood, each nephron uses two powerful pieces of equipment:

ในการกรองเลือด แต่ละหน่วยไต ใช้อุปกรณ์ทรงพลังสองชนิด

a blob-like structure called a glomerulus, and a long, stringy, straw-like tubule.

อันที่เป็นโครงสร้างก้อนกลมๆ เรียกว่า โกลเมอรูลัส และท่อที่เป็นเส้นยาวเหมือนหลอดกาแฟ

The glomerulus works like a sieve, allowing only certain ingredients,

โกลเมอรูลัสทำหน้าที่เหมือนตัวกรอง ที่อนุญาตให้สารบางชนิด

such as vitamins and minerals, to pass into the tubule.

เช่น วิตามิน และเกลือแร่ ผ่านเข้าไปในท่อ

Then, this vessel's job is to detect

หน้าที่ของท่อนี้คือ

whether any of those ingredients are needed in the body.

ตรวจจับว่าสารใดเป็นที่ต้องการของร่างกาย

If so, they're reabsorbed in amounts that the body needs,

แล้วดูดซึมกลับในปริมาณที่ร่างกายต้องการ

so they can circulate in the blood again.

เพื่อให้มันสามารถไหลเวียนในเลือดได้อีก

But the blood doesn't only carry useful ingredients.

แต่เลือดไม่เพียงแต่ จะลำเลียงสารที่มีประโยชน์เท่านั้น

It contains waste products, too.

มันยังมีของเสียด้วย

And the nephrons have to figure out what to do with them.

และหน่วยไตก็ต้องจัดการให้ได้ว่า จะทำอย่างไรกับมัน

The tubules sense compounds the body doesn't need,

ท่อจะตรวจจับสารที่ร่างกายไม่ต้องการ

like urea, left over from the breakdown of proteins,

เช่น ยูเรีย ที่เหลือจากการย่อยสลายโปรตีน

and redirects them as urine out of the kidneys

และขับมันออกมาเป็นปัสสาวะออกจากไต

and through two long sewers called ureters.

ผ่านท่อของเสียยาวๆ ที่เรียกว่า ท่อไต (ureter)

The tubes empty their contents into the bladder to be discharged,

ท่อไตนี้ส่งต่อของเสียไปยังกระเพาะปัสสาวะ เพื่อจะปล่อยทิ้ง

ridding your body of that waste once and for all.

ออกไปนอกร่างกายอย่างถาวร

There's water in that urine, too.

ในปัสสาวะมีน้ำด้วย

If the kidney detects too much of it in your blood,

ถ้าไตตรวจจับว่ามีน้ำมากไปในเลือดของคุณ

for instance, when you've chugged several glasses at once,

ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณดื่มน้ำอั้กๆ ทีละหลายๆ แก้ว

it sends the extra liquid to the bladder to be removed.

มันส่งน้ำส่วนเกินไปยังกระเพาะปัสสาวะ เพื่อขับออก

On the other hand, low water levels in the blood

แต่ถ้าหากระดับน้ำในเลือดต่ำ

prompt the kidney to release some back into the blood stream,

ไตจะปล่อยน้ำบางส่วนเข้ากระแสเลือดทันที

meaning that less water makes it into the urine.

ซึ่งหมายความว่า ในปัสสาวะจะมีปริมาณน้ำน้อยลง

This is why urine appears yellower when you're less hydrated.

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมปัสสาวะจึงเหลืองขึ้น เมื่อคุณขาดน้ำ

By controlling water, your kidneys stabilize the body's fluid levels.

ไตควบคุมสมดุลย์ระดับของเหลวในร่างกาย ด้วยการควบคุมน้ำ

But this fine balancing act isn't the kidney's only skill.

แต่การควบคุมที่ละเอียดอ่อนนี้ ไม่ใช่ความสามารถเพียงอย่างเดียวของไต

These organs have the power to activate vitamin D

อวัยวะนี้มีสามารถกระตุ้นวิตามินดี

to secrete a hormone called renin that raises blood pressure,

ให้หลั่งฮอร์โมนเรนนิน (renin) ที่เพื่มความดันเลือด

and another hormone called erythropoietin,

และฮอร์โมนอีกตัวชื่อ อีริโทรพอยอิติน (erythropoietin)

which increases red blood cell production.

ที่เพิ่มการสร้างเม็ดเลือด

Without the kidneys, our bodily fluids would spiral out of control.

ถ้าไม่มีไต ของเหลวในร่างกายของเรา คงปราศจากการควบคุม

Every time we ate, our blood would receive another load of unsifted ingredients.

ทุกครั้งที่เรารับประทานอาหาร เลือดเราจะได้รับสารที่ไม่ได้กรองอีกจำนวนหนึ่ง

Soon, the buildup of waste would overload our systems and we'd expire.

ไม่ช้า ของเสียที่ก่อตัวขึ้นจะท่วม ระบบของเราและเราจะตาย

So each kidney not only keeps things running smoothly.

ดังนั้น ไตแต่ละข้างไม่เพียงแต่ทำให้ทุกอย่าง ทำงานไปได้อย่างราบรื่น

It also keeps us alive.

มันยังทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้

Lucky then that we have two of these magical beans.

โชคดีนะที่เรามีไตสองอัน